เพลิงวารี & คชสีห์ ฿ Babylonia
<<
พฤศจิกายน 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
20 พฤศจิกายน 2552
 
 

เราสามคน...หนทางเดียว(ตอนจบพิเศษ)

แบบที่1 (การจากไปที่น่าเศร้า)

“มามาเปิดประตูฮับ เปิดประตู” เสียงเด็กๆ ร่ำร้องให้แม่เปิดประตูบานใหญ่เกินกว่าที่พวกเขาจะเปิดได้

นลินจึงต้องเดินไปเปิด และเมื่อเปิดออกก็เห็นเขาเท้ามือกับประตู การแต่งตัวไม่บอกชัด เพราะเสื้อผ้าที่สวมอยู่เป็นสีมืด แต่เจ้าจอมซนทั้งสองก็วิ่งกรูไปกอดเพราะเห็นหน้าชัด

“ปาปา ดาดา” ไม่ต้องเสียเวลาถาม เพราะกำลังดีใจสุดๆ หลังจากรอมาทั้งวัน

เขามองหน้าเธออีกครั้งด้วยสายตาเจ็บปวด สภาพเขาแลดูย่ำแย่เกินกว่าจะพูดอะไรออกมา สายตาที่นลินเห็นทำให้ไม่แน่ใจว่าคนไหนกันแน่ แต่เมื่อเห็นเขาฝืนยิ้มแล้วย่อตัวลงกอดลูกๆ ก็พอเดาได้อยู่บ้าง

“เข้าบ้านก่อนสิคะ” นลินรีบต้อนเด็กๆ เข้าบ้าน แต่เด็กๆ กลับหันออกไปข้างนอก

“ทำไมมีพ่อคนเดียวฮะ พ่ออีกคนหายไปไหน” ธรรม์เอียงคอถาม

เขาพูดไม่ออก บอกไม่ถูก ก่อนฝืนยิ้ม “พ่อรวมร่างกันแล้วไงครับ มีคนเดียวแล้วด้วย เห็นไหม”

“รวมร่างยังไง ทำไมหนูรวมร่างกับธรรม์ไม่ได้ล่ะ” ธารสงสัย ก่อนถูกฝาแฝดวิ่งเข้ามาชน

“นั่นสิฮะ” ธรรม์ก็เป็นมึนเมื่อรวมร่างกับคู่แฝดไม่สำเร็จ

เขาฝืนมองนลินก่อนก้มลงยิ้มให้ลูกๆ “แยกกันดีแล้ว พ่อจะได้มีลูกที่น่ารักถึงสองคนไง”

“สามต่างหากฮับ น้องขวัญด้วย ธัญญ่า” ธรรม์บอกกับพ่อ แต่กลับทำให้คนฟังสะเทือนใจ

“ไปนอนได้แล้วเด็กๆ พรุ่งนี้แม่ให้หยุดเรียนหนึ่งวันจะได้อยู่กับพ่อไงลูก พี่พาลูกๆ เข้านอนไหมคะ” นลินถามขึ้น ก่อนเห็นเขาพยักหน้าและไม่ฟังคำตอบจากเด็กๆ แล้วอุ้มทั้งสองคนพร้อมกัน

“ปาปารักหนู ดาดาก็รักหนูนะลูก” เขาบอกกับเด็กๆในอ้อมแขน

นลินรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงไม่ได้ตามขึ้นไป ปล่อยให้เด็กๆ ชี้ทางกันเอง แล้วขอเวลาครุ่นคิดถึงท่าทางของเขา

บางอย่างผิดปกติอย่างมาก...

*************************************************


เสียงฝีเท้าเดินลงมาชั้นล่าง หากนลินไม่รอให้เขาบอก เธอถามเขาทันที “เกิดอะไรขึ้นกับพี่เขตต์คะ พี่ขันธ์”

เขาถอนหายใจยาว ก่อนบอกให้เธอนั่งลง ขันธ์ลูบเรือนผมเธอเบาๆ “อย่าคิดมากนะ ไม่ใช่ความผิดของลินหรอก มันเป็นกำหนดของโชคชะตา”

“บอกลินหน่อย พี่เขตต์เขาแต่งงานกับผู้หญิงอื่น แล้วอยู่อย่างมีความสุขใช่ไหม เขามีความสุข เขากำลังมีความสุขใช่ไหม” น้ำเสียงของนลินไม่ใช่หึงหวง แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง หากสีหน้าของเขากลับบอกอะไรที่แตกต่าง

นลินลุกขึ้นยืนแล้วแทบล้ม เมื่อเขาไม่ตอบตามที่เธอต้องการฟัง “พี่เขตต์เป็นอะไรคะ เขาป่วยหนักเหรอ เขาอยู่โรงพยาบาลไหนคะ”

“ลินมานี่ ขยับมาหาพี่มา ฟังพี่ดีๆ นะ” ขันธ์กอดนลินเอาไว้ให้มั่นแม้นลินจะขืนตัวก็ตาม

“พี่เขตต์ไม่สบายมากใช่ไหมคะ บอกลินสิ อย่าทำให้ลินใจเสียสิ” นลินถามเขา แต่กลับถูกเขากอดเอาไว้

“พี่ก็อยากบอกแบบนั้น แต่ทำไม่ได้ ลิน เขตต์ตายไปแล้ว เขาจากเราไปแล้ว” ขันธ์รีบกอดเธอเอาไว้แน่น แต่นลินกลับแข็งขืน

หัวใจเย็นเยือก เนื้อตัวแข็งทื่อเมื่อจิตใจรับข่าวไม่ไหว จากนั้นกลไกป้องกันตัวเองก็เกิดขึ้น นลินเหม่อลอยแล้วถาม “ยังไงคะ”

ขันธ์ได้แต่ถอนหายใจยาว พร้อมกลั้นน้ำตาเอาไว้ เศษส่วนหนึ่งของชีวิตเขาเพิ่งหายไป แล้วเขาหวังจะได้เติมเต็มส่วนที่ขาดหายด้วยเธอและลูกๆ

“หลังจากเขตต์ไปจากบ้าน ลินก็รู้ว่าเขาช่วยดูแลกัลยาที่ฟลอริด้า แต่เมื่อสามเดือนก่อนเขาโทรมาหาพี่ เขาบอกพี่ว่ากัลยาตายแล้ว และทั้งหมด...กัลยาโทษว่าเขา หล่อนยิงตัวตายต่อหน้าเขา เขตต์บ้าคลั่งไปเลย แต่เขาโทรหาพี่ เขาบอกกับพี่ว่าเขารักลินกับลูกมากแค่ไหน แม้เขาจะไม่ได้เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดเด็กๆ แต่เขารักมาก เขาไม่ไหวแล้ว เขาแบกความรู้สึกเหล่านี้ต่อไปไม่ไหว แล้วเขาก็จากเราไปน่ะ ลิน”

ขันธ์จำเสียงปืนนัดนั้นได้ดี เพราะเขตต์ไม่ได้ตัดสาย หัวใจเขาถูกบีบไม่น้อยไปกว่าเธอ ส่วนคนฟังนั่งนิ่งฟังแล้วไม่ขยับ คล้ายหัวใจเธอกำลังปิดตายไม่รับรู้ความตายของใครอีก

“ลินผิดเองที่ไม่บอกเขาเรื่องหนูขวัญ ถ้าบางทีเขารู้เรื่องหนูขวัญ เขาคงไม่ตาย ลินฆ่าเขา”

ทันทีที่สติกลับคืนมา นลินก็โทษตัวเองทันที หากเขตต์มีโอกาสได้รู้เรื่องหนูขวัญ เขาคงมีกำลังใจอยู่มากกว่านี้ และนี่เป็นเหตุผลที่ไม่มีใครในครอบครัวเนลสันติดต่อเธอ

ขันธ์ยอมรับว่าพ่อแม่เขาโทษเธอเรื่องนี้ แต่เขาทำไม่ได้ นอกจากโทษตัวเขตต์เองที่อ่อนไหวเกินไป จิตใจที่หวั่นไหวง่าย ทำให้ลงมือทำอะไรๆ โดยไม่ไตร่ตรอง

“ลินฟังพี่นะ ลินไม่ผิด นี่เป็นข้อตกลงระหว่างเรา ถ้าคนใดคนหนึ่งทนไม่ได้ ก็ไม่ใช่ความผิดของคนที่เหลือ” ขันธ์พยายามสังเกตท่าทีของนลิน

