เพลิงวารี & คชสีห์ ฿ Babylonia
<<
กุมภาพันธ์ 2557
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
232425262728 
 
28 กุมภาพันธ์ 2557
 
 

นางร้ายเจ้าน้ำตา Crying Villain ตอนที่ 10

  นางร้ายเจ้าน้ำตา Crying Villain ตอนที่ 10


มืดแล้วคิลเลี่ยนเห็นนักข่าวมายืนออก็เป็นงง พอเข้าบ้านก็ไม่มีใครตามเข้ามา เห็นบ้านปิดไฟมืด แต่นอกบ้านเป็นไฟอัตโนมัติ จึงเปิดนานแล้ว เขาก็เข้าบ้าน เปิดไฟในบ้าน เห็นภรรยานอนที่โซฟาก็ปลุกเธอ

“มินต์ๆ มีอะไร ทำไมนักข่าวอยู่เต็มหน้าบ้านไปหมดอย่างนี้” คิลเลี่ยนถามภรรยาที่งัวเงีย เขาเปิดไฟแล้วก็ถอนหายใจ

“ตายแล้ว มินต์ลืมทำอาหารเย็น” มินตรายังไม่มีสติ คิดแต่เรื่องอาหารเย็นที่ลืมทำ

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เกิดอะไรขึ้น ทำไมนักข่าวมาเต็มหน้าบ้าน” คิลเลี่ยนถามภรรยา เพราะเขาออกไปคุยงานนอกบ้าน จึงไม่รู้เรื่องอะไร เรพาะยังไม่ได้เปิดดูอะไรสักอย่าง

มินตราฟังแล้วก็ร้องไห้เพราะนึกได้ว่าต้องเจอกับอะไร

“ร้องไห้ทำไม มีอะไร” คิลเลี่ยนยิ่งกังวลไปใหญ่

“มีคนตัดต่อคลิปมินต์กำลังมีอะไรกับผู้ชายสองคนค่ะ นักข่าวมาเรื่องนี้ มินต์ดูแล้วก็ร้องไห้จนหลับไป” มินตราบอกสามีแล้วกอดสามีไว้เป็นหลักพึ่งพิง ถอนหายใจซ้ำๆ อยู่ตลอดเวลา

คิลเลี่ยนก็เลยเปิดคอมพิวเตอร์พกพา ดูคลิปอยู่พักแล้วส่ายหน้า “มันเกิดขึ้นได้ยังไง”

“นักข่าวร้ายมาก ตามมินต์เข้าบ้านด้วย มินต์ต้องโทรเรียกตำรวจมาไล่ออกไปค่ะ แล้วก็พูดจาเหมือนมินต์เป็นคนผิด พี่ต้องเชื่อมินต์นะ มินต์ไม่เคยทำอย่างนั้นจริงๆ มินต์ไม่รู้ว่ามันออกมาได้ยังไง” มินตรารีบอธิบายอย่างร้อนใจ กลัวว่าเขาจะโกรธเธออีกเหมือนตอนถ่ายฉากเลิฟซีน

“พี่อยู่กับมินต์ตลอด มีเหรอจะไม่รู้ พี่ว่าท่าทางมันคุ้นๆ อยู่นะ เหมือนในหนังที่มินต์เพิ่งถ่ายแต่กำลังตัดต่อเลย เดี๋ยวพี่โทรไปถามโปรดิวเซอร์เอง” คิลเลี่ยนกดโทรออกทันที แล้วถามโปรดิวเซอร์ “คุณเห็นคลิปหรือยัง ไม่คิดเหรอว่ามันคุ้นๆ กับฉากที่คุณถ่ายไป”

“เหรอ ไม่มั้ง” โปรดิวเซอร์รีบปัด กลัวความผิดแม้จะคุ้นกับฉากบ้าง

“อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่อง ผมจะไปถามผู้กำกับ ไม่อย่างนั้นผมจะฟ้องพวกคุณทุกคน ทำไมผมจะจำฉากนี้ไม่ได้ ก็ผมไปดูเมียผมถ่ายทำอยู่” คิลเลี่ยนขู่จนโปรดิวเซอร์ยอมเสียงอ่อน

“เดี๋ยวผมเช็คให้ อย่าเพิ่งฟ้อง” โปรดิวเซอร์รีบห้าม ก่อนตัดบทแล้วโทรไปเช็คกับผู้กำกับ

คิลเลี่ยนบอกภรรยาให้สบายใจมากขึ้น “คิดว่าไอ้คนตัดต่อ มันเอาฉากที่มินต์ถ่ายไปตัดต่อใหม่ ทำเป็นว่ามินต์กำลังแซนวิชกับผู้ชายสองคนน่ะ ใจเย็นๆ พี่จะฟ้องให้หมดเลย ถ้าใครทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น”

มินตราพยักหน้าช้าๆ เชื่อมั่นในตัวเขา ก่อนนึกขึ้นได้ “ยังไม่ได้ทำมื้อเย็นเลยค่ะ”

“ยังจะกังวลเรื่องนี้อีก มีอาหารสำเร็จ เอาเข้าเตาอบก็กินได้แล้ว” คิลเลี่ยนบอกก่อนต้องรับสายจากแม่เขา ซึ่งคงมองมาทางบ้านนี้แล้วเห็นว่ามีความวุ่นวายเข้ามาเรื่อยๆ

“ไม่มีอะไรฮะ มีคนแกล้งมินต์ เอาฉากที่มินต์ถ่ายในหนังไปตัดต่อซีจีครับ อืม หนังมันอยู่ในขั้นตัดต่อนี่ครับ อย่าเครียด ผมอยู่กับมินต์ตลอด มีเหรอจะไม่รู้ ไม่ต้องกังวลครับ” คิลเลี่ยนบอกให้แม่เขาสบายใจ แล้วก็มองภรรยาเข้าครัว

เขากับภรรยามีแต่เรื่องให้ขบคิด จึงทานอาหารกันอย่างเงียบๆ คิลเลี่ยนก็ไม่รู้จะปลอบเธอยังไง แต่มินตราก็ดูจะดีขึ้น เมื่อเขาเชื่อใจในตัวเธอ ตอนนี้เขาทำได้เพียงกุมมือแล้วให้กำลังใจ

“เราต้องผ่านจุดนี้ไปได้ใช่ไหมคะ” มินตราถามขึ้น รู้สึกไม่ดีเหมือนจะมีอะไรตามมาอีก

“แน่นอนสิ ปัญหามีไว้ให้เราข้ามผ่านนะ อย่าไปกังวลมาก พี่ยังเชื่อใจมินต์ก็น่าจะพอนี่นะ” คิลเลี่ยนบอกแล้วโอบไหล่เธอให้กำลังใจ

ยามทุกข์...คู่ชีวิตก็ต้องพยายามปลอบใจกันและกันแบบนี้

แม้มินตราจะเป็นคนดี แต่การเป็นคนดีคงยังไม่พอให้คนเห็นใจเธอ มีแต่คนรุมทำร้ายจิตใจเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งคิลเลี่ยนก็ได้แต่เห็นใจ

