เพลิงวารี & คชสีห์ ฿ Babylonia
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 ตุลาคม 2552
 
 
เราสามคน...หนทางเดียว016(พ่อแม่)

จิตใจดูจะหวาดหวั่นพิกลกับความเงียบไม่ธรรมดา แม้แต่ไปคุยกับลูกค้ารายใหญ่ เขายังไม่หวั่นใจเท่าต้องเผชิญหน้ากับพ่อเธอ

“กล้วยไม้พวกนี้ต้องได้รับการดูแลอย่างดี ก็เหมือนกับเด็กที่ต้องการการดูแล เมื่อก่อนผมทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูลูก ไม่มีเวลาเลี้ยงกล้วยไม้พวกนี้ เพราะลูกยังต้องการการดูแลเสมอ แต่ตอนนี้ผมมีเวลาเลี้ยงดูกล้วยไม้แล้ว แต่ก็กำลังคิดว่าผมควรจะเลิกเลี้ยงมันซะ เพื่ออีกสามชีวิตที่ต้องการการดูแล” เกษมกล่าวเรียบง่าย เมื่อมาถึงโรงกล้วยไม้

ขันธ์รู้ทันทีว่ากำลังถูกตำหนิ เหมือนเขาเป็นผู้ชายที่ไม่สามารถดูแลคนที่ตนเองรักและลูกได้ “ผมจะพยายามให้มากกว่านี้ครับ ถ้าท่านจะให้โอกาสผม”

เกษมไม่ตอบอะไรแต่กลับถามตามตรง “ผมมีเรื่องอยากถามคุณ และขอให้คุณบอกตามตรง ผมรู้แต่แรกว่ามีอะไรผิดที่ผิดทางอยู่มาก เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันยังไงกันแน่”

ขันธ์ลังเลใจอยู่พักนึงว่าควรจะเล่าความจริงแบบไหนกันแน่ดี ก่อนตัดสินใจเล่าตามที่เธอเตรียมไว้ให้ แล้วตบท้ายด้วย “นี่คือสิ่งที่ลินบอกท่าน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผมกับน้องชายได้ทำสิ่งที่เลวร้ายกับลูกสาวท่านครับ”

“ผมกำลังฟังคุณอยู่” เกษมพูดขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ สายตาเขาดูสงบเสียจนน่ากลัวเลยทีเดียว

ขันธ์รู้จักเกมนี้ดีพอ ถ้าใครสงบได้มากกว่ากันก็จะผ่านไปได้ แต่เขาคงทำไม่ได้ ถ้าอยากเอาชนะใจคนสูงวัย และสิ่งที่เขาทำได้คือเล่าความจริงทั้งหมดโดยไม่ปิดบัง

เกษมฟังมันอย่างสงบได้จริงหรือ...เขากำลังจมลึกอยู่ในความรู้สึกโกรธเกรี้ยวมากกว่า

“ผมเสียใจ ผมจะแก้ไข ขอโอกาสให้ผมเถอะ” ขันธ์เห็นพ่อเธอเงียบ เขาก็รีบพูดประโยคเหล่านี้ซ้ำๆ

“ดี งั้นขอให้คุณออกไปจากบ้านของผม แล้วอย่ามารบกวนครอบครัวของผมอีก ทุกอย่างที่คุณทำ ผมว่าคุณได้รับโอกาสมากเกินพอแล้ว ผมไม่อยากเห็นใครทำลายลูกสาวผมอีก รวมถึงหลานๆ ผมด้วย” เกษมพูดชัดเจนและชัดถ้อยชัดคำ

“แต่ผมรักลินจริงๆ นะครับ ได้โปรดเถอะ” ขันธ์ขอร้องอ้อนวอน

“งั้นก็ได้โปรดหมดรักลูกสาวผมซะ ลืมไปซะว่าได้เคยรู้จักกับผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง” เกษมพูดชัดเจน

“แต่ท่านครับผมทำไม่ได้ ผมรักลิน” ขันธ์เดินเข้าไปหาพรอมร้องขอ แต่พอเธอกลับชี้นิ้วมาที่เขา

“หยุดพูดว่ารักลูกสาวผมเดี๋ยวนี้ ถ้าคุณรักเธอ คุณจะไม่ข่มขืนเธอ ถ้าคุณรักเธอ คุณไม่ผลักไสให้เธอต้องมีสามีสองคนอย่างน่ารังเกียจ คิดได้ยังไง ลูกสาวผมไม่ใช่สิ่งของจะได้ผลัดกันใช้ ออกไปจากชีวิตลูกสาวผมเดี๋ยวนี้” เกษมตะคอกอย่างสุดทนเมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมด ก่อนคว้าเอากระถางใกล้มือขว้างใส่ชายหนุ่มที่ทำร้ายลูกสาวเขา

“ใจเย็นๆ ครับ คือผมขอโอกาส” ขันธ์พยายามหลบเมื่อพ่อเธอสติแตก

“โอกาสสุดท้ายมันก่อนหน้าที่ลูกสาวฉันจะบอกความจริงบ้าๆ นั่นแล้ว ไสหัวไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะคว้าปืนมายิงแล้วใช้ชีวิตหลังเกษียณในคุก” เกษมตวาดแรงๆ อีกครั้งแล้วยังคงคว้าเอากระถางขว้างต่อไป

หากคราวนี้ขันธ์ไม่หลบ ปล่อยให้กระถางโดนเข้าที่หน้าผากอย่างจังแล้วล้มลงเลือดอาบ ส่วนคนมองก็มองแบบขัดใจนิดๆ ที่โดน เพราะนึกว่าจะหลบ

“ผมเสียใจจริงๆ ที่ทำอะไรอย่างขาดสติ ผมพยายามชดเชยทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ผมรักลินกับลูกๆ และผมก็รักน้องชายผม เขารักลินเช่นกัน เพียงแต่ตอนนี้เหมือนเขากำลังหลงทาง ผมพยายามที่จะพาเขามาให้ถูกทางอยู่ครับ” ขันธ์ยกมือขึ้นลูบหน้าผากเปื้อนเลือดของเขา

