เพลิงวารี & คชสีห์ ฿ Babylonia
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
10 กันยายน 2552
 
 
เราสามคน...หนทางเดียว013(รวมกันอีกครั้ง)

ไมค์ขมวดคิ้วสงสัย ก่อนถอยออกมาจากห้อง เขาไม่เข้าใจแล้วไม่แน่ใจว่าจะทำความเข้าใจได้จริงๆ แล้วเมื่อเดินออกมาหาเพื่อนก็เห็นขันธ์ยิ้ม ขณะที่เขตต์ได้แต่ทำหน้าเจื่อน คาดว่าทั้งสองคนคงได้ยินหมดแล้ว

“พวกนายบอกฉันทีสิว่าลินหมายถึงอะไร” เขาถามเพราะไม่มีใครยอมบอกก่อน

“อืม ต้องดูว่าความคิดนายเปิดกว้างแค่ไหน” ขันธ์เล่นลิ้นตีรวน เพราะสิ่งที่จะบอกก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำความเข้าใจได้ง่ายนัก

“ก็ต้องดูว่าความคิดพวกนายมันบ้าแค่ไหน” ไมค์ก็ตีรวนเช่นกัน

“พวกนายเลิกตั้งแง่แล้วพูดกันตรงๆ ไปเลยดีกว่าดีไหม” เขตต์ชักรำคาญ ถึงไม่อยากบอก แต่ยังไงสักวันก็ต้องมีคนรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว “เราสองคนไม่อยากให้ลินเลือก สรุปก็คือ เราจะอยู่กับลินทั้งคู่นั่นแหละ”

“เฮ้ย” ไมค์ตกใจแทบผงะ มองหน้าเพื่อนทั้งสองคนอีกครั้งให้แน่ใจ “เฮ้ย นายจะบ้ากันไปหมดแล้วเหรอ”

“ก็ยังไม่บ้า แต่ก็ใกล้แล้วล่ะ บอกตามตรงไม่อยากมานั่งทะเลาะกัน แค่หันมาปรองดองกันแทน” ขันธ์ยิ้มกริ่มกับความคิด เพราะไม่มีทางอื่นนอกจากทางนี้

“พวกนายจะบ้าเหรอ ถึงว่าล่ะ ลินถึงได้งอนพวกนายไม่เลิก” ไมค์ส่ายหน้า ไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้กับความคิดของเพื่อนดี แต่ก็เห็นใจที่นลินต้องตกเป็นคนกลางแบบนี้

“ไม่บ้าหรอก แต่หาทางตรงกลางที่สุด” เขตต์ต้องยอมรับว่านี่เป็นหนทางสุดท้ายที่ทำให้พวกเขาจนตรอก

“ถ้าจะให้ดี นายช่วยพวกเรากล่อมลินหน่อย ก่อนที่ลินจะกลายเป็นลูกบุญธรรมของพ่อแม่พวกฉัน” ขันธ์หาเรื่องใช้เพื่อนเสร็จสรรพ

“เอ่อ พวกนายจะบ้าเหรอ นอกจากตัวเองจะมีความคิดแบบนี้ ยังจะให้ฉันช่วยอีกเนี่ยนะ ฉันจะพูดอะไรได้วะเนี่ย” ไมค์ส่ายหน้า ขืนเขากล่อมนลินเรื่องนี้เขาก็โดนตบน่ะสิ

“ก็ในฐานะที่นายเป็นเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตลินตอนนี้น่ะนะ ขอร้องล่ะ ช่วยๆ กันหน่อยเถอะ ไม่งั้นฉันก็จะได้ลินเป็นน้องสาวแทนน่ะสิ แม่ให้เวลาสามเดือนแล้วนี่ก็ผ่านไปเดือนกว่าแล้วด้วย” ขันธ์เจรจากับเพื่อนขณะที่เขตต์ได้แต่ยิ้มแห้งๆ

“งั้นนายบอกเหตุผลดีๆ ที่จะให้ฉันคุยกับลินสิว่าทำไมลินต้องเสียสละเพื่อพวกนายมากขนาดนั้นด้วย” ไมค์ขมวดคิ้วสงสัย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เขาก็มีสิทธิในตัวเธอมากขึ้น

“พวกฉันรักลิน แล้วลินก็รักพวกฉัน อีกอย่างลินมีลูกกับฉันว่ะ” ขันธ์ตอบง่ายๆ เหตุผลง่ายๆ ที่เขาเชื่อว่ามีน้ำหนักมากกว่าอะไรทั้งหมด

“พวกฉันก็อยากให้อีกคนถอย แต่ว่าพวกเราก็ทำใจไม่ได้ถึงเลือกทางนี้ สำหรับพวกฉัน...ลินสำคัญมากจริงๆ ฉันรักลิน แพทริกรักลิน เรารักลินถึงขั้นยอมให้สิ่งที่ผู้ชายคนไหนก็คงยากที่ไม่ยอมหรอก แต่เราก็ยอม” เขตต์พูดออกมาอย่างจริงใจ ในเมื่อเขาไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้วนอกจากสิ่งที่พยายามยึดเอาไว้

“แต่นายรู้ได้ไงว่าลินจะมีความสุข เอ่อ ถ้านับเรื่องนั้นน่ะ ฉันว่ามันจะยิ่งสับสนนะ” ไมค์นึกไม่ออกแล้วก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อนึกถึงเรื่องที่อยู่ลึกๆ ในที่ลับๆ

“ก็บอกแล้วไงว่ายังไงพวกฉันก็ยอม เรื่องไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับการได้อยู่ร่วมกัน ส่วนเรื่องพวกนั้นเดี๋ยวค่อยมาดูอีกที ตอนนี้ไม่อยากคิด คิดแล้วไม่ได้อะไรนอกจากทิฐิ” ขันธ์ไม่อยากคิดเรื่องนั้น แต่ก็คงไม่เป็นอะไรมากถ้าเพียงแต่รู้จักอดทน

“ยังไงก็ได้ มันก็คงแล้วแต่ความต้องการ ถึงเวลานั้นก็คงไม่มานั่งคิดเล็กคิดน้อยหรอกวะ” เขตต์ตัดสินง่ายๆ ตอนนี้อะไรก็ได้ขออย่างเดียว...อย่าเสียนลินไปอีก