ใครให้เขารู้สึกอยากปกป้องเธอตั้งแต่แรกเห็น...เธอก็เหมือนกุหลาบขาวไร้หนามที่แสนบอบบางนั่นเอง

**********************************

“ทำไมเมียแกนี่มีแต่เรื่องวะ” สมเจตน์ถามลูกชายอย่างปวดหัว

“เรื่องมันเข้ามาหาเอง ให้พวกผมทำยังไงล่ะ” คิลเลี่ยนก็ย้อนถามพ่ออย่างไม่รู้จะตอบยังไง

“อย่ากวนตีนให้มากนัก” สมเจตน์ส่ายหน้าช้าๆ “แล้วนี่พวกแกเป็นยังไงบ้าง”

“ขอบคุณที่ถามครับ สภาพการณ์ไม่ค่อยดี กำลังฟ้องค่ายหนังที่ปล่อยให้คนในเอาภาพไปตัดต่อเป็นคลิปฉาว เพราะพิสูจน์ได้แล้วว่าเป็นภาพตัดต่อ” คิลเลี่ยนบอกพ่อแล้วถอนหายใจยาว

“ทางค่ายหนังเขาว่าไง” สมเจตน์ถามอย่างอยากรู้ เพราะเรื่องในวงการนี้เขาไม่รู้ว่าเป็นยังไงแน่

“เขาก็จะชดใช้ค่าเสียหายให้ห้าล้านปอนด์ แต่เขาขอเวลาหาคนที่จ้างคนตัดต่อนี่อีกทีก่อน เพื่อเรียกค่าเสียหายเป็นทอดๆ พูดง่ายๆ คือมันก็เป็นคดีต่อๆ กันไป” คิลเลี่ยนตกลงกับทางค่ายหนังได้แล้ว เพราะเขาก็ไม่อยากให้มีปัญหา

ทางค่ายหนังก็แถลงข่าวเรียบร้อยแล้วว่าเป็นคนในเอาภาพไปตัดต่อ แต่ไม่พูดเรื่องการจ่ายค่าเสียหายให้มินตรา แค่นั้นก็เป็นเรื่องดีแล้ว เขาบอกว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ตัวค่ายหนังเองมองว่าเป็นการตลาดได้ จึงยอมจ่ายง่ายๆ ด้วย เพราะมีคนอยากดูฉากนี้เยอะ กลายเป็นกระแสหนังไปอีก

“เออดีเว้ย พลิกวิกฤตเป็นโอกาส” สมเจนต์เห็นสถานการณ์คลี่คลายก็ชม ก่อนถามสิ่งที่ต้องการ “นี่เมียแกมีช่องออกแบบงานให้ฉันหรือยัง”

“อีกสองเดือนครับ” คิลเลี่ยนบอกตามตรง ถ้าพ่อไม่สนใจก็จะดี แต่ถ้าต้องทำให้คิดว่ามินตราคงไม่ว่าอะไร

“แล้วแกนี่เมื่อไรจะมีงานการทำเป็นชิ้นเป็นอันสักที ฉันล่ะอายคน ตั้งแต่นังแม่ยายแกไปออกสื่อ ฉันก็ปวดหัวแล้ว ฉันฟ้องหมิ่นประมาทเลย เรียกค่าเสียหายที่ยัยแม่ยายแกไม่มีทางจ่ายได้” สมเจตน์บอกลูกชายแล้วหัวเราะสะใจ

“หืม? พ่อว่าไงนะ” คิลเลี่ยนเพิ่งได้ข่าวก็แปลกใจ เพราะมินตราไม่รับสายน้องชายแล้วก็ไม่สนใจแชทกับคนในครอบครัว และคาดว่าบรรพ์ก็ไม่กล้าคุยเรื่องนี้กับพี่สาวเท่าไร

“เออสิ แม่ยายแกออกไปทำละครโศกต่อหน้านักข่าว ฉันก็เลยฟ้องข้อหาทำให้ฉันเสื่อมเสียน่ะสิ ตอนนี้กำลังเข้าชั้นศาล นี่เมียแกไม่รู้เรื่องหรือไง” สมเจตน์เห็นทางนั้นไม่รู้เรื่องก็งง

“โหยพ่อ หลายเดือนแล้วที่มินต์ไม่โทรไปหาน้องชาย ทำแต่งาน” คิลเลี่ยนบอกพ่อก่อนถอนหายใจยาว “แม่ยายผมจะออกมาพูดอะไรอีกหรือเปล่าครับ”

“จะกล้าเหรอ เจอเรียกค่าเสียหายไปห้าสิบล้าน ก็ขอไกล่เกลี่ย ไม่อยากจ่ายเงิน เพราะไม่มีปัญญาจะจ่าย แล้วนี่เขาไม่โทรหาเมียแกหรือยังไง” สมเจตน์พูดอย่างสบายอารมณ์ ไม่คิดว่าจะได้เงินอยู่แล้ว แต่จะสั่งสอนคนปากมากเท่านั้น

“มินต์เขาไม่ได้ให้เบอร์ที่บ้านไว้ มีอะไรให้อีเมลมาแทน เขาไม่อยากปวดหัวกับครอบครัวเขาเท่าไรนะครับ ตอนนี้ปัญหาเยอะ” คิลเลี่ยนไม่อยากบอกอะไรพ่อเยอะ กลัวว่าจะได้ปัญหาเพิ่มมากกว่าช่วยแก้ปัญหา

สมเจตน์พูดกับลูกชายอีกเล็กน้อยก็วางสาย จากนั้นคิลเลี่ยนก็ดูงานบนเตียงของภรรยา ที่ออกแบบร่างโดยไม่ใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อส่งงานอีกเจ้าที่หล่อนไปรับงานไว้

“พ่อพี่ฟ้องแม่มินต์ห้าสิบล้านข้อหาทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง” คิลเลี่ยนบอกภรรยาที่ทำหน้างุนงง ก่อนจะนึกขึ้นได้ “ผู้กำกับที่ฮ่องกงเขาโทรมา เขาขอโทษแทนโปรดิวเซอร์ด้วยที่เข้าใจอะไรผิดไปหน่อย เขาจะมาพบมินต์เพื่อคุยเรื่องงานอีกครั้ง มินต์จะว่ายังไง”

“ถ้าได้ทำงานก็ดีกว่าค่ะ อยู่เฉยๆ แล้วมินต์ฟุ้งซ่าน” มินตราบอกสามีแบบตัดบทเรื่องแม่เธอ ตอนนี้ไม่อยากเอาเรื่องแม่มาเป็นปัญหา เพราะปัญหาก็เยอะมากพอแล้ว ก่อนเก็บงานออกจากเตียง เมื่อเห็นเขาทิ้งน้ำหนักลงนอน “แล้วงานที่พี่ไปคุยว่ายังไงคะ”

