เพลิงวารี & คชสีห์ ฿ Babylonia
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
7 สิงหาคม 2552
 
 
เราสามคน...หนทางเดียว 004 จุดพลิกผัน

การหมั้นผ่านไปอย่างเรียบง่ายและรวดเร็ว ไม่มีอะไรเป็นพิธีตามแบบที่นลินต้องการ ผู้ใหญ่สองฝ่ายหมายถึงพ่อแม่นลินกับขวัญฤดีคุยกันรวดเร็ว และตกลงกันอย่างง่ายโดยไม่ต้องมีมิสเตอร์ปีเตอร์ เนลสันที่ติดภารกิจที่ต่างประเทศ ก่อนแยกย้ายกันทำตามหน้าที่

นลินมองแหวนที่นิ้วแล้วถอนหายใจยาว โชคดีที่พ่อแม่เธอเป็นคนเรียบง่ายและคุยง่าย จึงไม่มีปัญหาอะไรให้ต้องกังวล เธอเป็นลูกสาวคนเดียวก็จริง แต่ครอบครัวกุมุทินีไม่ชอบความวุ่นวายและเคารพการตัดสินใจของลูกสาว

“ทำอะไรอยู่ครับ” เขตต์ดูจะพอใจที่รู้สึกมั่นคงมากขึ้นเมื่อเขาและเธอหมั้นกันต่อหน้าผู้ใหญ่แล้ว

“กำลังคิดอะไรเพลินๆ ค่ะ” นลินตอบอ้อมค้อม กลบเกลื่อนความคิดที่แท้จริง จากที่คิดว่าเขาจะเป็นสายลมพัดผ่านกลับกลายเป็นห่วงผูกมัดเธอ

เขตต์ไม่พูดมาก เขาจูบที่แก้มเธอเบาๆ อย่างพึงใจ ไม่นึกเบื่อหน่ายแต่รู้สึกสบายใจที่ได้หมั้นกับเธอแล้ว เพราะเขาเชื่อว่านลินคือผู้หญิงที่เขาต้องการแต่งงานด้วย ทว่าเรื่องระหว่างเขากับเธอยังเป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะคนในครอบครัวไม่เปิดเผยเป็นวงกว้าง

“ไปนอนกันดีไหม”

“ค่ะ” นลินรับคำ

เธอมาคิดทบทวนพอหมั้นแล้วเธอกับเขาสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างเปิดเผยขึ้น โดยไม่ต้องกลัวว่าพ่อแม่จะตำหนิเธอทีหลัง โชคดีที่แม่เขาไม่บอกความจริงกับพ่อแม่เธอ เพียงบอกแต่ว่าทั้งสองคนพบกันโดยบังเอิญแล้วเกิดรักกัน หากแท้จริงแล้วนลินยังไม่แน่ใจว่ารักเขาหรือไม่...

***********************************************

เสียงลมหายใจดังข้างหูเธออย่างสม่ำเสมอ เขากอดเธอแน่นทุกครั้งก่อนหลับไป นลินตื่นขึ้นในความมืด ก่อนเดินไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย พอออกมาจากห้องน้ำก็เดินตรงไปที่หัวเตียงเพื่อดื่มน้ำแต่แก้วว่างเปล่า จึงเดินลงไปชั้นล่าง

เธอเดินเข้าครัวที่อยู่ทางซ้ายมือของบันไดเมื่อมองมาจากข้างบน หากยังไม่ทันได้เข้าครัวก็ได้ยินเสียงกดออดดังขึ้น เธอหันไปมองนาฬิกาเห็นเป็นเวลาตีสามกว่าแล้วไม่น่ามีแขกเวลานี้ แต่ก็เดินไปดูที่ประตูเห็นเงาร่างคนยืนอยู่

“ใครคะ” นลินตัดสินใจถามคนที่อยู่หน้าประตู เห็นเขาชะโงกมองเข้ามาผ่านกระจกสีชาก่อนทุบที่กระจกอย่างมึนเมา “ฉันถามว่าใครคะ”

“เออ ฉันชื่อขันธ์ เธอคงเป็นนลินสินะ” ชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนเขตต์ราวแกะพิมพ์เดียวกันเดินไปที่ที่มีแสงไฟส่องทำให้นลินเห็นหน้าถนัดจนเธอยอมเปิดประตู

นลินมองเขาถือกระเป๋าเสื้อผ้าขนาดย่อมเดินเข้ามาในบ้าน เธอเดินไปเปิดไฟแต่กลับเห็นเขาเดินขึ้นชั้นบนไป เธอจึงไม่สนใจอีกปิดล็อกประตูแน่นหนาเหมือนเดิมก่อนเดินไปที่ห้องครัวเพื่อหาน้ำดื่ม ทว่าขณะที่เธอหันหลังให้ประตู กลับถูกคนร่างสูงเข้ามากอดด้านหลัง

นลินร้องเสียงหลงเพราะตกใจ เธอเกือบทรุดลงไปนั่งกับพื้นเพราะเข่าอ่อนเมื่อโดนจู่โจมจากด้านหลัง หากนลินได้กลิ่นน้ำหอมผสมกลิ่นเหล้าจึงรู้ว่าไม่ใช่เขตต์ จึงขืนตัวเองผลักร่างสูงนั้นจนหลุดจากการเกาะกุมของเขา เธอคว้ามีดมาถือไว้อย่างระมัดระวัง

“ถอยไปนะ” นลินไม่ไว้ใจคู่แฝดของเขตต์อีก

ขันธ์หัวเราะขบขัน เขาไม่ได้เมาจนไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ เหล้าไม่กี่แก้วไม่ทำให้เขาเมาได้หรอก “นึกว่าเธอชอบให้ผู้ชายแนะนำตัวแบบนี้เสียอีก”

นลินได้ฟังถึงกับเลือดขึ้นหน้า นึกอยากขว้างมีดไปปักอกเขาสักทีหากคุมสติได้ “คุณเมาแล้วก็ไปนอนดีกว่านะคะ”

ขันธ์เงยหน้าขึ้นมอง และเห็นไม่ถนัดเพราะเธอไม่ได้เปิดไฟครัวอาศัยเพียงแสงไฟจากตู้เย็นเท่านั้น “ถามจริงเถอะ เพราะหน้าตาอย่างนี้หรือเปล่าถึงหาผู้ชายไม่ได้จนต้องไปเตร่หาผู้ชายตามร้านอาหาร”

นลินกำมือแน่นด้วยความโกรธ มีดในมือพร้อมที่จะทำร้ายคนได้ทุกเมื่อแต่เพราะกลัวว่าจะต้องทำอย่างนั้น เธอจึงวางมันลงบนโต๊ะและเดินเลี่ยงแทนที่จะตอบ แต่ขันธ์กลับไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ เขารั้งมือเธอก่อนดึงเธอมากอดเอาไว้อย่างถือดี

“ปล่อยนะ คุณขันธ์” นลินพยายามสะบัดให้หลุด

ยิ่งเธอดิ้นรนมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกสมใจมากขึ้นเรื่อยๆ จึงใช้กำลังสะกดเธอให้นิ่งแล้วพูดที่ข้างหูเธอ “ถ้าเธอร้องตะโกนเสียงดังละก็ คงรู้นะว่าฉันจะปิดปากเธอด้วยอะไร”

นลินจึงหวาดหวั่นเงียบและตัวสั่นเทาด้วยความกลัว นึกเสียใจที่วางมีดและไม่แทงลงไปในเลือดเนื้อเขา

“ไม่ว่าเธอจะทำอะไรให้แม่ฉันหลงกลไปด้วย แต่เธออย่าหวังว่าฉันจะหลงกลไปกับเธอด้วยนะ” ขันธ์นึกขัดเคืองและเข้าใจว่าเธอคงเกลี่ยกล่อมจนแม่เขาหลงเชื่อทั้งที่ความจริงนลินไม่ทำอะไรอย่างนั้นเลย

“คุณคงไม่คิดสบประมาทแม้กระทั่งแม่ผู้ให้กำเนิดของคุณหรอกนะคะ คุณแม่คุณมีประสบการณ์มากกว่าคุณเยอะ ท่านคงไม่โง่ให้ผู้หญิงอย่างