เพลิงวารี & คชสีห์ ฿ Babylonia
 
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
26 กรกฏาคม 2552
 
 
เราสามคน...หนทางเดียว (บทนำ+002)

บทนำ

บางครั้งชีวิตเราก็เปลี่ยนแปลงเองโดยที่เราไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น นลินก็เช่นกัน เธอเคยอยู่ภายใต้แสงสีที่คนทั่วไปคิดว่าเจริญถึงขีดสุด จนกระทั่งค้นพบว่า เธอไม่ได้อะไรจากมันนอกจากความเบื่อหน่าย เธอจึงผันชีวิตมาเป็นสาวธรรมดาใช้ชีวิตอย่างสบายและสงบเพียงลำพัง

เธอได้พบกับหนุ่มรวย เอาแต่ใจ มีแต่คนเอาใจ หากเขาต้องการสิ่งที่แตกต่างออกไป จึงเลือกเธอ แต่เธอไม่คิดจะเลือกเขา เพียงตัดรำคาญกับเห็นใจเท่านั้น

วันหนึ่งเธอได้พบกับคู่แฝดของเขาทำให้ชีวิตเธอสับสนมากขึ้น ทางเลือกที่แสนลำบากใจกับเจ็บปวด ซึ่งไม่อาจตัดสินใจด้วยเหตุผล เพราะค้านกับความต้องการเบื้องลึกของเธอ

สมการเมื่อชายบวกหญิงมันจะเท่ากับสอง แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป แล้วสมการหัวใจจะเปลี่ยนไปหรือเปล่านั้นคงต้องเป็นเรื่องของทั้งสามคนตัดสิน

นลินผู้สิ้นหวังกับผู้ชายและสังคม จะได้พบกับอะไรเมื่อได้มาเจอเขาทั้งสอง จิตใจที่เคยนิ่งเรียบกลับฟื้นขึ้นมาในรูปแบบไหนก็สุดที่จะคาดเดา

เธอจะเจ็บปวดในรูปแบบไหน...

เขาจะผ่านมันได้ไหม...เมื่อต่างก็ต้องการผู้หญิงที่คนเดียวกัน ทั้งที่ยากมากถ้าจะผ่านกำแพงหัวใจเธอ หรือผ่านสมการหัวใจของกันและกัน

คนสามคน...จะมีหนทางใดให้ทุกคน

***************************************



2...(เธอ...My boss)

อ้อมกอดอบอุ่นของเขาจะกลายเป็นที่ปรารถนาของเธอ นลินรู้ดี...สิ่งที่เธอพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด การที่เธอไม่ยอมมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชายหนุ่มคนไหน เพราะเธอกลัวใจตัวเอง กลัวตัวเองจะโหยหาอ้อมกอดของเขา แต่เธอกำลังเสี่ยงกับเขาคนนี้

นลินตื่นเช้ากว่าทุกวันแล้วนั่งมองดวงหน้าหล่อเหลาของเขา ดวงหน้าลูกผสมทำให้เขาดูดี จากการแต่งกายของเขาคงเป็นลูกผู้ดีร่ำรวยเพียงพอให้ใช้จ่ายฟุ่มเฟื่อย เธอคิดไม่ออกว่าจะกำจัดเขาออกไปจากชีวิตเธอได้อย่างไรดี

ตอนนี้สายลมอาจกำลังก่อตัวเป็นพายุที่กำลังจะทำลายชีวิตที่เคยสงบสุขของเธอก็ได้ แต่อย่างไรก็ดี ในเมื่อเขาบอกว่าเขามีเงินเดือน ก็แสดงว่าเขาต้องทำงาน เธอจึงปลุกเขาตื่นไปทำงาน

“คุณเขตต์ ตื่นเถอะค่ะ เช้าแล้วและคุณต้องไปทำงาน”

“เรียกพี่เขตต์ก่อน แล้วจะตื่น” จริงๆ แล้วเขาตื่นนานพอจะรู้ว่าเธอกำลังนั่งมองเขา

นลินตกใจที่เขาตอบกลับมาทันทีที่เธอเรียก แสดงว่าเขารู้ตัวตอนที่เธอมองเขา เธอจึงลุกขึ้นเตรียมเดินหนี แต่เขากลับดึงรั้งเธอให้นอนลงไปที่เตียง ดึงผ้าห่มที่ปกคลุมร่างกายเปล่าเปลือยของเขาให้คลุมร่างเธอเอาไว้ “หยุดนะ”

“เรียกพี่เขตต์ก่อนแล้วจะหยุด” เขตต์ระดมจูบเธออีกครั้ง เขาสูดกลิ่นหอมจากกายเธอก็รู้ว่าเธออาบน้ำเรียบร้อยแล้ว

นลินหมดทางเลือกไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ยอมหยุดและคงทำมากกว่าที่ทำอยู่ตอนนี้ จึงเรียกเขาอย่างที่เขาต้องการ “พี่เขตต์”

เขตต์เล่นจนพอใจก็ลุกขึ้นนั่ง ก่อนทำหน้าไม่อยากไปทำงาน “ผมต้องไปทำงานด้วยเหรอ”

“ก็คุณบอกตอนนี้คุณเหลือแต่เงินเดือน ถ้าคุณไม่ทำงาน แล้วจะเอาเงินเดือนที่ไหนมาใช้ หรือจะให้ฉันเลี้ยงคุณดีล่ะ” นลินไม่ยอมหันมาเผชิญหน้ากับเขา เพราะดวงหน้ายังแดงระเรื่อจากสิ่งที่เขาทำ

แปลกใหม่...เธอให้ความแปลกใหม่กับเขา ไม่มีหญิงสาวคนไหนบอกให้เขาไปทำงาน มีแต่เอาใจแล้วชวนพาไปซื้อข้าวของ แต่เธอกลับพูดแรงๆ ใส่เขาและยังบอกให้เขาไปทำงาน