“ถือว่าไปได้สวย เขาท่าทางจะสนใจงานของพี่อยู่นะ ถ้าเป็นอย่างนั้น เราอาจต้องไปฝรั่งเศส ช่วงนี้มินต์ว่าง พี่ว่าจะไปหาเช่าบ้านที่นั่นกัน” คิลเลี่ยนบอกภรรยาแล้วก็ยิ้ม ดึงมินตราที่ทิ้งตัวลงบนที่นอนเข้าหาตัว

“ได้สิคะ ยังไงก็ได้ค่ะ” มินตราบอกอย่างตามใจ

เธอไม่ค่อยมีปากเสียงมากนัก เพราะไม่เห็นประโยชน์จากการทะเลาะเบาะแว้ง ยิ่งชีวิตคู่ก็ควรใช้การประนีประนอม ไม่ใช่ยกตนข่มท่าน มีแต่จะทำให้เสียน้ำใจกันเปล่าๆ และสิ่งที่คิลเลี่ยนพูด ก็เป็นเรื่อที่ไม่ใช่เรื่องยากจะทำ ก็ตอนนี้เขามีปัญหาเรื่องงานที่อังกฤษ จึงต้องไปหางานที่อื่น เธอก็ต้องทำหน้าที่ภรรยา คือติดตามเขาไปเมื่อเธอก็มีตารางว่างเหมือนกัน

**********************************

มินตราได้คุยกับผู้กำกับแล้วก็ปรึกษาคิลเลี่ยน จากนั้นก็เห็นพ้องว่ามีงานทำดีกว่าไม่มี จึงยอมรับงาน มินตราต้องไปที่กองถ่ายในประเทศจีน และต้องกลับมาที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง รวมระยะเวลาประมาณแปดเดือน ขณะที่คิลเลี่ยนได้งานที่ฝรั่งเศส เขากับเธอจึงต้องแยกกันทำงาน

“มินต์อยากได้ผู้จัดการหรือเปล่าล่ะ พี่จะได้หาให้” คิลเลี่ยนไม่ต้องการคนมาคอยตามอยู่แล้ว เขาจะเป็นห่วงก็แค่เธอที่จะไปไหนมาไหนลำบาก เพราะภาษาจีนไม่ใช่ภาษาที่จะหัดพูดได้ง่ายๆ

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่กี่เดือนเอง แปบๆ ก็เสร็จแล้ว” มินตราบอกอย่างไม่วุ่นวายนัก คิดว่าคงปรับตัวได้เท่าที่อังกฤษ จึงมองทุกอย่างให้สะดวก

“พี่ไม่ได้ไปส่งนะ ถ้าถึงแล้วโทรหาพี่ด้วย” คิลเลี่ยนก็ต้องปรับตัวที่ฝรั่งเศสอยู่มาก ดีที่เขาพูดภาษาฝรั่งเศสได้บ้าง ไม่อยากนั้นเขาคงอึดอัดแน่นอน

“ได้เลยค่ะ” มินตราสวมกอดเขาอีกครั้ง ถึงยังไงเขาก็มาส่งเธอที่สนามบิน ตั้งใจว่าถ้ามีโอกาสจะมาหาเขาบ่อยเท่าที่จะทำได้

คิลเลี่ยนจูบริมฝีปากภรรยาอย่างดูดดื่ม อีกหลายเดือนกว่าจะได้เจอหน้า แต่ก็คิดว่าเธอจะต้องหาทางมาหาเขาอีกแน่ ส่วนเขาเพิ่งเริ่มงานใหม่ ยังมีอะไรไม่ลงตัวอีกเยอะ เขาก็ต้องจัดการให้ดีเสียก่อน จึงจะมีเวลาอยู่กับเธอมากกว่านี้ เรื่องลูกก็คงต้องเลื่อนออกไปก่อน

“มินต์ไปก่อนนะคะ มินต์จะคิดถึงพี่เยอะๆ เลยค่ะ” มินตราบอกแล้วยืดตัวจูบเขาเบาๆ แล้วตัดใจเดินเข้าห้องผู้โดยสาร

คิลเลี่ยนได้แต่ถอนหายใจแล้วโบกมือลา จากนั้นก็เรียกแท็กซี่กลับบ้านเช่า  เขาหยิบของที่ต้องการได้แล้วก็ไปที่สตูดิโอ เจอโนอารออยู่

“นี่มาแอลีซ ที่จะมาร้องเพลงที่คุณแต่งทำนองนะ” โนอาแนะนำให้รู้จักกัน

มาแอลีซเป็นสาวฝรั่งเศสผมสีทองสลวย ท่าทางไว้ตัวนิดๆ เพราะเป็นนักร้องที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในฝรั่งเศส โนอานำเพลงของคิลเลี่ยนไปให้นักแต่งเพลงเพื่อแต่งเนื้อร้อง แล้วก็ตั้งใจจะเอามาให้มาแอลีซร้องคู่กับการเล่นเปียโนของคิลเลี่ยน

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” คิลเลี่ยนเห็นท่าทางหยิ่งๆ ของเธอก็เฉยเสีย “เรามาเริ่มกันเลยไหม”

“ได้สิ เชิญเลยคุณด้วยมาแอลีซ จะได้ดูว่าเข้ากันดีไหม” โนอาออกไปจากห้องอัด ปล่อยทั้งสองทำงานกันต่อไป ส่วนตัวเองก็คอยดูคนควบคุมเสียง หากเข้ากันได้ดีก็ถือว่ามีเพชรอยู่ในมือ

คิลเลี่ยนเริ่มบรรเลงเพลงของเขา เมื่อถึงเวลามาแอลีซก็ร้องให้เข้าจังหวะ ทีมงานส่งทำนองให้เธอแล้ว คนแต่งเพลงก็บอกแล้วว่าต้องเริ่มยังไง อาจมีติดขัดบ้าง แต่ท้ายที่สุดก็เข้ากันได้ดี และก็ยังต้องซ้อมกันให้มากๆ

**********************************

ผ่านไปหลายอาทิตย์นับแต่วันที่มินตรามาถึงฮ่องกงก็โทรไปหาเขา แล้วเขาก็ไม่รับสาย คิดว่าเขาคงทำงานอยู่ เธอก็เข้าพักที่โรงแรม เธอมาที่ฮ่องกงก่อนและรอไปพร้อมทีมงาน ตัวเธอเป็นคนเรียบง่าย ทำให้ทีมงานไม่ลำบากใจ

มีล่ามชาวจีนมาคอยช่วยเธอเรื่องสำเนียง มินตราต้องใช้เวลาฝึกซ้อมมากกว่าคนอื่น ผู้กำกับก็ใช้เวลากับเธอมากกว่าคนอื่น แต่มีล่ามอยู่ด้วยตลอดเวลา เธอจะได้ฝึกหัดจนชำนาญ

เมื่อถึงฤดูแล้ง กองถ่ายต้องสั่งหยุดชะงัก และพากันกลับฮ่องกง เหตุเพราะหมอกควันและมลพิษ คาดว่าจะหยุดกันเป็นเดือนคอยกลับมาถ่ายใหม่ มินตราค่อยดีใจ ที่จะได้กลับไปหาคิลเลี่ยน เมื่อนัดแนะกับเขาแล้ว เธอก็บินไปฝรั่งเศสทันที