“หาทางทำให้ลูกสาวฉันลำบากใจอีกเช่นเคย กลับไปถามตัวเองเถอะว่าทางที่เลือกมันถูกหรือเปล่า แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก ถ้ายังเลือกที่จะทำร้ายลูกสาวฉันด้วยความมักง่าย” เกษมเดินออกไปจากห้อง โดยไม่มองคนที่กำลังเลือดไหลอาบ

ขันธ์ได้นั่งลงแล้วทอดอาลัยอยู่ในโรงกล้วยไม้ แล้วคิดไม่ออกว่าต้องทำอย่างไรกับชีวิตที่เหลืออยู่ดีถ้าไม่มีเธอกับลูก ขณะเดียวกันเขาก็นึกไม่ออกว่าคู่แฝดเขาจะเป็นอย่างไรถ้าไม่มีเธอเช่นกัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขตต์จะอยู่ได้โดยไม่ต้องมีนลิน

*******************************************


หลังจากป้อนนมก็ทำให้ฝาแฝดคู่เล็กสงบใจและหลับได้ ระรินมองหลานๆ ด้วยความเอ็นดู แต่ขณะฟังลูกสาวเล่าความจริงก่อนหน้านี้ เธอก็แทบทำใจไม่ได้เมื่อรู้ว่าหลานที่น่ารักเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ไหน

“ป่านนี้พ่อคงรู้แล้วล่ะ” เธอพูดขึ้นหลังเจ้าตัวเล็กทั้งสองนอนหลับ

“หนูก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ” นลินทำหน้าไม่ถูก

“แม่ไม่รู้ว่าหนูปิดเรื่องนี้ทำไม ตอนที่ลินกลับมาคราวนั้นก็มีหลานๆ อยู่ในท้องแล้วใช่ไหม เฮ้อ ทำไมต้องรักคนอื่นมากกว่าตัวเองแบบนี้ ทั้งหมดคือสิ่งที่แม่กลัวมาตลอด เวลาที่ลูกรักใคร ลูกมักจะทุ่มเทให้เขามากเกินความจำเป็น แม่เตือนลูกเรื่องนี้หลายครั้งแล้วนะ เฮ้อ ไม่เป็นไร เรายังมีกันและกันนะลูก” ระรินโอบไหล่ลูกสาวแล้วปลอบ

นลินดูจะเข้มแข็งขึ้นและไม่ร้องไห้อีก “ขอบคุณค่ะแม่ พออยู่เมืองไทยแล้วลินรู้สึกว่าเข้มแข็งขึ้น คงเพราะได้อยู่ใกล้ๆ ทุกคนด้วยละมังคะ”

“ดีแล้วลูก” ระรินค่อยโล่งใจ “แม่เห็นว่าลูกดูแลตัวเองมาได้ตั้งนาน แต่ไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็นแบบนี้อีก”

“เหมือนโชคชะตาเล่นตลกกับลิน อยู่ดีๆ ก็มีใครไม่รู้โผล่เข้ามา ลินพยายามแล้วค่ะ แม่ แต่แทนที่จะวุ่นแค่กับคนคนเดียว ลินเจอไปสอง ได้กลับมาอีกสอง คิดแล้วเหนื่อยมากเลยค่ะ” นลินหันไปมองลูกชายทั้งสอง ที่นอนอยู่ในคอกเด็กบนเตียงเธอ ก่อนมองไปรอบๆ ที่มีแต่นวมบุเต็มไปหมด

“ยังพูดตลกได้อีกนะ เจ้าลูกคนนี้” ระรินขำ

“ลินโล่งใจค่ะ แม่ ในเมื่อตอนนี้พ่อแม่ก็รู้ความจริงกันหมดแล้วค่ะ ลินขอโทษที่ไม่บอกความจริงแต่แรกนะคะ” นลินยอมรับผิด

“พ่อแม่เข้าใจว่าลูกไม่อยากให้พวกเราเสียใจ แต่ลูกเอ๋ย เรารักลูกและเป็นห่วงลูกมากกว่านะ” ระรินโอบลูกอาไว้แล้วมองหลานชายวัยคลานกำลังหลับ

“จริงๆ แล้ว คุณแม่กับคุณพ่อเขาก็ดีกับหนูนะคะ แต่หนูเหนื่อย” นลินกอดแม่ก่อนตอบ

“เฮ้อ คุณขวัญเขานิสัยดีมาตั้งนานแล้วล่ะ เห็นพ่อบอกอย่างนั้นนะ แต่ก็คงเหมือนพ่อแม่ทุกคนนั่นแหละ พอลูกโตก็คงดูแลได้ไม่ทั่วถึงนัก น่าเห็นใจแต่ลินเป็นลูกแม่ แม่ก็คงไม่เข้าข้างใครนอกจากลูกหลานของแม่หรอก” ระรินพูดตามตรง

“หนูรักแม่ค่ะ” นลินซบอกแม่แล้วอ้อน

เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมสีหน้าเคร่งขรึม “ก่อเรื่องไว้มากนักนะเรา ออกไปคุยข้างนอกเถอะ เด็กๆ จะได้หลับสบาย”

นลินยิ้มแหยๆ ก่อนเดินตามพ่อออกไปด้านนอก “พี่ขันธ์สารภาพหมดเปลือกเลยใช่ไหมคะ”

“อืม ใช่ แล้วก็หัวแตกอยู่ในโรงกล้วยไม้แล้ว บางทีพ่อก็ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกต้องยอมทนขนาดนี้ แต่ไม่เป็นไร เราครอบครัวเดียวกันพ่อยกโทษให้ แต่ไม่รวมไอ้บ้าสองตัวนั่นหรอกนะ” เกษมพูดปิดท้ายเป็นเชิงไม่ให้ลูกสาวสนใจคนหัวแตกในโรงกล้วยไม้

นลินอยากไปดูเขา แต่เห็นพ่อปรามทางสายตาก็ได้แต่นิ่งแล้วกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น ใครบอกว่าเธอไม่เคยเชื่อฟังพ่อแม่ เมื่อก่อนเธอเป็นคนที่เชื่อฟังแบบดื้อรั้นมากเสียด้วย และบังเอิญว่าเธอพิจารณาถึงสิ่งที่พ่อชี้ทางให้ว่ามันถูกต้อง แม้ขัดใจแต่เธอก็ทำตาม