“พ่อแม่พี่เกลียดลิน เพราะลินทำให้พี่เขตต์ตาย” นลินยังคงตกอยู่ในภวังค์ความคิด

“หยุดที ลิน ไม่มีใครเกลียดลิน แค่ยังทำใจกันไม่ได้เท่านั้น พี่รักลิน แล้วไม่โทษลิน เขตต์อ่อนไหวมากก็เท่านั้น เขาทำสิ่งที่เขาคิดว่าเขาควรทำ แต่เขาก็รักลิน” ขันธ์พยายามกล่อมให้เธอใจเย็น แต่เธอยังคงนิ่งเงียบอยู่

น้ำตากำลังไหลและไม่นานเธอก็ร้องไห้ตัวโยน แต่พยายามกลั้นเสียงเอาไว้อย่างสุดทน หัวใจอีกดวงที่กำลังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กับข่าวที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน

ถ้าเพียงเขายังมีชีวิตอยู่กับใครสักคน...เธอคงไม่ต้องร้องไห้แบบนี้

ถ้าเพียงเขายังมีความสุขกับใครสักคน...หัวใจเธอคงไม่แตกสลาย

“ไม่เป็นไร ไม่ใช่ความผิดของลิน” ขันธ์กลั้นน้ำตาและกอดเธอเอาไว้เพื่อปลอบโยน

หลายครั้งที่ผู้หญิงคนนี้ต้องร้องไห้ให้กับผู้ชายบ้านนี้...

หลายครั้งที่ผู้ชายบ้านนี้เคยทำร้ายจิตใจเธอ...แต่คงไม่มีครั้งไหนเท่าครั้งนี้

“ถ้าเขารู้เรื่องหนูขวัญ เขาก็จะยังมีชีวิตอยู่ แล้วได้อุ้มหนูขวัญบ้าง” นลินซบอกเขาร้องไห้ บอกเขาคล้ายฝากบอกผ่าน

“ลิน ฟังพี่นะ ตอนนั้นเขตต์มีอาการซึมเศร้าอยู่แล้ว เขากดดันมาก เพราะเขาไม่สามารถตอบสนองสิ่งที่กัลยาต้องการ เขารักลินกับลูกๆ มาก ไม่ใช่แค่หนูขวัญ ไม่ใช่แค่สายเลือดเขา เขาแค่ทนไม่ได้ที่ผิดแบบนั้น ถ้าเพียงเขาห้ามกัลยาได้ เขาก็จะไม่รู้สึกผิดแบบนั้น” ขันธ์พยายามอธิบาย ก่อนซับน้ำตาให้คนที่เขารัก

“สามเดือน ทำไมพี่ไม่บอกลิน อย่างน้อยเราน่าจะได้ไปเคารพศพเขา อย่างน้อยลินจะได้บอกเขาว่าลูกๆ คิดถึงเขามากแค่ไหน” นลินเริ่มสับสนวุ่นวายใจ

“ลิน” ขันธ์จับดวงหน้าเธอให้สบตาเขา ก่อนมองเธอหลบตาแล้วกอดเขาเอาไว้แน่น

“ลินขอโทษค่ะ ลินไม่ได้ตั้งใจจะโทษใคร” นลินได้สติก็รีบขอโทษเขา เพราะเธอกำลังโทษเขาเรื่องเหล่านี้

“แล้วก็ต้องไม่โทษตัวเองด้วย เขตต์รักลินกับลูกๆ ไม่ว่าเขาจะให้กำเนิดคู่แฝดหรือไม่ เขาก็ยังคงรัก เขาคิดถึงทุกคนจนวินาทีสุดท้าย มันยากเกินจะห้าม วินาทีนั้นเขาตัดสินใจ แต่อย่าโกรธเขาเลย คนเราอ่อนแอได้ แต่ไม่ใช่ทุกอย่างที่เราคิดจะเหนี่ยวรั้งเขาไว้ได้นะ” ขันธ์พยายามปลอบเธออย่างเจ็บปวด

คู่แฝดเขาโทรหาเขาในวินาทีสุดท้าย เหมือนเขาได้ดูการประหารนั้นด้วยตาตัวเอง

นลินเงยหน้ามองเขาแล้วนึกได้ คนที่น่าจะเจ็บปวดคงเป็นเขาที่ต้องมารับรู้เรื่องนี้ โดยเฉพาะคนที่ตายไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขามาตลอด คนที่เขาคอยดูแลเสมอมา

“เราจะอยู่เพื่อเขาค่ะ”

“ใช่จ๊ะ เราจะอยู่เพื่อเขา พี่คิดมาตลอดว่าจะมาหาลินก่อนหน้านี้ แต่แล้วพี่ก็ยังทำใจไม่ได้ที่จะมา พี่ถามตัวเองตลอดว่าควรไหม แต่แม้แต่เขตต์ยังเคารพการตัดสินใจของลิน พี่จึงทน รอจนถึงเวลาค่อยมา พี่ขอโทษที่มาช้าไปหน่อย พี่ต้องแวะไปหาพ่อแม่ก่อน พวกเขายังรับไม่ค่อยได้ พอเห็นหน้าพี่ก็แทบไม่ยอมปล่อยมา มีแต่คนคิดถึงเขตต์น่ะ” ขันธ์สงบใจได้เร็วกว่านลินมาก เพราะเขาต่อสู้กับความรู้สึกนี้มาเกือบสามเดือน

งานทำให้เขาผ่านมันมาได้...

นลินเข้าใจแล้วว่าทำไมอยู่ๆ ครอบครัวเนลสันจึงหายไปตลอดสามเดือนที่ผ่านมา

“อย่าไปคิดมาก ทันทีที่ลินพร้อม เราจะกลับไปอยู่ที่อเมริกาด้วยกัน ทุกวันเราจะออกไปเดินเล่นในสวนที่เขตต์จัดไว้ ลินกับลูกๆ จะได้อยู่กับเขตต์ที่ฝังอยู่ในตัวพี่ เราจะมีกันและกันได้โดยไม่ต้องสนใจใครอีก ครั้งนี้พี่ขอเผด็จการ พี่ไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว พี่อยากให้เขตต์ที่เคยอยู่กับทุกคนมาอยู่ข้างๆ พี่” ขันธ์กอดเธอเอาไว้อีกครั้ง

ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว เขารู้ว่าไม่อาจฝืน และเขาก็จะไม่ฝืน แต่เขาไม่อยากอยู่อย่างเดียวดาย เขาจึงต้องทำทุกทางเพื่อไม่ให้ชีวิตเขาเงียบเหงาอีก

“ค่ะ ลินจะอยู่กับพี่ กับพี่เขตต์ตลอดไป ในใจเราจะมีกันและกันตลอดไปนะคะ” นลินทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง

เธอไม่ต้องการสูญเสียใครไปอีกแล้ว ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นอีก เธอก็ไม่อยากเป็นคนสุดท้ายที่ได้รับรู้ หากเมื่อนึกถึงลูกๆ ที่ตั้งหน้าตั้งตารอพ่อทั้งสองคน นลินก็นิ่งงัน ก่อนถอนหายใจยาว

“ขอบคุณที่พี่บอกลูกๆ ไปแบบนั้นนะคะ”

“เฮ้อ พี่คิดอยู่แล้วว่าลูกๆ ต้องถาม แล้วรู้อยู่ว่าลินต้องไม่ตัดใครออกไปจากชีวิต แม้เราจะไม่ติดต่อกันก็ตาม เฮ้อ คิดถึงหน้าเจ้าตัวเล็กทั้งสองเวลาที่ไม่เห็นเขตต์แล้ว พี่ก็ได้แต่ถอนหายใจละนะ” ขันธ์ถอนหายใจหลายครั้ง เมื่อบอกเธอเรื่องนี้

“ค่ะ ลินเตรียมทุกอย่างเพื่อให้เราอยู่ด้วยกันได้ แต่ไม่คิดเลยว่าเราจะเหลือเพียงแค่นี้ หนูขวัญยังไม่ได้รู้จักพ่ออีกคนเลยนะคะ” นลินยังคงหลั่งน้ำตากับความเสียใจที่พลาดอะไรไปหลายอย่าง

“รู้อะไรไหม เราสอนให้พวกเขารู้จักเขตต์ได้ เราบอกให้เขารู้จักพ่ออีกคนของเขาได้ ตราบที่เรายังอยู่ด้วยกัน”

เสียงถอนหายใจดังขึ้นพร้อมกัน ก่อนจับมือกันเอาไว้ ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไป โดยผูกสายใยไว้ด้วยความรักและเข้าใจ หมดเรื่องให้กังวลแล้ว

ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับการได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง...