“เฮ้อ พวกนายนี่มันจริงๆ เลยนะ ลินได้ยินแล้วนะ ตัดสินใจเอาเองแล้วกัน พวกมันยอมถึงขั้นนี้แล้วล่ะ” ไมค์แกล้งตะโกนเข้าไปในห้อง และรู้ว่านลินยืนฟังอยู่ที่หลังกำแพง

ถ้าถามไมค์ เขาคงยอมถึงขั้นที่เพื่อนๆ ยอมไม่ได้ แล้วก็คงไม่อยากให้นลินลำบากใจ จนสุดท้ายเขาคงเลือกถอยออกมามากกว่า โชคดีที่เขาเลือกเก็บความทรงจำบางอย่างเอาไว้ แล้วก้าวเดินต่อไปมากกว่าเพื่อนๆ ที่ยึดเธอเอาไว้เป็นหลักในชีวิต

ขันธ์ยิ้มเมื่อได้ยินเสียงฮึดฮัดขัดใจ ช่วยไม่ได้ถ้าจะทำให้เธอยอมตัดสินใจง่ายขึ้น เขาว่าไม่นานนักหรอก นลินต้องยอมตามใจพวกเขา ขณะที่เขตต์มองเธอในห้องอย่างสงสาร แทนที่จะต้องเลือกกลับต้องมานั่งตัดสินใจแทน

“ไม่ตัดสินใจอะไรทั้งนั้น บอกพวกนั้นด้วยว่าไปตายซะ” นลินตะโกนออกมาจากในห้อง

“แหมไม่ต้องตะโกนก็ได้ พูดธรรมดาก็ได้ยิน แต่ไม่ไปหรอก ขืนไปได้ช้ำใจตายก่อน” ขันธ์ยังยั่วโมโหนลินต่อไปอย่างสนุกสนาน

เขตต์ตบบ่าคู่แฝดแรงๆ พร้อมทำหน้าดุ แล้วรีบถามเปลี่ยนเรื่อง “ลินหิวยัง พี่ทำอาหารไทยไว้ให้นะ เผื่อลินอยากเปลี่ยนบรรยากาศ”

“ไม่กิน” นลินหงุดหงิดที่โดนอีกคนป่วนอีกคนปลอบ

ไมค์นึกอยากหัวเราะ เมื่อเพื่อนสองคนแทนที่จะพยายามทำคะแนนกลับเลือกยั่วโมโหเธอซะงั้น ก่อนเดินกลับเข้าไปในห้องเพราะใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว “ผมไม่คิดว่าจะมีใครทำให้ดีนส์กับแพทริกยอมอยู่บ้านได้เป็นเดือนๆ โดยไม่ออกไปเที่ยวกลางคืนหรอกนะ ผมรู้จักพวกเขามาตั้งแต่เด็กแล้วรู้ดีว่าถ้าคุณไม่สำคัญสำหรับพวกเขา พวกเขาจะไม่มีวันเสียเวลาหลังเลิกงานเพื่อมานั่งเฉยๆ ดูคุณกับลูกๆ หรอกนะ”

นลินนิ่งเงียบแต่ก็ยอมเดินออกจากห้องไปทานอาหารเย็น แต่พอมองคนหน้าทะเล้นกับคนหน้าตูบ ก็ต้องถอนหายใจ “หิวแล้ว”

“จ๊ะๆ” เขตต์รีบลุกขึ้นแล้วเดินตามไปที่ห้องอาหารทันที

ขันธ์ยิ้มนิดๆ กับท่าทางเด็กดื้อของเธอ น่าเอ็นดูเสียนี่กระไร...ก่อนหันมาคุยกับเพื่อน “นายคงรู้แล้วนะว่า ลินเค้าน่ารักตรงไหน น่ายั่วโมโหชะมัด เวลาโมโห...น่ารักสุดๆ”

ไมค์ผลักไหล่เพื่อนจากด้านหลังด้วยความหมั่นไส้ “นายนี่มันจริงๆ เลยนะ”

ขันธ์หัวเราะสักพักก่อนถอนหายใจ “ฉันรู้ว่านายคิดอะไรกับลิน ขอโทษที่นายต้องทำเพื่อเรา แล้วก็ขอบใจมาก”

“ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้ทำเพื่อพวกนายอย่างเดียวหรอก ฉันทำเพื่อลินกับลูกด้วยน่ะ หวังว่าพวกนายจะทำให้ลินมีความสุขจริงๆ อย่างปากพูด” ไมค์ยังไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่ก็เห็นความพยายามที่ไม่ธรรมดา...ที่มาพร้อมกับชีวิตที่ไม่ธรรมดา

***************************************


นลินกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องที่มีลูกน้อยอยู่ด้วย อย่างน้อยตอนนี้การมีลูกอยู่ด้วยย่อมทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยจากฝาแฝดคู่นั้น เธอไม่คิดที่จะไว้ใจพวกเขาอีกแล้ว แต่แล้วเธอก็สะดุ้งเฮือกเมื่อคนใดคนหนึ่งในนั้นกำลังทิ้งน้ำหนักนั่งลงที่อีกข้างของเตียง

“อะไรเนี่ย” นลินลุกขึ้นนั่งพร้อมเปิดไฟหัวเตียง

สีหน้าเขาทำให้เธอรู้ว่าเขาเป็นใคร คนอ่อนไหวกำลังมองเธออย่างเงียบๆ ทั้งที่ปกติถ้าเธอโวยวายแบบนี้ เขามักจะแตกตื่น แต่ตอนนี้ดูเขาไม่เป็นแบบนั้น...เขากำลังมีเรื่องภายในใจ

“เป็นอะไรไปคะ พี่เขตต์” นลินถอนหายใจก่อนถามขึ้น

“เปล่าๆ พี่มากวนลินหรือเปล่า พี่ขอโทษ แต่พี่คิดอะไรไม่ออกน่ะ เลยเข้ามาดูลินกับลูก” เขตต์เรียกฝาแฝดน้อยว่าลูกได้ถนัด เพราะรู้สึกเหมือนเป็นลูกเขาจริงๆ

“เอ่อ ก็ไม่หรอกค่ะ แต่ลินไม่คิดว่าพี่จะเข้ามาตอนนี้ วันนี้มีอะไรเหรอคะ ไม่กลับบ้านสักคน เห็นว่ามีประชุมด่วน” นลินรู้ว่าพวกเขาไม่กลับเพราะงานมีปัญหา