“จะไปดีๆ ไหมคะ” นลินเริ่มขู่เขาแล้ว

“ลินทำหน้าแบบนี้ ถ้าพี่ไม่ไป ลินจะไม่ให้พี่กลับมาหาอีกใช่ไหม” เขตต์ไม่โง่ เขาเข้าใจสายตาของเธอ

“ไปทำงานเถอะนะ พี่เขตต์ อย่างน้อยคุณก็ยังต้องรับผิดชอบต่องานของคุณ ถึงคุณจะไม่อยากทำมันก็ตาม” นลินพูดไปตามเรื่องก่อนไปเตรียมอาหารเช้าง่ายๆ อย่างที่เธอชอบ

เขตต์สวมเสื้อคลุมที่เธอพาดไว้บนเตียง มองชุดเมื่อวานที่เขาใส่มา ถึงเธอจะยังไม่ได้ซักมัน แต่ก็รีดมันให้เขาเรียบร้อยแล้ว เขาเข้าไปสวมกอดเธอก่อนกระซิบข้างหูเธอเบาๆ เป็นภาษาอังกฤษ “ตามคำบัญชาครับ เจ้านาย”

นลินหัวเราะเบาๆ กับคำพูดของเขา “As your command, my boss” ก่อนถอนหายใจเมื่อนึกถึงเวลาที่สายลมจะพัดจากเธอไป เธอจะโหยหาสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเพียงไหน

“คิดอะไรอยู่เหรอ” เขตต์ถามเมื่อเห็นเธอเหม่อลอยอยู่ตอนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเพื่อทานอาหารกับเขา

“กำลังคิดว่าเมื่อไรคุณจะไปจากชีวิตฉัน” นลินตอบตามตรง

“ลินทำไมคุณพูดอย่างนี้ล่ะ” เขตต์ตกใจที่ได้ยินคำพูดนี้จากปากของเธอ

“เรารู้จักกันแค่สองวัน แล้วคุณคิดว่าเราจะไปกันรอดเหรอ เฮ้อ ลินขอบอกคุณตามตรงนะ ลินไม่เคยคิดว่าจะใช้ชีวิตคู่กับใครได้ ไม่คิดว่าจะเป็นแฟนใครได้ เพราะลินกลัว...กลัวการพรากจาก กลัวการเลิกรา กลัวหลายอย่าง” นลินสารภาพตามตรง

เขตต์เอื้อมมือมาสัมผัสดวงหน้าเธออย่างอ่อนโยน “ลิน สิ่งที่คุณกลัวคืออนาคตต่างหาก สิ่งที่คุณพูดมายังไม่เกิดขึ้นเลย ให้โอกาสผมได้แก้ตัวบ้าง ให้โอกาสตัวเองได้เรียนรู้บ้าง คุณยังไม่เคยลองแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าจะไปไม่รอด ตอนนี้ยังไม่ต้องถามตัวเองว่าอนาคตจะเป็นยังไง ยังไม่ต้องถามว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน ขอเพียงเรามีความสุขไว้ แล้วค่อยคิดถึงเรื่องพวกนี้เมื่อเวลานั้นมาถึงไม่ดีกว่าเหรอ”

นลินยอมแพ้คำพูดของเขา รู้ว่าเขากำลังว่าเธอ ‘แก่ทฤษฎี’ ไม่เคยปฏิบัติ “ก็ได้ๆ แต่คุณต้องสัญญาว่าจะไปทำงานทุกวัน และต้องไปจริงๆ คุณถึงจะอยู่ที่นี่ได้ ถ้าคุณหลอกลินละก็ น่าดู”

เขตต์ยกมือขึ้นยอมแพ้เธอ “ตกลงๆ อะไรก็ได้ที่ลินต้องการ ผมจะทำถ้าทำให้ผมได้อยู่กับลิน ณ ตอนนี้ ที่นี่ แหม ถึงผมไม่ทำงาน ยังไงเงินเดือนก็เข้าบัญชี พี่ชายผมไม่ปล่อยให้ผมอดอยากหรอกน่า”

“ไม่รู้ล่ะ ไม่ทำงานก็ไม่ต้องอยู่ที่นี่ ไม่ต้องมาต่อรองเลย” นลินเสียงแข็งไม่ยอมท่าเดียว

“ตกลงครับ ทุกอย่างที่คุณต้องการ มาเถอะเดี๋ยวผมทานแล้วจะรีบไปทำงาน เย็นจะแวะซื้อกับข้าวกลับมาด้วยพอใจไหมครับท่าน” เขตต์ล้อเลียนเธอ ถึงไม่สวยชวนมองแต่เธอมีแง่มุมแปลกใหม่ไม่เหมือนหญิงสาวคนไหนที่เขารู้จัก

นลินค้อนเขานิดๆ ก่อนเปิดโทรทัศน์เป็นเพื่อนอย่างเคยชิน

“แล้วอาหารสำเร็จแช่แข็งเลิกเสียเถอะ กินเฉพาะจำเป็นก็พอแล้วละนะ ผมว่า” เขตต์เห็นตู้เย็นที่กลายเป็นตู้แช่ของเธอแล้วนึกขำ

“ลินทำกับข้าวไม่ค่อยเป็นหรอก อะไรก็ได้ง่ายๆ ของที่ลินไม่กินมีอยู่ไม่กี่อย่าง อีกอย่างอยู่คนเดียวแล้วทำงานหน้าคอมก็อย่างงี้แหละ” นลินอธิบาย

“งั้นลินก็โชคดีแล้วล่ะ เพราะผมทำกับข้าวเป็น ลินได้พ่อครัวแล้วล่ะ” เขตต์พูดแล้วทำท่าภูมิใจให้เธอขำ

“อย่าถ่วงเวลาไปทำงานเสียให้ยากเลยค่ะ เชิญ” นลินชี้ไปที่ขนมปังและกาแฟของเขา เหมือนผู้ใหญ่กำลังดุเด็กทั้งที่เขาอายุมากกว่าเธอ

เขตต์หัวเราะเบาๆ ก่อนพูดกับเธอขณะทาเนยลงบนขนมปัง “จะมีทางไหนที่ผมจะไม่ต้องไปทำงานไหมเนี่ย”