บ้านที่มีทุกอย่างสมบูรณ์ครบถ้วน...บ้านที่มีหัวใจรักและความทรงจำ

*************************************************


แบบที่ 2 (เหลือเพียงกันและกัน)

ดวงหน้าคมคายยิ้มเจื่อนเล็กน้อยเมื่อสบตาเธอ แต่เปลี่ยนเป็นยิ้มกว่าเมื่อได้ยินเสียงเรียก และเข้ามากอดขาเขาคนละข้างอย่างมั่นใจ

“ปาปา ดาดา” ธรรม์กับธารผลัดกันเรียกพ่อที่ไม่รู้ว่าคนไหนกันแน่ หากพวกเขาที่ดีใจว่ามีพ่อแล้ว แต่เมื่อมองให้ชัดก็ขมวดคิ้วแล้วถามหาพ่ออีกคนอย่างสงสัย

“ทำไมพ่อมีคนเดียว” ธรรม์ถามขึ้นอย่างสงสัย

“พ่อก็มีคนเดียวมานานแล้วครับ แต่อีกคนน่ะที่หน้าตาเหมือนพ่อ ก็เป็นน้องของพ่อ เหมือนกับหนูสองคนไง” ขันธ์ตอบก่อนอุ้มลูกทั้งสองไว้พร้อมๆ กันแล้วหอมแก้มคนละฟอดใหญ่ “ไงครับ ดาดามาแล้วน้า”

“ดาดา” เจ้าจอมซนขี้อ้อนทั้งสองก็หอมแก้มพ่อคนละฟอด แล้วกอดคอได้อย่างไม่มีข้อกังขาและเรียก “ดาดา” อย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย

“มีลูกฝาแฝดก็ดีงี้แหละ เสียงดังไม่มีวันเงียบ” ขันธ์พูดอย่างอารมณ์ดี แต่ไม่เห็นแม่ของลูกร่วมด้วยก็ยิ้มแห้งๆ

“ไปนอนได้แล้วนะ เจ้าตัวยุ่ง ให้ดาดาได้พักหน่อย พี่พาลูกๆ ขึ้นนอนเถอะค่ะ” นลินบอกเขา

“พรุ่งนี้หนูต้องไปโรงเรียนไหมฮะ หนูอยากอยู่กับดาดา” ธรรม์พูดขึ้นหลังจากสบตาคู่แฝด ขณะที่ธารก็พยักหน้าเป็นลูกคู่

“ได้สิจ๊ะ หนูขวัญจะได้มีเพื่อน” นลินยิ้มให้ลูกๆ ที่หันมาทางเธอเฉพาะแก้ม เป็นอันรู้กันว่าต้องทำอะไร

“จุ๊บๆ หนูหน่อย” ธรรม์ชี้แก้มตามคู่แฝดที่ไม่ค่อยพูด

นลินยิ้มเอ็นดูก่อนหอมแก้มลูกทีละคนเริ่มจากธาร แล้วมองหน้าพ่อเด็กๆ อย่างอ่อนใจ “ให้ลินช่วยอุ้มคนหนึ่งแล้วกันนะคะ”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่พาเข้านอนเองชดเชยเวลาที่เสียไปน่ะจ๊ะ” ขันธ์อุ้มลูกขึ้นข้างบน กล่อมอีกเล็กน้อยจนเด็กๆ ยอมนอนแล้วก็ลงมา เมื่อเห็นเธอนั่งรออยู่ก็ถอนหายใจยาว “นอนด้วยกันตลอดเลยเหรอเนี่ย แล้วจะมีที่ให้พี่ไหม”

“ก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของลิน แต่คืนนี้พี่นอนโซฟา” นลินพูดก่อนขึ้นชั้นบน แต่กลับถูกเขาดึงไปกอดไว้

“ไม่ถามเลยเหรอว่าทำไมเขตต์ไม่มา” ขันธ์กอดแล้วอ้อนเธอไปด้วยในตัว

“ก็ไม่น่าสนใจค่ะ ถ้าเขายังสุขสบายดีและพบคนใหม่ ลินก็ดีใจกับเขาด้วย ในที่สุดชีวิตก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้งนะคะ” นลินบอกอย่างปลงๆ เธอทำใจไว้แล้วแต่แรกว่าจะต้องมีสักทางที่จะเกิดขึ้น

สามสี่ทางที่เธอตั้งเอาไว้ว่าเกิดขึ้นได้เสมอ...

“ลินไม่คิดบ้างเลยเหรอว่าเขาอาจจะเป็นอะไรมากกว่าที่ลินคิดน่ะ” ขันธ์ออกจะแปลกใจกับเธอ “ลินไม่รักเขตต์เหรอ”

“ไม่เกี่ยวกับรักหรือไม่รักหรอกค่ะ มันเกี่ยวกับว่าเขามีความสุขไหม แค่นี้ลินว่าก็พอแล้ว สำหรับคนคนหนึ่งที่เราคอยห่วงใย” นลินตอบก่อนซบที่ไหล่เขา

“เฮ้อ เขตต์แต่งงานแล้วนะ เมื่อสามเดือนก่อน แต่งกับกัลยา เขาคิดว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วกัลยาจะดีขึ้น แต่ไม่ต้องห่วงก็แค่แต่งงานกันแต่เพียงในนามน่ะ เขตต์ยังต้องทรมานกับการต้องอยู่กับกัลยาแบบนั้น ที่น่าขำก็คือ เขาบอกว่าเขามีอะไรกับกัลยาไม่ได้ เพราะกัลยาไม่ใช่ลิน” ขันธ์บอกจนหมดทำให้คนในอ้อมกอดเขาหัวเราะ

“ขำอะไร” ขันธ์พยายามมองเธอให้ชัด

“หัวเราะที่พี่บอก ถ้าพี่เขตต์จะทรมานเพราะมีอะไรกับผู้หญิงไม่ได้แล้วล่ะ ก็คงทรมานไปนานแล้วค่ะ ลินว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้น” นลินลุกขึ้นยืนแล้วกอดอกมองเขา

“ปัญหาเรื่องกัลยาปวดหัวพี่มาก เพราะกัลยามีอาการทางจิต ส่วนเขตต์ก็อารมณ์อ่อนไหว ที่นี้ก็ตกหนักมาที่พี่ พี่ก็เลยบอกให้แต่งงานกับกัลยาซะ แล้วถอยให้ห่าง” ขันธ์ตบที่ตักเขาแล้วมองให้เธอมานั่ง ดูเหมือนน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของเธอจะไม่มีปัญหาสำหรับเขาเลยสักนิด ก่อนเขาทักขึ้นอย่างอารมณ์ดี “อ้วนขึ้นเยอะเลยนะเรา”

“ทำพูดไปเถอะ” นลินพยายามลุกขึ้นจากตักเขาแต่ก็ไม่สำเร็จ

“ให้รอตั้งนานแล้วยังจะมาว่าอีก ก็เป็นห่วงไง” เขากอดเธอเอาไว้แน่น ก่อนเริ่มไล้จมูกในแก้มเธอ

“เอ่อ ไม่ดีค่ะ คุยกันเฉยๆ ดีกว่า เดี๋ยวลูกๆ ตื่น” นลินขยับไปนั่งข้างๆ ก่อนถามขึ้น “แล้วสรุปพี่ส่งพี่เขตต์ไปทรมานตัวเองเหรอคะ”

“เปล่าหรอก แต่ก็คงต้องรอจนกว่ากัลยาจะมีเหตุผลมากพอ ซึ่งก็ไม่เคยมีหรอกนะ ยังดีที่ไม่มีเอกสารอะไรยืนยันว่าทั้งสองแต่งงานน่ะ เพราะสัญญาที่เซ็นเอาไว้ระบุว่ากัลยาจะต้องมีสติครบถ้วน และต้องไม่ใช้ยารักษาอาการทางประสาทชนิดใดในระบบร่างกาย ไม่อย่างนั้นเอกสารถือเป็นโมฆะ แล้วพี่ก็ให้เขตต์ไปหลบพัก ส่วนพี่ก็เพิ่งจะมาหาลินกับลูกๆ ได้เนี่ยแหละ” ขันธ์ตอบก่อนโน้มไปซบอกเธอ

“เขตต์ฝากบอกว่าลินใจร้ายมากที่ไม่บอกเรื่องหนูขวัญ แต่ไม่เป็นไร ทันทีที่เขาจัดการทุกอย่างจบ เขาจะมาจูบลูกๆ ทุกคนเลยทีเดียว” ขันธ์บอกอย่างละเอียด

