เพลิงวารี & คชสีห์ ฿ Babylonia
<<
พฤษภาคม 2556
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
30 พฤษภาคม 2556
 
 

ไร่แห้ว...ไม่จำกัดรัก ตอนที่ 35 คดีพลิก

ไร่แห้ว...ไม่จำกัดรัก ตอนที่ 35 คดีพลิก

ขณะที่อภิชาตขับรถตามลำพังแล้วไปหยุดที่คอนโดฯ ซึ่งอรรณกับภารดีพักอยู่ ขึ้นไปที่ห้องซึ่งเขามาส่งพวกเธอเมื่อเช้า จากนั้นก็เห็นภารดีเปิดออกเห็นเป็นเขาก็เปิดประตูให้เขาเข้ามา

“ทำไมทำหน้าเหมือนจะตายอย่างนั้นล่ะ” ภารดีทักตามตรง ทำให้เขาขมวดคิ้วมองหน้าอย่างไม่พอใจเท่าไรนัก เธอก็ไม่สนใจ “อะไรล่ะ ก็ทำหน้าแบบนั้นจริงๆ นี่”

“เฮ้อ” เขาถอนหายใจแล้วนั่งลง หลังจากรับไหว้อรรณแล้ว

“คุณลุงมีอะไรหรือเปล่าคะ สีหน้าไม่ค่อยดีเลย” อรรณเห็นสีหน้าคนสูงวัยแย่กว่าที่เคยก็ถามด้วยความเป็นห่วง

“ลุงขอมาพักเดี๋ยวน่ะ แล้วจะไปหาห้องเช่าหน่อยคงอยู่บ้านไม่ได้แล้วล่ะ ข่าวทำให้แม่ลุงโกรธมากล่ะนะ” อภิชาตบอก

ภารดีทำเสียงเยาะในลำคอ รู้จักแม่เขาดี คาดว่าคงห่วงหน้ามากกว่าห่วงลูก นี่กลับไป คงโดนด่าเช็ด

“งั้นคุณลุงพักที่ห้องข้างๆ นี่ก็ได้ค่ะ น้ำซื้อคอนโดฯ ไว้สามห้อง พักห้องเดียวมันก็ต้องว่างอยู่แล้วล่ะค่ะ ยังไงน้าภาก็ช่วยอยู่เป็นเพื่อนคุณลุงก่อนก็แล้วกันนะคะ เรื่องในอดีตน่ะ น้ำว่าปล่อยมันไปดีกว่า ช่วยคนที่เรารักมันก็ดีกว่าไปนั่งเคาะโลงฝากบอกอะไรเขาก็ไม่ได้ยินนะคะ” อรรณเตือนสติ เพราะอีกสองวันเธอก็จะเดินทางแล้ว

ภารดีก็ได้แต่พยักหน้า ไม่อยากจะขัดใจอรรณเท่าไรนัก ไม่อยากจะเรื่องวุ่นวายมาให้ จากนั้นก็ลงไปช่วยถือของอภิชาตขึ้นมา

“ถ้าเธอไม่สบายใจที่ฉันมาพักที่นี่ แล้วโดนหนูน้ำบังคับให้อยู่เป็นเพื่อนฉัน เธอก็ปฏิเสธได้นะ” อภิชาตพูดอย่างเกรงใจ

“จะให้ทำยังไง ก็น้องน้ำขอมานะ ก็ต้องทำ เอาเป็นว่าฉันก็สงสารคุณเหมือนกัน ที่ต้องมาโดนแม่ไล่ออกจากบ้านเนี่ย อีกอย่างนะ ถ้าคุณเป็นอะไรไป ฉันก็คงบาปหนักสินะ ไม่อยากไปเคาะโลงขออโหสิกรรม” ภารดีพูดเสียงแข็งๆ

อภิชาตลืมตัวกุมมือเธออย่างดีใจ “ขอบคุณนะ ที่เธอหายโกรธฉัน”

“ก็จะให้ฉันทำไงล่ะ ในเมื่อตอนนี้อะไรๆ ก็กระจ่างแล้ว” ภารดีถอนหายใจแล้วสะบัดมืออย่างแรงเมื่อรู้สึกตัว “อย่าทำรุ่มร่ามกับฉันอีก”

“ตกลง” อภิชาตค่อยสบายใจ ล็อกรถแล้วก็แวะร้านอาหารใต้คอนโดฯ เพื่อนำอาหารขึ้นไปข้างบน แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อนักข่าวเข้ามารุม

“คุณอยู่คอนโดเดียวกับคุณน้ำเหรอคะ ห้องเดียวกันหรือเปล่า” นักข่าวถามละลาบละล้วง

“ผมขอให้สัมภาษณ์เลยนะครับ ผู้หญิงคนที่ผมจะใช้ชีวิตด้วย คือผู้หญิงคนนี้คนเดียวครับ” อภิชาตโอบไหล่ภารดีเอาไว้แน่น ทำเอาภารดีไม่กล้าปฏิเสธ เพราะกำลังอึ้งอยู่

“เขาอยู่บ้านเดียวกับหนูน้ำ แล้วใครก็ตามที่ลงข่าวไม่เป็นมงคลกับผู้มีพระคุณช่วยให้ผมได้พบคนรักเก่าก่อนหน้านี้ เตรียมคุยกับทนายความผมได้เลย จบการให้สัมภาษณ์ครับ” อภิชาตจ่ายเงินแล้วคว้าอาหารขึ้นชั้นบนโดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์อีก

เมื่อภารดีหลุดมาได้ก็รู้แต่ว่าเขาลากเธอออกไปอย่างเร็วและแรงกว่าที่เคย ทั้งที่เขาไม่ค่อยแข็งแรง แต่คงเพราะโกรธจัด รีบเข้าส่วนล็อบบี้แล้วยามก็ห้ามไม่ให้นักข่าวเข้า พออยู่ในลิฟต์ เธอก็หันไปมองเขาอยู่หลายรอบ

“น่าโกรธนะ ทำไมต้องหาเรื่องเด็กสาวคนหนึ่งได้ขนาดนี้ เฮ้อ ฉันก็แก่เกินกว่าจะทนกับเรื่องพวกนี้แล้วล่ะ” อภิชาตบ่นออกมา เพื่อระบายความโกรธ

