เพลิงวารี & คชสีห์ ฿ Babylonia
<<
พฤศจิกายน 2556
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
18 พฤศจิกายน 2556
 
 

โอเอซิส...พิชิตรัก ตอนที่ 16

  โอเอซิส...พิชิตรัก ตอนที่ 16


เมื่อถึงคอนโดที่เดิม เจนก็สลัดคราบท่านหญิงทิ้ง รอเวลาที่เพื่อนจะเลิกงานแล้วแวะมาหา เธอก็นอนคว่ำกับที่นอนแล้วผ่อนคลาย

“ท่านหญิงไม่ตรวจสุขภาพหน่อยเหรอคะ” เอมม่าเป็นห่วงเพราะไม่อยากให้ท่านหญิงป่วย

“ไม่ต้องหรอก ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นอะไร” เจนคว้าโทรศัพท์มานอนมอง แล้วนึกขึ้นได้ “จัดการเรื่องศิลป์ไหมหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ” เอมม่ารายงาน ขณะที่โฮเวิร์ดเอาคลุมช่วงขาให้เจ้านาย

“ขอบคุณค่ะ โฮเวิร์ด ฉันเริ่มจะชินกับอากาศร้อนแล้วสิ แต่อยากจัดการงานให้เสร็จๆ แล้วจะไปพักร้อนที่ชาโตว์” เจนพูดอย่างอารมณ์ดี ไม่เหมือนคนที่กำลังเศร้าเพราะการลาจา

โฮเวิร์ดค่อยสบายใจได้มาก กลัวว่าท่านหญิงจะเป็นเหมือนตอนที่คู่หมั้นจากไปอีก แต่ถ้าหากเป็น ดูท่านหญิงไม่ค่อยเดือดร้อน เหมือนตอนที่คู่หมั้นจากไปในสงคราม ท่านหญิงก็ทำตัวปกติอยู่ได้

พอเพื่อนมาเยี่ยมแล้ว เจนก็ออกไปทานมื้อค่ำกับเพื่อน คุยกันออกรสเสียจนคนอื่นต้องหันมามอง

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะควงกับเจ้าพ่อบ่อน้ำมัน” ลีลาหัวเราะและชื่นชมนิดๆ

“เขาก็คนธรรมดาเหมือนเราเนี่ยแหละ” เจนพูดขณะหยิบขนมปังมาทาเนย “ใครจะไปอดใจไหว เขาเซ็กซี่มากนะ ลีลา และเขาก็มีอะไรดีๆ เยอะ”

ลีลากุมมือเพื่อนแล้วยิ้มดีใจ “ดีใจจริงๆ ทีเธอกลับมาเป็นคนเดิมได้อีกครั้ง ตอนที่เสียเจมส์ไป เธออาจยิ้มได้ แต่ฉันรู้สึกว่ารอยยิ้มของเธอเศร้าและฝืนมาก”

“คงเพราะฉันรู้สึกว่า ฉันสามารถเริ่มต้นใหม่ได้แล้วไง ก็เลยยิ้มได้สดชื่นขึ้น” เจนพยักหน้าๆ เธอทานขนมปังไปสามสี่ชิ้นแล้ว ขณะรอจานหลัก

“เธอนี่ทานจุจริงๆ ว่าแต่เมื่อไรจะพาเขามาเจอฉันบ้าง” ลีลาสังเกตเห็นว่าเพื่อนทานอาหารมากขึ้น แต่ก็สนใจหนุ่มอาหรับของเพื่อนมากกว่า

“คงไม่มีวันนั้นหรอก เขาคงไม่ว่างออกจากประเทศอีกนาน ตอนฉันมาเมืองไทย เขาเจอเรื่องยุ่งๆ เยอะ อีกหลายปีแหละว่าจะเจอกันอีก” เจนอธิบายความอย่างไม่ใส่ใจนัก

“เธอกับเขาไม่ได้คบกันเหรอ” ลีลาถามเพื่อนอย่างงงๆ

“คบกัน? ตลกแล้วล่ะ ลีลา อย่างฉันกับเขา เรียกว่ามีผลประโยชน์ร่วมกันมากกว่า เขาทำให้ฉันได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ก็นับว่าเป็นเพื่อนที่ใช้ได้อยู่นะ แต่คงไม่ได้เจอกันอีกนานเลยล่ะ เขาก็ไม่ค่อยว่างเท่าไร เห็นว่ามีธุรกิจเยอะ ฉันเองก็มีธุระที่ต้องจัดการ ว่าแต่เธอซื้อหุ้นของศิลป์ไหมยี่สิบเปอร์เซ็นแล้วใช่ไหม” เจนถามเพื่อนเรื่องงานไปด้วย

“แน่สิ ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว เธอจะเอาบริษัทที่มีแต่ขาดทุนมาทำอะไร ได้ข่าวว่าสินค้าที่เธอสั่งก็ไร้คุณภาพ เห็นว่าโรงแรมเธอสั่งปรับเขาด้วยไม่ใช่เหรอ” ลีลาเป็นงงที่เพื่อนต้องการบริษัทที่ใกล้จะเจ๊งแล้ว

“เอาเป็นว่าฉันต้องการมันก็แล้วกัน ซื้อมาทำให้ดีขึ้น ฉันก็เพิ่งให้บริษัทลูกซื้อหุ้นมาเพิ่มอีกห้าเปอร์เซ็นต์ เท่ากับตอนนี้เรามีหุ้นห้าสิบห้าเปอร์เซ็นแล้ว แต่รู้สึกว่าสองพ่อลูกนั่นจะอยากขายมากๆ แล้วนะ เพราะรับภาระหนี้ไม่ไหว และถูกหุ้นส่วนที่เหลือกดดัน” เจนไม่อธิบายเหตุผลที่แท้จริงให้เพื่อนฟัง

“จ๊ะๆ ยังไงก็ได้” ลีลารู้ว่าเพื่อนทำแต่ละอย่างย่อมมีเหตุผล ติดที่เป็นคนไม่ค่อยอธิบาย หากไม่ทำให้เธอรำคาญใจเท่าไรนัก ก็พอจะปล่อยวางไปได้