“อ๋อ แล้วลินล่ะ ใช่สิ ไม่มีใครอยากได้ลินแล้วนี่” นลินพูดแล้วก็ขำ

“จริงๆ เลยนะเรา เนี่ย” ขันธ์ขยี้ผมเธออย่างเอ็นดู ก่อนจะกอดเธอเอาไว้ “กว่าจะถึงตอนนั้น พี่ก็ยังมีโอกาสอยู่กับลินและลูกๆ ตามลำพังไปเรื่อยๆ”

“แล้วนี่ยังไงคะ มันยังไงกันแน่” นลินเริ่มงงกับเขาสองคน

“อีกพักเขตต์จัดการทุกอย่างเรียบร้อย ก็จะมาหาเราเองอีกห้าเดือนละมั้ง กำลังตกลงเรื่องที่ว่ารักษากัลยาไม่ได้อยู่น่ะ ยังไงก็คงรักษาไม่ได้ เพราะงั้นก็คงต้องใช้ยารักษาไปตลอดชีวิตเลยล่ะ อาการของกัลยาคงไม่สามารถรักษาหายได้ ขณะที่เขตต์ก็สุขภาพจิตแย่ลงเรื่อยๆ” ขันธ์อธิบาย

“แล้วพี่ไปส่งเสริมให้พี่เขตต์ตกลงใจแต่งงานทำไมคะ พี่น่ะ ควรจะแนะนำอะไรให้ดีกว่านี้นะคะ” นลินขมวดคิ้วแล้วจ้องเขา

ขันธ์ทำหน้าเซ็ง ก่อนยอมรับ “โอเค พี่ก็สับสนบ้างในบางช่วง คิดดูสิ อีกไม่กี่เดือนจะได้เจอลูกแล้ว พี่ก็รำคาญเรื่องกัลยาเต็มทน ให้พี่ทำยังไงล่ะ รู้อะไรไหม บางทีพี่อาจจะไม่ใช่ซุปเปอร์แมน แต่เป็นแค่คนที่พยายามมีชีวิตอยู่อย่างไม่สับสน”

“โอเคค่ะ งั้นเราก็ต้องแก้ไข เพราะตามกฎหมายแล้วพี่เขตต์ถือว่าแต่งงานกับเขาแล้วไม่ใช่เหรอคะ” นลินถามขึ้น

“ก็ถ้าแม่กัลยาไม่ยอม พี่จะฟ้องเพื่ออิสรภาพของเขตต์ แล้วก็ความสงบสุขของครอบครัวเรา ทำสิ่งที่ไม่ได้ทำเมื่อสองปีก่อน คือจับกัลยาล็อกไว้กับโรงพยาบาลซะ” ขันธ์อธิบายหมดเปลือก

“เฮ้อ ถ้าพวกพี่ไม่คิดจะใจร้ายตอนนั้น ก็อย่าเพิ่งใจร้ายตอนนี้เลยค่ะ แม่ของคุณกัลยาคงไม่อยากให้ลูกเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลบ้าหรอกนะคะ” นลินออกเห็นใจคนที่ป่วยทางจิต

“เด็กโง่ อย่าเห็นใจคนอื่นนักเลย เชื่อเถอะว่าถึงกัลยามีสติก็ไม่ใจดีนักหรอก หล่อนเคยต้องได้ทุกอย่างไม่ต่างจากเขตต์นักหรอกน่า ไม่ใช่สิ เขตต์เป็นแบบนี้ก็เพราะติดนิสัยมาจากกัลยานี่แหละ คบกันตั้งสิบปี หล่อนทิ้งให้เขตต์จมทุกข์อยู่สองปีกว่าจะลุกขึ้นมาใช้ชีวิตปกติได้” ขันธ์บ่นอย่างไม่ใส่ใจนัก

“ทำไมคนหล่อๆ ถึงชอบใจร้ายนักนะ” นลินหยิกแก้มเขาเบาๆ อย่างเอ็นดู

“ทำเหมือนพี่เป็นเด็กไปได้ ช่วงนั้นงานพี่ยุ่งด้วย แล้วก็ไม่มีคนคอยจัดการชีวิตให้เขตต์ พี่ก็เลยพูดให้จบๆ ไปน่ะ แต่รับรองว่าในรายละเอียด พี่ให้คนดูแลอย่างดีเลยทีเดียว แต่ที่เขตต์ต้องมาช้าก็เพราะว่ากัลยามีโรคแทรกซ้อนน่ะ อีกพักใหญ่แหละถึงมาได้ แต่คงไม่เกินหกเดือนหรอก ทุกอย่างจะเรียบร้อย แล้วเราก็จะกลับเข้าสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง” ขันธ์อธิบายก่อนยิ้ม แล้วก็กอดเธอเอาไว้อย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย

“เฮ้อ ไว้ถึงเวลานั้นเราค่อยว่ากันนะคะ ตอนนี้ลินขอไปนอนก่อนดีกว่าค่ะ” นลินลุกขึ้นยืนแต่เขากลับดึงมือเธอเอาไว้

“มีที่ให้พี่นอนด้วยไหม แบบว่าข้างเตียงอะไรแบบนี้ อย่าให้พี่นอนที่โซฟาข้างล่างเลยนะ มันหนาว” ขันธ์ยิ้มกริ่มแล้วพยายามอ้อน

“นอนพื้นก็หนาวนะคะ” นลินยิ้มนิดๆให้กับเขา

“หนาวยังไงก็ยังดีกว่านอนคนเดียวแหละ” ขันธ์ออกอาการเซ็งอีกรอบ

“พี่รู้ได้ไงคะว่าลินนอนห้องเดียวกับลูก ลูกบอกเหรอ” นลินเดินขึ้นชั้นบนโดยไม่รอเขา

ขันธ์เดินตามติดมา โดยไม่เอาของในรถลง แล้วก็มองด้วยความแปลกใจ เมื่อเธอหยุดที่อีกห้อง

“มองอะไรคะ เจ้าแฝดน้อยแยกห้องนอนนานแล้วค่ะ แต่ว่าเขาอยากนอนเตียงคู่ ลินก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องปล่อยให้เตะกันบนเตียงนั่นแหละ ลินนอนอีกห้องกับหนูขวัญค่ะ” นลินเปิดประตูอีกห้อง เห็นคอกเด็กวางอยู่ และมีที่นอนสำหรับเด็ก “แมรี่ขอนอนชั้นล่างค่ะ เธอว่าสะดวกไปไหนได้”

ขันธ์ฟังเธอพูดแล้วก็ต้องกอดเธอจากด้านหลัง “รู้อะไรไหม พี่คิดถึงลินแค่ไหน”

“รู้ค่ะ แล้วไม่คิดเหรอว่าลินจะคิดถึงพี่” นลินตอบก่อนปลดมือเขาเบาๆ แล้วจับดวงหน้าเขาเอาไว้

“ไม่รู้แหละ พี่คิดฝั่งพี่ฝั่งเดียว กลัวใจลินจะตาย ปันใจให้ใครไปบ้างก็ไม่รู้ ไม่อยากทรมานใจ” ขันธ์ตัดพ้อนิดๆ กลับทำให้นลินหัวเราะ

“ตลกอีกแล้ว เน่าสนิท มาเถอะค่ะ ลินจะจัดที่นอนให้พี่ แต่ต้องเอาคอกเด็กออกก่อน หนูขวัญจะได้นอนบนเตียงเด็กนะคะ” นลินหันไปเก็บของเล่นออกจากที่นอนลูก แต่พอหันมา ก็เห็นเขากอดหนูขวัญเอาไว้แล้วปลอบเบาๆ ให้หลับสบาย ก็ได้ยิ้ม “ให้แกหลับตรงนี้ดีกว่าค่ะ”

ขันธ์แอบถอนหายใจ ก่อนค่อยๆ วางลูกบนเตียงเด็กที่มีรั้วกั้น “ไม่มีใครลืมความเป็นพ่อ ถ้าได้เป็นสักครั้งนะเนี่ย”

“ชมตัวเองนี่ จะนอนไหมคะ ถ้าจะนอนก็ไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ ขับรถมาจากบ้านพ่อแม่เลยหรือเปล่าคะ” นลินถามขึ้น

“แน่นอน รายงานตัวแล้วขับรถมาไกลมากตั้งหลายชั่วโมงเลยเชียว” ขันธ์ตอบก่อนรับเสื้อผ้าตัวใหญ่ที่เธอส่งมาให้พร้อมผ้าขนหนู

“ทำไมไม่โทรมาบอกคะ เด็กๆ รอจนใจเหี่ยวหมดแล้ว จนลินเกือบจะ” นลินพูดแล้วก็รู้สึกใจหาย