“ใจเย็นๆ ได้ไหม เดี๋ยวคุณก็ไม่สบายหรอก พอดีฉันต้องอยู่พยาบาลคุณอีก เมียก็ทิ้งไปแล้วนี่นะ” ภารดีพูดปลอบแล้วนึกได้ก็เปลี่ยนคำพูดตอนท้าย

“ใช่เมียทิ้ง แล้วเธอจะทิ้งฉันอีกคนใช่ไหม” อภิชาตหยอดตรงท้าย

ภารดีนิ่งอึ้ง ไม่คิดว่าเขาจะพูดตรงแบบนี้ ก่อนจะพูดตามตรง “ใช่ว่าเราไม่เคยอยู่ด้วยกัน แต่ก็คงเห็นนะว่ามันเกิดแต่ความพินาศ มีแต่ความสูญเสีย ฉันคงลืมความรู้สึกตอนรู้ว่าเสียลูกไปไม่ได้หรอกนะ”

อภิชาตฟังสิ่งที่เธอพูด ก็รู้ว่าน้ำเสียงเธอในตอนท้ายคล้ายจะร้องไห้ เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกก็ปล่อยเธอเดินนำไปจนถึงห้องที่อรรณพัก เข้าไปปิดประตูแล้วไม่เห็นอรรณ คิดว่าคงเข้าไปพักผ่อน เขาจึงตัดสินใจพูด

“หมอบอกว่าฉันคงอยู่ได้อีกไม่นาน ที่อยู่มามันก็นานมากเกินไปแล้ว ฉันอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่กับเธอนะ ภารดี” อภิชาตตัดสินใจสารภาพในท้ายที่สุด

ภารดีขมวดคิ้วแล้วหันมามองเขา สีหน้าเขาจริงจังก็รู้ว่าเขาไม่ได้พูดล้อเล่น หากก็ถามเขาอย่างสงสัย “สมัยนี้มีวิธีรักษาไม่ใช่เหรอ สเต็มเซลล์ไงไม่ลองรักษาดูล่ะ”

ใจรู้ว่าเขาป่วยเป็นอะไร เธอก็ศึกษาข้อมูลดูบ้าง ตามประสาคนเคยเรียนจบมหาวิทยาลัย พอรู้ว่ายังไงก็มีทางรักษา แม้ยากหน่อย แต่ก็ใช่ว่าจะไร้ความหวังเสียทีเดียว

“คิดเหรอว่าฉันไม่ลองหาคนที่เข้ากันได้ แต่นี่มันไม่มีน่ะสิ แม้แต่คุณแม่ฉันยังเข้าไม่ได้ ยัยอิ่มก็เหมือนกัน นี่ก็เข้าคิวรออยู่แต่มันก็คิวยาวเหลือเกิน” อภิชาตพูดอย่างหมดหนทาง เขาก็เตรียมใจกลับมาตายที่เมืองไทยแต่แรกแล้ว

“มันต้องมีสิ อยู่ๆ จะมาตายตรงหน้าฉันได้ยังไง ไม่ได้นะ ลูกก็มาตายตรงหน้าภา แล้วพี่ยังจะมาตายต่อหน้าภาอีกเหรอ” ภารดีเริ่มใจไม่ดี เพราะเพิ่งได้ลูกคืนมาก็จะเสียคนที่รักอีกคนไปอีก

“ใจเย็นๆ นะ ภา อาการพี่ยังไม่ทรุด แต่ถ้าทรุดเมื่อไร ก็รู้นะว่าพี่คงไม่รอดแน่ ได้แต่พยุงอาการเท่านั้น” อภิชาตอธิบายความให้มากขึ้น

“ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่มีความหวังงั้นเลยเหรอ” ภารดีถอนหายใจยาว นึกอยากให้อรรณไปตรวจ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่ามีโอกาสที่พ่อลูกจะช่วยกันได้ แต่ติดที่อรรณไม่รู้ว่าตัวเองเป็นลูกเธอกับเขา

แล้วตอนนี้อรรณก็มีลูกในท้องอีก เรื่องจะตรวจคงทำยาก แม้จะขอร้องแบบคนรู้จักกัน แทนที่จะบอกความจริงก็ตาม ถึงอรรณจะเป็นคนดี แต่ปมเรื่องที่โดนพ่อแม่ทิ้งเป็นเรื่องที่เด็กบ้านนี้ไม่อยากแตะต้องมากที่สุด

ภารดีได้แต่ถอนหายใจ หันไปที่ประตูห้องที่ปิดอยู่ ก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายคงนอนหลับพักผ่อนมากกว่า เพราะท่าทางเหนื่อยๆ จากการเดินทาง แม้จะเป็นการเดินทางด้วยเครื่องบินก็ตาม

“ถ้าน้องน้ำไปต่างประเทศแล้ว ภาจะลองขอพี่เงินมาอยู่กับพี่ดูนะ แต่ภาจะไม่ไปเหยียบบ้านโน้นเด็ดขาด” ภารดีบอกตามตรง

อภิชาตถึงยิ้มออก ไม่อยากเอาเรื่องป่วยมาร้องขอเธอให้มากไปกว่านี้ แต่เขาก็อยากอยู่กับเธอไปจนกว่าเวลานั้นจะมาถึง “พี่ขอบใจภามากที่ไม่ดื้อดึง”

“คนจะจากกัน จะมัวดื้อดึงกันไปทำไม” ภารดีพูดอย่างหมดหวัง

“ก่อนจะจากกัน เราก็ถนอมเวลาที่เรามีสิ” อภิชาตเดินไปกอดปลอบใจเธอ

ในชีวิตเธอไม่เคยต้องสูญเสียอะไร พอมารู้จักเขา พ่อแม่เธอก็มาป่วยตายจาก พอมาพึ่งเขา แม่เขาก็บีบคั้นจนมีแต่เรื่องร้ายๆ พอจะได้อยู่กับเขาอีกครั้ง เขาก็มีเวลาเหลือให้เธอน้อยมาก