“ขอถามหน่อยได้ไหม ทำไมเธอไม่คบกับเขา หรือเพราะเขานับถือศาสนาอื่น” ลีลาถามอย่างสงสัย

“เพราะเขาไม่คิดจริงจังกับผู้หญิงนอกศาสนาน่ะสิ เขาจะแต่งงานกับผู้หญิงศาสนาเดียวกัน ซึ่งฉันก็เข้าใจได้ อีกอย่างฉันตั้งใจว่าจะไม่แต่งงานแล้วล่ะ เพราะฉันมีแผนอื่นในชีวิตแล้ว” เจนอธิบายความไม่ละเอียดนัก แต่ถ้าเธอไม่พูด ลีลาก็ไม่อยากจะคาดคั้นเพื่อน

ลีลาได้แต่พยักหน้า แล้วก็เริ่มคุยเรื่องสนุกๆ เรื่องอื่นต่อ

ไม่มีใครกะเกณฑ์บีบบังคับท่านหญิงฮาร์ทฟอร์ดได้

**********************************

ชายสองคนสองวัยนั่งอยู่ตรงหน้าเจน ขณะที่เธอนิ่งเฉย สีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์สุดๆ ในห้องประชุมที่ทั้งสองกำลังพยายามเสนอขายบริษัทให้เธอ

“ตอนนี้พวกผมมีหุ้นอยู่สามสิบเปอร์เซ็น และอยากจะยกบริษัทนี้ให้ท่านหญิงฮาร์ทฟอร์ดครับ” เดชาเริ่มเสนอขายทันที เพราะเขาไม่ไหวจะจัดการกับทุกอย่างแล้ว

เจนหาวอย่างเบื่อหน่าย ท่าทางไม่ค่อยสนใจเท่าไรนัก “ทำไมฉันต้องซื้อด้วยล่ะ”

“ท่านหญิงเหมาะจะดูแลที่นี่ครับ พวกผมจนปัญญาแล้ว” ดนุถอนหายใจยาว

“แล้วยังไง ฉันซื้อ พวกคุณก็ทำงานอยู่ที่นี่อยู่ดี ทำไมฉันต้องซื้อธุรกิจที่คนบริหารไม่มีความสามารถด้วย” เจนทำเป็นเบื่อหน่าย ก่อนจะบอกอย่างไม่ใส่ใจนัก “ฉันกำลังจะมายกเลิกออร์เดอร์อยู่พอดีเลย ตอนนี้เงินที่ฉันลงทุนไปมีแต่สูญหาย สินค้าไร้คุณภาพของพวกคุณกำลังทำให้ฉันเสียดายเงิน”

“เราพยายามแล้ว แต่พนักงานของเราไม่พยายามนะครับ เราพยายามพัฒนาและปรับปรุงเสมอ เพื่อให้งานออกมาดี” เดชาพยายามแก้ตัว เขาเอาเงินบริษัทไปผลาญกับการพนันจนแทบไม่เหลือเงินจ้างลูกน้องอีก

“ใช่ครับ เราไม่คิดมาก ผมขอเสนอขายหุ้นของเราให้คุณ” ดนุรีบใส่ต่อ “ห้าสิบล้านนะครับ”

“คุณคิดว่าฉันโง่ขนาดจะซื้อหุ้นที่ฉันไม่ต้องเสียเงินซื้ออย่างนั้นเหรอ” เจนจ้องกลับแล้วใส่ในตอนท้าย “เอมม่าเอาตัวเลขที่เขาติดค้างเรามาสิ แล้วอย่ามาเสนอขายของแพงทั้งที่คุณภาพมันไร้ค่า บริษัทคุณไม่มีเหลืออะไรแล้ว หนี้สินที่ทบกับไปมา เหตุเพราะพวกคุณน่ะ โกงเงินบริษัทไปหมด เอาไปใช้จ่ายส่วนตัวจนไม่เหลืออะไร ฉันแจ้งเรื่องนี้ให้กับบอร์ดบริหารหมดแล้ว พวกเขากำลังจะมาเพื่อปลดพวกคุณออกจากการเป็นผู้ถือหุ้น ต้องบอกว่าพวกคุณน่ะไม่มีเงินจะคืนค่าปรับสินค้าฉันเสียด้วยซ้ำไป”

ดนุกับเดชาต่างก็มึนงง จนกระทั่งผู้ถือหุ้นเข้าห้องมาจนครบ เอมม่าก็แจกแจงหนี้เสียของศิลป์ไหม แล้วพบว่าไม่มีทุนจะบริหารงานต่อ ทั้งหนี้สินก็ทวีขึ้น แถมยังจะแจ้งความจับเดชากับดนุที่ยักยอกเงินและวางแผนหลอกเงินจากเจนอีก

“คุณนี่เลวไม่ต่างจากพ่อหรือปู่คุณจริงๆ นี่ขายหุ้นไปเกือบหมดแล้วล่ะสิ มันจะเหลืออะไรให้ขายอีกไหม” หุ้นส่วนคนหนึ่งถามและไม่ต้องการคำตอบ เพราะคำตอบมันอยู่ที่เจ้าตัวหมด

“เราจะตกลงกันปิดบริษัทเหรอ เจน” ลีลาถาม แม้จะรู้ว่าเงินที่เธอเอามาซื้อหุ้นก็เป็นเงินของเพื่อน

“เราจะมาจัดการปัญหามากกว่า” เจนพูดแล้วยังไม่อธิบาย ก่อนตัดสินใจ “อย่างที่รู้กัน ฉันไม่ต้องการหุ้นอีกสามสิบเปอร์เซ็นอีก แต่ผู้ถือหุ้นอื่นก็ช่วยกันพยุงบริษัทนี้มานาน หากไม่ใช่เพราะคนก่อตั้งเป็นคนที่พวกเขานับถือ ก็คงทิ้งไปนานแล้ว ฉันถือเป็นคนใหม่ของที่นี่ อยากให้คนอื่นๆ ตกลงกันว่าจะเอายังไงดี”