“มีสิ” นลินพูดขึ้นก่อนเท้าคางที่โต๊ะ จ้องมองสบตาเขา

เขตต์เห็นแล้วรู้คำตอบ “โอเค ไปทำงานๆ”

“ไม่ฟังต่อแล้วเหรอคะ พี่เขตต์” นลินเล่นลิ้นกับเขาได้น่ารัก ถึงไม่สวยแต่ชวนมอง

“ไม่ละครับ พูดกับลินไม่ถึงสิบประโยค ลินไล่ผมตลอดเลย” เขตต์ตัดพ้อนิดๆ รู้จักกันแค่สองวันแต่ภายในสี่สิบแปดชั่วโมง...เธอไล่เขาเป็นสิบๆ ครั้ง

“โอเคๆ ถ้าพี่ทำตามที่เราตกลงกันไว้ พี่ก็อยู่ที่นี่กับลินได้ เพราะถึงลินไม่ให้อยู่ พี่ก็ต้องหาทางอยู่จนได้ใช่ไหม” นลินไม่รู้ว่าที่ให้เขาอยู่เพราะตัวเองใจง่ายหรือเปล่า

เขตต์ลูบผมเธอเบาๆ “คิดมากไปได้ ไปทำงานดีกว่า”

นลินมองเขาเดินออกจากประตูห้องอีกครั้ง สองจิตสองใจอยู่กับความเงียบ ใจหนึ่งอยากให้เขากลับมา อีกใจก็อยากให้เขาจากไป แต่เธอก็เรียนรู้ที่จะปล่อยให้ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่ควบคุม เธอเคยชินกับการควบคุมทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาเสมอ แต่กับเขา...

เขาผ่านเข้ามาอย่างควบคุมไม่ได้ เขาคือ...สายลมที่เธอไม่มีวันจับต้องและควบคุมได้

****************************************************************************


สองอาทิตย์ที่เขาอยู่ที่นี่ เขตต์พยายามดึงความสนใจนลินจากจอคอมพิวเตอร์ แต่เธอก็ยังคงก้มหน้าพิมพ์งานอย่างใส่ใจ วันธรรมดาไม่เท่าไร แต่เสาร์อาทิตย์เหมือนเขาจะไม่อยากอยู่นิ่ง เขาพยายามเรียกร้องความสนใจจากเธอตลอดเวลา

“เอาล่ะ พี่เขตต์จะเอายังไงกันแน่” นลินต้องหันมาคุยกับเขา เพราะทนไม่ได้อีกแล้ว

“พี่ว่าง ไม่มีอะไรทำนี่นา” เขตต์ยอมรับตามตรง “แล้วลินก็ไม่สนใจพี่ด้วย”

“พี่ก็เห็นว่าลินพยายามเร่งงานวิจัยจะได้เรียนจบ แล้วก็นิยายอีก เดี๋ยวลินก็ไม่มีเงินใช้หรอก” นลินอธิบายให้เขาฟังไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไร

“เฮ้อ งั้นเอาอย่างนี้ไหม ลินย้ายไปอยู่กับพี่ที่บ้าน พี่จะได้ปลูกต้นไม้ทำโน้นทำนี่ได้” เขตต์ยื่นข้อเสนอที่เขาไม่เคยให้หญิงสาวคนไหน

“อ้าว แล้วตอนอยู่กับแฟนเก่าพี่ วันหยุดพี่ทำอะไรล่ะ” นลินเป็นงงว่าทำไมเธอต้องย้ายที่อยู่ด้วย

“ก็พวกเขาชวนพี่ไปโน้นไปนี่ตลอดเลยนี่นา จริงๆ ไม่ใช่ว่าพี่อยากไปไหนหรอก แต่แค่อยากมีอะไรทำบ้างก็เท่านั้นเอง” เขตต์อธิบายแต่ก็แปลกใจที่นลินไม่หึงหวง ไม่โมโห เมื่อพูดถึงแฟนเก่าเขาเท่าเวลาเขาก่อกวนความสงบในการทำงานของเธอ

ก่อนนลินจะตอบอะไร เสียงกดกริ่งก็ดังขึ้น เขตต์ลุกขึ้นไปที่ประตูอย่างรวดเร็วตามประสาคนไม่มีอะไรทำ มองลอดช่องเห็นหญิงสาวและชายหนุ่มมายืนที่หน้าประตู “ใครครับ”

นลินรีบเดินมาที่ประตู ดึงแขนเสื้อให้เขาถอยจะได้ดูว่าเป็นใคร ก่อนเห็นเพื่อนและแฟนหนุ่มกำลังทำหน้างง มองเลขหน้าห้องของเธออย่างสงสัยว่าไม่ได้มาผิดห้อง เธอจึงรีบเปิดประตู

“โธ่ ยัยลิน ฉันนึกว่ามาผิดห้อง” ปอยมองเพื่อนก่อนมองชายหนุ่มที่ด้านหลังเพื่อน “เฮ้ย ใคร”

พลก็งงไม่แพ้แฟนสาว “นั่นสิลิน ใครล่ะ”

“เอ่อ พี่เขตต์ นี่ปอยกับพล ปอย พล นี่พี่เขตต์” นลินแนะนำให้เพื่อนรู้จัก

“อืมรู้แล้ว แล้วเขาเป็นอะไรกับแก” ปอยถามอย่างสงสัยเพราะไม่เคยได้ยินเพื่อนพูดถึงคนชื่อเขตต์เลย

“เข้ามาในห้องก่อน แล้วค่อยคุยกัน” นลินดึงเพื่อนและแฟนเพื่อนเข้าห้องก่อน

ปอยจ้องชายหนุ่มหน้าตาดีในห้อง ก่อนจ้องเพื่อนด้วยความสงสัย “บอกมานะ พี่เขตต์นี่เป็นใคร”

“เอ่อ ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เอ่อ เอาเป็นว่าฉันกับพี่เขตต์อยู่ด้วยกันก็แล้วกัน” นลินตอบเพื่อนเหมือนไม่ได้ตอบ