“อืม ก็เพิ่งกลับมา มีปัญหาสองสามอย่างน่ะ” เขตต์เตรียมลุกขึ้น แล้วถอยตั้งใจจะออกไปจากห้อง ก่อนที่จะถูกไล่ เพราะตอนนี้เขาเครียดเกินกว่าจะทนรับได้อีกแล้ว

ยามที่เห็นเขาอ่อนแอ นลินก็ต้องยอมรับว่าเธอก็ใจไม่แข็งพอจะไล่คนที่กำลังเป็นทุกข์ออกไปจากห้อง อีกครั้งที่เธอต้องใจอ่อนแต่จะทำได้อีกนานแค่ไหน...ก็ไม่มีใครรู้อีกเช่นกัน

“ให้ลินอยู่เป็นเพื่อนก่อนไหมคะ” นลินลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิแล้วมองเขาที่กำลังจะเดินออกไปจากห้อง

“ได้เหรอจ๊ะ” เขตต์หันมามองเธออย่างงงๆ

“ได้สิคะ มานั่งตรงนี้ก็ได้นะ แต่ถ้าจะให้ดี ลินว่าพี่ไปอาบน้ำก่อนดีไหม เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ จะได้สดชื่น” นลินยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน

“จ๊ะ งั้นเดี๋ยวพี่มานะ” เขตต์ยิ้มอารมณ์ดีขึ้นเมื่อเธอดีกับเขาเหมือนเดิม

“พี่ขันธ์ละคะ” นลินถามขึ้นเพราะไม่เห็นอีกคนกลับมา

เขตต์ชะงักงันก่อนตอบด้วยสีหน้าแย่ลง “งานมีปัญหายังแก้ไม่เสร็จน่ะ แต่พี่โดนไล่ออกมาก่อน ขันธ์คงกลับเช้า หรือไม่อาจไปดูที่สาขานั้นก่อนล่ะ”

“พี่ไปอาบน้ำก่อนแล้วกันค่ะ เดี๋ยวค่อยมาคุยกับลิน” นลินไล่ให้เขาไปอาบน้ำ

เธอเห็นว่าเขตต์คงมีปัญหาเรื่องงานเหมือนที่เคยมี แล้วด้วยนิสัยของขันธ์คงใส่อารมณ์กับคู่แฝดอย่างไม่ไว้หน้าแน่นอน เหมือนหลายครั้งที่เขตต์เคยบ่นให้เธอฟัง ก่อนเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในห้องแต่ไม่รบกวนคู่แฝดน้อย เพราะเสียงปรับให้เบาลง

“ค่ะ พี่ขันธ์” เธอรับคำอย่างสงบ

“ลินเหรอ พี่คงไม่กลับบ้านคืนนี้นะ โทษทีที่โทรมาดึก ลินนอนเถอะ” ขันธ์พูดเสียงขรึมผิดกับปกติที่มักพูดเล่น

“อย่าหักโหมมากนะคะ ถ้าพักได้ก็พักนะคะ” นลินพูดอ่อนโยนลงจนปลายสายแปลกใจ

“อ๋อครับ” ขันธ์รับคำก่อนนึกขึ้นได้ “ลินไม่ด่าพี่สักหน่อยเหรอ”

“ด่าทำไมคะ” นลินขมวดคิ้วสงสัย

“ก็พี่โทรมารบกวนความสงบของลินไง เผื่อว่าลินจะลืมว่ายังโกรธพี่อยู่” ขันธ์ถามสิ่งที่สงสัยเมื่อนึกขึ้นว่าเธอมีปฏิกิริยาแตกต่างจากเดิม

“อืม ดูจากสีหน้าพี่เขตต์ ท่าทางพวกพี่คงมีเรื่องกันมาก่อนแล้ว ลินก็เหนื่อยจะชวนทะเลาะด้วยล่ะค่ะ” นลินอธิบายไปตามเรื่อง ก่อนฟังเขาถอนหายใจ และเธอรู้ว่าคงมีไม่กี่คนที่ได้เห็นท่าทางแบบนี้ของเขา

“จ๊ะ ลินก็ดูเขตต์ให้หน่อยแล้วกัน เมื่อบ่ายพี่ว่าเขาแรงมาก แต่ก็นะ งานก็คืองาน พี่ไม่ชอบให้เขตต์ทำอะไรแบบนั้นเลย อืมๆ แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวพี่ต้องขึ้นเครื่องแล้วล่ะ พรุ่งนี้เย็นๆ ถึงจะกลับ”

“ค่ะ เดินทางดีๆ นะคะ” นลินอวยพรด้วยความเป็นห่วง

“ขอคำว่า ‘รัก’ แทนจะมีกำลังใจอย่างแรง” ขันธ์ยิ้มเล็กน้อยก่อนยื้อเวลาดีๆ ที่เธอเปิดโอกาสให้

“ฝันไปเถอะ ทำงานดีๆ นะคะ แค่นี้ล่ะค่ะ” นลินพูดก่อนตัดสาย เพราะดูเหมือนเขาโดนเรียกขึ้นเครื่องถี่ขึ้นจากคนที่ติดตามเขาตอนนี้

หากแค่นี้ก็ทำให้ขันธ์อารมณ์ดีขึ้นมากพอที่จะสู้กับปัญหา ขอเพียงความห่วงใยจากเธอ...ก็เพียงพอให้เขารู้ว่าเธอยังใส่ใจไม่ได้เย็นชาจนเกินไปนัก

นลินลุกขึ้นมองลูกน้อยทั้งสองที่กำลังหลับอยู่ในเปล บางครั้งเธอก็ต้องลุกตื่นมากลางดึกทำอะไรหลายอย่าง เพราะยังไม่อยากให้ใครมาทำหน้าที่แม่แทนเธอ และเมื่อเสียงประตูห้องเปิดอีกครั้ง เขาก็กลับมาพร้อมชุดนอน

“เป็นยังไงบ้างคะ สดชื่นขึ้นไหม” เธอถามเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทว่าเขากลับเดินเข้ามาใกล้ก่อนซบลงที่ไหล่อวบของเธออย่างอ่อนใจ

“ดีขึ้นนิดหน่อย” เขตต์ตอบ

เขาไม่กล้าโอบกอดเธอ เพียงเธอให้เขาซบลงที่ไหล่แล้วไม่ถอยดีก็ถือว่าดีมากแล้ว หากหัวใจเขารู้สึกเหมือนมีน้ำหล่อเลี้ยงยามแห้งแล้ง เมื่อเธอโอบกอดเขาเพื่อปลอบโยน