“พ่อคะ ทำไมเราไม่ปล่อยให้มันเป็นอดีตไปละคะ” นลินลังเลใจเล็กน้อยก่อนพูดขึ้น

“พ่อไม่คิดว่าลูกควรกลับไปหาคนที่ข่มขืนลูกหรอกนะ” เกษมเริ่มโมโหมากขึ้น

นลินนิ่งอึ้งไปเมื่อพ่อพูดจาตรงไปตรงมาแบบนี้ แล้วถอนหายใจยาว รู้สึกเจ็บมากขึ้น บางครั้งเธอก็ไม่ต้องการให้ใครตอกย้ำบาดแผลลึกที่เธอพยายามซ่อนไว้ โดยเฉพาะพ่อของเธอ

“ขอโทษค่ะ ที่หนูหลงโง่อยู่ตั้งนาน” นลินพูดขึ้นอย่างดื้อรั้น “หนูขอตัวก่อนนะคะ”

เกษมกระแทกลมหายใจอย่างแรง ที่หลุดปากพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา แต่คงสายเกินไปที่จะแก้ไขอะไรแล้ว เมื่อเห็นลูกสาวเดินไปทางโรงกล้วยไม้ ต้องยอมรับว่าหลายปีมานี้เขาเดาไม่ออกว่าลูกไปไกลแค่ไหนแล้ว

*******************************************


หัวใจนิ่งงันจนแทบหาทางออกไม่เจอ เขานั่งนิ่งเฉยและยังไม่ลุกไปไหนง่ายๆ ก่อนได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา และเมื่อเงยหน้าก็เห็นเธอ

“ไม่น่าเลยจริงๆ หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ ดูสิ โรงกล้วยไม้รกไปหมด” นลินเดินเข้าไปดูแผลเลือดอาบของเขา ก่อนถามขึ้น “ไม่คิดจะไปหาหมอหรือไงคะ”

“อยากไป แต่กลัวว่าถ้าออกไปจากที่นี่แล้วจะไม่ได้กลับมาอีกน่ะสิ เลยคิดไม่ออกว่าไปดีไหม” ขันธ์ยังงงๆ กับทุกอย่าง

“น่าจะไปก่อนที่หัวจะแตกนะคะ มาเถอะ ดีที่ลินยังไม่ได้เอาของอื่นลง เอานี่ซับเลือดไว้ก่อนค่ะ ลินจะไปเก็บของแล้วก็เอาลูกใส่ที่นั่งเด็ก แล้วพาเราไปจากที่นี่” นลินตัดสินใจเด็ดขาด ดีกว่าทนมองหน้าพ่อ

“ลิน มันไม่ดีเลยที่ลินจะทำแบบนั้น พ่อลินต้องไม่พอใจมากขึ้นแน่” ขันธ์ถือผ้าขนหนูซับเลือด ก่อนรับถุงน้ำแข็งที่เธอหยิบออกจากตู้เย็นขณะพูดกับเขา

“ลินหมายถึง ลินจะไปหาปอยที่ระยองค่ะ อาจจะต้องไปอยู่ที่นั่นสักพัก รอให้พ่อใจเย็นกว่านี้ค่อยกลับมา ส่วนคืนนี้ลินว่าจะไปนอนโรงแรมกับลูกๆ ค่ะ” นลินอธิบาย

“แปลว่าลินจะไม่ไปบ้านพี่เหรอ” ขันธ์ถามขึ้น ขณะมองเธอกลับเข้าไปในห้องตนเอง

“ใช่ค่ะ” นลินโล่งใจที่แม่ออกไปจากห้องแล้ว เธอก็อุ้มลูกที่หลับอยู่ขึ้นที่นั่งเด็ก “พ่อพูดถูก ลินไม่ควรกลับไปหาพี่ และลินก็ไม่ควรกลับมาที่นี่ ลินควรมีชีวิตของตัวเอง”

“เฮ้อ ให้โอกาสพี่แก้ตัวบ้างได้ไหม” ขันธ์พูดอย่างเหนื่อยอ่อน ดูเหมือนไม่มีใครให้โอกาสเขาอีกแล้ว

“ลินอยากให้ แต่ลินจะไม่เอาชีวิตไปเสี่ยงอีกแล้ว” นลินตอบก่อนยื่นกระเป๋าให้เขาช่วยถือ “แต่ก่อนหน้านั้นเราต้องไปโรงพยาบาลก่อน”

“จะมีใครให้โอกาสพี่อีกบ้างไหม ใช่พี่มันเลว พี่ทำร้ายลิน แต่รู้อะไรไหม บางทีพี่ก็ไม่เสียใจ เพราะทำให้พี่มีลูกที่น่ารัก ไม่ใช่เพราะสิ่งที่พี่ทำไม่ผิด แต่เพราะลูกทำให้พี่หยุดทุกอย่าง” ขันธ์พยายามอธิบาย

“ลินไม่ลืมหรอกนะคะ ว่าตอนที่ลินท้องลูกอ่อนๆ พี่ทำอะไรไว้บ้าง” นลินหันมาพูดกับเขาอย่างจริงจัง “ช่วยหยุดรื้อฟื้นความหลังแล้วช่วยลินพาลูกไปจากที่นี่ที”

ขันธ์ได้แต่ถอนหายใจ และปล่อยมือจากแผลเขา แล้วช่วยหิ้วที่นั่งลูกฝาแฝดของเขา

นลินเดินออกไปจากห้องพร้อมกระเป๋าบางส่วนที่เธอหยิบติดลงมา ก่อนวางมันที่ห้องรับแขกแล้วยกมือไหว้พ่อแม่ “ลินจะไปอยู่กับปอยสักระยะจนกว่าจะหางานทำได้นะคะ”