“อ๋อ แฟนแกหรอ โธ่ บอกง่ายๆ ก็เข้าใจแล้ว” ปอยเข้าใจง่าย

“เฮ้ย ไม่ใช่ แค่อยู่ด้วยกันเฉยๆ” นลินปฏิเสธทำเอาเขตต์หน้าเสีย

พลยิ่งงงหนัก ก่อนดึงชายหนุ่มที่เพื่อนแฟนแนะนำว่าเป็นพี่เขตต์ไปคุยที่ระเบียงข้างนอก “ผมถามคุณตรงๆ เถอะ คุณเป็นอะไรกับลินกันแน่”

“บอกตามตรง ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” เขตต์ตอบตามตรง

“อ้าว แล้วคุณมาอยู่กับลินได้ยังไง” พลสอบถามต่อไปอีก

“เอ่อ ผมจะเล่ายังไงดีล่ะ คุณสนิทกับลินแค่ไหน ผมจะได้เล่าถูก” เขตต์ระวังเช่นกัน ถ้าเพื่อนสนิทก็พอเล่าตามตรงได้ แต่ถ้าไม่ใช่ เขาจะได้ละรายละเอียดเล่าเฉพาะที่เหมาะสม

“แฟนผมเป็นเพื่อนลินตั้งแต่สมัยเรียนม.ต้น ผมรู้จักกับลินมาตั้งแต่ผมคบกับปอยก็ประมาณเกือบสิบปีได้มั๊ง แค่นี้สนิทพอไหม” พลไม่บอกละเอียดเช่นกัน เขาจะไปสนิทกับนลินอะไรมาก นอกจากฟังที่แฟนเล่า

“อ๋อ คืองี้” เขตต์ก็เล่าให้ฟังตามตรง แต่ไม่ได้เล่ารายละเอียดจนเกินไปนัก แต่ผลตอบแทนเกินคาดเมื่อพลต่อยเขาเข้าให้ก่อนลากเขาเข้ามาในห้อง

นลินกับปอยตกใจเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา พร้อมกับเขตต์ที่มีรอยแดงที่มุมปาก

“พล เกิดอะไรขึ้น” ปอยถามแฟนหนุ่มทั้งที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะที่นลินพอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอยิ้มแห้งๆ

“ถามลินดูสิ ว่าไอ้นี่มันทำอะไรกับลิน” พลโมโห เพราะยังไงนลินก็ถือว่าเป็นเพื่อนเขา

ปอยหันไปมองเพื่อนที่เข้าไปพยุงเขตต์ นลินยิ้มให้เขาทำใจกับสิ่งที่เพื่อนเธอทำ ส่วนเขตต์เข้าใจและไม่เอาเรื่อง เพราะสิ่งที่เขาทำก็ไม่ใช่สิ่งที่เพื่อนเธอจะยอมรับได้

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ยัยลิน” ปอยทำเสียงเด็ดขาด คราวนี้ต้องเอาความจริงจากเพื่อนให้ได้

“เอ่อ ก็เรื่องมันเป็นอย่างงี้นะ” นลินก็เล่าอย่างที่เขตต์เล่าให้พลฟังละรายละเอียดบางอย่างไว้ให้เป็นอันเข้าใจเอง

“แกนี่มันจริงๆ เลย” ปอยชี้หน้าเพื่อนอย่างเหลืออด “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่บอกเพื่อน ห๊า”

“ก็ฉันไม่รู้จะบอกยังไงนี่นา” นลินแก้ตัวกับเพื่อนราวกับเพื่อนสนิทคนนี้เป็นแม่เลยทีเดียว

“ฉันก็สงสัยอยู่แล้วเชียวว่าวันนั้นแกหายไปไหน แกรู้ไหมฉันเป็นห่วงแกแค่ไหน โทรหาเท่าไรก็ไม่ติด โทรเข้าบ้านแกก็เอาสายออก” ปอยตั้งท่าจะเทศน์เพื่อนต่ออีก

“อย่าว่าลินเลยครับ ผมผิดเอง” เขตต์รับผิดทุกอย่าง

“เงียบเลยนะ ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับคุณ อย่าเพิ่ง” ปอยทำท่าจะเป็นแม่ของทุกคนในห้อง ซึ่งนลินรู้ว่าปอยห่วงใยเธอแค่ไหน แต่พลรู้จักแฟนสาวดี เขาเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่เธอเป็นจนวางแผนแต่งงานกันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

“ใจเย็นก่อนปอย”

ปอยได้ยินแฟนหนุ่มพูดก็ใจเย็นขึ้น “เอาล่ะๆ ไหนๆ เรื่องก็ผ่านมาขนาดนี้แล้ว แล้วแกจะเอายังไง”

นลินโดนเพื่อนถามก็มองหน้าเขตต์ แล้วก็ดึงเพื่อนมากระซิบ “เอ่อ ฉันยังไม่เอายังไงได้หรือเปล่า คือว่าฉันยังไม่อยากได้ภาระอ่านะ”

ปอยถอนหายใจเมื่อได้ยินคำพูดตามแบบฉบับนลิน แต่ก็ต้องทำใจให้ยอมรับ “อืมๆ แล้วแต่แก แต่แกต้องระวังตัวหน่อยนะ ปล่อยให้ใครก็ไม่รู้มาอยู่ในห้องด้วยอย่างงี้น่ะ”

“ฉันเข้าใจ เผื่อแกจะสบายใจขึ้น” นลินหันไปที่เขตต์ก่อนบอกเขา “พี่เขตต์หยิบเอกสารสำคัญบางตัวมาให้ปอยกับพลดูหน่อยนะคะ”

เขตต์เข้าใจคำพูดเธอก็เดินไปหยิบมาให้ ปล่อยให้ปอยกับพลดูเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับตัวเขาจนพอใจ

“ขอโทษด้วยนะครับที่ต่อยพี่ไป แต่ก็นะ” พลไม่อยากพูดมากความ เพราะจริงๆ เขาก็ไม่ผิดที่จะทำแบบนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะกับผู้หญิงคนไหนก็ไม่เป็นที่ยอมรับสำหรับผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวอย่างเขา