เมื่อเธอเจอเขาก็กระโดดเข้ากอดแล้วจูบเขาอย่างแสนคิดถึง

“ทำไมตัวเบาขึ้นอย่างนี้ล่ะ หรือเพราะพี่ไม่ได้อุ้มมาหลายเดือน” คิลเลี่ยนพูดติดตลก

เขารู้สึกผิดที่ไม่ได้ไปเยี่ยมเธออย่างที่ตั้งใจไว้ เขาต้องแต่งเพลงใหม่ และวุ่นวายกับการออกแสดงพร้อมมาแอลีซ ทำให้ไม่มีเวลาไปหามินตรา บางทีภรรยาโทรมาแล้วขาไม่ได้รับ ตั้งใจว่าจะโทรกลับก็เหนื่อยแล้วนอนพักก่อน ตื่นมาก็คิดเพลงจนลืมโทรกลับก็มี

“ก็มินต์คิดถึงพี่กินไม่ได้นอนไม่หลับ น้ำหนักก็ต้องลดสิคะ” มินตราพูดแก้ตัวไปตามเรื่อง จริงๆ เพราะอาหารของจีนมันเกินไป เธอจึงกินไม่ได้มาก คิดถึงน้ำพริกผักลวกมากกว่า และถูกปากเธอ

“อย่างนี้กลับไปถึงบ้าน พี่จะทำให้มินต์หายคิดถึงเลยเชียว” คิลเลี่ยนพามินตราไปที่รถ เป็นรถคันเล็กที่เขาซื้อไว้เผื่อไปไหนมาไหน และมินตรารู้อยู่แล้วเพราะเขาถ่ายภาพมาให้ดู

มาแอลีซตั้งใจจะเอารถมาให้เขายืม แต่คิลเลี่ยนชิงซื้อรถเสียก่อน เพราะไม่อยากมีปัญหาให้วุ่นวาย ส่วนหล่อนจะคิดอะไรกับเขาในช่วงสามเดือนที่เขาทำงานที่นี่ เขาทำเป็นไม่รู้เรื่องเสีย เพราะยังเข็ดเรื่องวิคตอเรียไม่หาย

เมื่อถึงที่พักเขาก็ใช้เวลากับภรรยาเต็มที่ ห่างกันไปสามเดือน เขาก็ทำแต่งาน ไม่ได้ทำอย่างอื่น จากคนที่ไม่กระตือรือร้นก็ขยันมากขึ้น เพราะคนอื่นๆ เริ่มพูดถึงเขาเหมือนที่แม่ยายพูด ส่วนมินตราไม่รู้สึกอะไร เพราะเธอรู้ว่าเขาเป็นยังไง และเขาไม่ได้ทำอย่างที่ใครกล่าวหา เงินทองค่าใช้จ่ายของเขา เขาก็หามาเองทั้งนั้น

**********************************

เสียงเหนื่อยหอบดังขึ้นเป็นระยะ แม้อารมณ์ร้อนจะจางหาย เขาทิ้งน้ำหนักลงบนที่นอน แต่ยังคงมีมินตราไว้ในอ้อมแขน เรียกว่า...หายเหงากันเลยทีเดียวทั้งคู่ ยิ่งในช่วงงานยุ่งแบบนี้ก็ตาม แต่ไฟรักไม่ได้มอดไป คุยกันแทบทุกวัน ยกเว้นบางวันที่ต่างก็ติดงาน ก็ทิ้งข้อความให้พอหายคิดถึง

“มินต์ต้องเอางานไปส่งที่อังกฤษนะคะ ไปสองสามวันก็กลับมาหาพี่อีก” มินตราบอกแล้วขยับไปวางคางบนอกเขา ปลายนิ้วก็ลูบที่คอเขา เหมือนยังไม่หายคิดถึง

ความรักในวัยหนุ่มสาวช่างร้อนแรงตามวัย...

“ไม่อยากให้มินต์ไปเลย อีกสักอาทิตย์ค่อยไปนะ” คิลเลี่ยนอยากจะกอดเธอให้มากกว่านี้ ห่างกันนานๆ ก็คิดถึง กลัวไม่ได้อยู่ด้วยกัน กลัวไม่เข้าใจกัน กลัวสารพัดปัญหาที่จะตามมา

“ได้ค่ะ ยังไม่ถึงกำหนดส่งงานหรอกค่ะ แต่รับงานเขามานานแล้ว มันก็เสร็จตั้งแต่ที่ฮ่องกง ทางเขาก็งานยุ่งไม่มีเวลามาเอา จะส่งทางเมลไม่ได้ เดี๋ยวความลับรั่วไหลอีก วุ่นวายจริงๆ” มินตราใช้นิ้วลูบที่อกเขา ก่อนถูกเขาจับยืดขึ้นไปจูบอีก แล้วก็ใช้เวลาที่อยู่ด้วยกันอย่างคุ้มค่า พักเมื่อไรก็คุยกันอีกรอบ

คิลเลี่ยนพลิกตัวตะแคงอย่างสงสัย ไม่รู้ว่าเธอเข้าฉากที่จีนเป็นยังไงบ้าง จึงถามตามเรื่องและเป็นห่วง กลัวว่าจะมีเรื่องไม่ดีตามมา แล้วเธอนั่นแหละจะเครียด “เขาทำยังไงให้มินต์เข้าฉากได้ล่ะ”

“ผู้กำกับเขาจะพูดแล้วก็แสดงอารมณ์ให้ดูค่ะ ล่ามก็จะแปลความหมายให้ฟัง มินต์ก็ทำอารมณ์ตามนั้น แล้วก็พยายามออกเสียงให้ชัดที่สุดจนผู้กำกับพอใจ

“ต่ออารมณ์กับผู้กำกับเลยเหรอ” คิลเลี่ยนฟังแล้วแปลกใจ สงสัยว่าทำไมผู้กำกับถึงให้ความสำคัญกับมินตรามากถึงเพียงนี้

“ค่ะ ช่วงไหนไม่ถ่าย มินต์ก็อยู่กับผู้กำกับแล้วก็เจ้าของบท คุยกันซ้อมกัน ผู้กำกับเขาเอาจริงเอาจังมาก มินต์ว่าก็ดีนะคะ” มินตราพูดอย่างไม่คิดมาก เพราะไม่เคยอยู่ตามลำพังในที่ลับตาคน

คิลเลี่ยนกลับรู้สึกร้อนใจขึ้นมา ถึงมินตราไม่คิดมาก แต่เขาระแวง ไม่ใช่ระแวงเธอ แต่ระแวงผู้กำกับคนนั้นมากกว่า ทำไมต้องจริงจังกับเมียเขาถึงป่านนั้น ครั้นจะหาผู้จัดการให้ แต่นี่ก็ถ่ายกันมาจะครึ่งเรื่องแล้ว เขาก็ได้แต่ทำใจ ตราบที่ภรรยาไม่ยอม ก็คงยากที่ใครจะบังคับ ดูตัวอย่างจากน้องชายต่างแม่ของเขาได้ดี