“ใจเย็นๆ นะคะ พี่ก็รู้นี่ว่าพี่ขันธ์เค้าจริงจังกับงานมากแค่ไหน” นลินพาเขาไปที่เตียงให้ห่างจากลูกๆ ที่กำลังหลับสบาย จะได้คุยกันสะดวกขึ้น

เขตต์มองเธอนั่งที่เตียงแล้วหันหน้ามามองเขาด้วยความเห็นใจก็รู้สึกดีขึ้น เขานั่งลงก่อนซบลงที่ตักเธออย่างเหนื่อยอ่อน เขาไม่เคยชอบงานที่ถูกบังคับให้ทำ ทำให้ใส่ใจน้อยลงบ้าง แต่พอหลังจากมีเธอ เขาก็เริ่มรู้สึกว่าต้องทำให้มากขึ้น หากไม่มีประโยชน์เมื่อเขาต้องฝืนทำในสิ่งที่ไม่เคยนึกรัก

นลินลูบหลังเขาเบาๆ อย่างเข้าใจ ก่อนปลอบเขา “อืม ปัญหามันเริ่มตรงไหน พี่อยากระบายไหมคะ”

เขตต์เงยหน้าขึ้นมองเธอ ก่อนพลิกตัวนอนลงโดยใช้ตักเธอแทนหมอนหนุน “พอดีพี่สั่งของผิดเสปกน่ะ ไม่ได้ไปดูของก่อนก็เลยผิดพลาด พี่ยอมรับนะว่า พี่มัวแต่สนใจเรื่องลินจนลืมรายละเอียดงานน่ะ”

นลินพยักหน้าช้าๆ ก่อนนึกขึ้นได้ “อ้าว พี่โทษลินรึเปล่าเนี่ย”

“เปล่าจ๊ะ เปล่า คือพี่ผิดเอง” เขตต์ตกใจนึกว่าเธอโกรธจริงๆ แต่พอลุกขึ้นมองหน้าเธอก็เห็นเธอยิ้มที่แกล้งเขาได้ “อะไรเนี่ย ลินแกล้งพี่เหรอ”

นลินรีบหลบเมื่อเขากำลังจะจับให้เธอล้มลง แต่เธอหลบพ้น ถอยให้ห่าง แต่เพราะเสียงหัวเราะดังมาก ลูกๆ จึงร้องไห้แข่งกัน “ตายแล้ว เดี๋ยวลินไปดูลูกก่อนนะคะ”

“พี่ช่วยนะ” เขตต์รู้สึกผิดที่ทำให้ลูกแฝดตื่นเช่นกัน

นลินอุ้มธารขึ้นมากอด และมองเขากำลังอุ้มธรรม์ ต่างก็อุ้มลูกๆ พาดบ่าก่อนลูบหลังเบาๆ ให้ลูกทั้งสองหายเครียด สักพักก็หลับกันไปอีก เมื่อวางพวกเขาไว้บนที่นอนแล้วห่มผ้า ก็รีบถอยออกมาแล้วคุยกันเบาๆ เหมือนเดิม

“ตื่นทั้งคู่เลยนะเนี่ย เฮ้อ ลินคงเหนื่อยนะ ถ้าอีกหน่อยวิ่งกันได้” เขตต์ยิ้มเล็กน้อยอย่างเอ็นดู ก่อนทิ้งตัวลงบนเตียง

“คุณแม่บอกว่าจะจ้างพี่เลี้ยงให้ค่ะ ถ้าเลี้ยงเอง ลินคงหัวหมุนน่าดู” นลินเริ่มทำใจได้แล้วเรื่องที่ต้องติดอยู่กับครอบครัว เพียงแต่เธอยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะอยู่ในครอบครัวนี้ในฐานะอะไร

“แน่นอนเลยเชียว ลูกขันธ์ก็ต้องซนเหมือนขันธ์” เขตต์รีบปัดความซนให้พ้นตัวอย่างไม่จริงจังนัก

“แหม ได้ทีรีบปัดเลยนะคะ พี่ก็ใช่ว่าจะเรียบร้อย ลินว่าพี่ก็ซนเหมือนกันนั่นแหละ” นลินยิ้มนิดๆ อย่างไม่ถือสา เพราะรู้ว่ายังไงเขาก็มองว่าฝาแฝดน้อยก็เป็นลูกเขาเหมือนกัน

“แหม อุตส่าห์ปัดให้ขันธ์แล้วนะ ก็แหม ยังไงก็พี่น้องกัน ไม่ซนเหมือนกันได้ไงล่ะ” เขตต์นอนตะแคงมองนลินกำลังนั่งเหยียดขาไปข้างหน้า

นานแล้วที่ไม่ได้ใกล้ชิดเธอแบบนี้มาก่อน เขตต์คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เขาคิดถึงช่วงเวลาที่เคยได้อยู่กับเธอแค่ไหน ถึงเธอไม่เอาใจเขา ขัดใจบ้างเป็นบางครั้งแต่ทุกครั้งที่เขามีปัญหาเรื่องงาน เธอจะให้กำลังใจและช่วยคิดเสมอ

“พี่คิดถึงลินนะ” เขตต์ขยับเข้าใกล้เธออีกนิดแล้วคาดหวังให้เธอไม่ถอยห่าง

นลินค่อยๆ ล้มตัวลงนอน ก่อนกุมมือเขาแล้วปลอบโยน “อย่าคาดหวังอะไรจากลินเลยนะคะ ตอนนี้อย่าคิดอะไรมากไปกว่าพยายามทำใจแล้วสู้ต่อไปนะคะ”

เขตต์ขยับเข้าใกล้อีกนิด ก่อนดึงเธอเข้ามากอดแน่นด้วยความคิดถึง เวลาที่เขาเป็นทุกข์คงมีเพียงเธอเท่านั้นที่เขารู้สึกอยากให้เอร่วมแบ่งปัน

“มีปัญหาเรื่องงานอะไร พรุ่งนี้พี่ค่อยเอามาให้ลินช่วยดูอย่างละเอียดไหมคะ” นลินกอดเขาเอาไว้ แต่คงไม่อาจให้เขาได้มากกว่านี้