“ไม่เป็นไรครับ พี่ก็ผิดเหมือนกันแต่พี่จะพยายามแก้ไข” เขตต์ยืนยันพร้อมโอบไหล่นลิน

นลินต้องยอมให้เขาโอบไหล่เพื่อให้เพื่อนสบายใจ โชคดีที่เพื่อนไม่ถามอีก ตอนนี้นลินได้แต่ปล่อยให้เพื่อนเข้าใจไปเองดีกว่าจะได้ไม่ต้องมานั่งอธิบายให้เมื่อยปาก

“ทีหน้าทีหลังเรื่องใหญ่ขนาดนี้แกต้องบอกฉันนะ แกน่ะ ชอบทำอะไรคนเดียวอยู่เรื่อยทำให้เพื่อนๆ เป็นห่วงรู้ตัวไหม” ปอยเห็นว่าเพื่อนไม่อะไรมาก ถึงเป็นห่วงก็ต้องปล่อยวาง แต่ก็กระซิบเตือนเพื่อนอีกครั้ง “ป้องกันด้วยล่ะ ฉันรู้ว่าถึงแกพลาดก็จะไม่ทำอะไรโง่ๆ แต่ว่าอย่าพลาดดีที่สุด”

นลินพยักหน้า “อืมๆ รู้แล้วจ๊ะ ไม่ใช่เด็กอ่านะ ป้องกันอยู่จ๊ะ”

พลมองสองสาวคุยกันก็พอรู้ว่าคงคุยเรื่องเฉพาะผู้หญิง เขามองนลินกับเขตต์อย่างไม่เข้าใจ แต่ในเมื่อทั้งสองคนสรุปแบบนี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากดูเท่านั้น

เมื่อทานอาหารเย็นแล้วเพื่อนสองคนก็กลับไป นลินก็ถอนหายใจ ขนาดนี่แค่เพื่อนนะ ถ้าพ่อแม่รู้เรื่องนี้เธอก็นึกภาพไม่ออก แต่พ่อแม่ก็เลิกยุ่งเรื่องของเธอมานานเพราะรู้ว่าเธอรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้แล้ว “เจ็บไหม พี่”

“ก็นิดหน่อย ยังพอจูบไหว” เขตต์พูดหยอกแต่ก็แอบดีใจที่เธอห่วงใยเขา

“ยังทะลึ่งอีก โดนต่อยไปยังไม่เข็ดอีกเหรอ” นลินบ่นไปหัวเราะไปแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะที่ห้องเธอไม่มียาทา

“เข็ดสิ ต่อไปนี้จะไม่ทำอีกแล้ว” เขตต์สัญญากับเธอ

เขาตั้งใจไว้ว่าจะไม่ทำตัวแบบนั้นอีกแต่ก็แปลกที่เขาไม่เดือดร้อนแม้ว่าพี่ชายเขาจะยังไม่เปิดให้เขาใช้บัตรเครดิตหรือเบิกเงินจากบัญชีส่วนตัวของเขา อยู่กับเธอ...เขาก็แทบไม่ต้องใช้จ่ายอะไรมากกว่ากินอยู่ธรรมดา ก่อนนึกขึ้นมาได้

“ตกลงเราย้ายไปอยู่บ้านพี่ไหม วันหยุดพี่จะได้มีอะไรทำ” เขตต์ถามคำถามที่เธอยังไม่ตอบ

“บ้านพี่” นลินทำหน้าไม่อยากไปเพราะกลัว

“ไม่ต้องกลัวหรอก บ้านพี่ไม่มีคนอยู่หรอก บ้านพี่จริงๆ มีแม่บ้านทำความสะอาดบ้านให้ทุกอาทิตย์ มีที่ว่างให้ลินทำงาน มีสวนให้พี่ทำฆ่าเวลาในวันหยุด จริงๆ พี่ก็ชอบแต่งสวน ทำกับข้าวนะ ไม่ต้องกลัวหรอก สบาย” เขตต์รับปากเธอ

“แปลว่าก็อยู่กันสองคนอีกใช่ไหม ไม่มีคนอื่นแน่นะ ลินไม่อยากยุ่งยาก” นลินบอกตรงๆ

“ไม่ยุ่งยากเลย เราอยู่กันได้นะ พี่รู้ว่าลินไม่ชอบทำงานบ้าน ก็มีแม่บ้านมาทำงานบ้านอาทิตย์ละครั้งไง ก็เท่ากับเราสองคนอยู่กันเองล่ะ” เขตต์พยายามเกลี่ยกล่อม “อืม ก่อนกลับบ้านพี่จะแวะมาที่นี่มาเอาจดหมายให้ลินก่อนกลับบ้านหลังทำงานไง”

“ตกลง พี่ลงทุนซะขนาดนี้แล้ว ถ้าลินยังดื้ออีกก็คงเป็นคนไม่มีเหตุผล” นลินตกลงใจ อย่างน้อยเขาจะได้เลิกเซ้าซี้เวลาเธอทำงาน

เขตต์ดีใจมากที่เธอยอมตามเขาเข้าไปอยู่ในบ้าน เขาดึงเธอเข้ามากอดไว้ โอบกอดหัวใจเขาเอาไว้ เขาอาจรักคนง่ายแต่ก็คงไม่เสียหายถ้าเขาจะรักเธอ หากเขาไม่หยุดแค่เพียงโอบกอด เขาค่อยๆ ก้มลงจูบเธออย่างอ่อนโยน โดยที่นลินไม่ขัดขืน

เธอเริ่มคุ้นเคยกับรอยจูบของเขา รสจูบของเขาไร้ความกระหายเพราะคนอย่างเขตต์ไม่เคยต้องกระหายเรื่องอย่างนี้ ผู้ชายสมบูรณ์ที่มีคุณสมบัติครบอย่างเขาจะหาผู้หญิงแบบไหนอย่างไรเมื่อไรก็ได้ แต่ตอนนี้เขาต้องการเธอคนเดียวเท่านั้น