**********************************

ความประหลาดใจทำให้มินตราเริ่มรู้สึกว่าการอยู่ที่ฝรั่งเศสนานๆ ก็ไม่ต่างอะไรจากที่อยู่อังกฤษลำพัง ทอังกฤษยังดีที่แวะไปที่บ้านแม่เขาได้ พูดคุยกับน้องๆ เขาได้ไม่เหงา อยู่ที่นี่เธอแทบไม่ได้เจอใคร

‘พี่ไปทำงาน ไม่ต้องรอนะ’

ประโยคนี้มินตราได้ฟังหลายคืนแล้ว เขาทำงานแทบทุกคืน เฉพาะคืนแรกที่เธอมาถึงเท่านั้น ที่เขาใช้เวลาอยู่กับเธอตลอด หลังจากนั้นมีนักร้องสาวชาวฝรั่งเศสที่ออกเพลงคู่กับเขามารับตลอด ทำให้มินตรารู้สึกแปลกๆ

“ต้องไปอีกเหรอคะ” มินตราถามขึ้น ก็รู้ว่าเขามีเพลงใหม่ แต่เธอเพิ่งกลับจากอังกฤษก็อยากมีเวลากับเขาบ้าง

“เพลงกำลังอัด มันไม่ผ่านสักที เอานะ เดี๋ยวเช้าพี่จะกลับมาอยู่ด้วย” คิลเลี่ยนแกะมือภรรยาออก แล้วหยิบโน้ตเพลงเพื่อออกไปกับมาแอลีซ

ตั้งแต่เธอมาอยู่ด้วย ทำให้เขารู้สึกว่าเธอเกาะติดเขาแจไม่ไปไหน หากเขาก็ลืมว่าที่นี่ฝรั่งเศส เธอจะไปไหนได้ เพราะไม่รู้ภาษาฝรั่งเศสสักคำ พอเธอขอไปด้วย เขาก็ไม่อยากให้ไป เพราะเขาไปทำงาน แล้วเธอก็จะได้นอนพักด้วย จึงไม่อยากให้ภรรยาต้องเหนื่อย

มินตราเห็นท่าทางรำคาญของเขา ก็ถอยออกมาให้ห่าง แอบมองเขาขึ้นรถมาแอลิซแล้วขับไปก็ใจหาย เธอไม่มีอะไรทำนอกจากพยายามเรียนภาษาจีนเพิ่มเติม

มินตรารู้สึกโดดเดี่ยวอีกครั้ง ตอนนี้โลกของเขามีแต่เขากับมาแอลีซ เธอก็เข้าใจว่างานสำคัญ แต่ตอนนี้เหมือนจะไม่มีอะไรสำคัญกับเขาเท่ากับงาน

มินตราไปขึ้นเตียงนอนที่ว่างเปล่า รู้สึกไม่ต่างจากตอนที่ไปถ่ายหนังที่จีน แล้วเธอก็พยายามสลัดความคิดทิ้งไป ก็เขาไปทำงาน เธอจะคิดกับเขาไม่ดีก็ไม่ใช่เรื่องอีก

**********************************

เช้าแล้วมินตราตื่นมาก็ต้มกาแฟดื่ม รอจนสายเขาก็ไม่มา จึงหาของมาทานเป็นมื้อเช้า บ่ายแล้วเขาก็ยังไม่กลับ ตกเย็นเธอก็ทำอาหารรอ แต่เขาก็ไม่กลับสักที จนดึกของวันเขาก็ขับรถกลับมา มินตราก็ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง เห็นมาแอลีซดึงเขาไปจูบลา ความรู้สึกโกรธก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

มินตรามองสามีเดินมาท่าทางเหนื่อยๆ ความโกรธก็ลดลง จึงปิดประตูให้ เขาที่ทิ้งตัวลงนั่ง

“ขอโทษทีพี่มัวแต่ทำเพลง สลบอยู่ที่โซฟาห้องอัดเลย” คิลเลี่ยนบอกแล้วก็เห็นมินตราเก็บมื้อเย็นที่ทำไว้ ก็พูดอย่างรู้สึกผิด “พี่หิวก็เลยแวะทานอะไรกับมาแอลีซแล้วล่ะ”

มินตราฝืนยิ้มให้เขา “ไม่เป็นไรค่ะ มินต์ผิดเองที่ไม่โทรไปถาม”

คิลเลี่ยนถอนหายใจ แล้วลุกขึ้น แยกขึ้นห้องเพราะเหนื่อยเต็มที ส่วนมินตราเก็บจานแล้วก็ยืนร้องไห้อยู่ในครัว รู้สึกว่าไม่เหมาะที่จะอยู่ตรงนี้ จากนั้นก็ทบทวนดูว่าช่วงที่เขาไปไหนต่อไหนกับเธอ เธอเคยทำกับเขาอย่างนี้หรือเปล่า

ไม่...ถ้าไม่ถ่ายหนัง เธอก็จะมานั่งกับเขา อาจมีนั่งอ่านบทอยู่บ้าง บางทีต่อบทกับเพื่อนนักแสดงบ้าง แต่ไม่เคยปล่อยเขาทำตัวไม่ถูกอยู่ในโรงถ่าย

หากคิดอีกที เธอกับเขาไม่เหมือนกัน เขาเป็นผู้ชายที่เคยชินกับการอยากทำอะไรก็ทำ แต่เธอชินกับการทำตามใจคนอื่นเสียจนเคย ยกเว้นบางเรื่องที่เธอยึดมั่น เธอก็ไม่ตามใจใคร

พอเธอทำความสะอาดเสร็จแล้วก็เช็คประตูหน้าต่างทุกบาน แล้วขึ้นไปข้างบน เห็นเขาหลับสนิทก็ถอนหายใจยาว รู้ว่าพรุ่งนี้เขาคงออกไปแต่เช้าอีกแน่ ยิ่งงานตอนนี้เรียกว่ากระชั้นใกล้วางแผงแล้ว

มินตราจัดการตัวเองแล้วก็นอนพัก หวังว่าสถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้น

**********************************

เช้านี้เขาตื่นแล้วก็รีบออกไป มินตราตื่นไม่ทันเขา ได้ยินแต่เสียงนาฬิกาปลุก หากวันนี้เขาขับรถออกไปเอง มินตราก็มาเรียนภาษาจีนกับคนจีนที่มาสอนถึงบ้าน

“ฉันว่าคุณน่าจะออกไปเที่ยวบ้างนะคะ ปารีสไม่น่ากลัวหรอก วันนี้ฉันว่างเดี๋ยวฉันพาไปเอง” เอมม่า เฉินออกปากชวนแกมบังคับ

“ได้คนพูดภาษาฝรั่งเศสไปด้วย ฉันก็ยินดีค่ะ” มินตราไม่เห็นประโยชน์ของการอยู่แต่กับบ้าน จึงเห็นด้วย

เมื่อเรียนภาษาเสร็จแล้ว เอมม่าก็ภาพเธอไปถนนที่มีศิลปินหลายแขนงอยู่เต็มไปหมด มินตราเดินดูแล้วก็ละลานตา จนเธอโดนคนฝรั่งเศสโวยวาย