“ผมคิดว่าหลักฐานการยักยอกเงินของบริษัทก็มากพอให้เอาผิดพ่อลูกคู่นี้ในข้อหาฉ้อโกงแล้วล่ะ ผมอยากให้ปิดบริษัทนี้ไปเลย เพราะมันมีแต่จะขาดทุน และไม่รู้จะเอาเงินทุนที่ไหนมาบริหารแล้ว” หุ้นส่วนอีกคนหนึ่ง เริ่มถอดใจ

ลีลาหันไปมองเพื่อน รู้ว่าเพื่อนคงไม่ให้เธอซื้อหุ้น ถ้าจะปิดบริษัทแบบนี้

“เอาไงล่ะ” ลีลาถามเพื่อน

“แปลว่าถ้ามีเงินก็คือจะทำต่อใช่ไหมคะ แล้วสองคนนี้จะเอายังไงคะ” เจนถามอย่างเฉื่อยชา

“แจ้งความจับเลย คนเลวๆ โกงบริษัท” หุ้นส่วนที่เหลือเริ่มประณาม

“อย่าเลย พวกผมทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์นะ” เดชาเริ่มกลัวความผิด

เจนนิ่งฟังที่เหลือประณาม ขณะที่ลีลาเห็นเพื่อนเย็นใจก็งุนงงเล็กน้อย

“โอ๊ย!!! แต่ละคนก็รอแต่เงินปันผล ไม่เห็นจะสนใจช่วยเหลือกันทำมาหากินบ้าง เคยโผล่หน้ามาช่วยทำบริษัทบ้างไหม ก็ไม่เคย แล้วพอมีปัญหาก็โทษแต่เรา” ดนุยังอ่อนวัยนักก็โกรธกว่าคนอื่น

“เวลามาขอเงินไปลงทุน ไม่เห็นจะบ่นอะไร พอธุรกิจล้ม ก็เอาแต่โทษคนอื่น โธ่เอ๊ย ไม่น่าฝากบริษัทไว้กับคนแบบนี้เลย” หุ้นส่วนคนหนึ่งด่ากลับอย่างไม่กลัว

“แจ้งความเถอะ จะได้หายปากดี อยู่ในคุกก็คงไม่กล้าปากหมากับใคร” หุ้นส่วนอีกคนเสนอ แล้วกดโทรออกเพื่อแจ้งความ

“แล้วหุ้นอีกสามสิบเปอร์เซ็นก็จะถูกยึดเป็นการใช้หนี้สินะ” หุ้นส่วนที่เหลือก็คิดแทน

“หุ้นน่ะมันไร้ค่า เพราะเงินร้อยล้านที่พวกนี้เอาชื่อบริษัทไปกู้มา แล้วพวกคุณก็เซ็นชื่อรับรองไปด้วยไม่ใช่เหรอ บริษัทจะต้องถูกฟ้องล้มละลาย พวกคุณก็ต้องโดนหางเลขไปด้วย” เจนพูดขึ้นเตือนสติคนที่เหลือ

“เอาไงดีวะ เรื่องแจ้งความต้องแจ้งแน่ แต่เรื่องบริษัทจะลากพวกเราไปล้มละลายด้วยนี่ไม่ได้เด็ดขาด” หุ้นส่วนที่เหลือครุ่นคิด 

ตอนนี้ศิลป์ไหมมีหุ้นส่วนอยู่เจ็ดส่วน เจนถืออยู่สามสิบห้าเปอร์เซ็น ลีลาถืออยู่ยี่สิบเปอร์เซ็น หุ้นส่วนอีกสามคนสิบเปอร์เซ็นสองคน แล้วห้าเปอร์เซ็นหนึ่งคน อีกสามสิบเปอร์เซ็นเป็นของพ่อลูกคู่นี้

“เอาอย่างนี้ไหมล่ะค่ะ ฉันยินดีจะหาแหล่งเงินทุนมาให้ แต่คุณเดชากับคุณดนุต้องโอนหุ้นให้กับฉันและหม่อมหลวงรัตนวดี โดยฉันขอแค่สิบเปอร์เซ็นที่เหลือให้หม่อมหลวงรัตนวดีก็แล้วกัน แล้วไม่ต้องแจ้งความ แต่พวกคุณก็จะไม่ได้เงินไปด้วยแม้แต่บาทเดียว” เจนเสนอความเห็น

“ดีเลย ช่วงนี้ต้องทำบริษัทแม่ให้ดีด้วยสิ กำลังจะลงทุนสินค้าตัวใหม่ ต้องขอกู้ธนาคาร” หุ้นส่วนคนหนึ่งเห็นด้วยแล้วไม่อยากให้ความน่าเชื่อถือเสียไป

“เอาไปฟรีๆ เลยเนี่ยนะ” ดนุโวยวายขึ้นมา

“หรือจะแจ้งความดี หลักฐานมีหมด ยังไงก็ดิ้นไม่หลุด” หุ้นส่วนอีกคนถาม

เดชากับดนุได้แต่ถอนหายใจยาว ยอมรับชะตากรรม ก่อนเรียกทนายความมาจัดการ เรื่องโอนให้เสร็จในวันนี้เลย และทำให้หุ้นส่วนที่เหลือพอใจ ไม่ต้องเจอเรื่องล้มละลายก็พอไหวอยู่

“ฉันจะเป็นคนเลือกผู้บริหารใหม่เอง จะรีบดำเนินการให้นะคะ” เจนแจ้งหุ้นส่วนที่เหลือให้รับทราบ

ดนุกับเดชาได้แต่ยอมรับชะตากรรม เพราะถ้าไม่โอนหุ้นให้ก็จะโดนแจ้งความอีก และหลักฐานก็มัดตัวพวกเขาได้แน่นอน หากดนุดูเจนที่ตอนแรกทำเป็นหวังดี ท้ายที่สุดปัญหาก็มากขึ้น

“คุณจงใจหลอกลวงพวกเราแต่แรก” ดนุพูดขึ้นและมองให้แน่ใจว่าคิดไม่ผิด

“เปล่าเลย ฉันไม่ได้หลอกลวงคุณ ถ้าพวกคุณทำงานเป็น บริษัทก็ไม่เป็นอย่างนี้ น่าจะรู้จักพิจารณาตัวเองเสียบ้างนะ ทั้งที่บริษัทนี้ก็เป็นของครอบครัวคุณมานาน แล้วทำไมถึงยักยอกบริษัทตัวเองได้” เจนส่ายหน้าช้าๆ พอดนุถลันจะเข้ามาทำร้าย ก็โดนโฮเวิร์ดซัดไปกองกับพื้น