****************************************************************************


‘อะไรของมันวะ’ ชายหนุ่มอีกคนนั่งครุ่นคิด เขาหน้าตาเหมือนกับเขตต์ราวกับถอดออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน

ขันธ์นั่งมองรายงานการทำงานของน้องชายอยู่ที่นิวยอร์กอย่างสงสัย อะไรทำให้น้องชายเขาเปลี่ยนไปในเวลาเพียงเดือนเดียวได้มากถึงเพียงนี้ เวลาสั้นๆ ทำให้คนที่เคยเอาแต่ใจไม่ชอบทำงานบริหารกลับมาทำงานได้ แต่เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ขันธ์ยกสายขึ้นโทรไปเมืองไทยที่บ้านพักของน้องชาย เขารู้ว่าวันนี้แม่บ้านต้องมาดูแลความสะอาดที่บ้าน รอสายอยู่พักหนึ่งก็มีคนรับสาย

“สวัสดีค่ะ ต้องการพูดสายกับใครคะ” นลินรับสายแทนแม่บ้านที่กำลังดูดฝุ่นอยู่ที่ชั้นสอง

“เธอเป็นใครแม่บ้านใหม่เหรอ ขอคุยกับแม่ทองหน่อยสิ” ขันธ์นึกว่าแม่ทองคงให้หลานสาวมาช่วยงาน

“พี่เขตต์อย่าล้อเล่นอย่างนี้สิ ลินไม่ชอบนะ ก็ไหนว่าย้ายมาอยู่ที่นี่แล้วจะไม่เล่นอะไรอย่างนี้อีกแล้ว ทำงี้ ลินโกรธจริงๆ นะ” นลินพูดพร้อมมองหาเขตต์ที่อยู่นอกบ้านทำสวนอย่างที่เขาชอบ แต่ก็เห็นเขานั่งทำสวนชัดเจน

“คุณเป็นใคร” ขันธ์ทำเสียงเข้ม เสียงเขาคล้ายน้องชายมากก็จริงแต่บุคลิกที่แตกต่างทำให้น้ำเสียงแตกต่างกัน

“เอ่อ คุณคุยกับพี่เขตต์เองก็แล้วกัน” นลินรีบปัด ก่อนเดินถือโทรศัพท์ไร้สายไปให้เขตต์ “พี่เขตต์ ใครก็ไม่รู้เสียงเหมือนพี่เลยโทรมา”

เขตต์ตกใจมากเพราะรู้ว่าเป็นขันธ์...พี่ชายฝาแฝดของเขาเอง แต่ในเมื่อขันธ์รู้เรื่องของนลินแล้วเขาก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ “ดี ขันธ์”

“ดีกับผีอะไร ยัยนั่นเป็นใครอีกล่ะทีนี้ ถึงขั้นพาเข้ามาอยู่ในบ้านเลยเหรอ” ขันธ์นึกโมโหเพราะเข้าใจว่าน้องชายเหลวไหลกว่าเดิม

“นายจะว่าแฟนเก่าคนอื่นๆ ของฉันยังไงก็ได้ แต่ห้ามว่าลิน” เขตต์เสียงแข็งขึ้นมาบ้าง “อย่ามาว่าลิน”

ขันธ์นึกแปลกใจที่น้องชายฝาแฝดของเขาเสียงแข็งขึ้นมา “เอาล่ะๆ ตกลงนายจะบอกได้หรือยังว่าใคร”

นลินเห็นสองพี่น้องคุยกันเป็นภาษาอังกฤษก็ไม่นึกแปลกใจ เธอเดินกลับเข้าบ้านไปทำงานของเธอต่อ แล้วก็นั่งนึกหวั่นใจอยู่บ้างว่า อาจจะถึงเวลาที่สายลมจะพัดจากไปแล้วก็ได้ แต่ก็แปลกที่ไม่นึกอยากร้องไห้แต่ก็นึกเสียดายเพราะเธอเริ่มคุ้นเคยกับการมีเขา

“ลินเป็นคนที่ฉันอยากอยู่ด้วย ก็พามาอยู่ด้วย” เขตต์ตอบไปข้างๆ คูๆ

เขาก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าตกลงเขากับเธอเป็นแฟนกัน หรือเป็นคนรักกันรึเปล่า แต่เขากับเธอก็ใช้ชีวิตเหมือนชีวิตคู่ เพียงแต่เธอยังไม่พูดอะไร เขาก็ยังไม่รู้จะพูดอะไร เพราะทุกครั้งที่เริ่มพูด นลินก็จะเลี่ยงเสมอ

“แฟนใหม่ว่างั้นเถอะ ขนาดไม่มีเงินยังมีผู้หญิงมาติดนายได้ แผนสูงจริงๆ นายนี่ไม่ยอมเข็ดเลยนะ” ขันธ์ตำหนิน้องชายออกมาตรงๆ

“ฉันบอกแล้วว่าอย่าว่าลิน นายเป็นบ้าอะไร เห็นผู้หญิงคนไหนที่เข้ามาในชีวิตฉันก็นึกว่าจะมาหลอกฉันทั้งนั้นเลยเหรอ” เขตต์ชักรำคาญ

“ก็ที่ผ่านมามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ นี่ หรือนายจะเถียง” ขันธ์เตือนสติน้องชาย

“แต่ลินไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ถึงฉันจะไม่มีเงิน ลินก็จะไม่ทิ้งฉัน ถ้านายคิดจะตัดเงินเดือนฉันอีกละก็ เชิญเลย แล้วนายจะรู้ว่าสิ่งที่นายทำยิ่งทำให้ฉันสมใจ เพราะฉันก็อยากให้ลินอยู่กับฉันตลอดไปอยู่แล้ว” เขตต์นึกขึ้นได้

จริงสินะ ถ้าเขาไม่มีอะไรเลย ด้วยนิสัยอย่างลินต้องไม่ทอดทิ้งเขา ถึงเขามีแต่ตัว เธอก็จะให้กำลังใจเขาและช่วยเหลือเขา