“ขอโทษค่ะ” มินตรารีบขอโทษ เพราะไปเหยียบงานของเขา

มาเตโอมองสาวเอเชียแล้วก็พยักหน้าช้าๆ เขายังคงเก็บรายละเอียดของเขาแล้วก็มองเธอยืนทำหน้าสำนึกผิดก็พูดด้วย “ไม่เป็นไรหรอก เขียนภาพบนถนนก็อย่างนี้แหละ มีอย่างนี้มาเรื่อยๆ”

“ขอโทษจริงๆ ค่ะ” มินตราพูดอย่างรู้สึกผิด เธอแยกกับเอมม่าแล้ว เพราะที่นี่ก็ไม่ห่างจากที่พักเท่าไรนัก เธอพอกลับเองได้

มาเตโอถ่ายภาพงานของตัวเองแล้วก็เดินไปหยิบเก้าอี้ จากนั้นก็ไปยังจุดที่เขาวาดภาพ ส่วนมินตราก็ถ่ายภาพแล้วเดินเล่นไปเรื่อยๆ เจอร้านกาแฟก็แวะสั่ง จากนั้นก็เดินเล่นอีก จนกระทั่งไปสะดุดก้อนหิน แล้วแก้วกาแฟเธอก็หกรดศิลปิน

“ขอโทษค่ะ” มินตรารีบขอโทษอีกครั้ง เงยหน้ามาเห็นเป็นมาเตโอก็รู้สึกผิดอีก

“ผมนี่ซวยจริงๆ หรือไม่คุณก็ตัวซวยของผม” มาเตโอเริ่มหงุดหงิดมากขึ้น กระแทกลมหายใจอย่างหงุดหงิด

“ขอโทษจริงๆ นะคะ มาค่ะ ฉันเช็ดให้” มินตรารีบเช็ดคราบกาแฟให้เขา “เอ่อ ให้ฉันเอาเสื้อคุณไปซักให้นะคะ”

“แล้วผมจะใส่อะไรกลับบ้านล่ะ” มาเตโอส่ายหน้าช้าๆ เบื่อนักท่องเที่ยวที่ไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือ

มินตราก็ไม่รู้จะตอบเขายังไง หันรีหันขวางอย่างหาทางออกไม่ได้

“ช่างเถอะๆ คุณไม่ตั้งใจนี่” มาเตโอถอนหายใจยาว ก่อนบอก “ถ้าคุณจะขอโทษล่ะก็ ซื้อกาแฟกับแซนวิชให้ผมก็แล้วกัน วาดภาพจนลืมกินเลย”

“ได้ค่ะ” มินตรารีบไปที่ร้านที่ชี้ ก่อนจะกลับมาพร้อมของที่เขาต้องการ

มาเตโอรับมาแบบงงๆ ไม่คิดว่าเธอจะทำตามที่พูด ก่อนดึงเก้าอี้ให้เธอนั่ง “มีใครเคยบอกไหมว่าคุณน่ะเชื่อคนง่าย”

มินตรายิ้มแห้งๆ แล้วพยักหน้า “สามีฉันเขาพูดเสมอ”

มาเตโอพยักหน้าช้าๆ รับรู้ว่าหล่อนแต่งงานแล้ว แล้วพอคนจีนเดินเข้ามาถามเขา เขาก็ทำหน้ามึนงง ก่อนมินตราหันมาถามเขาอีก

“เขาถามว่าวาดภาพหนึ่งใช้เวลานานไหม” มินตราถามเขาและมีสีหน้าพยายามช่วยเต็มที่

“สี่วัน” มาเตโอบอกมินตรา มีสีหน้าประหลาดใจมากที่อยู่ๆ ก็มีล่ามมาช่วยเขาทำงาน

“เขาถามว่าคิดเท่าไร เขามาเที่ยว ก่อนกลับ เขาจะมารับภาพ” มินตราบอก ดีที่เป็นภาษาจีนง่ายๆ เธอจึงพอแปลได้ เมื่อเขาบอกเธอก็บอกกับทางนั้นเป็นภาษาจีน แล้วทางนั้นก็ยื่นเงินให้มาเตโอครึ่งหนึ่งก่อน พร้อมนัดวันมารับภาพ

มาเตโอเก็บเงินแล้วขอถ่ายภาพคนจีนคนนั้น จากนั้นก็โบกมือลา แล้วหันมาทางมินตรา “ขอบใจมากนะ”

“ฉันทำให้คุณเดือดร้อนนี่คะ เอาล่ะ เย็นแล้วฉันต้องกลับบ้านซักที เดี๋ยวสามีฉันจะเป็นห่วง” มินตราลุกขึ้นจากเก้าอี้เล็ก ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน

“ถ้าคุณมีเวลามาอีก ผมจะวาดภาพให้” มาเตโอบอก ก่อนจะแนะนำร้านกาแฟร้านนั้น ว่าเป็นร้านของน้องสาวเขาเอง

“ถ้าฉันไม่มีอะไรทำ เดี๋ยวฉันมาอีกแน่นอนค่ะ แต่ฉันไม่เอาฟรีหรอกนะคะ ฉันจ้างคุณวาดภาพสามีฉันกับฉัน ขอบคุณค่ะ” มินตราบอกแล้วโบกมือลา จากนั้นก็กลับบ้าน

พอเห็นมาเตโอต้อนรับเธออย่างนั้น เธอก็คิดว่าดีกว่าอยู่แต่ในบ้าน เอาแต่นั่งคิดไปยืดยาวว่าเขากำลังทำอะไรกับมาแอลีซ ก็มาใช้เวลาที่มีอยู่ที่ที่มีคนมากมายแล้วทำตัวเองให้มีประโยชน์ดีกว่า

**********************************

พักหลังมินตราไม่ถามสามีอีก และไม่วุ่นวายกับเขา พอเช้าเธอก็เตรียมอาหารเช้าไว้ให้เขา แล้วก็ออกไปข้างนอกพร้อมสมุดวาดภาพ เพราะเธอมีอะไรให้ทำ

พอเธอไปถึงก็เห็นเขาวาดภาพชาวจีนได้น่ารัก สักพักมาเตโอก็เอาดอกไม้ให้เธอ “เอ๋ ให้ฉันทำไมคะ”

“มีคนให้มาน่ะ ฉันก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ให้ทุกวันเลย ก็เลยให้เธอ ขอบใจนะที่ช่วยแมเรียนขายกาแฟ ได้คนเมื่อไร ก็ไม่ต้องแล้วล่ะ” มาเตโอเห็นหญิงสาวจิตใจงามและหน้าตาสวย ก็นึกแปลกใจไม่เคยเห็นผู้หญิงสวยนิสัยดีแบบนี้

“งั้นฉันเอาไปใส่แจกันที่ร้านก่อนนะคะ” มินตราบอกแล้วรีบไปที่ร้านของแมเรียน ซึ่งเป็นร้านกาแฟเล็กๆ