หุ้นส่วนคนหนึ่งเห็นอย่างนั้นก็ยิ่งมีท่าทีรังเกียจมากขึ้น จึงขอตัวกลับ “ได้เรื่องยังไงแจ้งไปทางเราด้วยนะครับ ผมก็ไม่นิ่งนอนใจหรอก อยากให้เรื่องมันจบด้วยดี” ก่อนเดินออกไปผ่านดนุที่นอนดิ้นอยู่กับพื้นก็ถ่มน้ำลายใส่อย่างดูถูก “เป็นผู้ชายแท้ๆ คิดทำร้ายผู้หญิง นอกจากปลิ้นปล้อนแล้วยังหน้าตัวเมียอีก ดีแล้วที่ไปจากบริษัทนี้ได้”

หุ้นส่วนที่เหลือก็ทำเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้ถ่มน้ำลาย แค่เดินหนีอย่างรังเกียจ

เจนกับลีลารอจนเอกสารมาถึงมือก็จัดการให้เรียบร้อย แล้วก็ลุกขึ้นออกคำสั่ง “ลากคนพวกนี้ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว ไม่มีเรื่องต้องคุยอีก”

“แกจะมาทวงหนี้อีกใช่ไหม” ดนุกลัวว่าหนี้เก่าพอกพูน

“ฉันให้ทาน แต่อยากรู้เหมือนกันว่าพวกคุณเหลือเงินอยู่สักเท่าไร ขอให้มีชีวิตรอดกับเงินที่เหลืออยู่นะ อ๋อ คุณเดชาได้ข่าวว่าเจ้าหนี้ที่บ่อนคุณกำลังรอทวงเงินจากคุณอยู่ไม่ใช่เหรอ รีบหาทางหนีเข้าก็แล้วกัน” เจนตบท้ายแล้วเดชาก็ต้องรีบวิ่งอย่างหวาดกลัว เพราะไม่รู้ว่าเจ้าหนี้จะมาทางไหน

“พวกผมไปทำอะไรให้คุณ” ดนุมองอย่างสงสัย

“ฉันต้องการแก้แค้นให้เพื่อนในยามยากของแม่ฉัน คุณอาจจะรู้จักนะ เธอชื่อดวงแก้ว อัชราฟ ไม่สิ ก่อนที่ปู่คุณจะขายเธอให้เศรษฐีซาอุฯ เธอชื่อ ดวงแก้ว วรรณมณีศิลป์” เจนอธิบายในตอนท้าย แล้วเบี่ยงประเด็น “แม่ฉันเขาได้รับรู้ความทุกข์ของผู้หญิงคนนี้มาก แม้หล่อนกับแม่ฉันจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ฉันคิดว่าต้องมีคนทวงหนี้ให้กับเธอ”

ดนุถึงกับหน้าชา บาปกรรมที่ปู่เขาทำย้อนกลับมาหาเขากับพ่อ เขาก็รู้ว่าปู่เขาจงใจขายป้าให้กับเศรษฐี เพื่อให้เป็นนางบำเรอ และเอาเงินมาใช้ลงทุนเพิ่ม

ยามเข้ามาพาตัวดนุออกไปจากบริษัท ดนุสะบัดแล้วเดินออกไปเอง ตอนนี้เขาเหลือเงินอยู่ไม่มาก เพราะพ่อเขาผลาญไปกับการพนัน และเขาผลาญไปกับผู้หญิง ทีนี้งานก็ไม่มีทำ รายได้ก็ไม่มี ดีเท่าไรแล้วที่ไม่โดนทวงคืนหมดตัว

เจนยิ้มเยาะเล็กน้อย ถ้าเธอไม่สนใจความเป็นไปของคนพวกนั้น ต่อให้นามสกุลเดียวกับแม่เธอ แต่ความชั่วช้าของคนกลุ่มนั้นทำให้เธอกับแม่ต้องทุกข์อยู่ที่ซาอุดีอาระเบียอยู่หลายปี

ถึงพ่อจะรักแม่เธอ แต่พ่อก็ไม่ได้อยู่ดูแลตลอดเวลา แล้วฟอเซย์ก็หาเวลาที่จะทำร้ายเธอกับแม่ได้เสมอ  โดยที่พ่อทำอะไรไม่ได้มาก เพราะไม่อยากผิดใจกับตระกูลมาห์นาซ ลงโทษตามสมควร แต่ขับไล่ไม่ได้ เพราะไม่ต้องการก่อให้เกิดความขัดแย้งเพิ่ม

ทุกข์จึงตกมาที่แม่กับเธอ...

**********************************

สองพ่อลูกดูจะงุนงง เมื่อถูกเรียกมาที่บริษัทศิลป์ไหม ตอนแรกไม่อยากมา แต่ลูกค้ารายใหญ่สุดต้องการให้มา พวกเขาก็กลัวจะถูกไล่ออกจากบริษัทเหมือนกัน จึงละล้าละลังอยู่ด้านนอกไม่เข้าไปสักที

“คุณดุลยพลเข้าไปเถอะครับ เจ้านายเรียกแล้ว” ยามบอกอย่างใจดี

“เจ้านาย? เจ้านายไหนน่ะ ลุง” ดิฏฐ์ถามอย่างงุนงง

“ก็เจ้านายผู้หญิงฝรั่ง แกเข้ามาดูแลกิจการแล้ว แกบอกว่าถ้าคุณดุลยพลมาให้เข้าไปพบด่วน หรือคุณไม่ใช่ เห็นหน้าตาคล้ายๆ คุณเดชาอยู่นะ” ลุงยามแกเริ่มไม่แน่ใจ

“ใช่ พ่อฉันชื่อดุลยพล” ดิฏฐ์เอาบัตรประชาชนออกมาเพื่อแลกบัตร

ลุงยามดูแล้วส่ายหน้า “ไม่ต้องแลกครับ เข้าไปเลยครับ เฉพาะคุณสองคนไม่ต้องแลก”