“ลิน แม่ว่าใจเย็นๆ ไว้ก่อนนะ” ระรินพยายามไกล่เกลี่ย

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ลินควรจะพึ่งพาตัวเองมากกว่านี้ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ลินจะไม่กลับไปหาคนที่ข่มขืนลินแน่นอนค่ะ” นลินพูดชักเจนอย่างขมขื่น

มันคงดีกว่านี้ถ้าพ่อไม่พูดอะไรแบบนั้น แต่เธอคงทนไม่ได้ถ้าต้องถูกมอง ด้วยสายตาและท่าทางแบบนั้นตลอดเวลา และมันคืออีกเหตุผลที่เธอไม่คิดจะกลับมาที่นี่แต่แรก

ระรินกลายเป็นคนกลางที่ลำบากใจ ไม่รู้ควรทำอย่างไร แต่ดูเหมือนลูกสาวจะไม่ยอมอยู่ที่นี่ง่ายๆ

“คืนนี้หนูจะไปนอนในโรงแรมในเมืองนะคะ ไม่ต้องห่วงหลานๆ ทันทีที่มีเครื่องไประยอง หนูก็จะไปทันที สวัสดีค่ะ พ่อ สวัสดีค่ะ แม่” นลินบอกลาก่อนถือของออกไปจากบ้าน

“หัวดื้อ” เกษมโกรธลูกสาวหัวดื้อ จึงสะบัดหน้าออกไป

นลินมองพ่อก่อนคุยกับแม่ “หนูขอโทษค่ะ แต่หนูไม่เหลือความอดทนกับอะไรแล้วทั้งสิ้น หนูจะไม่ทนไม่ว่ากับใคร แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ รอให้พ่อใจเย็นหนูจะหาซื้อบ้านแถวนี้แล้วลงหลักปักฐาน หนูพอมีเงินเก็บอยู่บ้างค่ะ”

“งั้นก็หาโรงแรมอยู่ไปก่อนสิ อย่าไปเลยระยองน่ะ ได้ไหมลูก” ระรินขอร้องลูกสาว

“หนูไม่อยากอยู่ตามลำพังกับลูกนี่คะ หนูไม่อยากอยู่คนเดียว” นลินบอกกับแม่

“งั้นก็ไปอยู่บ้านพี่ก่อนดีไหม พี่ไปอยู่โรงแรมแทนก็ได้ ถ้าลินต้องการ” ขันธ์พยายามช่วย

“ไม่ค่ะ ลินพูดแล้วว่าจะไม่กลับไปหาพี่ ลินก็จะไม่ทำเด็ดขาด” นลินบอกกับเขาอย่างชัดเจน

“เอาล่ะ งั้นไปอยู่สวนเพื่อนแม่ก่อนแล้วกัน แม่จะได้ไปเยี่ยมลูกกับหลานๆ ได้” ระรินตัดสินใจ ก่อนเขียนแผนที่ให้ลูกสาว “เดี๋ยวแม่โทรไปบอกพวกเขาเอง จำกิ่งเพื่อนแม่ได้ไหม น้ากิ่งน่ะ”

“อืม นานแล้วค่ะ แต่แน่ใจนะคะว่าไม่เป็นไร” นลินถามอีกครั้ง

“แน่สิ ไปเถอะ หัวดื้อทั้งพ่อทั้งลูก” ระรินหันไปเห็นเลือดที่หัวตัวปัญหาก็ถอนหายใจ “อย่าลืมไปโรงพยาบาลด้วยล่ะ”

“ขอบคุณครับ” ขันธ์พยักหน้าช้าๆ ก่อนเดินตามนลินไปที่รถ

ระรินมองแล้วถอนหายใจยาว ดูท่าลูกสาวคงหนีไม่พ้นคนหัวแตกเสียแล้ว หลายอย่างไม่ถูกต้องในตอนแรก แต่ถ้ารู้สึกสำนึกแล้วอาจทำให้อะไรถูกต้องบาง

ลูกสาวเธออาจยังต้องเจออะไรอีกมาก แม่ระรินจะภาวนาขอให้เรื่องวุ่นๆ นี้จบลงเสียที

*******************************************


“ขอบใจลูกที่ทำให้ทุกอย่างวุ่นวายมากขึ้นไปอีก แม้แต่แม่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้ทุกอย่างดีขึ้นไปอีก หนูลินถึงกับลั่นคำพูดว่าจะไม่กลับมาหาลูก ซึ่งแม่เชื่อว่าน่าจะหมายถึงเราทุกคน แล้วหลานของแม่ล่ะ” ขวัญฤดีปวดหัวเมื่อฟังลูกชายเล่าจบ พร้อมมองแผลที่หัวลูกชายอย่างสมน้ำหน้า

ปีเตอร์ส่ายหน้า ก่อนหันไปบอกกับภรรยา “ผมว่าทุกอย่างดูยากมากขึ้นทุกที พรุ่งนี้ผมว่าเราไปพบพ่อแม่ลินสักหน่อยดีไหม”

“ต้องไปแน่แต่อย่าหวังอะไรมากนะคะ เขายังไม่ใจเย็นพอจะฟัง ขนาดลูกเราหัวแตกในบ้านเขา เขายังไม่สนใจเลย แต่ก็สมควรแล้วล่ะที่จะต้องโดนแบบนี้” ขวัญฤดีย้ำอีกครั้ง

“พรุ่งนี้ผมคงไปหาลินแต่เช้า ตอนนี้ผมขอไปนอนก่อนนะครับ ปวดหัวตุบๆ เลย” ขันธ์ยกมือขึ้นกุมขมับแต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยให้แม่เห็นใจเขา

“น่าจะโดนให้สลบไปเลยนะ จากสิ่งที่ทำมาทั้งหมด ฉันก็ยังไม่แน่ใจว่าคลอดลูกสองคนนี่ ออกมาทำลายชีวิตผู้หญิงคนแล้วคนเล่าทำไม” ขวัญฤดีตอกย้ำมากขึ้น

“ใจเย็นๆ น่า คุณ ยังไงก็ลูกเรา จะโกรธแค่ไหนก็ลูกเรานะ” ปีเตอร์โอบไหล่ปลอบโยนภรรยา ที่กำลังผิดหวังกับสิ่งที่ลูกชายทั้งสองทำ “ผมเข้าใจว่าคุณเป็นห่วงหลานสองคนของเรานะ”