ขันธ์ดึงเธอมากอดไว้แล้วปลอบ “ลินก็รู้ว่ายังไงพี่ก็ต้องมา อย่ากลัวว่าพี่จะเปลี่ยนใจเลยนะคนดี”

“ลินน่ะไม่เท่าไร แต่เด็กๆ คาดหวังไว้มาก ว่าจะได้เจอพ่อของเขาอย่างน้อยก็คนใดคนหนึ่ง” นลินอธิบายเพิ่ม

“จ๊ะๆ วันหลังพี่จะแหกกฎที่ลินสั่งไว้ แต่จริงๆ ก็แหกกฎไปเยอะแล้วเหมือนกัน” ขันธ์พูดออกมาอย่างขำขัน

“อะไรคะ” นลินขมวดคิ้วสงสัย

“ก็ไม่ยอมมีคนอื่นไง แล้วก็มาช้าไม่บอก ทำให้ลูกๆ ใจสั่น อะไรอีกนะ” ขันธ์ไล่จนเธอต้องเดินเข้ามาทุบเขาแรงๆ

“ไปอาบน้ำเลยค่ะ ลินย้ายหนูขวัญมานอนบนเตียง แล้วก็เอาที่นอนเสริมมาให้พี่นอน” นลินแกล้งพูด และได้ผลเมื่อเขารีบหยุดเธอ

“อย่าเลยให้ลูกนอนสบายๆ บนเตียงส่วนตัวดีกว่านะ” ขันธ์พูดทันทีที่เธอเงียบ แล้วก็ต้องส่ายหน้าเมื่อเธอขำ

“ค่ะ อาบน้ำได้แล้วค่ะ ว่าแต่พี่หิวไหมคะ” นลินถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“อิ่มท้อง...หิวอย่างอื่น” ขันธ์ตอบก่อนรีบเข้าห้องน้ำ

“งั้นก็อดต่อไป” นลินพูดอย่างปลงๆ ก่อนจัดที่จัดทางหาที่นอนจนได้

ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกลนัก...และจะมีเพียงอ้อมกอดอุ่นไว้เพื่อกันและกันเท่านั้น

*************************************************


ชีวิตในต่างแดนเริ่มต้นอีกครั้ง เมื่อนลินย้อนกลับมายังบ้านที่เด็กๆ เคยอยู่ สวนกว้างขวางที่มีพื้นที่มากมายให้พวกเขาได้วิ่งเล่น

“มามามานี่ไวไว” ธารที่เงียบก็เป็นฝ่ายตะโกนเรียกแม่ที่เดินมาช้าๆ

หกเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ขันธ์อยู่เมืองไทยได้นานกว่าที่เขาคิดนัก ขณะที่พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็ให้อภัยในสิ่งที่เคยเกิดขึ้น แล้วอนุญาตอย่างเป็นทางการให้ทั้งหมดได้อยู่ร่วมกันอีกครั้ง

ขณะนี้ทุกคนเดินทางมาสนามบิน เพื่อมารับใครคนหนึ่ง แต่ความซุกซนเกินพอดีทำให้นลินกอดลูกชายคนหนึ่งเอาไว้ ก่อนหันมาถาม และถูกลูกอีกคนเดินเข้ามากอดข้างหลังอีก “เมื่อไรพี่เขตต์จะมาคะ”

“ไม่ใช่เมื่อไร แต่ถึงแล้วต่างหาก” ขันธ์ไปที่ฝูงชน ชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตา ก็ออกมาพร้อมช่อดอกไม้กับตุ๊กตาสามตัว

ธรรม์ชะงักแล้วออกมาจากหลังแม่ ก่อนมองพ่ออีกคนโผล่มาฝูงชน กำลังเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วก็หันไปมองพ่อที่กำลังอุ้มน้องสาวอยู่

“ปาปาไง ลูก” เขตต์บอกกับเด็กๆ

ธารทำตาโตมองพ่อสองคนสลับกัน ก่อนชี้ “ปาปา” สลับกับ “ดาดา”

“ปาปา”ธรรม์วิ่งนำเข้าไปกอดเขตต์ แล้วธารก็ตามไป “พ่อมีสองคนจริงๆ ด้วย เรามีพ่อสองคนจริงๆ ด้วย”

“ใช่ๆ” ธารกอดพ่อเอาไว้ แล้วชี้ไปมาอยู่อย่างนั้น “เราจะงงไหมว่าคนไหนปาปา คนไหน ดาดา”

“ไม่งงหรอก ก็เราฉลาด แม่บอกว่าเราฉลาด” ธรรม์ยิ้มแป้นเมื่อพ่อปล่อย ก็ออกวิ่งเล่นกับคู่แฝดอีกรอบ

เขตต์มองหนูขวัญในอ้อมแขนคู่แฝดเขา ก่อนอ้าแขนออกเพื่อขออุ้ม “ให้พ่ออุ้มหน่อยได้ไหม”

“ปาปาไง ลูก นี่ดาดา” ขันธ์อธิบายให้ฟังอีกรอบ

หนูขวัญมองหน้าพ่อแม่ที่รู้จักก่อน อ้าแขนให้อุ้ม “ปาปา”

เขตต์อุ้มลูกด้วยความรัก ไม่แตกต่างจากพี่ชายทั้งสองคน เพียงลูกคนนี้เขาไม่เคยได้ใกล้ชิดตั้งแต่แรก “ลินใจร้ายมากที่ไม่บอกพี่ รู้ไหมว่ามันวุ่นวายแค่ไหน”

“ธารกับธรรม์เป็นลูกพี่ด้วยหรือเปล่าคะ” นลินถามขึ้นด้วยท่าทีที่สงบ

ทำเอาคู่แฝดรุ่นพ่ออึ้งไปถนัด ก่อนขันธ์พูดขึ้น “คือ เขตต์ไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะลิน คือแม้แต่พี่ยังช็อคเรื่องหนูขวัญเลย พวกเราเป็นห่วงลินมากกว่า”

“บางครั้งนลินก็อดคิดไม่ได้ว่ามันจะดีหรือ ถ้าเราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้” นลินถอนหายใจยาว แม้ผ่านไปนานสองปีแล้วแต่ทุกอย่างก็ยังคงอยู่ในความคิดไม่เปลี่ยนแปลง

“ดีสิ ถ้าเราคอยดูแลกันและกันให้ดี อะไรก็ดีทั้งนั้นแหละ อย่าไปคิดมาก นี่เป็นเรื่องของเราไม่ใช่เรื่องของคนอื่น” เขตต์โอบไหล่เธอเอาไว้ให้มั่นใจ ก่อนพากันเดินออกจากสนามบิน

ขันธ์พยายามจับเจ้าแฝดน้อยจอมซนให้อยู่นิ่ง แต่ก็ยากเต็มทีเพราะดูเหมือนสถานที่แปลกๆ จะกลายเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจไปเสียแล้ว ก่อนจะจับอุ้มจนได้ แล้วบ่นอย่างเหนื่อยๆ “ซนเป็นลิงเลย วุ๊ย อย่าซนมากนักได้ไหมลูก”

“ไม่ได้ฮะ เด็กซนเป็นเด็กฉลาด” ธรรม์ตอบแล้วยิ้มแป้น

ขันธ์ได้แต่นิ่งอึ้งเพราะเป็นประโยคที่เขาใช้เวลาที่นลินดุลูกๆ และทำให้นลินหัวเราะเบาๆ

“แม่บอกว่าเราซนแต่พ่อบอกว่าเราฉลาดเนอะ” ธารก็บอกกับคู่แฝดเช่นกัน

เขตต์ฟังก็หัวเราะ “จนมุมเลยสิ ลูกย้อนได้อีก”

“ซวยเลย ทีนี้พูดไม่ออกเลย” ขันธ์เม้มริมฝีปาก ก่อนเปลี่ยนใจหอมลูกในอ้อมแขนคนละฟอด “อย่าซนให้มากนัก เดี๋ยวน้องขวัญจะไม่เรียบร้อย กลายเป็นทโมนไพรไปกับพวกหนูนะ”

“เจ้าหญิงไม่ซนหรอก เจ้าหญิงน่ารักที่สุดเลย” ธารหันรีหันขวางมองหาเจ้าหญิงน้อยๆ ที่พยายามจะซน

“เดี๋ยวค่อยไปคุยกันในรถนะ ลูก” ขันธ์พยายามยึดเจ้าแฝดจอมซนเอาไว้ให้มาก เพราะทำท่าอยากจะเดินเล่นอีกแล้ว ก่อนมองสบตาคุณแม่ร่างอวบเดินตัวปลิว “อุ้มไหม ลิน”