ดุลยพลพยักหน้าช้าๆ แล้วเดินเข้าไปกับลูกชาย เมื่อเข้าไปติดต่อด้านหน้า แม่บ้านก็เข้ามารับหน้าแทน เพราะพนักงานออกไปเยอะ หลายคนอยู่ก็เพราะไม่รู้จะไปที่ไหน

“คุณดุลจำป้าได้ไหม” แม่บ้านถาม เพราะทำงานที่นี่มาตั้งแต่รุ่นสาว ที่ไม่ตามออกไปเพราะกลัวลูกหลานจะอดตาย

“ป้าแมว ยังอยู่อีกเหรอครับ” ดุลยพลเห็นป้ามาตั้งแต่ยังรุ่นๆ

“ไปไหนไม่ได้หรอกคุณ นี่ได้ข่าวว่าบริษัทจะปิดตัว ยังไม่รู้จะไปหางานที่ไหนเลย” ป้าแมวแกบ่นๆ

“แหมวันนี้มาเป็นพนักงานต้อนรับอีกตำแหน่งเหรอครับ” ดิฏฐ์ก็พูดหยอกปลอบแก

“จำใจ รีบเข้าไปหานายฝรั่งเถอะ ไม่รู้แกจะเอายังไง ถ้าปิดบริษัท ป้าคงอดตาย” ป้าแมวแกบ่นเสร็จก็รีบไปเตรียมน้ำเย็น ไม่รอให้อีกฝ่ายชวนคุยต่อ “ห้องประชุมใหญ่เลยค่ะ นายฝรั่งแกไม่ชอบห้องทำงาน แกไปนั่งที่ห้องประชุมแต่เช้าแล้ว”

ดุลยพลกับดิฏฐ์ต้องรีบตามเข้าไปในห้องประชุม เห็นท่านหญิงฮาร์ทฟอร์ดกำลังนั่งทำงานอยู่ก็รีบขอโทษที่มาช้า

“ขอโทษครับที่มาช้า คือจริงๆ ผมกับลูกชายมาถึงก่อนเวลาครับ แต่ผมไม่กล้าเข้ามา กลัวโดนไล่” ดุลยพลพูดตามประสาซื่อ จนโดนลูกชายกระทุ้ง

“ขอโทษครับ” ดิฏฐ์มีหัวธุรกิจมากกว่าพ่อ เขาจึงรู้ว่าอะไรควรพูดเมื่อไร

“ไม่มีอะไรมาก นั่งสิ อีกครู่เพื่อนฉันจะมา พอดีเขาติดงานด่วนเมื่อเช้า ยังไม่มาเหมือนกัน” เจนบอกแล้วเห็นแม่บ้านเอากาแฟมาให้ทั้งสองพร้อมน้ำดื่ม เธอดูบริษัทมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว ตัวโรงงานก็เงียบเหงา มีแต่งานผลิตได้ไม่ดี เธอจึงสั่งหยุดการผลิตไปก่อน

“คุณมีอะไรให้เรารับใช้เหรอครับ” ดุลยพลถามลูกค้าทันที

“คุณคงยังไม่ทราบ ฉันถือหุ้นที่บริษัทนี้อยู่” เจนพูดขึ้นทำเอาทั้งสองทำหน้างงกันใหญ่ เธอจึงอธิบาย “คุณคงสงสัยว่าทำไมฉันถึงสั่งออร์เดอร์คุณ ทั้งที่ฉันถือหุ้นในบริษัทผลิตผ้าไหมเหมือนกัน เพราะฉันต้องหาทางแหล่งผลิตหลายแหล่ง จะได้ไม่ต้องกังวลเวลาทางใดทางหนึ่งเกิดปัญหา”

ดุลยพลเข้าใจในทันที ก่อนจะสอบถามข้อมูล “คุณเรียกเรามาพบต้องการสั่งสินค้าเหรอครับ”

“เปล่า ฉันเพิ่งจัดการเอาผู้บริหารเก่าสองคนออก ถึงที่นี่จะเป็นบริษัทผ้าไหมเล็กๆ แต่ฉันต้องการคนที่รู้จักสินค้าประเภทนี้ดีพอ จะสามารถควบคุมคุณภาพงานได้ ฉันไม่ค่อยเชื่อถือพวกคุณเรื่องบริหารงานเท่าไร ไม่อย่างนั้นพวกคุณคงไม่ถูกนายดนุกับเดชาปั่นหัวได้มากอย่างนี้ แต่เริ่มแรกที่จะเรียกความมั่นใจของลูกค้าได้คือ ต้องการคุณภาพสินค้าที่ดี เรื่องบริหารตลาดเป็นหน้าที่ของฉันเอง” เจนอธิบายความ แม้ว่าการพูดความจริงจะทำให้อีกฝ่ายไม่ค่อยชอบใจก็ตาม

“คุณดูถูกเราแบบนี้ แล้วคิดว่าเราจะอยากรับข้อเสนอเหรอ” ดิฏฐ์พูดอย่างเลือดร้อน

“ใจเย็นๆ สิ ดิฏฐ์” ดุลยพลรีบห้ามลูกชาย

“ข้อแรกของคนที่รู้จักแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี คือยอมรับความจริงแล้วก้าวเดินไปข้างหน้า ถ้าคุณยอมรับความจริงข้อนี้ไม่ได้ คุณก็เดินหน้าไม่ได้ คุณก็ไม่สามารถบริหารงานภายใต้ความปลิ้นปล้อนของนักธุรกิจ ฉันไม่สามารถปล่อยให้พวกคุณบริหารงานเอง ถ้าพวกคุณไม่รู้จักข้อเสียของตนเอง” เจนใจเย็นอธิบายหลักการ