“ฉันไม่แค่เป็นห่วงหลานของเราหรอกนะคะ แต่ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน ฉันสงสารลินเหลือเกิน ที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้” ขวัญฤดีถอนหายใจยาว

“ผมจะต้องได้ทั้งหลานแล้วก็แม่ของหลานไว้แน่นอน คุณไม่ต้องห่วง แต่จะได้แบบไหนผมไม่รับปาก อาจจะได้มาเป็นลูกสาวของเราแทนที่จะเป็นลูกสะใภ้ก็ได้” ปีเตอร์ครุ่นคิดแผนอยู่ในใจ

ลูกไม่เอาไหนสองคน...ไม่มีใครโตพอจะจัดการทุกอย่างได้ แถม ยังสร้างความวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น

*******************************************


คำขอโทษดูจะไม่เพียงพอสำหรับอดีต ผ.อ. เกษม แต่ทั้งสองก็ออกมาได้อย่างสงบ โดยไม่มีคำพูดใดๆ จากปากคนโกรธเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ระรินยังรับแขกมากกว่า แต่ก็ไม่พูดมาก

“เราต้องไปบ้านสวนอีกแห่ง เพื่อเยี่ยมหลานๆ ของเราด้วยค่ะ” ขวัญฤดีพูดขึ้นอย่างเหนื่อยใจ

“บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเราจอต้องทำอะไรแบบนี้ นั่นหลานเรานะ ถึงผมจะเห็นใจลิน แต่หลานของผม” ปีเตอร์พูดขึ้นอย่างหงุดหงิด

“ความรักค่ะ พีท คิดถึงแม่ที่ถูกพรากลูกไปสิคะ คุณยังรักลูกของเราเลย แล้วไม่คิดบ้างเหรอว่า ลินจะรักลูกของเธอแค่ไหน เมื่อตอนนี้ลูกเป็นสิ่งเดียวที่เธอมี ฉันว่าถ้าเราพรากลูกไปจากเธอ ชีวิตเธอจะไม่เหลืออะไร แล้วสิ่งที่เธอจะทำต่อไปก็มีอยู่สองทาง นั่นก็คือหาทางนำลูกกลับมา หรือไม่ก็พยายามทรมานพวกเราให้ต้องทุกข์ตรมตลอดไป ผู้หญิงคนนี้เวลาร้าย ฉันเชื่อว่าเธอสามารถร้ายได้อย่างเลือดเย็นทีเดียว ฉันอ่านสายตาเธอออก” ขวัญฤดีคาดเดาได้อย่างแม่นยำทีเดียว

สายตาเด็ดเดี่ยวทำให้เธอนึกหวาดหวั่นเป็นบางเวลา ยิ่งถ้าเป็นสายตาของคนที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้วล่ะก็...น่ากลัวเลยทีเดียว

“คุณคงลืมไปแล้วว่าเรามีเงินและอำนาจ” ปีเตอร์ไม่ค่อยอยากเชื่อนัก

“ในอดีตมีผู้หญิงที่ดูไร้พิษสงโค่นอำนาจของกษัตริย์มานักต่อนัก ไม่อย่างนั้นคนคงไม่พูดว่าอย่าทำให้ผู้หญิงแค้นหรอกค่ะ แล้วอีกอย่างในเมืองไทยมีความเชื่อที่ว่าผู้หญิงก็เหมือนงูพิษ งูพิษเวลาแค้นใครก็จะติดตามไปจนกว่าจะได้แก้แค้น เหมือนคนที่ถูกต้อนจนตรอกนั่นแหละค่ะ เขาจะใจเย็นกว่าปกติและทำในสิ่งที่เราคาดไม่ถึงเสมอ” ขวัญฤดีอธิบายอย่างรู้จริง

“ผมก็อยากจะเชื่อหรอก ถ้าบังเอิญคุณไม่ชอบผู้หญิงคนนี้มากเสียจนเข้าข้างไปเสียหมด” ปีเตอร์ถอนใจยาว

“เข้าข้างเหรอ ถ้าคุณมีลูกสาว แล้วถูกผู้ชายข่มขืน กักตัวไว้ให้ห่างจากคนใกล้ชิด คุณค่อยมาพูดว่าฉันเข้าข้างผู้หญิงด้วยกัน” ขวัญฤดีชักหงุดหงิดที่สามีไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“โอเคๆ ผมก็ไม่ชอบใจสิ่งที่ลูกชายเราทำนัก แต่ผมก็ไม่ชอบใจที่หลานๆ ถูกกันให้อยู่ห่างๆ เราแบบนี้ ผมอายุมากแล้วนะ ลูกเราก็ไม่ยอมแต่งงานกันสักที แล้วพอมีหลานให้เราก็มีแบบไม่ถูกต้องอีกแบบนี้ แต่ถึงยังไงผมก็อยากอยู่ใกล้ๆ หลานของเรา” ปีเตอร์ระบายความอึดอัดออกมา

“ฉันรู้ค่ะ ฉันก็อยากอยู่ใกล้หลานเหมือนกัน แต่เพราะเราอบรมลูกมาไม่ดีพอ พวกเขาถึงได้ทำให้มันเป็นแบบนี้ ให้เวลาลินบ้างสิคะ ฉันเชื่อว่า เธอคงไม่ไร้เหตุผลจนพรากหลานไปจากเราแน่นอนค่ะ” ขวัญฤดีวางมือที่มือของสามีเพื่อเป็นกำลังใจให้กัน

“แต่ผมก็ไม่ชอบอยู่ดีที่หลานถูกพาไปไหนมาไหนตามใจเด็กคนนั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหลานๆ ของเราล่ะ” ปีเตอร์พูดขึ้นอย่างขัดใจนิดๆ