แมเรียนรู้ว่ามินตราแต่งงานแล้ว แต่สามีไม่ค่อยว่าง เธอก็หาอะไรทำ จะได้ไม่เป็นภาระให้สามี หากก็เป็นห่วงพี่ชายอยู่ไม่น้อย กลัวว่าจะหลงรักสาวเอเชียคนนี้ เธอก็ว่าอะไรไม่ได้ เพราะมินตราเป็นคนมีน้ำใจ วันที่สองที่พี่ชายรู้จักเธอ คนงานมาลาออก เธอขาดคนชั่วคราว มินตราก็เสนอตัวช่วยงานอย่างมีน้ำใจ

สักพักครูภาษาจีนของมินตราก็มา เป็นช่วงที่คนไม่มาก มินตราจึงหยุดแล้วเรียนภาษา พอเสร็จก็กลับมาช่วยงานตามเดิม ทำให้อะไรที่อยากพูดกับมินตรา แมเรียนก็ไม่กล้าพูด เพราะความมีน้ำใจของมินตราเอง

ตกเย็นมินตราก็ขอตัวกลับ มืดแล้วมาเตโอก็มาช่วยน้องสาวแทน 

“พี่รู้ใช่ไหมว่าต้องไม่คิดอะไรกับเธอ” แมเรียนเตือนได้แต่พี่ชายเท่านั้น แม้จะดูออกว่าพี่ชายปันใจให้สาวแปลกหน้าไปกว่าครึ่งแล้ว

มาเตโอหัวเราะกลบเกลื่อน “โธ่ พี่จะไปคิดอะไรได้ล่ะ เห็นไหม มินต์เขารักสามีเขาจะตาย”

“แล้วพี่ซื้อดอกไม้ให้เธอทุกวันทำไม” แมเรียนถามพี่ชายอย่างรู้ทัน

“ก็อยากให้ เถอะน่า พี่ก็รู้ว่าไม่มีความหวังอะไร” มาเตโอบอกตามตรง แอบถอนหายใจหลายครั้ง แต่บางครั้งเราก็เลือกที่จะรักใคร หรือไม่รักใครไม่ได้

ใจหนึ่งก็นึกเสียดาย ที่คนดีๆ ผ่านเข้ามาแต่ไม่สามารถคว้าได้อย่างที่ใจคิด

**********************************

เมื่อมินตรากลับมาถึงบ้านก็ต้องแปลกใจ เพราะคิลเลี่ยนกับมาแอลิซอยู่บ้าน พอคิลเลี่ยนเห็นมินตราถือช่อดอกไม้มาก็ขมวดคิ้ว สังเกตได้จากดอกไม้นานาชนิดที่ใส่แจกันไว้เต็มบ้าน เขาก็เริ่มได้คิดอย่างที่มาแอลิซพูด น่ามีคนตั้งใจให้มินตรามากกว่า

“กลับก่อนนะคะ คิลเลี่ยน” มาแอลิซบอกลาอย่างมีจริตแล้วก็หอมแก้มคิลเลี่ยนต่อหน้ามินตรา

มินตราได้แต่นิ่งเงียบ นึกเสียใจอยู่บ้าง หากก็พยายามสลัดความคิดไม่ดีทิ้งไป แล้วเอาดอกไม้ไปใส่ถัง จากนั้นตัดแต่งแล้วเอาไปวางแทนดอกไม้ที่กำลังเหี่ยว

“ทานมื้อเย็นมาหรือยังล่ะ” คิลเลี่ยนเห็นมินตราไม่มีท่าทางหิวเลย ก็ต้องถามเพราะไม่รู้จะพูดอะไร

“ทานมาแล้วค่ะ” มินตราบอก แล้วไม่พูดอะไรอีก หลังๆ ไม่ต้องทำมื้อเย็นให้เขา เพราะเขาไม่เคยกลับมากิน

คิลเลี่ยนรู้สึกผิดสังเกต เพราะปกติมินตราจะใส่ใจมาก เรื่องอาหารการกินของเขา แต่นี่เธอไม่ถามต่ออย่างเคย หากเขาก็ไม่อยากให้เธอผิดสังเกต จึงบอกออกไป “พี่ยังไม่ได้ทานอะไรเลย”

มินตรามองเขาแล้วขมวดคิ้ว “นึกว่าพี่จะทานมากับมาแอลีซซะอีกค่ะ มินต์เลยไม่ได้กลับมาเตรียมมื้อค่ำ อีกอย่างเหลือทิ้งก็เสียดาย มินต์หิวก็เลยทานกับแมเรียนค่ะ”

“มินต์ทำอะไรให้พี่กินหน่อยได้ไหมล่ะ” คิลเลี่ยนถาม เห็นเธอพยักหน้า แล้วเข้าครัว เขาก็เดินตามไป ก่อนถามถึง“ใครเหรอ แมเรียน”

“อ๋อ เจ้าของร้านกาแฟค่ะ มินต์ไปช่วยงานเธออยู่ เธอขาดคนค่ะ” มินตราบอกขณะทำอาหารเย็นให้สามี

“ดอกไม้นี่แมเรียนให้มาเหรอ” คิลเลี่ยนทำเป็นถามอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่เขาก็อยากรู้

“อ๋อ เปล่าค่ะ มาเตโอให้มาค่ะ มาเตโอเป็นพี่ชายของแมเรียน นักท่องเที่ยวชอบให้ดอกไม้เขา เขาก็ให้มินต์มาอีกที มินต์ก็ว่าดี จะได้สดชื่นเวลามีดอกไม้อยู่รอบๆ ตัวค่ะ อาทิตย์หน้านี่มินต์ก็จะกลับไปถ่ายหนังต่อแล้ว มินต์อยากรู้สึกสดใสหน่อยค่ะ” มินตราหยิบจับอาหารง่ายๆ ทำไม่นานก็เสร็จแล้ววางให้เขา

คิลเลี่ยนเริ่มเอะใจเพราะมาเตโอเป็นผู้ชาย แล้วทำไมนักท่องเที่ยวต้องเอาดอกไม้มาให้ทุกวัน หากมินตรามองโลกในแง่ดีเสมอ และไม่คิดมาก เขาเดาได้ว่ามาเตโอคงชอบภรรยาเขา แต่ไม่กล้าแสดงออกตรงๆ

“แมเรียนนี่เขารู้ไหมว่ามินต์มีสามีแล้ว” คิลเลี่ยนไม่ถามถึงมาเตโอตรงๆ แต่ถามไปที่แมเรียนที่เป็นผู้หญิงแทน

“รู้สิคะ มินต์ไม่เคยปิดอยู่แล้ว” มินตราบอกแล้วก็เทน้ำดื่มให้เขา แทนที่จะเป็นไวน์

คิลเลี่ยนก็ยิ่งมั่นใจ เพราะมินตราไม่เคยปิดเรื่องแต่งงานแล้วเหมือนเขา พอรู้สึกตัวอีกที มินตราก็ออกไปจากห้องครัว ทั้งที่ปกติเธอจะนั่งรอจนเขาทานเสร็จ เมื่อเขาทานเสร็จแล้วก็เอาจานไปล้างแล้วตามเธอออกไป มินตรากำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่น