“ลองคิดดูสิ ถ้าคุณมีไหวพริบพอ สองพ่อลูกนั่นจะทำอะไรคุณได้ สมัยนี้อะไรๆ ก็ต้องใช้สัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ถ้าแค่พูดปากเปล่า มันก็คือลมปาก ไม่สามารถนำมาใช้ในทางกฎหมายได้ การที่ลูกค้าคุณยกเลิกการสั่งซื้อ เพราะพวกคุณทำงานแบบไร้ลายลักษณ์อักษร มันก็เพียงพอให้รู้ว่าพวกคุณยังขาดความสามารถในการบริหารงาน” เจนวิจารณ์อย่างมีเหตุผล

ดุลยพลพยักหน้าช้าๆ ต้องยอมรับสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้พูดจริงๆ แต่ลูกชายเขายังใจร้อนและหนุถ่มเกินกว่าจะเข้าใจ

“ผมมีร้านแล้ว จะเอาเวลาที่ไหนมาบริหารงานให้คุณ” ดิฏฐ์หยิ่งและไม่ยอมรับข้อเสนอ

“ฉันอยากคุยกับพ่อคุณสองคน เชิญคุณออกไปข้างนอก เอมม่าพาคุณดิฏฐ์ไปเดินดูงานให้ทั่วเถอะ” เจนพูดตัดบทดิฏฐ์ที่ยังไม่ค่อยสุขุมพอ

ดิฏฐ์มีท่าทีไม่พอใจ แต่พ่อเขาส่งสายตาขอร้อง เขาจึงยอมและไปดูงานในบริษัทที่เขารู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร

เมื่อดิฏฐ์ออกไปแล้ว เจนก็พยักหน้าให้โฮเวิร์ดออกไปด้วย เพื่อดูว่าไม่มีคนมาแอบฟังอะไรทั้งสิ้น

ดุลยพลเห็นว่าอยู่ตามลำพังแล้วเขาก็มองลูกค้าอย่างสงสัย

“เรื่องที่ฉันจะพูด ฉันขอร้องไม่ให้คุณเอาไปบอกใคร” เจนขอให้เขาสัญญาก่อน และคนอย่างดุลยพลเป็นคนที่รักษาสัญญาเสมอ

“ได้ครับ” ดุลยพลตอบรับ เพราะคิดว่าตนเองไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น

“เมื่อนานมาแล้วแม่ฉันเคยเล่าเรื่องผู้หญิงไทยคนหนึ่ง ที่บังเอิญได้แต่งงานกับเจ้าของบริษัทน้ำมัน เพราะงั้นฉันถึงถามคุณเมื่อคราวก่อน ผู้หญิงคนนั้นทำให้แม่ฉันมีความหวังว่าสักวันจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม เอาเป็นว่าแม่ฉันกับพี่สาวคุณเป็นเพื่อนกันก็แล้วกัน รู้ใช่ไหมทำไมฉันถึงช่วยคุณ” เจนถามทำให้เขารู้เหตุผล

เจนหยิบภาพถ่ายของพ่อแม่กับเธอออกมา แล้วยื่นให้เขา “นี่เป็นภาพผู้หญิงคนนั้นกับผู้ชายที่เธอรักและลูกสาวของเธอ”

ดุลยพลจำภาพพี่สาวได้ดี แม้เธอจะสวมชุดมุสลิมก็ตาม และเป็นภาพถ่ายแบบเปิดหน้า เขากำภาพแน่น แล้วพยักหน้า

“คุณจะให้ใครรู้ไม่ได้ว่า ฉันรู้จักพี่สาวคุณ และที่ฉันทำไปทั้งหมด ก็เพื่อช่วยน้องชายของเพื่อนแม่ฉัน” เจนอธิบายในตอนสุดท้าย “ตอนแรกฉันไม่คิดจะยุ่งกับเรื่องของคุณหรอกนะ ถ้าทุกอย่างไม่แย่ลง อย่างที่ฉันบอก พวกคุณบริหารงานได้แย่มาก จนมีสาเหตุหาเรื่องให้คุณหลุดไปจากที่นี่ได้ เอาล่ะ คุณจะรับช่วงดูแลกิจการของครอบครัวต่อไปไหมคะ”

ดุลยพลกำลังนิ่งอึ้งอยู่ แล้วเขาก็ถอนหายใจยาว “ผมคงต้องทำ แม้ต้องฝ่าฟันปัญหาสักแค่ไหน”

“รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงนำบริษัทนี้มาให้คุณ ฉันทดสอบคนที่ฉันจะใช้งานเสมอ และครั้งที่แล้วฉันก็ทดสอบดูแล้ว ไม่ใช่คุณภาพสินค้า แต่ความนอบน้อมและความรอบคอบในงานของคุณเป็นเรื่องที่น่าดีใจ คุณใส่ใจรายละเอียดและคุณภาพ ขอโทษที่สร้างปัญหาคุณ ลูกชายคุณดูมีศักยภาพในการบริหารงาน ถ้าเขามีประสบการณ์มากกว่านี้ เสียอย่างเดียวใจร้อนและไม่สุขุมพอ เขาพร้อมชนกับทุกคนแต่ไร้ความยืดหยุ่น ฉันจึงกังวลว่าจะมอบบริษัทนี้ให้เขาบริหารได้ยังไง” เจนอธิบายความและพูดถึงภาพรวมของลูกชายดุลยพลได้ตรงจุด

ดุลยพลเข้าใจสิ่งที่เจนพูดจริงๆ หลายครั้งที่ลูกชายเขาควบคุมอารมณ์ไม่อยู่

“ฉันอยากให้ลูกชายคุณไปฝึกงานระดับล่างที่บริษัทอื่นของฉัน แล้วให้เขาไต่เต้าขึ้นมา ส่วนคุณก็ดูแลงานที่นี่ไป คุณจะต้องเป็นคนกล่อมลูกชายให้ได้ โดยไม่บอกความเชื่อมโยงของเรา อย่างที่ฉันบอกแต่แรก ฉันไม่ต้องการให้ใครรู้ความสัมพันธ์นี้ ยกเว้นวันนั้นเป็นวันที่คุณต้องส่งต่อความลับ คุณคิดว่าคุณจะสามารถกล่อมลูกชายคุณได้ไหม” เจนถามอีกรอบ และมันคือการทดสอบว่าพ่อลูกคู่นี้เหมาะสมที่จะดูแลกิจการครอบครัวให้อยู่รอดต่อไปได้ไหม