อรรณตื่นมาแล้วทันได้ฟังช่วงท้าย นึกก็สงสารคนคู่นี้ เสียลูกแล้วยังต้องมาแยกจากกันอีก แม้ชีวิตจะผ่านอะไรมามาก แต่ก็ไม่มีอะไรช่วยเหลือได้อีก

เธอก็หวังว่า...เธอกับศิขาจะไม่เป็นแบบนี้ ที่ต้องรอกันมานานหลายปี กว่าจะลดทิฐิแล้วหันเข้าหากัน แต่ก็เหลือเวลาเพียงน้อยนิดเพื่ออยู่ด้วยกัน

************************************


“เอ้อ ลื้อทำงานได้ดีมาก แล้วรู้หรือยังว่าเมียลื้อบินไปอยู่เมืองนอกแล้ว” อมรพันธุ์ถามศิขา เพราะศิขาน่าจะเห็นข่าวหนังสือพิมพ์บ้าง

“อะไรนะครับ ท่านรอง” ศิขาฟังแล้วสะดุ้ง

“เอ้อ ลื้อรีบๆ ทำงานเร็วเข้าล่ะ อั๊วะจะโดนด่าอยู่แล้ว ท่านสุชาติน่ะอยากให้งานมันเสร็จซะที ลื้อจะได้กลับมาแล้วไปตามเมียลื้อกลับ แค่นี้นะ” อมรพันธุ์ตามคดีอื่นต่อ จึงตัดบทลูกน้อง

ศิขาเป็นมึน รีบโทรหาอรรณแต่ปิดเครื่อง สุดท้ายโทรหาน้องชายแทน

“ครับ” สินธรลากเสียงยาวเหมือนคนเพิ่งตื่น

“ไอ้กรวด เมียพี่หนีไปเมืองนอกเหรอวะ” ศิขาถามขึ้น โดนไม่ทันระวังเสียงที่ดังเกินไป

“อ๋อ พี่น้ำไปทำงานต่างประเทศ เห็นลมว่างั้นนะ พี่หิน ก็พี่เล่นไม่โทรมา ติดต่อก็ไม่ได้ แล้วนี่เอาเบอร์ใครโทรมาเนี่ย อยู่ส่วนไหนของประเทศเนี่ย” สินธรออกจะงง เพราะเบอร์แปลกกว่าที่เคย

“เออ ไม่ต้องสนใจเรื่องเบอร์ได้ไหม ทำไมน้ำถึงไปเมืองนอกล่ะ หรือว่าเข้าใจพี่ผิด” ศิขาร้อนใจ รีบถามน้องชายให้ละเอียด

“ข่าวเสียมันเยอะน่ะ พี่ พี่ไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์มั่งหรือไง เฮ้อ ไม่อ่านหน้าข่าวบันเทิงอีกอ่ะสิ” สินธรถามพี่ชายอย่างงุนงง

“ไม่ได้อ่านเลย อ่านแต่หน้าอาชญากรรม ก็รู้นี่ว่าพี่ไม่อ่านข่าวบันเทิง แล้วไหงข่าวน้ำ มันไปโผล่ที่ข่าวบันเทิงได้ล่ะ โอ๊ย พี่งงไปหมดแล้วนะเนี่ย เอาไงดีวะ งานพี่ยังไม่คืบเลย” ศิขาเริ่มร้อนใจมากขึ้น บ่นเสียงดังตามอารมณ์

“ใจเย็นๆ ก่อนพี่ พี่น้ำเขาไปทำงานแค่ช่วงสั้นๆ แต่จะกลับมาเมื่อไร ไอ้ลมไม่ได้บอกด้วย” สินธรอธิบายความแล้วทำให้พี่ชายร้อนใจกว่าเดิม

“พี่จะโทรหาลมเองนะ แค่นี้ก่อนว่ะ เหรียญจะหมดแล้ว” ศิขาตัดบท คิดจนใจลอย เดินไปที่ร้านขายของชำ ซื้อของแล้วแลกเหรียญเพื่อโทรศัพท์ต่อ แต่เขากลับโดนซัดจนสลบไป

คนที่ทำลากร่างที่หมดสติของเขาไปในซอยมืด ดีที่หมวดหรรษาเป็นห่วง รู้ว่าโทรมารายงานนายแต่ออกมานานเกินจึงตามมา แล้วเข้าไปช่วย สองรุมหนึ่งแต่หมวดหรรษามีฝีมืออยู่บ้าง จึงซัดอีกฝ่ายจนถอย แต่ตอนนี้เหมือนความจะแตก พวกเขาแทรกซึมมาอยู่ในท้องที่นี้นานพอดูแล้ว พอมีอะไรเคลื่อนไหว ทั้งชุมชนรู้กันหมด จึงเป็นเรื่องขึ้นมาได้เช่นกัน

เขารีบพาศิขาไปเก็บของเพื่อหนี พวกนั้นเห็นพวกเขาแปลกไป ย่อมต้องหาทางสืบข่าว ที่ตามจับคู่หูเขาแบบนี้ แสดงว่าสงสัยมานานแล้ว อยากทำความรู้จักระดับลึก จึงลงมืออุกอาจแบบนี้

เมื่อศิขาฟื้น มองเห็นหมวดหรรษารีบเก็บของ ก็ขมวดคิ้ว “ใจเย็นๆ หมวด”

“พวกมันน่าจะรู้ตัวแล้วนะ ผู้กอง” หมวดหรรษาร้อนใจ กลัวตายก็กลัวตายกลัวมันจะลามไปหาครอบครัวด้วยมากกว่า

“หมวดรีบเก็บของแบบนี้ พอดีพวกมันแน่ใจว่าเราเป็นสายแน่” ศิขากลับได้สติมากกว่า

หมวดหรรษาก็ชะงัก แล้วหยุดมือ “แล้วจะเอาไงครับ”

“รอดูท่าทีไปก่อน เห็นเพื่อนโดนทำร้ายใครก็ต้องเข้าช่วยอยู่แล้ว ถ้าหมวดไม่ช่วย คงแปลกมากกว่า” ศิขาพยายามประคองสติ ไม่อยากให้เสียเรื่อง

“ผู้กองลบเบอร์ทิ้งไหม” หมวดหรรษาหมายถึงกดโทรหาใครก็ไม่รู้ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายกดทวนเบอร์ได้