“ไม่ล่ะค่ะ พี่อุ้มไหวนี่คะ” นลินตอบแล้วยิ้มขำ

“ซนเหมือนแม่เลยลูก” ขันธ์หันมาบอกลูกๆ

“เปล่าฮับ ซนเหมือนดาดากับปาปา” ธรรม์พูดจาประสาซื่อ เพราะแม่ชอบบอกแบบนี้เสมอ

“นั่นไง ใส่ร้ายกันเห็นๆ ใช่ไหม เขตต์” ขันธ์พยายามจับลูกลงที่นั่งเด็กในรถ

“นายอย่าพยายามหาพวกเลย ถึงฉันเป็นพวกนาย พวกเราก็แพ้อยู่ดี ยังไงๆ ลูกก็เข้าข้างแม่อยู่ดีนั่นแหละ” เขตต์พูดอย่างรู้ทัน

“ก็ว่างั้นแหละ ส่งธัญญ่ามา” ขันธ์หันไปรับลูกจากคู่แฝด “ดีที่ซื้อรถครอบครัวเจ็ดที่นั่ง ไม่งั้นปวดหัวแน่ ที่นั่งไม่พอ”

“ฉันรู้ว่า นายรู้ว่าต้องทำยังไงหรอกน่า” เขตต์เปิดประตูหลังสุดให้นลิน ก่อนย้ายตัวเองไปขึ้นรถ หลังจากเก็บของเสร็จแล้ว โดยให้คู่แฝดเป็นคนขับ “พร้อมหรือยังเด็กๆ”

“อย่า” นลินกำลังจะร้องห้ามแต่ไม่ทันแล้ว เด็กๆ ส่งเสียงระงมแล้วก็หัวเราะเสียงดังอย่างสนุกสนาน คล้ายออกไปผจญภัยครั้งใหม่

เขตต์ยิ้มแห้งๆ เมื่อคู่แฝดมองดุ ก่อนแก้ตัว “จะให้ทำยังไงล่ะ ครอบครัวใหญ่ก็งี้แหละ”

ขันธ์ส่ายหน้าแต่ก็ได้ยิ้ม ก่อนขึ้นรถทำหน้าที่พลขับตามระเบียบ

ครอบครัวใหญ่ที่มีหัวใจหลายดวงอยู่ร่วมกันอีกครั้ง ทว่าครอบครัวนี้จะกลายเป็นครอบครัวแบบไหน ก็สุดที่โชคชะตาจะสร้างสรรค์ และขอเพียงให้ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็คงไม่ยากที่จะฝ่าฟัน

*************************************************


แบบที่ 3 (ครอบครัวใหญ่หัวใจอบอุ่น)

ฝาแฝดทั้งสองหันมามองแม่แล้วเอียงคอนิดๆ แบบลุ้นๆ อยากรู้ว่าจะเจอพ่อไหม หรือใครมา แค่คาดว่าคงไม่ใช่ขโมยแน่นอน ทำเอานลินต้องส่ายหน้าไล่ความรู้สึกที่สับสนออกไป แล้วมองผ่านช่องประตูเห็นเขาคนใดคนหนึ่งยืนอยู่ ก็เปิดให้

“คิดถึงจังเลย” ขันธ์พูดก่อน แต่ยังไม่ทันได้โอบกอดเธอ ก็ถูกเจ้าตัวเล็กกอดขาคนละข้าง

“ปาปา ดาดา” สองเสียงเรียกมั่วไปหมด เพราะไม่รู้ว่าคนไหนเป็นคนไหน

“พี่เขตต์ไม่มาใช่ไหมคะ” นลินถามขึ้นเมื่อเห็นเขาพยายามเดินเข้าบ้านอย่างยากลำบาก

“ลินจะคิดมากหรือเปล่า” ขันธ์ถามขณะกอดลูกๆ เอาไว้ แล้วมองเธอน่าเศร้า

“ก็ไม่ค่ะ ถ้าเขาได้พบใครที่ดี ลินก็ดีใจด้วย” นลินตอบอย่างปลงๆ ก่อนถามอีก “ทำไมมาช้านักละคะ”

“แวะที่บ้านน่ะ ไปรับคนขี้กลัวแล้วค่อยมานี่แหละ อยู่เมืองไทยเป็นเดือนแล้ว ไม่รู้จักหาที่พักแถวนี้ กลัวลินโกรธน่ะ ออกมาสักทีสิโว๊ย” ขันธ์เรียกคู่แฝดที่ค่อยๆ เดินเข้ามาตามเสียงเรียก

เด็กๆ ยืนงงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นพ่ออีกคนเดินมา เพราะยังไม่ทันได้ถามเรื่องที่มีพ่อคนเดียว จากนั้นก็เปลี่ยนไปเรียกอีกรอบ “ปาปา ดาดา”

เขตต์ยิ้มแห้งๆ แล้วกอดรับลูกๆ ก่อนบอกเด็กอย่างอ่อนโยน “ปาปารักพวกหนูนะ”

“พวกเราก็รักปาปา” ธรรม์กอดซบแล้วซุกๆ ออดอ้อน ขณะที่คู่แฝดก็ทำไม่แตกต่างกันนัก

นลินมองลูกจอมซนขี้อ้อนอย่างเอ็นดู ก่อนเตือนเมื่อเวลาผ่านไป “ไปนอนได้แล้วครับ ดึกแล้วนะ พรุ่งนี้ค่อยอยู่กับพ่อทั้งวันเลยไงครับ”

“แม่ฮับ หนูไม่อยากไปโรงเรียน หนูอยากอยู่กับปาปา ดาดา ฮับ” ธรรม์ยึดแขนข้างหนึ่งของพ่อเอาไว้

“จ๊ะ พรุ่งนี้หยุดได้แล้วก็ต่อเสาร์อาทิตย์เลย ดีไหม” นลินพูดอย่างใจดี โดยไม่สบตาพ่อทั้งสองที่เดินไปอุ้มลูกๆ

“งั้นพ่อพาขึ้นนอนนะครับ” เขตต์พูดกับเจ้าตัวเล็กในมือ โดยไม่ต้องเสียเวลาถามว่าใครเป็นใคร และลูบผมลูกเบาๆ ขณะที่ขันธ์ก็กล่อมเจ้าจอมซนในมือเหมือนคู่แฝด

นลินมองสี่คนอลวนเดินขึ้นบน ก็ปิดประตูให้แน่นหนา และนั่งรอเผื่อถามว่าทั้งสองจะพักอย่างไร เมื่อนั่งรออยู่พักหนึ่ง ก็ไม่เห็นว่าพวกเขาลงมา เธอจึงเดินขึ้นห้อง และได้พบพวกเขาออกมาจากห้องเจ้าคู่แฝด

“เอ่อ สบายดีไหมลิน” เขตต์ถามขึ้นก่อน

“ก็ดีค่ะ” นลินตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพราะระยะห่างที่ผ่านไปทำให้ความคุ้นเคยนั้นเปลี่ยนแปลง “พี่จะค้างที่นี่ไหมคะ”

“อ้าว แล้วจะให้ไปนอนไหนล่ะ บ้านหลังใหญ่ แต่ทำไมมีแค่สองห้องนอนล่ะ อีกห้องที่ชั้นบนไว้ทำอะไร” ขันธ์ถามขึ้น

“ไว้ให้พวกพี่นอนค่ะ เบียดกันหน่อยคงไม่เป็นไรนะคะ มีแค่สามห้องเอง แมรี่ขอนอนชั้นล่างค่ะ” นลินอธิบาย

“หา นอนกับขันธ์เนี่ยนะ ไม่เอาดีกว่า พี่ขอนอนที่ข้างเตียงลินแล้วกัน นายนอนห้องนั้นเถอะ” เขตต์พูดแล้วก็รีบออกไปเอาของตัวเองเข้าบ้าน

“เรื่อง ถ้านายนอนข้างเตียงลิน ฉันก็นอนข้างเตียงลิน ถ้าจะต้องเบียดกัน เบียดในห้องลินนั่นแหละ” ขันธ์ก็ไม่ยอมเช่นกัน ทำให้นลินแอบยิ้มขำแล้วส่ายหน้า “ยิ้มอะไร”

“เปล่าค่ะ ลินก็คิดอยู่ว่าจะเป็นแบบนี้ พอดีห้องที่เหลือเป็นห้องเรียนเด็กๆ ค่ะ ห้องลินใหญ่สุดแล้ว มีเตียงเสริมด้วย เพราะเจ้าแฝดน้อยขี้เหงา ขอนอนด้วยประจำ” นลินอธิบายแล้วรีบวิ่งขึ้นชั้นบน