ดุลยพลครุ่นคิดอย่างพิจารณา ถึงกิจการนี้เป็นกิจการที่ทำให้เขากับพี่สาวผิดหวัง แต่มันก็เป็นกิจการที่ทำต่อมาหลายรุ่น เขาจะต้องนำมันฝ่าฟันวิกฤตของตระกูลไปได้

“ครับ ผมจะทำภารกิจแรกให้เรียบร้อย” ดุลยพลหมายถึงการกล่อมลูกชาย

เสียงเคาะประตูดังขึ้น โฮเวิร์ดเปิดเข้ามาพร้อมเพื่อนเจ้านาย

“ลีลาเธอมาก็ดีแล้วล่ะ นี่คือผู้บริหารคนใหม่ของศิลป์ไหม” เจนแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน

“อ๋อ สวัสดีค่ะ” ลีลายกมือไหว้คนที่สูงวัยกว่า “ไหนเอกสารรับรองผู้บริหารใหม่ แล้วนี่จะไปช็อปปิ้งของด้วยกันไหม ฉันมีเรื่องที่ต้องการจัดการเยอะเลยนะ แกต้องมางานแต่งงานฉันให้ได้ด้วย”

“โอเค ขอจัดการเรื่องนี้เสร็จก็ไปได้เลย โฮเวิร์ด เอกสารแต่งตั้งประธานบริษัทคนใหม่ล่ะ เสร็จหรือยัง” เจนยื่นมือไปรับเอกสารที่โฮเวิร์ดส่งให้ ดูแล้วผู้ถือหุ้นทุกคนเซ็นรับรอง แล้วก็เซ็นแล้วส่งให้เพื่อน

ลีลาเซ็นเสร็จแล้วก็ยืนรอ เพื่อนส่งเอกสารให้ดุลยพล เขาเห็นในสัญญาว่าจ้าง มีระยะทดลองงานด้วย แต่ดุลยพลก็เซ็นอย่างไม่คิดมาก เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายให้ทำอะไร ตอนนี้เขาอยากรักษากิจการของครอบครัวก่อน ส่วนเรื่องลูกชาย เขาเห็นด้วยเรื่องลดความทะนงตนของลูกชายออกบ้าน เพื่อเป็นนักบริหารที่ดีกว่าเขา

เจนจัดการปัญหาเรียบร้อยแล้วก็เก็บสำเนาเอกสารให้โฮเวิร์ด แล้วส่งให้ดุลยพลชุดหนึ่ง “เมื่อไรที่ลูกชายคุณพร้อม ส่งเรื่องมาให้เอมม่า แล้วฉันจะจัดการให้เอง”

“ขอบคุณมากครับ” เขาซาบซึ้งใจกับความช่วยเหลือที่เจนมอบให้ เหมือนว่าพี่สาวจะคอยช่วยเหลือเขา แม้ว่าเธอจะจากไปแล้ว

ตอนแรกนึกว่าทางลูกพี่ลูกน้องหาเรื่องกลั่นแกล้งเขาเสียอีก แต่เปล่าเลย สุดท้ายปัญหามันก็ผ่านไปได้ด้วยดี นั่นคือเหตุผลที่เขากับลูกชายมาหาเธอในวันนี้ เพราะนึกว่าจะมีงานอีก

ดุลยพลมองคนรุ่นหนุ่มสาวเดินออกไปจากห้อง แล้วนั่งลงแบบเหนื่อยๆ เมื่อลูกชายกลับมาพร้อมกับคนสนิทของท่านหญิงเขาก็รีบบอก “ท่านหญิงบอกให้คุณตามไปทีหลังครับ”

“ฉันรู้แล้วค่ะ เพราะยังมีเรื่องที่ฉันต้องช่วยจัดการที่นี่อีก ฉันแจ้งทุกคนให้มาเริ่มงานวันจันทร์ และหวังว่าวันจันทร์คุณจะพร้อมแก้ไขปัญหา” เอมม่าบอกประธานบริษัทคนใหม่

“แน่นอนครับ ผมตั้งใจว่าจะเริ่มศึกษางานใหม่ตั้งแต่วันนี้เลย” ดุลยพลไม่อยากรอช้า เขาอายุมากและต้องใช้เวลาในการศึกษาใหม่

เมื่อเขาได้ชีวิตใหม่แล้ว เขาก็ควรจะเริ่มต้นใหม่ให้ดี

“พ่อรับทำงานกับเขาแล้วเหรอ” ดิฏฐ์แปลกใจที่พ่อตัดสินใจโดยไม่ปรึกษาเขาเหมือนทุกที

“ใช่ พ่อตั้งใจจะพลิกฟื้นกิจการนี้ขึ้นมาให้ดีกว่าเดิม ไปที่ห้องทำงานเถอะ พ่อจะเรียกคนเก่าคนแก่มาให้หมด” ดุลยพลบอกแล้วก็เดินนำไปที่ห้องทำงาน ซึ่งดนุเคยยึดครอง

“พ่อยอมทำงานรับใช้คนอื่นอีกแล้วเหรอครับ ยังไม่เข็ดอีกเหรอ” ดิฏฐ์ไม่อยากทำงานเพื่อใครอีก

“ใช่ พ่อทำงานเพื่อรับใช้ครอบครัว และแกจะต้องไปเรียนรู้งานบริหารกับท่านหญิงฮาร์ทฟอร์ด ถ้าแกอยากพัฒนาความสามารถของแก แล้วอยากให้กิจการของศิลป์ไหมรุ่งเรือง แกต้องเชื่อใจการตัดสินใจของพ่อ พ่อบอกได้เลยว่าท่านหญิงฮาร์ทฟอร์ดหวังดีกับเรามากกว่าญาติเสียอีก วันหนึ่งพ่อจะอธิบายให้แกฟังเองว่าทำไม ตอนนี้ขอให้แกเตรียมตัวและตั้งใจไปทำงานและเรียนรู้งานจากสิ่งที่ท่านหญิงให้ทำ” ดุลยพลพูดกับลุกชายตามตรง