“แน่นอนอยู่แล้วล่ะ ผมกดไปหลายเบอร์เลย” ศิขาบอกตามตรง เขาไม่มีลืมอยู่แล้ว เพราะทวนในใจตลอด

จะเกิดอะไรขึ้นกับเขา...เขาไม่หวั่นเท่าเกิดเรื่องกับครอบครัวเขา

หมวดหรรษาจึงหยุดเก็บของ “ทีนี้เราจะเอายังไงดีล่ะผู้กอง”

“ก็ต้องรอดูท่าทีของฝ่ายนั้น เรามากันหลายเดือนแล้วกว่าจะสืบจนเข้าใกล้คนใหญ่คนโตระดับนี้ได้ เพราะงั้นมันต้องมีหนทาง” ศิขาบอกหมวดหรรษา แล้วได้แต่ภาวนาให้เมียเขารอเขากลับไปหา

เขาต้องทำงานให้สำเร็จ ต้องเริ่มเก็บข้อมูลเพื่อเอามาเป็นหลักฐานให้ได้

************************************


ถึงได้นั่งทำงานที่โต๊ะทำงานราคาแพง หากก็ไม่ทำให้เธอรู้สึกอยากจะทำงานมากเท่าที่จำเป็น อรรณมองเอกสารว่างๆ แล้วก็จัดการเอกสารเหล่านั้นให้เสร็จเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอไม่ต้องการอยู่เกินเวลา เพราะงานที่เพื่อนทิ้งไว้มันก็พอจัดการได้ในเวลาที่กำหนด พอเสร็จส่วนที่เธอตั้งใจแล้วก็ลงไปข้างล่างทันที

เธอไม่ได้สวมส้นสูงอย่างที่เคยทำสมัยอยู่วอลล์สตรีท แต่สวมส้นเตี้ยเพื่อให้เดินสะดวก และจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพของลูกน้อยในครรภ์วัยสี่เดือน เธอมีรถเพื่อนขับ มีอพาร์ทเม้นที่เพื่อนให้ยืมพัก แล้วก็มีความสะดวกสบายมากมาย รวมทั้งหมอที่เพื่อนให้การรับรองว่าเป็นหมอที่ดี

ก่อนจะขับกลับที่พัก เธอแวะซื้ออาหารเย็นแล้วก็เลี้ยวเข้าที่พักได้อย่างง่ายๆ เพราะย่านที่เพื่อนอยู่ก็เป็นย่านที่ค่อนข้างหรูพอตัว เมื่อถึงห้องพักแล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อมีผู้ชายเข้ามาประชิดเธอ

“อย่าตกใจ ผมเองนะ ดิเอโก้” ดิเอโก้บอกแล้วขยับแว่นเล็กน้อย

“คุณอีกแล้วเหรอ รีบเข้าไปข้างในเถอะ” อรรณส่ายหน้าช้าๆ แล้วพาเขาเข้าไปด้านใน

เมื่อเขาเข้าไปด้านในแล้วก็มองที่พักเธอให้แน่ใจว่าปลอดภัย แล้วก็ปิดม่านทุกช่องที่จะสามารถมองเห็นเขาได้

“คุณมาได้ยังไง” อรรณถามทันที

“ผมก็อยากมาเจอคุณก่อนน่ะสิ คุณปลอดภัยดีนะ” ดิเอโก้รู้อยู่แล้วว่าเธอปลอดภัย

“ก็เห็นอยู่ว่าฉันปลอดภัยดี” อรรณแปลกใจมากกว่า

“ผมออกมาจากซานโตสแล้วนะที่เหลือก็แล้วแต่ซานโตสจะจัดการเอาเอง” ดิเอโก้มาเจออรรณก่อนที่เขาจะไปไกลจากที่นี่

“แล้วคุณไม่โดนตามล่าเหรอ” อรรณถามด้วยความเป็นห่วง

“หาผมเจอก็เก่งแล้วล่ะ อย่าลืมสิว่า ผมน่ะเป็นคนวางแผนให้พวกนั้นทุกอย่าง แม้แต่ตำรวจสากลยังหาผมไม่เจอเลย ว่าแต่ตำรวจสากลที่ตามคุณอยู่น่ะ ไม่มาด้วยเหรอ” ดิเอโก้ถามแล้วก็นั่งอย่างสบายอารมณ์

“ไม่หรอก เขาไม่มีเวลาน่ะ” อรรณเห็นเขานั่งก็จัดการกับของกิน

“อวบคุณเยอะเลยนะ ท้องเหรอ สามีรู้เรื่องหรือยัง” ดิเอโก้ถามเธอแล้วยิ้มให้

“ไม่รู้หรอก” อรรณตอบสั้นๆ ตามที่ตนเองเข้าใจ

“ถ้าเขารู้ เขาจะคิดไหมว่าเด็กในท้องน่าจะเป็นลูกผมมากกว่า” ดิเอโก้พูดแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย

“ถ้าเขาคิดแบบนั้นก็คงเป็นเรื่องของเขาล่ะนะ” อรรณได้แต่พูดสิ่งที่คิดไว้หลายทาง เธอไม่รู้จะทำยังไง แต่เมื่อที่สุดแล้วก็คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตามากกว่า

“คนซื่ออย่างเขา อาจจะเข้าใจไปทางนั้น แต่เขารักคุณมาก เขาคงไม่ปล่อยคุณหลุดมือไปหรอก” ดิเอโก้พูดสิ่งที่กะเกณฑ์ ก่อนลุกขึ้นจ้องเธอ “ไปอยู่กับผมไหม แต่คุณต้องตัดโลกเดิมๆ ของคุณไปให้หมดเลยนะ”

อรรณมองเขาอย่างตะลึงงัน ที่อยู่ๆ เขาก็มาเสนอแบบนี้ให้เธอ

“ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ คุณยังต้องโดนตามล่าอีกไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ฉันต้องคิดถึงลูกมากกว่า” อรรณทบทวนก่อนบอกไปตามตรง