“มินต์มีอะไรหรือเปล่า” คิลเลี่ยนถามเพราะท่าทีเธอเปลี่ยนไปมาก

มินตรามองเขาแล้วทำหน้างง “มีอะไรเหรอคะ”

“โกรธพี่เหรอ ที่พี่ไม่มีเวลาให้ มินต์มาช่วงที่พี่กำลังทำเพลงใหม่พอดี” คิลเลี่ยนก็อธิบาย พยายามจะเอาใจภรรยามากขึ้น

“ไม่หรอกค่ะ มินต์เข้าใจ” มินตราให้ระยะห่างเขา เพราะไม่อยากให้เขารำคาญใจ นิสัยเขาไม่ชอบความวุ่นวายอยู่แล้ว เธอก็ไม่อยากให้เขาเบื่อหน่ายเธอ

“พรุ่งนี้พี่ไม่เข้าห้องอัดแล้วนะ มีเวลาอยู่กับมินต์ทั้งวันแหละ” คิลเลี่ยนบอกแล้วดึงเธอมากอด

“อ๋อ แต่มินต์คงไม่อยู่นะคะ กว่าคนงานของแมเรียนจะมาทำงานก็อีกสามสี่วันค่ะ มินต์รับปากจะช่วยก็เลยว่าจะไปช่วย ก็มินต์ไม่รู้นี่คะ ว่าพี่จะอยู่บ้าน” มินตราออกจะแปลกใจที่เขามีเวลาให้ แต่เธอก็รับปากแมเรียนไว้แล้ว

“มินต์จะปล่อยให้พี่อยู่บ้านคนเดียวเหรอ” คิลเลี่ยนพยายามจะหาเรื่องไม่ให้เธอไป

“พี่ก็แต่งเพลงของพี่ไปค่ะ มินต์จะกลับเร็วขึ้น ไปช่วยแมเรียนหน่อย วันหยุดอย่างนี้คนเยอะ สงสารแมเรียน” มินตราไม่รู้จะทำยังไง ยิ่งช่วงวันหยุดแบบนี้ ลูกค้าก็เยอะ เพราะทำเลที่ตั้งของร้านแมเรียน ก็ทำให้คนยิ่งมาก

คิลเลี่ยนก็ได้แต่เงียบ ไม่กล้าเซ้าซี้เธอมาก เดี๋ยวจะเสียเหลี่ยมที่ต้องเป็นฝ่ายง้อเธอแทน นึกขวางอยู่เหมือนกัน ที่ตอนนี้กลายเป้ฯว่ามินตราไม่มีเวลาให้เขาอีก

ความไม่เข้าใจเริ่มเข้ามาทดสอบความมั่นคงของชีวิตคู่เสียแล้ว...

**********************************

สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกท่าน
ปัญหาชีวิตคู่เริ่มมาแว้วจ้า
จะผ่านไปได้ไหมน้า ^^
ขอบคุณที่ติดตามนิยายนะคะ
ดูแลสุขภาพด้วยค่ะ

แฟนเพจคือ https://www.facebook.com/plerngwaree
แอดเพื่อนได้ที่ https://www.facebook.com/plerngwareebz

ขอบคุณคอมเม้นจาก
คุณน้องแสตมป์ - =.= ใช่เลยค่า มีเรื่องด้วยแค่คนเดียวเอง
คุณkonhin - อ๋อค่า ไม่ได้ติดตามข่าวดาราเลยค่ะ และเห็นด้วยนะคะ กับพ่อแม่บางคนที่เป็นแบบนั้นน่ะค่ะ สงสารลูกหลานเนาะ
คุณใบบัวน่ารัก - น้องมนิต์สู้ตายค่ะ ไม่หวั่นปัญหาค่ะ /// อ๋อค่า ซื้อรถ-ขนของ-โดนตบ วันเดียวกันค่ะ
คุณ Pat - สู้ตายเพราะยังมีพี่เคเป็นแรงใจค่า เดี๋ยวทะเลาะกับพี่เคแล้วค่อยว่ากันค่ะ 555+
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ - ใช่ค่ะ คนเรามีดีเลวอยู่ที่เลือกทำอย่างไหนเนาะๆ
คุณคิมหันต์ - โกรธจัดเลยค่ะ อย่างนี้ต้องฟ้อง อิอิ
พี่ตุ้งแช่ - กลายเป็นแคร์พี่เคมากไปอีกค่า นางคิดถึงตัวเองน้อยที่สุด เฮ้อ
คุณร้อยวจี - สำหรับวิคตอเรียนี่สาวไม่ถึงนะคะ มีคนซวยแทนค่ะ

คุณนอนดูดาว - >.< คลิปตัดต่อค่า ^^

ป.ล. อ่านแล้วรักชอบนิยายเรื่องนี้ อย่าลืมกดไลค์นะคะ
ถ้าได้ตีพิมพ์ จะเอารายชื่อคนที่กดไลค์นี่แหละค่ะ
มาจับฉลากแจกหนังสือค่ะ อยากให้คนที่อ่านได้จริงๆ ค่ะ

ป.ล. ขอความร่วมมือ "งด" ช็อป e-Book จากทาง Ookbee นะคะ
เนื่องจากยังสงสัยอยู่ว่า ทำไมยอดดาวโหลดกับยอดที่เขาให้ไปวางบิลไม่ตรงกันค่ะ
ยังไม่ได้ถามไป แต่มันไม่ควรจะเป็นแบบนั้นนะคะ
เมื่อสงสัยขอหยุดการซื้อจากทางนั้นนะคะ
ขอบพระคุณที่เข้าใจค่ะ

**********************************
eBooks ผลงานที่ผ่านมานะคะ
1. ด้วยหัวใจ...พันรัก (229 บาท / 9.99$)
- //www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNDQ2NiI7fQ
- //www.ebooks.in.th/ebook/13221/ด้วยหัวใจ...พันรัก

2. เราสามคน..หนทางเดียว (159บาท / 6.99$)
- //www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNDQyNyI7fQ
- //www.ebooks.in.th/ebook/13203/เราสามคน..หนทางเดียว

3. ตามตะวัน ณ จันทร์พันดาว (159฿ / 6.99$)
- //www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNDQ2OSI7fQ
- //www.ebooks.in.th/ebook/13231/ตามตะวัน_ณ_จันทร์พันดาว

4. แผนร้ายในทางรัก (139บาท / 5.99$)
- //www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNDI2MyI7fQ
- //www.ebooks.in.th/ebook/13179/แผนร้ายในทางรัก

5. ผูกพัน...เข้าใจ...สายใยแห่งเรา (129บาท / 5.99$)
- //www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNjMzOCI7fQ
- //www.ebooks.in.th/ebook/16015/ผูกพัน...เข้าใจ...สายใยแห่งเรา/




 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2557
0 comments
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2557 3:11:11 น.
Counter : 1496 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 

เพลิงวารี
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ไหดองเหล็กไหล
New Comments
[Add เพลิงวารี's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com