“ดูนายมั่นใจในตัวหล่อนจริงๆ นะ” ขันธ์ชักสงสัย เขตต์ไม่เคยพูดอะไรแรงๆ แบบนี้

“งั้นนายคอยฟังนี่นะ รอแปบนึง” เขตต์กลับเข้าไปในบ้าน เขามองนลินนั่งพิมพ์งานอยู่ไม่ไกลจากโทรศัพท์ เขากดเปิดไมค์ในตัวเครื่องแล้ววาง “ลิน พี่มีเรื่องอยากบอก”

นลินละสายตาจากคอมพิวเตอร์ เธอรู้ว่าความยุ่งยากมาถึงแล้ว “ค่ะ ลินพอรู้ ลินไม่น่าพูดกับคนในสายเลย แต่ไม่เป็นไร ลินกลับไปอยู่คอนโดฯ ลินก็ได้”

“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น คนที่ลินคุยด้วยคือพี่ชายฝาแฝดของพี่เอง พี่ว่านอกจากโดนตัดการเงินสงสัยจะโดนตัดเงินเดือนด้วยล่ะ ลินจะว่ายังไง เอาไงดี” เขตต์ถามความเห็นของนลิน เขาลุ้นอยู่ว่าเธอจะเป็นอย่างที่เขาคิดไหม

“ลินไม่มีปัญหาหรอก” นลินตอบแบบนั้นทำให้ขันธ์นึกเยาะเย้ย เขาได้ยินเสียงเธอชัดแต่ก็ต้องแปลกใจ “ตอนนี้งานวิจัยลินเสร็จแล้ว ก็แค่ขอจบ ลินก็เรียนจบแล้ว ลินก็ตั้งใจว่าจะกลับไปอยู่บ้านลินที่ต่างจังหวัด ถ้าพี่เขตต์ไม่ว่าอะไร ไปอยู่กับลินที่นั่นก็ได้ บ้านลินอาจจะไม่ใหญ่โต แต่ก็มีสวนครัวเล็กๆ พี่ก็หางานทำปกติ อยู่อย่างลินไม่สิ้นเปลืองหรอก สบาย”

เขตต์กระโดดโลดเต้นดีใจ เพราะเธอเป็นอย่างที่เขาคิดไว้ เขาเดินเข้าไปโอบกอดเธอ “พี่ดีใจที่ลินจะไม่ทิ้งพี่”

“พี่ก็ไม่ใช่ภาระอะไรนี่ แต่พี่ต้องทำงานนะ งานอะไรก็ได้ไม่ต้องเงินเดือนมากนักก็ได้ เราอยู่กันแบบพอดีๆ ก็อยู่กันได้ล่ะ” นลินอธิบายให้เขาฟังเมื่ออยู่ในอ้อมกอดเขา “ลินกลัวแต่ว่าคนไม่เคยลำบากอย่างพี่จะไปอยู่อย่างลินได้เหรอ”

“ได้สิ ที่ไหนมีลิน พี่อยู่ได้” เขตต์พูดไม่คิด

“แรกๆ เห็นพูดอย่างนี้ทุกคนน่ะ พอเอาเข้าจริงๆ ก็เห็นกลัวทุกคน คนไม่เคยลำบากไม่เข้าใจจุดนี้หรอก พี่คิดให้ดีๆ ว่าพี่จะทิ้งทุกอย่างแล้วอยู่กับลิน หรือว่าจะอยู่กับครอบครัวแล้วสุขสบาย” นลินอยากให้เขาคิดให้ละเอียด

ขันธ์ได้ฟังคำพูดเป็นผู้ใหญ่ของหญิงสาวคนใหม่ของน้องชายก็ขมวดคิ้ว เขายังไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียวว่าเจ้าหล่อนจะไม่หวังอะไรจากครอบครัวเขา เขาเข้าใจว่านลินรู้จักชื่อเสียงครอบครัวเขา

“พี่ไม่ต้องคิดแล้วล่ะ อยู่กับลินดีที่สุด เอ่อ แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะโทรไปคุยกับขันธ์ เอ่อ พี่ชายฝาแฝดของพี่น่ะ” เขตต์แกล้งยกโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเดินออกไปข้างนอก ส่วนนลินก็หันกลับไปทำงานต่อ

“เป็นไงล่ะ นายเห็นหรือยังว่าลินไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่ผ่านมา นายอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ยังไงซะ ฉันก็จะอยู่กับลิน” เขตต์พูดอย่างมั่นใจ

“เอาเถอะ ฉันถือว่าคำพูดของผู้หญิงคนนั้นใช้ได้อยู่แต่ฉันยังไม่ไว้ใจอยู่ดี” ขันธ์คิดไปคิดมาแล้วไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะมีดีแต่คำพูดก็ได้ “เวลานายนอนกับเธออย่าลืมป้องกันล่ะ”

“นายเห็นฉันเป็นเด็กอมมือหรือไง” เขตต์แกล้งกลบเกลื่อน

ขันธ์รู้สึกว่าน้ำเสียงคู่แฝดแปลกๆ “นายไม่ได้ป้องกันใช่ไหม นายบ้าไปแล้วเหรอ เดี๋ยวนี้ไม่รู้จักถุงยางแล้วหรือไง”

เขตต์นิ่งอึ้ง ตั้งแต่เขามีอะไรกับนลินครั้งแรกจนตอนนี้ เขาไม่เคยใช้มันด้วยซ้ำ แต่นลินซะอีกที่กินยาคุมตลอดเวลา เธอระวังตัวมากกว่าเขาเสียอีก

“จริงๆ ใช่ไหมเนี่ย นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ” ขันธ์ด่าคู่แฝดที่ไม่รู้จักระวังตัว