ดิเอโก้จึงหัวเราะอย่างเข้าใจ สัญชาตญาณความเป็นแม่ย่อมแรงกกว่าความรักอย่างอื่น “ผมก็คิดอยู่แล้วว่าคุณต้องคิดแบบนี้ ผมแวะมาบอกว่า คุณสบายใจได้ ตอนนี้ซานโตสไม่ต้องการตัวใครมากเท่าผม คุณสบายใจได้ แล้วไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับตำรวจสากลเพื่อนคุณเหรอ”

“เอาอะไรมาพูด เขาน่ะแค่เป็นห่วงแบบเพื่อนเท่านั้นแหละ” อรรณก็พูดตามใจคิด ลูคัสคงไม่มองเธออย่างอื่นหรอก

“ดีแล้วที่ไม่ฝากชีวิตไว้กับสายลับสองหน้า เขามีภรรยาแล้วล่ะ จำดันเต้ได้ไหม น้องเมียเขาเอง ครั้งที่เขาให้คุณช่วย ครั้งแรกที่เราเจอกันน่ะ เพราะดันเต้หาช่องติดต่อไม่ได้น่ะ เขาก็เลยร้อนใจ” ดิเอโก้บอกทุกสิ่งที่เขารู้

อรรณเป็นอึ้งที่ดูเหมือนเขาจะรู้ไปเสียทุกอย่าง แต่ทำเหมือนไม่รู้อะไรเลย

“ไม่ต้องทำหน้าแปลกใจอย่างนั้นหรอก เรื่องบางเรื่องเราก็ต้องทำเป็นไม่รู้บ้าง การแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาทำให้เราสร้างกำแพงปิดตัวเอง ผมไม่คิดจะอยู่กับซานโตสไปจนตายหรอกนะ ถึงเวลาที่ผมต้องไปจากเขา ก็ต้องไป” ดิเอโก้ไม่ได้ให้ความกระจ่าง เขาเพียงบอกกว้างๆ เท่านั้นเอง

“ดีแล้วล่ะ แต่ดูคุณมีความสุขกับการเล่นเกมไล่ล่านี้นะ” อรรณดูเขาสนุกมากกว่ากลัว

“ก่อนผมไป ผมจะช่วยคุณอีกสักเรื่อง” ดิเอโก้พูดเป็นปริศนา

“อะไรเหรอ” อรรณก็ถามอย่างงุนงง

“เดี๋ยวคุณก็รู้เอง คืนนี้ผมค้างที่นี่นะ เช้าผมก็จะไป” ดิเอโก้บอกมากกว่าขออนุญาต

อรรณถอนหายใจก่อนพยักหน้า เพราะคงไม่อาจห้ามเขาได้

“ไม่ต้องห่วง ผมไม่ใช่ซานโตส ผมทำอะไรคนท้องไม่ลงหรอก” ดิเอโก้พูดติดขำ แล้วก็มองเธอผลักอาหารบางส่วนให้ เขาก็เพียงยิ้มเท่านั้น

“ทานเถอะ เราเคยแบ่งอาหารกินกันในป่ายังไง มันก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอกจริงไหม” อรรณพูดให้ความหมาย ซึ่งก็หมายถึงจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเกิดขึ้นเหมือนเช่นในป่า

ดิเอโก้เข้าใจความหมาย เสียดายที่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงตัวคนเดียว แต่เป็นผู้หญิงที่ได้มอบหัวใจให้ชายอื่นไปแล้ว และเขาไม่ต้องการแค่เพียงร่างกายแต่ไร้จิตวิญญาณ อีกทั้งเขาก็คิดถึงผู้หญิงอีกคนที่พร้อมจะไปทุกที่ในโลกกับเขามากกว่า

************************************


เหมือนลาภลอยมาปะทะหน้าเขา เมื่อมีเอกสารวางอยู่ในห้องเขา ตอนที่เขากับหมวดหรรษาออกไปหาข่าว แบบโล่งใจ เพราะเกือบโดนจับได้ พอกลับมาก็มีถุงกระดาษวางไว้ในห้อง พวกเขาเริ่มสำรวจว่าอะไรหายไป ก่อนเปิดดูเห็นเป็นแฟล๊ชไดร์ และมีเอกสารอีกยาวเหยียด พอเปิดอ่านดูเป็นรายชื่อต่างๆ เมื่อเอาคอมพิวเตอร์ออกมาเปิดดูข้อมูลในนั้น ก็พอว่าเป็นคลิปภาพบ้างคลิปเสียงบาง ทั้งคู่ก็ลิงโลด

“ใครเอามาให้เราวะ ทำไมถึงเอามา หรือว่าจะเป็นพวกนี้เอามาหลอก” ศิขาเริ่มระแวงนิดๆ

“ผมว่าเอาไปตรวจสอบก่อนดีกว่าผู้กอง เราจะได้กลับบ้านสักระยะนะครับ” หมวดหรรษาก็อยากกลับไปดูหน้าเมียกับลูกใจจะขาดไม่ต่างอะไรกับศิขาที่อยากกลับไปหาอรรณแล้ว

“ตกลง” ศิขากับหมวดหรรษาก็ช่วยกันเก็บหลักฐาน หากก็ทำสำเนาข้อมูลไว้อีกอย่างละสามชุด เก็บไว้ที่ตัวคนละชุด แล้วส่งเข้าไปให้นาย ส่งไปพิสูจน์หลักฐานที่เซฟเฮาส์อีกชุด

“ผู้กองรอบคอบดีเหมือนกันนะครับ ตอนแรกเห็นใจร้อนเป็นไฟ เวลามีสติ ผู้กองคิดละเอียดกว่าผมอีก บอกตามตรงนะครับ ผมก็เสียดายที่ไม่ได้ทำงานร่วมกับผู้กองอีก เมื่อจบจากตรงนี้ เพราะผมก็ต้องกลับท้องที่ผมแล้ว” หมวดหรรษาพูดอย่างแสนเสียดาย

“ผมก็ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคุณ แต่หลังจากนี้เราต้องระมัดระวังตัวให้มาก ผมรู้สึกว่าตั้งแต่เกิดเหตุครั้งที่แล้ว เราโดนเพ่งเล็งมาก แม้จะไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายกับเราอีก แต่ก็รู้สึกว่าขยับตัวยากพอควร” ศิขากำลังคิดหาทางออกไปจากพื้นที่เพื่อส่งหลักฐานให้กับเจ้านาย

แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ทั้งสองมองหน้ากันเพราะไม่ได้นัดใครไว้ และปกติจะไม่มีใครมาหาตน ทั้งสองก็มีแต่หนวดเคราที่ไว้กันพักใหญ่ ทำให้ปิดบังใบหน้าแท้จริงได้มาก จากตำรวจจะกลายเป็นมหาโจรกันอยู่แล้ว

ศิขากับหรรษาพยักหน้าให้กันเตรียมความพร้อม ก่อนศิขาพูดถาม “ใครน่ะ”

“มาหาไอ้เชิด ไอ้ชัย มึงอยู่กันไม่ใช่เหรอ” นอกห้องถามกลับมา

ศิขากับหรรษาต่างก็หาที่เก็บหลักฐาน โดยซ่อนไว้ที่ฝ้าเพดาน จากนั้นก็พยักหน้าให้กัน ปูที่นอนแล้วทำให้ยับๆ ทำท่าทางงัวเงีย เปิดไฟในห้องแล้วค่อยเปิดประตู

ศิขาขยี้ตาแล้มองชายแปลกหน้าทั้งสอง ก่อนพูดอย่างนอบน้อม “มีอะไรเหรอจ๊ะ”

“ได้ข่าวว่าหลายวันก่อน พวกเอ็งโดนทำร้ายเหรอ เอ้อ พี่น่ะ สมชาย พวกพี่น่ะเป็นตำรวจ น้อง ทำไมไม่ไปแจ้งความล่ะ” สมชายบอกความแล้วเดินเข้าไปในห้อง เห็นอีกคนกำลังตื่น เหมือนพวกใช้แรงงานทั่วไปในก่อสร้างที่นายเขาดูแลอยู่

“พี่น้องกันก็ต้องช่วยเหลือกันเองแหละพี่ แจ้งความไป พวกผมก็กลัวว่าจะมีเรื่องกับคนในท้องที่ พวกผมน่ะ คนงานก่อสร้าง ที่ไหนมีจ้างงานก็ตะเวนไปทั่ว มีเรื่องกับคนในท้อที่ก็ไม่ดีอีก แต่จะไม่ให้ป้องกันตัว มันก็คงไม่ได้ ไม่งั้นก็โดนรังแกอยู่ร่ำไปอีกครับ” ศิขาอธิบายความ

“มีอะไรเหรอ พี่เชิด” หมวดหรรษาถามขึ้น ทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“ไม่มีอะไรหรอก ตำรวจเขามาถามเรื่องที่ชัยช่วยพี่ไว้เมื่อวันก่อน นอนเถอะ พรุ่งนี้ตื่นเช้าเข้ากะอีกนะ” ศิขาบอกแล้ว หมวดหรรษาก็ล้มลงนอนอีกรอบ พลิกตัวกอดหมอนข้างสลบต่อ

“พวกแกสองพี่น้องมาจากต่างถิ่นก็ต้องมีคนหมั่นไส้เป็นธรรมดาล่ะนะ ในเมื่อไม่เอาความ พวกพี่ก็ขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะ” สมชายยิ้มให้ เพราะสำรวจในห้อไม่มีอะไรน่าสงสัย

“ผมว่าเรื่องมันเกิดตอนกลางคืน แล้วพวกพี่รู้ได้ยังไงครับ” ศิขาแกล้งทำเป็นงง

“แถวนี้มันมีกล้องวงจรปิดน่ะ พวกพี่เปิดดูเห็นแล้วก็เลยถามชาวบ้าน เป็นตำรวจก็ต้องห่วงใยประชาชนล่ะนะ เอาล่ะ พี่ไม่รบกวนแล้ว น้องพักผ่อนกันตามสบายเถอะ นี่ก็หัดเปิดหน้าต่างบ้างนะ อากาศมันร้อน” สมชายทำเป็นหวังดี แต่จริงๆ มาลองเชิงดูมากกว่า ว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทียังไงบ้าง

พออีกฝ่ายออกไป ก็ปิดประตู จากนั้นศิขาก็ปิดไฟในห้อง แล้วทำทีเป็นนอน ค่อยคุยกับหรรษา “พวกมันคงสงสัยเรามานานแล้ว แต่พวกเราไม่ได้ถามซอกแซก แล้วก็ไม่ค่อยออกจากห้องเวลากลางคืน

“หารู้ไม่ พวกเราไปหลังเลิกงานทุกวัน สลับกันไปไม่ให้น่าสงสัย” หรรษาตอบคำแล้วก็โล่งใจไปด้วย

“พรุ่งนี้เราจะไปทำงานแล้วขอลางานไปพร้อมกันเลย พี่คิดว่าหลักฐานที่ได้มามากพอแล้วล่ะ ต้องเอาไปให้ท่านรองก่อน แล้วค่อยว่ากัน” ศิขาเล่าความเบาๆ เพราะทั้งสองปิดม่าน นั่งติดกัน แทบจะกระซิบ

“พี่ว่าหลักฐานพวกนี้จะเป็นของจริงไหม” หรรษาถามอย่างกังวลใจ หลังจากอยู่มาร่วมสองเดือน ก็อยากกลับบ้านไม่น้อย

“จริงไม่จริงยังไง คิดว่าท่านรองคงจัดการเอามาใช้ประโยชน์ได้นั่นแหละ ดีกว่าอยู่ไปวันๆ แบบนี้ เอาล่ะ พี่จะไปเปิดหน้าต่างแล้ว นอนเถอะ” ศิขาลุกอีกรอบไปเปิดหน้าต่าง ก่อนแกล้งพูดเสียงดัง “เฮ้อ ต้องกลับบ้านอีกแล้ว ไม่รู้ว่าแม่จะหายเมื่อไร เฮ้อ คนแก่ป่วยง่ายจริงๆ”

ศิขาแกล้งพูดเปรยๆ แล้วกลับเข้าห้อง ล้มตัวลงนอน

เขาแกล้งพูดหลอกไปอย่างนั้น เผื่อหายไปหลายวันเขาจะได้ไม่น่าสงสัย

************************************


เมื่อเอาหลักฐานให้ท่านรองเรียบร้อยแล้ว เขาก็เข้าพบท่านสุชาติ เพื่อขอโทษที่หายหน้าไปนาน ทำให้หลานสาวท่านหายไปด้วย ตอนนี้เขาโกนหนวดโกนเครา หน้าตาเกลี้ยงเกลา ถึงไม่หล่อเหลาอย่างดารา แต่ก็พอไปวัดไปวาตอนสายๆ ได้ เขาเคาะประตูแล้วก็รอท่านเรียก