“ฉันก็ไม่ชอบ แต่รู้อะไรไหมคะ ลูกของเราน่ะ ยังผลิตหลานใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา แต่เด็กคนนั้นที่คุณว่า เขาคงจะไม่เชื่อใจผู้ชายคนไหนอีกต่อไปแล้วจากสิ่งที่ลูกชายของเราทำกับเธอ” ขวัญฤดีบอกกับสามีอย่างเข้าใจผู้หญิงด้วยกัน

“เอาเถอะ ผมไม่อยากทะเลาะกับคุณเลย ใช่ว่าผมไม่เข้าใจนะ แต่บางครั้งผมก็ไม่ชอบใจสิ่งที่เด็กคนนั้นทำเท่าไร ผมยอมรับว่าใจแคบ แต่ลูกเราจะทำอะไรได้เลวร้ายสักแค่ไหน เขาก็เป็นลูกของเราไม่ใช่เหรอ” ปีเตอร์ตอบก่อนถอนหายใจอีกครั้ง

ขวัญฤดีไม่พูดอีกต่อไป ความเห็นที่แตกต่างและวัฒนธรรมความคิดเรื่องเพศ หรือความเข้าใจนั้นไม่ทำให้ทุกอย่างสงบลงได้ นอกจากถอยกันคนละก้าว

“คุณไม่พอใจผมหรือเปล่า” ปีเตอร์ถามขึ้นเมื่อเห็นเธอเงียบไป

“ไม่หรอก เรื่องแค่นี้ฉันไม่เก็บมาเป็นอารมณ์หรอกค่ะ เราอยู่กันมานานเกินกว่าที่จะมานั่งคิดเล็กคิดน้อยกันแล้วนะคะ” ขวัญฤดีตอบสามีแล้วมองเส้นทางที่ลูกชายบอก

บางครั้งเธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันที่เข้าข้างนลินไปเสียทุกอย่าง คงเพราะสงสารที่ถูกกระทำเสมอด้วย คิดไปคิดมา เธอควรบังคับให้ขันธ์แต่งงานกับนลินซะ ทุกอย่างจะได้จบสิ้นเสียที

*******************************************


นลินนิ่งงันเมื่อปีเตอร์ขอพูดกับเธอตามลำพัง เธอได้แต่ตามไปด้านนอก ขณะที่แม่เขากับเขานั่งเล่นกับลูกชายฝาแฝดของเธอ เธอรู้สึกเกรงกลัวอย่างบอกไม่ถูก และคงเหมือนเขาเวลาที่เขาไปคุยกับพ่อเธอในโรงกล้วยไม้

เธอยืนนิ่งรอให้เขาเป็นฝ่ายพูด...โดยไม่พูดสักคำ

ปีเตอร์หันกลับมามองหญิงสาว ที่ทำให้ลูกชายสองคนของเขาปั่นป่วน แล้วก็ถามตัวเองว่าอะไรในตัวเธอ ทำให้ลูกชายสองคนของเขาบ้าคลั่งได้

หญิงสาวร่างอวบยืนนิ่งอย่างสงบ หากภายใต้ความสงบนั้นมีแต่ความสับสนวุ่นวาย และสิ่งที่เธอจะทำคือปกป้องลูกๆ ของเธอ ไม่ว่าจะมีใครอยู่ข้างเธอหรือไม่ก็ตาม

“ฉันขอพูดให้ชัดเจนเลยนะ ได้โปรดอยู่กับแพทริกซ์ ได้โปรดอย่าทอดทิ้งเขา ได้โปรดให้โอกาสเขาแก้ตัวในทุกสิ่งที่ทำมา แล้วฉันสัญญาว่าจะไม่มีการบังคับฝืนใจอะไรเธอทั้งนั้น แต่ฉันขอร้องเธอ อย่างที่ไม่เคยขอร้องใครมาก่อน ถึงมันจะเป็นความผิดของลูกชายฉัน แต่ทั้งหมดที่ลูกชายฉันทำมาแล้วมันยังไม่พออีก ก็จงให้เขาชดใช้ทั้งชีวิตนั่นแหละ” ปีเตอร์เลือกทางนี้ให้กับนลิน และมันคงดีกว่าสำหรับทุกคน

“ทำไมถึงเลือกแพทริกซ์ให้ฉันคะ” นลินถามขึ้นอย่างสงบ

“เพราะพฤติกรรมของเขาดูจะเหมาะกับเธอมากกว่าดีนส์น่ะสิ ดีนส์น่ะโง่จะตายไป ฉันไม่คิดว่าเธอจะทนความโง่ของเขาได้ ส่วนเรื่องเอาแต่ใจละก็ ฉันต้องยอมรับว่าลูกสองคนของฉันมีเท่ากันและคงไม่น้อยไปกว่าเธอหรอก ฉันอยากให้เธอสงสารหลานฉันบ้าง เขาต้องไปไหนมาไหนกับเธอตลอด ซึ่งมันไม่เป็นการดีเลย” ปีเตอร์หวงหลานชายฝาแฝดของเขามากกว่า

“ฉันได้รับปากพ่อฉันว่าจะไม่กลับไปหาคนที่ข่มขืนฉันอีก นั่นเพราะท่านไม่ต้องการให้ฉันทำผิดซ้ำซาก โดยไม่เรียนรู้จากความผิดพลาดเหล่านั้น ลูกชายสองคนของคุณทำกับฉันอย่างที่ท่านหมายถึง คนหนึ่งทำที่กายแต่อีกคนทำที่ใจ คุณคิดว่าฉันจะยอมผิดคำพูดกับพ่อฉัน เพียงเพราะคำร้องขอของคุณอย่างนั้นเหรอ” นลินย้อนถามและพูดความจริงที่มีแต่ทำให้เจ็บปวด

ปีเตอร์นิ่งงัน เพราะเขาไม่ใช่ไม่คิดถึงคำพูดของภรรยา เพียงแต่ไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะเข้มแข็งพอที่จะพูดต่อหน้าเขา มันช่างเป็นการตอกย้ำให้เขาต้องนึกถึงความผิดที่ลูกชายสองคนทำกับเธอ