“ได้สิ ลินช่วยพี่นะ” เขตต์รีบตอบรับ

เขาหาโอกาสที่จะได้อยู่ใกล้ชิดเธออยู่แล้ว เมื่อเธอเสนอจะช่วยเหลือเขา เขาย่อมยินดีรับเพราะนั่นหมายถึงเขาได้ใช้เวลาอยู่กับเธอเพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องงานเขาไม่แน่ใจว่าเธอจะช่วยอะไรได้ เพราะเธอก็ไม่เคยทำมาก่อน แต่ถ้าเธอเรียนรู้แล้วช่วยกันทำก็หมายถึงว่า...เธอยอมรับที่จะอยู่ในครอบครัวเขาต่อไป

***************************************


สีหน้าเคร่งเครียดเด่นชัดมากเหลือเกิน จากที่คิดว่าทุกอย่างจะเสร็จอย่างรวดเร็ว เขาก็ต้องพบว่ามีผู้แทนขายอิดออดกับเขา จนเขาต้องทั้งข่มทั้งขู่จึงได้ของตกแต่ง ซึ่งแขกวีไอพีที่มาจองห้องพักนานเป็นเดือนมาได้

ขันธ์ถอนหายใจยาวเมื่อกลับถึงบ้านในเวลาดึกของอีกวัน นึกอยากไปหานลินที่ห้องแต่ก็ถอนหายใจยาวเพราะดึกมากแล้ว แต่พอเดินไปที่ห้องนั่งเล่นก็เห็นเธอกำลังนั่งอ่านเอกสารโดยมีน้องชายเขานอนหลับอยู่ไม่ห่างนัก

“อ้าว ลินทำอะไร” ขันธ์งงที่เห็นเธอกำลังก้มหน้าดูเอกสารอย่างละเอียด

นลินเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตามึนงง ก่อนตอบแบบเบลอๆ “ลูกๆ หลับหมดแล้วค่ะ เอ๊ย ก็ดูเอกสารเรื่องพวกโปรโมทชั่นต่างๆ ที่เคยทำมาให้พี่เขตต์ค่ะ เพราะพี่ให้พี่เขตต์ทำโครงการพวกโปรโมทชั่นไม่ใช่เหรอคะ พี่เขตต์คิดไรไม่ออก ลินก็เลยช่วยดูค่ะ”

ขันธ์มองน้องชายกำลังนอนเฝ้าเธอที่กำลังอ่านเอกสารแล้วถอนหายใจ ก่อนเดินไปโอบนลินให้ลุกขึ้น “ลินไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยอ่านต่อ รู้ไหมนี่มันกี่โมงแล้ว เดี๋ยวลูกๆ ตื่นมาจะเอาแรงที่ไหนดูลูก”

นลินส่ายหน้าก่อนเดินไปหยิบน้ำมาดื่ม “ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้พี่เลี้ยงดูเต็มเวลาแล้วค่ะ ลินพอมีเวลาช่วยดูเรื่องงานมากขึ้น ลินไม่อยากให้พี่ๆ ทะเลาะกันเลย เครียดด้วยกันไปหมด”

ขันธ์ส่ายหน้าก่อนเดินเข้ามาโอบกอด และปล่อยก่อนที่เธอจะขัดขืน ดีที่เธอไม่ไร้เหตุผลแล้วหงุดหงิดใส่เขาอีก ยามมีปัญหา...เขายอมรับว่านลินเป็นผู้หญิงที่มีเหตุผลที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา

“พี่ก็เหนื่อยเหลือเกิน แต่ก็ไม่อยากให้ลินต้องมาเหนื่อยกับพวกพี่” ขันธ์ถอนหายใจก่อนระบายออกมา

“ใจเย็นๆ ค่ะ ช่วงนี้สมองลินแทบไม่ได้ใช้อะไรเลย นอกจากจำว่าลูกจะกิน จะถ่าย จะงอแง จะอาบน้ำเมื่อไร แถมพี่เลี้ยงอีกสองคนที่คุณแม่หามาให้อีก ลินแทบจะอยู่เฉยๆ เลย” นลินยิ้มให้กำลังใจเจ้าของดวงหน้าที่กำลังอ่อนล้า

เธอยกมือขึ้นสัมผัสดวงหน้าของเขาเบาๆ เพื่อปลอบโยน หากขันธ์ไม่รอช้ายกมือขึ้นมา ก่อนจูบเบาๆ แล้วซบลงที่มือเธออย่างอบอุ่น

“พี่คิดถึงลินนะ” ขันธ์พูดสั่งที่รู้สึกก่อนโอบกอดร่างอวบของเธออย่างอ่อนโยนอีกครั้ง

นี่ไม่ใช่เพราะความปรารถนาร้อนแรง ทว่าเป็นความรู้สึกอ่อนหวานละมุนละไม ที่เขาไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับผู้ชายมากรักอย่างเขา เขาไม่เคยผิดหวังเพราะเพียงเอื้อมมือออกไป ก็มีหญิงสาวหลายคนพร้อมที่จะกระโจนเข้ามาซบอกเขา

หากกับเธอ...เขาต้องพยายามพิสูจน์ตัวเอง เพื่อให้เธอไว้ใจ เพื่อให้เธอฝากชีวิตเอาไว้ในมือเขา ทำให้หัวใจเขาต้องตีบตันอับจนหนทางอยู่หลายครั้ง แต่ก็สร้างสรรค์ความรู้สึกแปลกใหม่ที่เขาไม่มีวันได้จากหญิงสาวคนไหน

“อะไรกันคะ เห็นหน้ากันเกือบทุกวัน ยังบ่นคิดถึงอีก พอกันเลย...พี่กับพี่เขตต์เนี่ย” นลินบ่นเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แอบซ่อนในใจ ด้วยนึกใจอ่อนที่เจอกับท่าทางสุภาพอ่อนหวานของชายหนุ่มเย่อหยิ่งแบบเขา

“คิดถึงสิ ถึงจะเห็นหน้ากันแต่ก็เหมือนอยู่ห่างกัน เพราะลินเฉยชากับพวกพี่เสียเหลือเกิน” ขันธ์กระชับอ้อมแขนที่โอบร่างอวบให้แน่นขึ้น ด้วยกลัวว่าภาพตรงหน้าจะเป็นเพียงภาพฝันหนึ่งตื่นในเวลาที่เขาเหนื่อยล้า

“ไม่เอาละค่ะ ไปๆ มาๆ พวกพี่ก็โทษลินอยู่เรื่อย” นลินแกล้งดุแบบไม่จริงจังนัก ก่อนยกมือขึ้นโอบด้านหลังของเขา

เธอเป็นหญิงสาวที่ไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับชายหนุ่มลูกครึ่ง ที่กำลังโน้มตัวลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อโอบกอดเธอเอาไว้ และเมื่อเขาก้มลงซบไหล่เธอ เธอก็เอื้อมมือขึ้นลูบหลังเขาเบาๆ แทนการปลอบโยน

“พี่ไม่โทษลินหรอก พี่เองล่ะที่ผิด” ขันธ์ตอบอย่างรู้สึกผิด

เขานึกอยากกอดเก็บเธอเอาไว้เพียงคนเดียว หากเขาก็รู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้ เมื่อเขายังมีน้องชายฝาแฝดที่รักเธอมากเช่นเดียวกับเขา ถ้าสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีใครต้องเจ็บปวด...