“แพ้อีกตามเคย” เขตต์ส่ายหน้าช้าๆ

“นายน่าจะดีใจที่มีคนที่เข้าใจเราได้มากขนาดนี้ โดยเฉพาะผู้หญิงที่เราต้องการใช้ชีวิตร่วมด้วย” ขันธ์แตะไหล่คู่แฝดเบาๆ

“เพราะงั้นฉันถึงเฝ้ารออย่างอดทนได้ แม้จะนานแต่ก็คุ้มค่าเสมอ ถ้าเรามีสติ พูดก็พูด ฉันเสียใจกับสิ่งเลวร้ายที่ตัวเองเคยก่อ ถ้าไม่มีลิน ไม่มีนาย ชีวิตก็คงไม่มีทางเป็นแบบนี้ ขอบใจที่ดูแลฉันมาตลอด จนฉันพร้อมจะดูแลลูกของพวกเราต่อไป” เขตต์ตบไหล่คู่แฝด

“ไม่งั้นจะมีพี่น้องไว้ทำอะไรวะ พูดแล้วก็อยากเห็นหนูขวัญ เราไม่ได้มีแต่เจ้าคู่แฝดจอมซนแล้วนะ มีลูกสาวด้วย” ขันธ์นึกถึงลูกสาวที่พ่อแม่เขาบอก เพียงพ่อแม่เขาไม่รู้ว่าลูกสาวคนนี้เป็นฝีมือลูกชายอีกคนที่ไม่ใช่เขา

“นั่นสิ ลูกสาวอีกคนของเรา” เขตต์กลับไม่มองแบ่งแยก และเขาก็เชื่อว่าคู่แฝดเขาก็เช่นกัน “ลินนี่สุดยอดจริงๆ เก็บเงียบไว้คนเดียวเลย”

“นายก็น่าจะรู้จักตัวเอง แน่ใจเหรอว่าจะรอได้ถึงสองปี” ขันธ์พูดขึ้นอย่างรู้กัน

“ก็จริง เป็นนายก็คงทนไม่ได้เหมือนกัน” เขตต์ก็รู้ใจคู่แฝด

“เออ ก็พอกันแหละ ไปเถอะ ลูกหลับแล้วล่ะมั้ง” ขันธ์เดินขึ้นชั้นบนพร้อมข้าวของของเขา

เขตต์พยักหน้าแล้วเดินตามไป เห็นเธอเปิดประตูไว้ให้ก็รู้ได้ทันที เห็นเตียงใหญ่มีเตียงเดี่ยวเสริมอย่างที่นลินบอก และมีเตียงนอนเด็กเล็ก ซึ่งนลินก็อุ้มหนูขวัญไปวางไว้แล้ว ปล่อยให้เด็กน้อยพักผ่อนอย่างสงบ

นลินยกมือขึ้นแตะที่ริมฝีปากห้ามไม่ให้รบกวนลูกสาว และมองเขตต์กับขันธ์ล้อมวงกัน ดูลูกสาวตัวเล็กที่น่ารัก หากขันธ์ก็หยุดไม่ได้ต้องพูดออกมา

“ทำแม่อ้วนอีกแล้วนะ ลูกพวกเราเนี่ย” ขันธ์ยิ้มแป้นให้ ขณะที่นลินส่ายหน้าอย่างไม่จริงจังนัก

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ทำอย่างกับว่าลินไม่เคยอ้วนงั้นแหละ” เขตต์ตอบ ก่อนหยักหน้าให้คู่แฝดเข้าห้องน้ำ

“คืนนี้นอนพักก่อนนะคะ อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยค่ะ ลินเหนื่อยแล้ว ดูแลร้านกับเจ้าทโมนทั้งวัน พี่ก็จัดการตัวเองนะคะ ไม่ไหวแล้วค่ะ” นลินพูดก่อนล้มตัวลงนอน เพราะง่วงเต็มที

ขันธ์เดินไปที่อีกข้างของเตียงแล้วจูบเรือนผมเธอเบาๆ “ฝันดีนะที่รัก”

เขตต์ก็ทำเช่นกัน “พักผ่อนมากๆ จะได้แข็งแรงจ๊ะ”

“พี่ขันธ์เน่ามาก ขอบคุณค่ะ พี่เขตต์” นลินหลับตาขณะพูด แต่ก็ยิ้มออกเพราะรู้ว่าเขาจะทำอะไร

ขันธ์ยกมือขึ้นอย่างเข่นเคี้ยว แบบฝากไว้ก่อน แล้วก็พยักหน้าให้คู่แฝดไปจัดการตัวเอง ส่วนเขาก็ล้มลงนอนรอเวลา ก่อนจะเอื้อมไปกอดเธอเอาไว้หลวมๆ “จะเน่าไงก็รักนี่”

“รู้แล้วค่ะ” นลินตอบงัวเงีย

“นอนเถอะ พี่จะมองอย่างนี้แหละ” ขันธ์ตอบ ก่อนมองเธอหลับไปจริงๆ นั่น

เมื่อคู่แฝดเขาออกมา เขาก็รีบไปจัดการตัวเอง เขตต์ล้มลงนอนที่อีกด้านของเธอ หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ค่อยกอดเธอหลวมๆ ไม่ให้เธอสะดุ้งตื่น แล้วเขาก็รู้ได้เลยว่าเธอเหนื่อยแค่ไหนที่ต้องดูแลลูกตามลำพัง เมื่อเธอยังคงหลับสนิท

ภาระทั้งหลายที่เธอแบกเอาไว้ตั้งแต่ได้รู้จักเขา ทำให้เขาต้องตระหนักให้ดี ว่าเขาต้องพร้อมเสียสละทุกอย่างเพื่อเธอ เพราะทั้งหมดเริ่มต้นที่เขาได้รู้จักเธอ

ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งต้องเจอกับอะไรมากมาย ทั้งที่ชีวิตเธอเคยสงบเงียบไร้เรื่องกวนใจ หากเพราะเขาทำให้เธอต้องเหนื่อยหน่ายกับชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วเขายังทำตัวน่ารังเกียจกับเธอเมื่อไม่ได้ดังใจ

เขาต้องเติบโตและดูแลเธอ...ไม่ใช่ให้เธอคอยดูแลเขาอย่างที่เป็นมา

นลินขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกตัวในอ้อมแขนเขา “พี่ขันธ์ละคะ”

“ไม่รู้สิ นอนในห้องน้ำแล้วมั้ง” เขตต์ตอบก่อนจูบเรือนผมเธอเบาๆ อย่างอ่อนโยน

“ไปเรียกให้มานอนเถอะค่ะ เดี๋ยวจะไม่สบาย” นลินบอกด้วยความเป็นห่วง

“งั้นลินก็หลับซะ เดี๋ยวพวกพี่จัดการตัวเองได้” เขตต์จูบเรือนผมเธอซ้ำอีกครั้ง ก่อนจะไปจัดการคู่แฝดที่นอนแช่น้ำหลับอยู่ในอ่าง

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็คอยเป็นห่วงพวกเขาเสมอ และทุกอย่างที่เธอเป็น ทำให้เขารู้ว่าที่ผ่านมาเขาทุรนทุรายอยู่ใกล้เธอเพราะอะไร...

ทุกอย่างจะคุ้มค่าถ้าเรารู้จักดูแลคนที่เรารักอย่างจริงใจ...