“เข้ามาๆ” สุชาติกำลังอ่านเอกสารต่างๆ อยู่ ก็เรียกเข้าพบ ก่อนเงยหน้ามองคนที่เข้ามา ก็รู้ว่าหลานเขยจะมาขอพบ จากนั้นก็โบกมือให้นั่งลง “ลื้อเป็นไงบ้างล่ะ รีบไปตามหลานอั๊วกลับสักทีเถอะวะ”

“ครับท่าน “นี่เป็นสำเนาหลักฐานที่ผมหามาได้ครับท่าน” ศิขามอบหลักฐานให้ท่านสุชาติตามคำสั่งของท่านรองอมรพันธุ์

สุชาตินั่งดูหลักฐานแล้วก็อ่านเอกสารอยู่พักใหญ่ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น “ลื้อเอาเอกสารให้ผู้เชี่ยวชาญดูด้วยแล้วกัน คนทีรองอมรไว้ใจนั่นแหละ”

“ท่านรองบอกจะจัดการเองครับ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ศิขาบอกลาท่านสุชาติ ก่อนจะลิงโลดรีบกลับบ้าน

เขาไม่ต้องเข้าราชการพักใหญ่ เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว เห็นอภิรมย์ก่อนคนแรก ยังไม่ทันได้พูดอะไร อภิรมย์ก็เดินหนีขึ้นชั้นบน ไม่ยอมพูดจากับพี่เขยอย่างเคย

“ลม พี่เองไง ไม่เห็นหน้ากันนาน ลืมกันแล้วเหรอ” ศิขานึกพูดล้อ เห็นอีกฝ่ายปิดประตูบ้านใส่หน้าก็ยิ่งมึนหนัก

“ไปตายซะ!!! ไอ้หมาต๋าหน้าม่อ” อภิรมย์ด่าพี่เขยแล้วห้ามไม่ให้ใครเปิดประตูให้ “ไม่ต้องไปต้อนรับไอ้ผู้กองเวรนี่หรอก”

“เปิดประตูนะ ไอ้ลม พี่เขากลับมาแทนที่จะต้อนรับ กลับไปปิดประตูใส่แบบนี้ได้ยังไง” ขันเงินส่ายหน้าช้าๆ พอหลานสาวไม่ยอมเปิด “อย่าให้แม่ต้องไปเปิดเองเน้อ”

อภิรมย์ก็กระทืบเท้าอย่างงอนๆ ไปเปิดประตู พอเห็นหน้าพี่เขยกำลังเดินเข้ามา ก็กระแทกประตูใส่หน้าอีก แต่ทีนี้ไม่ได้ล็อกประตู ศิขาได้แต่ถอนหายใจยาว ก่อนเปิดประตูเข้ามา แล้วยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง

“ผมขอโทษที่ไม่ได้กลับมาเร็วกว่านี้ แต่เพราะงานมันสำคัญจริงๆ” ศิขาอธิบายความ ก่อนนั่งลงที่โต๊ะ ข้างๆ ขณะที่อภิรมย์วิ่งลงบ้านไป ไม่อยากเห็นหน้าไอ้พี่เขยตัวดี

“มาเหนื่อยๆ กินน้ำกินท่าก่อนนะ ผู้กอง” ขันเงินเทน้ำจากเหยือกใส่แก้วให้ “ไปทำงานทำการมา ผู้ใหญ่ที่นี่เขาเข้าใจ น้องน้ำก็เข้าใจ แต่เขาทนกระแสคำคนไม่ไหว เขาเครียด แล้วยังลูกในท้องอีก เขาเหนื่อย เขาก็เลยไป”

ศิขาฟังเรื่องลูกในท้อง ก็พ่นน้ำพรวด ดีที่หันไปอีกทางทัน เขาอ่านข่าวแล้วนึกว่าข่าวมั่ว แต่พอมาฟังชัดๆ จากปากคนใกล้ตัว เขาก็ตกใจมาก

“ดื่มช้าๆ ใจเย็นๆ กำลังคิดอยู่ว่า น้องน้ำไปเมืองนอกแล้วก็ดี เผื่อผู้กองอยากจะเก็บเสื้อผ้ากลับบ้าน จะได้ไม่อึดอัด” ขันเงินพูดลองใจอีกฝ่าย

ศิขาก็ตกใจมองตาโตอีกรอบ แล้วถอนหายใจ “ผมยังไม่ได้คิดขนาดนั้นครับ ถ้าน้ำท้องเพราะพลาดท่าไอ้พวกโจร ผมก็คงต้องยอมรับ ตอนอ่านข่าวก็แอบมีใจคิดอยู่บ้าง แต่ผมรักน้ำเกินกว่าจะยอมให้ความผิดพลาดมาทำลายความรู้สึกดีๆ ที่ผมมีให้น้ำ”

ศิขาเว้นวรรคทางอารมณ์พูด เขาเหม่อลอยแล้วถอนหายใจยาว ก่อนสารภาพหมดใจ “ตอนน้ำโดนจับไป ผมคิดว่ามันเป็นความผิดของผม ถ้าผมไม่มัวแต่ทำงาน ผมคงไม่ต้องเสียน้ำไป น้ำต้องเอาชีวิตรอดทุกอย่าง เพื่อกลับมาที่นี่ กลับมาดูแลครอบครัว ผมยอมรับว่าโล่งใจที่เธอไม่ตาย เพราะไม่งั้นผมคงหมดโอกาสได้ชดใช้ความผิดของผมกับเธออีก”

“ผู้กองต้องเข้าใจเน้อ เมื่อเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของผู้กอง น้องน้ำเขาไม่มีวันกลับมาอยู่กับผู้กองได้หรอกเน้อ น้องน้ำเขาไม่ชอบเอาเปรียบใคร” ขันเงินรู้จักหลานสาวดี ตอนนี้ไม่มีใครแน่ใจว่าลูกในท้องเป็นลูกของศิขาหรือเปล่า