ให้ทำอะไร...เขาก็ยอม

นลินถอนหายใจยาว ก่อนผลักเขาเบาๆ แล้วพยายามมองเขาที่กำลังเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยสายตาอ่อนล้า “ค่ะ ตอนนี้ลินว่าพี่ไปอาบน้ำแล้วเตรียมตัวนอนดีกว่าไหมคะ”

“จะว่าอะไรไหม ถ้าคืนนี้พี่อยากกอดลิน แค่กอดเฉยๆ เท่านั้น พี่ไม่อยากนอนคนเดียวเลย” ขันธ์ส่งสายตาเว้าวอน

เขารู้สึกเหงาขึ้นมาจับใจ เมื่อได้ใกล้ชิดก็รู้สึกไม่อยากอยู่ลำพัง นึกอยากโอบกอดเธอและมีเธอเป็นเพื่อนอยู่ข้างกาย ไม่อยากตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกอ้างว้างเดียวดาย

“ค่ะ” นลินตอบรับสายตาอ่อนไหวของเขา

น้อยครั้งที่ชายหนุ่มที่ดูเข้มแข็งและสามารถฟาดฟันธุรกิจต่างๆ จะเรียกร้องบางสิ่งจากใคร ก่อนหันไปมองร่างสูงอีกคนที่กำลังนอนกอดเอกสารอยู่บนโซฟา “ลินคงต้องปลุกให้พี่เขตต์ไปนอนก่อนนะคะ เดี๋ยวลินตามไปที่ห้องพี่แล้วกัน”

“ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ลินทำให้พวกเรานะ” ขันธ์พยักหน้าช้าๆ เขาไม่ลืมที่จะจูบเรือนผมเธอเบาๆ ก่อนออกไปจากห้อง

นลินหันไปมองอีกคนที่กำลังนอนอยู่ แต่ไม่สบายนักเพราะรูปร่างสูงใหญ่กว่าโซฟาแคบๆ ซึ่งเขาก็แสดงให้เห็นว่า เขาพยายามที่จะฝืนใจทำในสิ่งที่ไม่เคยนึกรักเลย หากเพื่อครอบครัว...เขาก็พยายามทำให้ดีที่สุด

“พี่เขตต์คะ ขึ้นไปนอนได้แล้วค่ะ” นลินเขย่าแขนเขาเบาๆ ด้วยเกรงว่าเขาจะตกใจตื่น

เขตต์ขยับตัวช้าๆ แต่พอพลิกตัวก็รู้ว่าไม่ได้อยู่บนเตียง จึงตื่นแล้วมองเธอที่ยืนรออยู่ “อ้าว นี่กี่โมงแล้วล่ะ”

“ตีสามแล้วค่ะ พี่เขตต์ขึ้นไปนอนบนห้องดีกว่านะคะ” นลินเตือนเขาอีกครั้ง “พรุ่งนี้ค่อยมาดูกันต่อ”

“อ้าวเหรอ โทษทีพี่เผลอหลับไปน่ะ” เขตต์พยักหน้าช้าๆ แล้วตั้งสติ

“พี่ขันธ์กลับมาแล้วค่ะ เดี๋ยวลินว่าจะไปดูพี่ขันธ์หน่อย พี่เขตต์นอนคนเดียวได้ไหมคะ” นลินพูดตามตรงเพราะคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดอ้อมค้อม

“ได้สิ ขันธ์เป็นอะไรมากไหม” เขตต์พอเดาได้ว่านลินคงเป็นห่วงขันธ์ไม่น้อย เพราะบอกว่าจะกลับตอนเย็น แต่กลายเป็นเช้าวันใหม่แทน

“ก็เครียดๆ ค่ะ” นลินเห็นพี่น้องทะเลาะกันก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก

“อืม งั้นฝากลินดูขันธ์หน่อยนะ พี่จะนอนแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยมาดูงานใหม่ ถ้าตื่นไม่ไหวก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวพี่ดูลูกๆ แทนได้ คืนนี้พี่นอนในห้องแทนลินแล้วกัน ไม่ต้องห่วงเจ้าพวกแฝดน้อยหรอก” เขตต์พยักหน้าอย่างเข้าใจ ทำงานด้วยกันมานานและเขารู้ว่าคู่แฝดจริงจังกับงานแค่ไหน...

เขาจูบเรือนผมคนละข้างกับคู่แฝดอย่างไม่รู้ตัว ทำให้นลินรู้สึกถึงภาระหนักที่เธอต้องแบกรับระหว่างพี่น้องสองคนนี้ เมื่อนึกไม่ออกว่าถ้าไม่มีเธอ พวกเขาจะทำอย่างไร คงทะเลาะกันแล้วอึดอัดกันต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

หากเธอจะอยู่กับพวกเขาในลักษณะนี้ได้หรือ...

***************************************


ทุกย่างก้าวเธอเดินอย่างลังเล แต่เมื่อเข้าไปในห้องของเขาแล้ว เธอก็ได้แต่ถอนหายใจยาว ครั้งแรกนับตั้งแต่กำเนิดฝาแฝดคู่ที่สองของครอบครัว นลินแทบไม่เคยย้ายห้องไปนอนห้องอื่นเลย

นลินมองเตียงนอน ก่อนค่อยๆ ขยับไปนั่งบนเตียง แล้วก็หันซ้ายแลขวาอย่างไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี จึงล้มตัวลงนอน ก่อนนึกถึงเรื่องเก่าๆ เมื่อครั้งที่เขากับเธอผิดใจกัน

เขากลับมาพร้อมกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงอื่นเสมอ ซึ่งเธอเจ็บปวดเช่นเดียวกับตอนที่รู้ว่า เขตต์เห็นค่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงที่เขาพึงใจเก็บไว้ภายในบ้าน

บางครั้งเธอก็สงสัยว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับความคิดของเธอ...