“ทำไมผมต้องให้ผู้หญิงที่ดูถูกเราตลอดมาออกคำสั่งกับผมด้วยล่ะ” ดิฏฐ์ย้อนถาม เพราะเขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เอาแต่พูดดูถูกมาตลอด แถมยังเรื่องมากอีกด้วย

“นี่แกยังไม่ได้เรียนรู้อะไรจากความผิดพลาดของแกเลยเหรอ แกคิดว่าที่เราลำบากทุกวันนี้ เป็นเพราะความอ่อนแอของพ่อฝ่ายเดียวเหรอ แกน่ะทะนงตนคิดว่าตนเองรู้ไปเสียทุกเรื่อง พ่อรู้ว่ามีส่วนทำให้แกเป็นแบบนี้ เพราะพ่อเอาแต่ผิดหวังเสียใจกับการทรยศหักหลัง แต่แกก็มัวแต่แค้นใจ มองลงไปสิ เขาจะเอาใครมาบริหารงานแทนแกก็ได้ อย่าลืมสิว่า เขาเคยจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไหมมาเพื่อดูคุณภาพงานของเราได้ ทำไมเขาต้องจ้างเราเพื่อมาดูคุณภาพงานผ้าไหมอีก ถ้าไม่ใช่เพราะเขาต้องการให้โอกาสเรา” ดุลยพลพยายามเตือนสติลูกชาย

ดิฏฐ์นิ่งเงียบไป ตอนแรกคิดอย่างหยิ่งผยอง นึกว่าตนมีสิ่งดีที่คนอื่นไม่มี แต่พอใจเย็นแล้วฟังพ่อวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ เขาก็ใจเย็นลง

“แกคิดว่าเราเท่านั้นเหรอที่มองออกว่างานผ้าไหมไหนดีไม่ดี อย่างที่ท่านหญิงพูด ถ้าแกไม่ยอมรับข้อเสียของตนเอง หรือยอมรับความจริงที่ว่าที่ผ่านมาเราบริหารงานได้แย่จริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องถูกเดชากับลูกไล่บี้เราแบบนี้ พ่อเห็นว่าข้อเสนอของท่านหญิงเป็นเรื่องที่ดีต่ออนาคตของบริษัท แม้เราจะไม่มีหุ้นในบริษัท แต่เรามีเงินเดือนที่พวกเขาจ้างเรามาทำ สักวันเราจะมีเงินเพื่อซื้อหุ้นบริษัทคืนได้แน่ แกต้องอดทน” ดุลยพลพูดกับลูกในตอนท้ายแล้วถอนหายใจ

ดิฏฐ์คิดอย่างลังเล “ผมขอเวลาคิดดูก่อนนะครับ”

“พ่อหวังว่าแกจะคิดถึงพนักงานบริษัทมากกว่าศักดิ์ศรีของตนเอง ศักดิ์ศรีมันต้องอยู่คู่คามดี ไม่ใช่อยู่คู่กับความทะนงตนที่โง่เขลา พ่อรู้ว่าแกไม่ใช่คนโง่ และพ่อไม่อยากให้แกเป็นคนที่ขัดเกลาไม่ได้ คนเราต้องรู้จักยอมรับความจริงแล้วก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยการพัฒนาตนเอง” ดุลยพลให้ข้อคิดลูกในตอนท้าย

เขาหวังว่าลูกชายจะเข้าใจในที่สุด...

**********************************

สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกท่าน
ตอนที่ 17 จะเป็นตอนที่เริ่มโพสต์ 24 ชม ลบ นะคะ
*-* ใกล้จะถึง 5 ตอนสุดท้ายแล้วค่า
เข้ามาอ่านกันนะคะ ถ้าจบตอนสุดท้ายเมื่อไร
จะลบเนื้อหาตั้งแต่ตอนที่ 11 แล้วนะคะ
ใครที่ยังไม่ได้อ่านเข้ามาอ่านกันให้ครบนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามนิยายนะคะ
ดูแลสุขภาพด้วยค่ะ

**********************************

กิจกรรมครบรอบ 9 ปี เพลิงวารีในโลกนิยายออนไลน์
https://www.facebook.com/events/522758691135646/

**********************************
eBooks ผลงานที่ผ่านมานะคะ
1. ด้วยหัวใจ...พันรัก (229 บาท / 9.99$)
- //www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNDQ2NiI7fQ
- //www.ebooks.in.th/ebook/13221/ด้วยหัวใจ...พันรัก
- //www.ookbee.com/bookinfo.aspx?pid=98e88e8d-1760-42f1-9fc0-68fb86d1cbf2

2. เราสามคน..หนทางเดียว (159บาท / 6.99$)
- //www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNDQyNyI7fQ
- //www.ebooks.in.th/ebook/13203/เราสามคน..หนทางเดียว
- //www.ookbee.com/bookinfo.aspx?pid=9377205d-d30b-4542-a715-8c94c244c178

3. ตามตะวัน ณ จันทร์พันดาว (159฿ / 6.99$)
- //www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNDQ2OSI7fQ
- //www.ebooks.in.th/ebook/13231/ตามตะวัน_ณ_จันทร์พันดาว
- //www.ookbee.com/bookinfo.aspx?pid=fbca2fe2-b27a-40f2-89fc-7c13c7cef35c

4. แผนร้ายในทางรัก (139บาท / 5.99$)
- //www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNDI2MyI7fQ
- //www.ebooks.in.th/ebook/13179/แผนร้ายในทางรัก
- //www.ookbee.com/bookinfo.aspx?pid=e5a118b1-db26-481d-92ac-39322c29ef1d

5. ผูกพัน...เข้าใจ...สายใยแห่งเรา (129บาท / 5.99$)
- //www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNjMzOCI7fQ
- //www.ebooks.in.th/ebook/16015/ผูกพัน...เข้าใจ...สายใยแห่งเรา/
- //www.ookbee.com/bookinfo.aspx?pid=cba390dc-5dee-4cb5-9f8b-1617d0011159




 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2556
0 comments
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2556 20:26:40 น.
Counter : 1817 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

เพลิงวารี
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ไหดองเหล็กไหล
New Comments
[Add เพลิงวารี's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com