“ผมก็งี่เง่าครับ ผมจะตื้อน้ำไปจนวันตาย” ศิขามุ่งมั่นจะเอาเมียคืนมา ถ้าเขาอยู่ดูแลเธอ มันก็คงไม่เกิดเรื่องขึ้น

“ผู้กองไม่ต้องลงใต้แล้วเหรอ” ขันเงินถามแทนป้า แม้จะเห็นป้าดูจะปลื้มหลานเขยคนนี้ไม่น้อย ยิ่งได้ฟังจากปากก็ตาม

“จริงๆ ผมก็ต้องขอโทษที่ทำให้เข้าใจไปอย่างนั้น ผมไปสืบราชการครับ แต่มันเคยมีปัญหาที่ว่า ครอบครัวของคนที่ไปสืบถูกฆ่ายกครัว ผมกับหมวดอีกคนเลยต้องไปอย่างรวดเร็วแล้วตัดการติดต่อกับครอบครัวครับ นี่ผมยังไม่ได้ไปหาแม่ผมเลย ผมรีบมาที่นี่ก่อน” ศิขาบอกตามตรง

ขันเงินได้แต่นิ่งอึ้ง จากนั้นผู้ใหญ่ทั้งสองก็ถอนหายใจร่วมกัน

************************************
สวัสดีค่ะ
ขออนุญาตแจ้งข่าวให้ทราบทั่วกันนะคะ

เนื่องจากมีปัญหาการนำเนื้อหาของนิยายไปทำเป็น ebooks ให้โหลดอ่านฟรีของเว็บหนึ่ง แม้ว่าเพลิงวารีไม่ใช่นักเขียนใหญ่ แต่ก็มีโอกาสที่จะโดนก็อปเหมือนกัน และความที่ผิดหวังกับวงการหนังสือมามากแล้ว ไม่ต้องการจะผิดหวังอีกค่ะ

ดังนั้นนับจากนี้ไป นิยายทุกเรื่องที่โพสต์ออนไลน์จะโพสต์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง 5 ตอนสุดท้ายจะโพสต์เพียง 24 ชม. และจะลบเนื้อหา แต่ไม่ลบกระทู้ โดยไม่กำหนดวันที่จะโพสต์นะคะ ซึ่งทุกครั้งที๋โพสต์จะมีการแจ้งให้ทราบผ่านหน้าเพจ (เฟสบุ๊ค) นะคะ (https://www.facebook.com/plerngwaree)

จึงแจ้งให้ทราบ เพราะยังอยากจะโพสต์นิยายให้คนอ่านอ่านอยู่ ไม่อยากจะผิดหวังจนหายไปจากโลกออนไลน์ค่ะ (ยอมรับว่าเครียดมากค่ะ ไม่ได้คิดว่าตัวเองต้องโดนก็อปนะคะ แต่ก็ไม่อยากโดน ไม่อยากวัวหายล้อมคอกค่ะ หวังว่าคนอ่านจะเข้าใจค่ะ)
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ




 

Create Date : 30 พฤษภาคม 2556
10 comments
Last Update : 30 พฤษภาคม 2556 21:47:35 น.
Counter : 2383 Pageviews.

 


มาเยี่ยมชม มาทักทาย

มาลงชื่ออ่านครับ

อิอิ

 

โดย: อาคุงกล่อง 11 มิถุนายน 2556 17:03:33 น.  

 

รออัพนะค่ะ

 

โดย: แก้ม IP: 113.53.207.122 19 มิถุนายน 2556 10:39:56 น.  

 

มาลงชื่อรออ่านค่ะ ขอรหัสผ่านตอนต่อไปด้วยนะค่ะ
romanndao@hotmail.com
ขอบคุณค่ะ

 

โดย: นาน่า IP: 178.199.57.89 30 มิถุนายน 2556 5:57:43 น.  

 

ตามอ่านมาตลอดที่ jj-book ค่ะ ถึงตอน 35 งานเยอะไม่ได้เข้ามาอ่านเลยหลังจากนั้น กลายเป็นว่าตอนที่ 36 37 อดซะงั้น... แงๆๆ

อยากอ่านมากๆ เลยทำไงดีคะ

 

โดย: เมยาวี IP: 171.6.142.110 30 มิถุนายน 2556 18:41:31 น.  

 

ขอรหัสผ่านอ่านตอนต่อไปได้ไหมคะ sakurako_aichan@hotmail.com

 

โดย: Ben IP: 27.55.152.169 1 กรกฎาคม 2556 12:39:47 น.  

 

ตามอ่านไม่ทันค่ะ ขอพาสได้ไหมคะ please


varinyu.kin@gmmtrading.com

 

โดย: ounjijang IP: 61.90.7.246 1 กรกฎาคม 2556 13:19:55 น.  

 

สวัสดีค่ะ
ตามมาอ่านจาก sirinda ค่ะ
มาอ่านตอนที่ 36 ไม่ทันค่ะ ทำยังไงถึงจะได้อ่านตอนที่ 36 ค่ะ
ขอ password ด้วยค่ะ panscib@yahoo.com
ขอบคุณมากๆ ค่ะ

 

โดย: pan IP: 124.120.50.254 1 กรกฎาคม 2556 13:50:43 น.  

 

ขอรหัสผ่านตอนต่อไปด้วยนะค่ะ o.orn@hotmail.com

 

โดย: orn IP: 58.11.48.14 2 กรกฎาคม 2556 10:43:26 น.  

 

ส่งหลังไมค์ไปไม่รู้ว่าจขบเช็คหลังไมค์บ้างหรือเปล่าเน้อ

 

โดย: พี่หมูน้อย IP: 202.28.248.42 5 กรกฎาคม 2556 13:39:14 น.  

 

ส่งพาสให้หมดแล้วนะคะ ใครที่ต้องการอีกให้ส่งเมลมาที่ plerngwaree@hotmail.com ค่ะ

 

โดย: เพลิงวารี 7 กรกฎาคม 2556 14:35:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

เพลิงวารี
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ไหดองเหล็กไหล
New Comments
[Add เพลิงวารี's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com