ช่างสับสนเหลือเกิน...ยิ่งพยายามไม่รัก แต่กลับมีอาการตรงกันข้าม ความคิดวกวนที่พยายามสลัดเท่าไรก็ไม่หลุด จนสุดท้ายเธอต้องพ่ายแพ้ให้กับความพยายามของเขาทั้งสองคนครั้งแล้วครั้งเล่า

สำคัญตรงที่...ไม่ใช่เพียงคนใดคนหนึ่ง แต่ทั้งสองคนพร้อมกัน

เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น นลินหันหลังให้ห้องน้ำแต่แรก จึงแกล้งหลับตาลง เธอฟังเขาเดินทำอะไรในห้องอีกพักใหญ่ เช่นเดียวกับในช่วงนั้น...บางสิ่งทำให้เธอไม่รู้สึกอยากทรมานแบบนั้นอีก

คนเราควรเจ็บแล้วจำ...แต่ทำไมเธอกลับเดินไปจากเขาทั้งสองคนไม่ได้ง่ายๆ

น้ำหนักที่ทิ้งลงมาบนเตียงหนักหน่วง ก่อนมีเสียงถอนหายใจดังขึ้น แล้วขันธ์ก็ตัดสินใจถาม “ลินหลับหรือยัง”

นลินขยับตัวเล็กน้อย แล้วส่ายหน้าโดยไม่หันมามองเขา เธอยังรู้สึกกลัวใจเขากับใจตัวเองอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกสับสนที่เธอพยายามเก็บซ่อนกำลังทะลักออกมา

“พี่กอดได้ไหม” ขันธ์ถามขึ้นโดยไม่ถือวิสาสะกอดเธอ อย่างที่เขาบอกแต่แรก...เขาไม่อยากถูกเธอปฏิเสธ

“ค่ะ” นลินตอบ ขณะที่เขาปิดไฟหัวเตียงฝั่งเขา ส่วนฝั่งเธอนั้น เธอปิดแล้วเพราะเธอเตรียมตัวพัก

หากพอเขากอดเธอเท่านั้น น้ำตาก็ไหลแล้วเธอก็กลั้นสะอื้นไม่ได้ จึงปล่อยโฮออกมา

“ลินเป็นอะไร” ขันธ์พยายามพลิกตัวเธอมามองจนสำเร็จ ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วกอดเธอเอาไว้แน่น “อยากร้องก็ร้องออกมาเถอะ พี่เดาว่าลินคงไม่ได้ร้องไห้มานานมาแล้วใช่ไหม ตั้งแต่ก่อนเจ้าแฝดน้อยเกิดเสียอีกสินะ”

นลินพยายามจะพูดแต่ไม่สำเร็จ เธอได้แต่พยักหน้าหงึกๆ พร้อมสะอื้นในอ้อมกอดเขา ทั้งที่เธอควรเข้มแข็งแต่กลับเป็นในทางตรงกันข้าม เมื่ออยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นก็ยากที่จะสะกดใจไว้ได้

“ไม่ต้องพูดก็ได้นะ ไว้ใจเย็นๆ ค่อยพูด” ขันธ์ปลอบโยนเธอเบาๆ ทั้งที่ตัวเขาก็เหนื่อยล้าเต็มที

นี่แหละมั้ง...ความรัก แม้เราจะเหนื่อยล้า แต่เราก็อยากจะปลอบโยนคนที่เรารัก เมื่อได้ปลอบโยนเธอ ก็เหมือนได้ปลอบโยนตัวเองเช่นกัน

นลินเหนื่อยใจอย่างโดดเดี่ยวมามาก...ขันธ์รู้สึกได้

เธอพยายามรวบรวมสติอีกครั้ง แต่พอเงยหน้าขึ้น เขาก็หลับไปซะแล้ว ท่าทางเขาเหนื่อยอ่อน อาจเพราะต้องดูแลน้องชายอยู่ตลอดเวลา

นลินถอนหายใจ ไม่ใช่เพราะหนักใจกับเขา แต่หนักใจแทนเขา ถึงเขาไม่แสดงออกแน่ชัด หากนึกถึงสายตายามเขามองลูกทั้งสอง ทำให้เธอรู้ว่าเขากำลังวางแผนชีวิตให้ลูกๆ เหมือนที่ทำกับน้องชายเขา

เธอค่อยๆ ขยับตัวไม่ให้เขาตื่น ก่อนเดินไปที่ห้องน้ำ จัดการธุระล้างหน้าล้างตาแล้วก็ตั้งสติใหม่ให้เข้มแข็ง ดื่มน้ำนำพาความสดชื่นให้ตัวเอง แต่นี่ก็ใกล้เช้าแล้ว เขาก็เหนื่อยมามาก เธอไม่ควรเพิ่มภาระให้อีก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เธอตกใจ ก่อนตั้งสติได้ “ค่ะ”

ไม่มีเสียงตอบ แต่คิดว่าเขาคงถอยไปแล้ว เมื่อเธอออกมาก็เห็นเขานอนกึ่งนั่งบนเตียง “ตื่นทำไมเหรอคะ”

“ขอโทษที พี่เผลอหลับน่ะ” ขันธ์พยายามสะบัดเรียกสติ ก่อนบอก “พี่ตื่นมาไม่เห็นลินพี่ใจหาย เพิ่งรู้ว่าเวลาที่มีความสัมพันธ์กับใครสักคนจริงจังเนี่ย ทำให้คอยระแวงโน้นนี่ตลอดเลย ถึงว่าล่ะพี่ถึงอยากโสดอิสระตลอด”

“ถ้าพี่ยังอยากอิสระต่อ ลินก็ไม่ว่าหรอกนะคะ” นลินตอบกึ่งเล่นกึ่งจริง แต่ทำให้เขานิ่งอึ้งไปจึงอธิบายเพิ่ม “ลินล้อเล่นน่ะค่ะ”

“มานี่มา อย่าล้อเล่นแบบนี้อีก เราต้องช่วยกันผ่านทุกอย่างไปได้” ขันธ์รับเธอเข้ามากอดอีกครั้ง

อบอุ่น...แม้ไม่รู้ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม แต่มันก็อบอุ่น อาจเพราะนลินยังคงสัดส่วนของแม่ที่คลอดลูกอยู่ก็ได้ ท่าทางคงลดยากแต่นิ่มมากๆ