“ขันธ์ ถ้านายได้รู้จักลิน นายจะรู้ว่าเธอมีแต่ความจริงใจ ฉันก็อยากให้พลาดเหมือนกัน แต่ลินระวังตัวแจ กินยาคุมตลอดเวลา เพราะถ้าพลาดอย่างน้อยลินจะได้ไม่ไปจากชีวิตฉัน” เขตต์ตอบตามตรง หลายครั้งที่เขานึกอยากเปลี่ยนยาคุมให้เป็นยาปลอมหลอกๆ

“นายต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ อะไรทำให้นายหลงยัยนี่ได้ขนาดนี้” ขันธ์ไม่เข้าใจ ปกติไม่ว่ากับผู้หญิงคนไหน ถึงเขตต์จะโดนหลอกแต่เขาก็ป้องกันเสมอ

“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าว่าลิน ถ้านายมีอะไรจะพูดเพียงแค่นี้แล้วล่ะก็แค่นี้นะ” เขตต์กดตัดสายคู่แฝด

เขาหงุดหงิดที่คู่แฝดเขาว่าผู้หญิงที่เขาแน่ใจแล้วว่าเขารักเธอ เรื่องของความรักสำหรับเขามันไม่เกี่ยวกับเวลา นลินเป็นคนดี เธอไม่เพียงไม่หลอกลวงเขา แต่กลับอยู่เป็นเพื่อนเขา ไม่เพียงไม่เรียกร้องอะไร แต่กลับอนุญาตให้เขาเรียกร้องได้ตามสมควร

ด้านขันธ์รู้สึกโมโหที่คู่แฝดเขาหลงผู้หญิงคนนี้หัวปักหัวปำ เขาต้องรู้ให้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครมาจากไหนและต้องการอะไรจากน้องชายเขา

เขตต์กลับเข้ามาด้านในแล้วหัวเสีย นลินเห็นเขาเปลี่ยนอารมณ์ไปมาแล้วก็สงสัย ก่อนถามเขา “จะต้องย้ายเมื่อไรคะ”

“ยังก่อน ดูท่าทีของขันธ์ก่อน ไม่รู้จะเอายังไงแน่ แต่ช่างเถอะ พี่ไม่ชอบเลยที่ขันธ์มาว่าลิน ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักลิน” เขตต์หงุดหงิดขัดใจไปหมด

“ช่างเถอะค่ะ ถ้าพี่โกรธคนที่ไม่เข้าใจลิน พี่คงต้องโกรธคนเกือบทั้งโลกแล้วละมั๊ง” นลินไม่สนใจแต่ก็ไม่อยากทำงานต่อ จึงทิ้งงานไว้และมานั่งกับเขา “ไม่เอาค่ะ เสียอารมณ์ไปก็เท่านั้น อย่างที่ลินบอก ถ้าเขาตัดหนทางพี่ พี่ก็ยังมีลินนะ”

เขตต์มองหญิงสาวข้างกาย ถึงแม้จะไม่แน่ใจว่าเธอรักเขาหรือเปล่าแต่เขาไม่สนใจ ขอเพียงให้มีเธอในชีวิตเขาก็พอ เขาเผลอจูบเธออีกครั้งแต่นลินเห็นแม่บ้านทองลงมาและกำลังมองจึงถอยจากเขา ส่วนเขตต์ก็ตกใจที่แม่ทองมาเห็นพอดี

แม่ทองทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเดินเข้าไปทำความสะอาดครัว แต่นลินอายจึงตีแขนเขตต์แรงๆ “นี่แน่ะ ทำอะไรอย่างนี้อยู่เรื่อย”

“ก็ใครจะห้ามใจไหวล่ะ” เขตต์ยิ้มไม่ถือสาและยังดึงเธอมากอดอีก แต่ไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้ออีก

นลินซบอกเขาอย่างอบอุ่น เธอบอกไม่ได้ว่ารักเขาหรือกลัวเหงา แต่ตอนนี้เธอสบายใจที่ได้อยู่กับเขา และเขาก็สบายใจที่ได้อยู่กับเธอ เธอจึงไม่อยากคิดมากถึงอนาคตที่ยุ่งยาก หากก็เตรียมใจที่จะไปจากเขาตลอดเวลา

***************************************

กำลังใจที่ได้มาจากทุกคนกำลังทำให้ฟื้นตัวค่ะ
^^ แล้วก็ได้กำลังใจจากมุมมืดของตัวเองด้วยค่ะ
อิอิ มีเพื่อนผู้อ่านต้องการบทนำ ก็จัดให้นิดนึงนะคะ
พอดีว่าเพลิงวารีก็ย่อความได้ห่วยมากๆ
- -* สังเกตดูนะคะว่า นิยายแต่ละเรื่องจะยาวไปไหนเนี่ย
อาจจะอ่านไม่ค่อยเข้าใจ ToT แต่พยายามหน่อยนะคะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ
หลังจากนอนทบทวนอยู่นาน เมื่อกำจัดข้ออึดอัดไปทั้งหมด
ก็ค้นพบว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจร (เพลิงวารีก็เป็นโจรเหมือนกัน 555+)
ดังนั้นก็ตัดสินใจเด็ดขาด ถ้าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแล้วล่ะค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

คุณ tuk_ora --- จัดให้ค่ะ ^^ ชอบเขียนผู้หญิงเก่งค่ะ บางทีอาจจะเก่งเวอร์ไปบ้าง แต่ก็อยากเขียนผู้หญิงเก่งๆ อยู่ดีค่ะ

คุณ mimny --- ลินอยู่ในช่วงเบลอค่ะ - -* อาจจะเพราะอยู่คนเดียวมานานด้วยค่ะ แล้วก็ไม่ชอบวุ่นวาย ตัดปัญหาไปอะไรแบบนี้ค่ะ


Create Date : 26 กรกฎาคม 2552
Last Update : 26 กรกฎาคม 2552 19:40:37 น. 1 comments
Counter : 470 Pageviews.

 
อ่านจากบทนำพี่น้องจะแตกหักกันเพราะรักผู้หญิงคนเดียวกันเหรอเนี่ย


โดย: mimny วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:12:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

เพลิงวารี
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ไหดองเหล็กไหล
New Comments
[Add เพลิงวารี's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com