“แต่ทั้งหมดฉันคงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวฉันเอง ที่ทั้งโง่งมและหลงทางอยู่ในภาพมายาที่คนอื่นสร้างขึ้น คุณไม่คิดเหรอว่าที่ฉันยอมอยู่กับลูกคุณทั้งสองคนช่วงระยะเวลาหนึ่ง มันเพราะฉันคิดถึงลูกๆ ฉัน แต่ในช่วงเวลานั้นก็ทำให้ฉันเข้าใจได้ว่าลูกคุณคนหนึ่งมองฉันเป็นแค่ผู้หญิงใจง่ายโลเล ส่วนอีกคนก็เอาแต่ผลักไสบีบบังคับให้ฉันยอมอยู่กับน้องเขา จนฉันรู้สึกเหมือนผู้หญิงง่ายๆ ที่ไม่ว่ากับใครก็ได้เสมอ แต่ตอนนี้ฉันตื่นแล้วและคงไม่ทำอย่างนั้นอีกแน่” นลินตอบชัดเจน

“ฉันไม่ได้ขอให้เธอกลับไปเพื่อเป็นอย่างนั้น ฉันขอให้เธอเลือกคนที่พยายามทำเพื่อเธอกับลูกมากที่สุดต่างหาก แพทริกซ์รักเธอ เธอก็รู้ เขาทำแบบนั้นก็เพราะรักดีนส์มากไป และไม่อยากให้ดีนส์เป็นบ้าไปอีก แต่ตอนนี้ดีนส์ดูจะมีสติมากพอและรู้ว่าเขาไม่ควรคว้าสิ่งที่จะไม่มีวันเป็นของเขา” ปีเตอร์อธิบายอย่างใจเย็นเมื่อตั้งสติได้

ถ้าเขาจะต้องเห็นแก่ตัวในสายตาเธอ เขาก็จะทำ ถ้าทำให้หลานเขามีชีวิตเข้าที่เข้าทางสักที

นลินนิ่งเงียบแล้วชั่งใจ “ถ้าคุณสัญญาว่าพวกเขาจะไม่ทำพฤติกรรมบ้าๆ อีก โดยที่ฉันไม่ยินยอมละก็ ฉันก็ไม่มีปัญหาที่จะอยู่กับแพทริกซ์ แต่ฉันจะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้นถ้าฉันยังไม่พร้อม หวังว่าคุณจะเข้าใจ”

“ตกลง ขอเพียงเธอให้โอกาสกับแพทริกซ์อีกครั้ง ฉันหวังว่าเขาจะไม่โง่เพราะอารมณ์ชั่ววูบอีก” ปีเตอร์ค่อยโล่งใจ เพราะอย่างน้อยเขาก็หวังว่าลูกชาย ที่เขามองว่ามีความรับผิดชอบมากกว่าอีกคน จะไม่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องโดนชะตากรรมเล่นตลกซ้ำแล้วซ้ำอีก

นลินหลับตาลงแล้วข่มใจ ก่อนยื่นข้อเสนออีกอย่าง “คุณต้องสัญญาก่อนว่า ถ้าวันใดก็ตามที่มันถึงเวลาที่ฉันจะได้ตัดสินใจอีกครั้ง คุณจะทำทุกวิธีตามที่ฉันต้องการ”

เสียงถอนหายใจดังขึ้น ปีเตอร์เริ่มเชื่อที่ภรรยาบอกเขาแล้ว ท่าทางผู้หญิงคนนี้คงไม่ยอมอะไรง่ายๆ แน่นอน “ตกลง ถ้ามีอะไรแบบนั้น ฉันนี่แหละจะช่วยเธอทุกอย่าง”

“งั้นก็ตกลงค่ะ หวังว่านี่จะเป็นคำสัญญาจริงๆ นะคะ ไม่ใช่เพียงคำพูดที่เชื่อถือไม่ได้” นลินระแวงนิดๆ เมื่อไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเธอบ้าง ถ้ากลับไปในจุดนั้น

ปีเตอร์เชื่อแล้วว่าที่ภรรยาเขาพูดนั้นเป็นความจริง และคงโทษหญิงสาวคนนี้ไม่ได้ เพราะเธอสูญเสียความไว้วางใจที่มีต่อผู้ชายไปแล้ว

“นี่คือคำสัญญา ไม่ใช่คำพูดลอยๆ แน่นอน และคนอย่างฉันถ้าให้คำสัญญาใดออกไปแล้ว ฉันจะทำตามเสมอ” ปีเตอร์ให้คำมั่นอีกครั้ง

นลินยื่นมือออกมาจับกับเขา เพื่อทำสัญญาจากวาจา ก่อนยิ้มให้คนสูงวัยอย่างโล่งอก “จริงๆ หนูก็อยากให้เป็นแบบที่คุณพูดค่ะ แล้วหวังว่าคุณจะจัดการลูกชายคุณได้นะคะ”

“เรื่องนั้นแน่นอน ฉันก็รู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิด แต่เธอก็คงเหมือนฉัน เราต่างก็คิดถึงเนธานกับอีธานมากกว่า พวกเขาควรได้อยู่อย่างมั่นคง มากกว่าต้องอยู่อย่างคลอนแคลนไม่ใช่เหรอ” ปีเตอร์ผายมือทั้งสองข้างออก เป็นเชิงขออนุญาตโอบไหล่ เขาว่าเขาชักชอบหญิงสาวคนนี้เข้าให้แล้ว

นลินก็ปล่อยให้คนสูงวัยโอบไหล่เดินกลับไปยังกลุ่มคนที่นั่งกันอยู่ “ค่ะ”

“ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวของเราอย่างเป็นทางการ จำไว้ว่าไม่ว่าวันหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะเป็นสมาชิกครอบครัวของเราตลอดไป และแน่นอนว่าฉันจะปกป้องเธอแน่นอน” ปีเตอร์ให้คำสัญญาอีกครั้ง

“ขอบคุณค่ะ” นลินกล่าว ก่อนมองไปยังกลุ่มคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น

ขันธ์มองพ่อโอบไหล่เธอก็ค่อยโล่งใจ ก่อนถามแม่ “แม่ว่าพ่อพูดอะไรกับลินครับ”