“นิ่มจังเลย อวบแบบนี้มานานรึยังเนี่ย” ขันธ์กอดอาไว้แน่น เมื่อเธอขยับจะถอย

“ปล่อยเลย อวบมาตั้งนานแล้วค่ะ แล้วเจ้าแฝดน้อยก็ทำให้อวบมากขึ้น ช่วงท้อง ไมค์ก็บำรุงซะ อย่างกับกลัวว่าเจ้าแฝดจะอดตายงั้นแหละค่ะ” นลินขยับตัวเล็กน้อย แต่ก็รู้ว่าดิ้นไม่หลุด “ปล่อยเถอะนะคะ ลินขอร้อง”

“ไม่ปล่อย แต่จะกอดให้หลวมขึ้นก็ได้นะ” เขาคลายอ้อมกอดเล็กน้อย ก่อนหัวเราะขำเบาๆ “ยังคิดว่าพี่จะมีแรงทำอะไรลินได้อีกเหรอ ไม่เอาน่า พี่เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ถ้าได้พักสักวันสองวันก็อาจจะพอไหว”

“พี่ขันธ์บ้าที่สุดเลย” นลินว่าอย่างอายๆ แต่เธอก็กลัวจริงๆนั่นแหละ

“เรื่องนี้ใช่ไหมที่ทำให้ลินไม่เข้าใกล้พวกพี่ อย่าไปคิดมากเลย เราสามคนค่อยๆ ปรับกันไป ค่อยๆ ทำใจเดี๋ยวก็ยอมรับได้เองแหละ มันไม่สำคัญเท่าความรักความผูกพันของเราหรอก” ขันธ์พูดแล้วก็ขำเอง “ไม่คิดว่าพี่จะพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้แฮะ”

“ก็คนลำบากใจไม่ใช่พี่นี่ ก็ตัวเองเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง” นลินพูดอย่างงอนๆ ที่เขาไม่เข้าใจทั้งหมด

“เอาน่า พี่ไม่คิดมาก เขตต์ไม่คิดมาก ลินก็อย่าไปคิดมาก ส่วนคนอื่นคิดยังไง ก็ปล่อยเขาไปเถอะ ไม่ได้ขออะไรจากใคร แล้วก็อย่าเอาความวุ่นวายของคนอื่นมาใส่ใจตัวเอง ถ้าเราสามคนเลือกทางที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน มันก็สมควรเพราะเรารักกัน” ขันธ์ปลอบ แม้ยังทำใจไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

บ่อยครั้งที่เขานึกขวางและหวง แต่เขาก็คิดอีกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ามันไม่ใช่สามแต่เหลือแค่สอง ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งเจ็บปวด แล้วที่แน่ๆ นลินจะต้องพาลูกหนีไปอีกครั้ง

หากเขาใช้ลูกเป็นตัวประกัน ขันธ์หวั่นใจว่า คนเข้มแข็งจะกลายเป็นอ่อนแอทันที นลินอาจเลือกทางชีวิตที่สั้นที่สุด เพราะตอนนี้ดูเหมือนเจ้าแฝดน้อยเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้นลินยังคงมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่พยายามเศร้าหรืออ่อนแอ

นี่คงเป็นสัญชาตญาณความเป็นแม่...

แล้วถ้าเขารักเธอ เขาก็ควรจะพยายามถนอมความรักครั้งนี้มากกว่ารักตัวเองจนทำลายคนที่เขารัก คิดแล้วก็หนักใจ เมื่อน้องชายเขายังคิดไม่ถึงจุดนี้ คงเพราะเจ้าตัวยังไม่มีสัญชาตญาณความเป็นพ่อมากพอด้วยกระมัง

เจ้าแฝดน้อยเป็นลูกเขา แม้จะไม่ได้มาอย่างถูกต้องแต่ก็เป็นลูกเขา ที่เขาเชื่อแน่ว่าเพราะเขาทั้งสองคนทำให้นลินต้องทำในสิ่งที่ละเลยความปลอดภัยของตนเองไป

คนละเอียดอย่างนลินคงจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจนคาราคาซังแบบนี้ ถ้าตอนนั้นเขตต์ไม่ทำให้เธอเสียใจ แล้วเขาไม่ตอกย้ำให้เธอเสียใจเพิ่มพูน

“ค่ะ” นลินปล่อยให้เขาคิดแล้วเธอก็หลับไป

ต่างก็เหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ...ไม่แตกต่างกัน

***************************************

จะรวมแล้วจะแยกอีกไหมหนอ...
แต่ยังไงก็คงมีหนทางเดียวแต่มีตอนจบหลายแบบค่ะ 555+

^^ กำลังว่าจะหนีไปสักวัน
ToT เขียนไม่ทันเจ้าค่ะ (เล่นเกมอย่างเมามันส์ไปนิดนึง)
คิดไปคิดมา...อิอิ ก็ต้องมาต่อกันค่ะ
พอเห็นคอมเม้นของคุณผู้อ่านหลายคนแล้วก็เป็นปลื้ม
บางคนแอบรู้ทันอ่า >.<
น่าจะราว 25 ตอนนะคะสำหรับนิยายเรื่องนี้
555+ อยากเขียนนิยายเรื่องอื่นด้วยค่ะ
ดองไว้นานเช่นเดียวกับนิยายเรื่องนี้
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
เป็นกำลังใจให้ทุกคนด้วยนะคะ

คุณ CaspeR GhosT --- อิอิ ใจค่ะ ต้องรอดูกันต่อไป อิอิ

คุณ mimny --- หุหุ จะต้องดูฝีมือของตาขันธ์ค่ะ ไม่รู้จะมีความสามารถหรือเปล่า อิอิ



Create Date : 10 กันยายน 2552
Last Update : 10 กันยายน 2552 4:56:06 น. 2 comments
Counter : 405 Pageviews.

 
เฮ้ออออออออออออ ติดงอม เอ้ย ติดตามกันต่อไป หุหุ


โดย: CaspeR GhosT IP: 123.243.8.121 วันที่: 10 กันยายน 2552 เวลา:19:23:05 น.  

 
อึดอัดกับบรรยากาศแทนตัวละคร


โดย: mimny วันที่: 13 กันยายน 2552 เวลา:22:16:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

เพลิงวารี
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ไหดองเหล็กไหล
New Comments
[Add เพลิงวารี's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com