*************************************************


เช้าทุกอย่างก็สับสน เมื่อเจ้าคู่แฝดตื่นแต่เช้าเดินเข้ามาทำน้องสาวร้องไห้ เพราะตกใจตื่น เจ้าตัวเล็กมองหน้ากันแล้วก็ถามกันว่าจะทำยังไงให้น้องหยุดร้อง

“เอาไงดี ธัญญ่าร้องไห้อีกแล้ว” ธรรม์ถามคู่แฝดแล้วก็มองหน้ากันไปมา

ขันธ์ตื่นก่อนแล้วเขตต์ก็ตื่นตาม ขณะที่นลินก็ตื่นเช่นกัน ก่อนส่ายหน้าที่เจ้าคู่แฝดน้อยทำป่วนแต่เช้า

“เจ้าตัวยุ่ง” ขันธ์จับลูกสองคนเอาไว้คนละข้าง

“หนูไม่ได้ทำไรเลย ปาปา” ธารรีบตอบ โดยไม่ต้องเสียเวลาเดา เพราะพ่อสองคนหน้าเหมือนกันมากเกินไป

“หนูก็ไม่ได้ทำ ดาดา” ธรรม์เรียกขันธ์อีกอย่าง

“พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ลูก” ขันธ์ตอบก่อนพาเด็กๆ ไปที่เตียงให้ห่างจากหนูขวัญ

เขตต์จะเข้าไปอุ้มแต่คงยาก เพราะยังเป็นคนแปลกหน้าสำหรับหนูขวัญ จึงกลายเป็นหน้าที่ของนลินที่จะปลอบลูก

“มาหาแม่จ๊ะ” นลินอุ้มลูกสาวเอาไว้ แล้วพามานั่งที่ข้างเตียง หนูขวัญเอานิ้วมือใส่ปาก แล้วไม่ยอมมองพ่อฝาแฝดหรือพี่ชายแฝด ก่อนจะซุกหน้าที่อกแม่ “หลบทำไมลูก พ่อๆ กับพี่ๆ ไงคะ”

เขตต์จับเจ้าแฝดคนหนึ่งได้ก็นั่งด้วยกัน กลายเป็นพ่อลูกสองก็อปปี้ไปเลยทีเดียว “ลูกจะกลัวไหมเนี่ย”

“ปกติหนูขวัญไม่ค่อยกลัวอะไรหรอกค่ะ แกตกใจตื่นมากกว่า” นลินปลอบลูกจนเงียบแล้ว ก็ต้องมองแฝดสองคู่ที่นั่งด้วยกันและก็ขำ “แต่จะกลัวก็ตอนที่เห็นพวกพ่อนั่งกับพวกพี่นี่แหละ เหมือนกันจริงๆ”

ขันธ์ก้มหน้ามองลูก ธารก็มองหน้าพ่อ ก่อนหันไปมองคู่แฝดแล้วก็คู่แฝดพ่อ แล้วก็ชี้ๆ “เหมือนกันเลย”

ธรรม์ก็มองไปมา แล้วก็ละลานตาไปใหญ่ ก่อนจะหัวเราะออกมา “เหมือนกัน เหมือนกัน”

แล้วก็มีแต่เสียงหัวเราะ ก่อนที่ลูกสาวคนเดียวของบ้าน หันมามองทำตาปริบๆ แล้วก็รีบซุกอกแม่ ก่อนจะกอดคอแม่ไม่กล้ามองอีก คล้ายดังถูกผีหลอก

“ไม่ต้องกลัวลูก พ่อไงคะ พ่อของหนูไง พ่อของหนูทั้งสองคนเลย เห็นไหม จับดูไหม” นลินต้องปลอบให้ลูกหายกลัว ก่อนเจ้าแฝดพี่ทั้งสองลุกจากตักพ่อเดินเข้ามา

“ธัญญ่าไม่ต้องกลัว ปาปา ดาดา ไม่กัดหรอก นี่ไง” ธรรม์ปลอบน้อง แล้วจับแขนน้องคนละข้าง ขณะที่แม่ก็ต้องปล่อยให้ลูกๆ ได้ช่วยกันเรียนรู้เอง

“ใช่นี่ไง ปาปา ดาดา ของพวกเรา” ธารจับมือน้องไปแตะพ่อทีละคนพร้อมคู่แฝด

หนูขวัญทำความเข้าใจอยู่พักใหญ่ ก่อนยืนมองคนเดียว เอียงคอและขมวดคิ้วอยู่ จากนั้นก็ชี้ “ปาปา ดาดา”

“ใช่ ลูก มาขอปาปากอดทีนะคะ” เขตต์อ้าแขนทั้งสองข้างออกแล้วรอให้ลูกสาวเดินเข้ามาเอง

หนูขวัญขมวดคิ้วแล้วมองพ่อทั้งสองอีกรอบ ก่อนมองแม่ เมื่อแม่พยักหน้า ก็เดินไปหาพ่อที่อ้าแขนออก แล้วยกแขนขึ้นสองข้างให้อุ้ม

เขตต์ทั้งกอดทั้งหอมลูกอย่างแสนรัก ก่อนพูดกับลูกสาว “ปาปารักหนูนะ หนูทั้งสามคนเป็นดวงใจของปาปาเลย”

ธารก็วิ่งเข้าไปกอดปาปาพร้อมคู่แฝด ขณะที่ขันธ์ก็มองแล้วยิ้ม ก่อนหันไปสบตานลิน

คงไม่แย่ถ้าในชีวิตจะมีมากกว่าชีวิตคู่...และถ้าเพียงเราเปิดกว้างก็ไม่ต้องทำให้ใครต้องเจ็บปวดทรมานใจ

“มาให้ดาดากอดบ้างสิหนูขวัญ” ขันธ์เรียกลูกสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของคู่แฝด ก่อนมองแฝดรุ่นเล็ก สะกิดน้องแล้วจูงมือมาให้พ่ออีกคนได้กอด

ขันธ์จูบแล้วก็หอมลูกสาวอย่างเอ็นดู ก่อนจะหอมเจ้าคู่แฝดขี้อ้อนที่กอดเขาไว้คนละข้าง แต่เพราะเก้าอี้เดี่ยวที่เขานั่งทำให้เจ้าทโมนทั้งสองต้องปีนกันเลยทีเดียว

“ลงมาลูก ตายจริง ปีนเป็นลิงอีกแล้ว” นลินดุลูกอย่างไม่จริงจังนัก แล้วก็ยิ้มเอ็นดูลูกๆ

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ถ้าเพียงมีใครสักคนถอยไปจากชีวิตของอีกฝ่าย ความสุขนี้ก็คงเป็นความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น หากเพราะต่างฝ่ายต่างก็ประนีประนอมกัน ทำให้ทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างอบอุ่น

ครอบครัวนี้ไม่เคยมีส่วนเกิน...เพราะเราต่างก็มีกันและกันเป็นองค์ประกอบที่ไม่มีวันขาดหาย

ขอเพียงเราเข้าใจและให้กันและกันอย่างเพียงพอ...ก็จะมีแต่วันสวยงามแม้พายุจะพัดผ่านเข้ามาสักกี่ลูกก็ตาม

ความรักเป็นเพียงประตูที่เราต้องตัดสินใจเปิดหรือไม่...

หากความเข้าใจและยอมปรับปรุงต่างหากคือ...สายใยผูกพันกันและกันให้ยังคงอยู่ต่อไป


*************************************************

จบบริบูรณ์

*************************************************

สวัสดีค่ะ

จบจริงๆ แล้วนะคะ
อิอิ เลือกตามอัถยาศัย ชอบแบบไหนก็เลือกอ่านแบบนั้นนะคะ
แล้วก็ขอไม่ตอบเม้นอีก อิอิ เพราะเม้นเยอะมากเลยค่ะ
โฮะๆๆๆๆ จบแล้วจริงๆ นะคะ สำหรับเรื่องนี้
-.- แล้วคงไม่มีกำหนดวางแผงหรืออะไร เพราะยังไม่คิดจะส่งไปที่ไหน
ไม่รู้ว่าเหมาะสมหรือเปล่าค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดค่ะ
เป็นกำลังใจให้ทุกคน และรักษาสุขภาพด้วยนะคะ




 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2552
2 comments
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2552 12:02:16 น.
Counter : 1519 Pageviews.

 

แบบที่ 1 ค่อนข้างเศร้า แต่สุดท้ายก็เข้าบรรทัดฐานทางสังคมส่วนใหญ่
แบบที่ 2 และ 3 น่ารักดีครอบครัวใหญ่ที่ไม่สนใจสังคมแวดล้อม ตอนนี้ลูกๆ ยังเด็กไม่เป็นไร โตขึ้นเขาจะต้องโดนคำถามจากเพื่อนๆ หรือเปล่า (โอ๊ย...คิดแทนอีกหล่ะ)

กำลังคิดว่าถ้าตีพิมพ์ก็จะขอดูตอนจบก่อนว่าเป็นแบบไหนถ้าชอบก็จะไปซื้อมาเข้าตู้ไว้ ถ้าไม่ชอบอาจจะต้องบายเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ยังไงก็เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ

 

โดย: tuk_ora 20 พฤศจิกายน 2552 13:38:42 น.  

 

แบบ แรก เศร้าแต่สะเทือนใจดีค่ะ

แต่แบบสองกับแบบสามก็จบดีแบบอ่านแล้วไม่คิดมาก ไม่จิตตกดี

 

โดย: fiona IP: 114.128.22.138 24 พฤศจิกายน 2552 14:09:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

เพลิงวารี
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ไหดองเหล็กไหล
New Comments
[Add เพลิงวารี's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com