“อืม แม่ก็ไม่แน่ใจ แต่น่าจะดีกับเราทุกคน” ขวัญฤดีก็บอกไม่ถูก เพราะสามีเพิ่งจะพูดกับเธอในรถอีกอย่าง และทำกับนลินตรงนี้อีกอย่าง บางทีอะไรๆ ก็คงสับสนจนเธอเองก็จับต้นชนปลายไม่ถูก

นลินยิ้มกับคนสูงวัย ก่อนมองลูกน้อยที่คลานอยู่ในคอกเด็กใต้ต้นไม้ใหญ่ โดยหวังว่าทุกสิ่งจะดีกว่าเดิม

เมื่อมีโอกาสขันธ์ก็ถามเธอ “พ่อคุยอะไรกับลินเหรอ”

“ไม่มีอะไรค่ะ พี่ว่าน้าเค้าจะว่าอะไรลินไหม ถ้าลินจะย้ายไปอยู่บ้านพี่คืนนี้” นลินถามขึ้นด้วยดวงหน้าเรียบเฉย

“ไม่หรอก ไม่ว่าเลย พี่ว่าเขาคงโล่งใจด้วยซ้ำไป” ขันธ์ตอบพร้อมยิ้ม แต่ก็อดถามเรื่องเดิมไม่ได้ “บอกหน่อยสิ”

“ถ้าบอก ลินก็ไม่ไปอยู่บ้านพี่ ว่าไงคะเลือกเอา” นลินไม่ยอมง่ายๆ และหาทางทำให้เขายอมจำนนอย่างรวดเร็ว

ขันธ์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างขัดใจ ก่อนกัดฟันพูด “ยอมให้คนเดียวหรอกนะ ถ้าเป็นคนอื่นละก็จะเค้นให้พูดเลยทีเดียว”

“เหรอคะ ก่อนจะเค้นถามลิน คงต้องไปขอพ่อแม่พี่ก่อนล่ะนะ เพราะท่านสัญญากับลินว่าถ้ามีใครบังคับลินทำอะไร ท่านจะช่วยลินเต็มที่” นลินถือไพ่เด็ดกว่า ก็เผยทีละนิด

“หง่ะ แปลว่าพ่อพี่ให้ใบอนุญาตให้ฆ่าพวกพี่น่ะสิ” ขันธ์หันไปมองพ่อกับแม่ ที่พูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเงียบๆ อย่างเสี้ยวไส้

“ไม่รู้สิคะ” นลินอุ้มลูกคนหนึ่งไว้แล้วชนจมูกกันด้วยความเอ็นดู

“โอเค พี่จะรีบช่วยเก็บของแล้วเลิกถามดีกว่า ก่อนที่ระเบิดจะลง ว่าแต่ลินจะอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน คือหมายถึงเมืองไทยน่ะ” ขันธ์ถามขึ้น เพื่อจัดตารางงานให้ถูก

นลินคิดใคร่ครวญก่อนตอบ “ก็ยังไม่รู้ค่ะ ขอเวลาให้ลินอธิบายกับพ่อแม่ก่อน แล้วค่อยว่ากัน คิดว่าไม่น่าจะเกินสองเดือน พี่จะกลับก่อนก็ได้นะคะ ลินว่าลินน่าจะเดินทางไปกับลูกๆ ตามลำพังได้”

“อืม นั่นสิ แต่พี่ไม่มีวันให้ลินกับลูกตามลำพังหรอก เจ้าแฝดน้อยๆ กำลังจะซนแล้วล่ะ” เขาพูดขณะจับขาธรรม์ที่ขยันคลานไปทั่วคอกเด็ก

“พี่ต้องทำงานเองเป็นสองเท่า ลินไม่หวังให้พี่มีเวลาให้ลินหรอกค่ะ” นลินตอบอย่างตรงไปตรงมา

“พี่ก็จะทำเหมือนพ่อพี่ คือมีเวลาให้ลินกับลูกให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เหมือนที่ท่านก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะมีเวลากับพวกพี่แล้วก็แม่พี่ไงล่ะ” ขันธ์ตอบก่อนหอมแก้มเธอเบาๆ

“ขอบคุณค่ะ” นลินพูดโดยไม่หวัง

ธุรกิจไม่ใช่เล็กๆ ถ้าเขาทำได้จริงๆ ก็คงไม่เคี่ยวเข็ญให้เขตต์ไปช่วยงานหรอก แต่เพียงคำพูดก็พอแล้วสำหรับเธอ ยังดีเสียกว่าไม่ได้แม้แต่คำพูดเลยสักครึ่งคำ

*******************************************

สวัสดีค่ะ
อิอิ กำลังพยายามจัดการนายเขตต์และชีวิตตัวเองอยู่ค่ะ
ตอนจบมี 3 เวอร์ชั่นแน่นอน แต่พอลงตอนที่คิดว่าจะให้จบแบบคันหัวใจ
จะมาถามอีกครั้งนะคะ ว่าอยากให้โพสตอนจบทั้ง 3 แบบหรือแบบไหนดีค่ะ
อีกราว9ตอนได้มั้งคะ ยังเขียนไม่จบเลย แต่ก็ใกล้แล้วค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดนะคะ
อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยดูแลสุขภาพด้วยค่ะ
ขอให้อากาศคงที่แบบนี้นานๆ จะได้ไม่ป่วยค่ะ ^^
เป็นกำลังให้ทำคนที่กำลังสอบหรือรอผลสอบด้วยค่ะ

คุณ อเสวนา --- ขอบคุณค่ะ ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ

คุณ mimny --- เดี๋ยวมีทุกแบบบแน่ๆ ค่ะ อิอิ

คุณ wor --- ขอบคุณค่ะ





Create Date : 08 ตุลาคม 2552
Last Update : 8 ตุลาคม 2552 0:19:24 น. 1 comments
Counter : 373 Pageviews.

 
วุ่นๆ ดีนะคะ


โดย: เพลง IP: 202.12.97.100 วันที่: 8 ตุลาคม 2552 เวลา:14:07:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

เพลิงวารี
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ไหดองเหล็กไหล
New Comments
[Add เพลิงวารี's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com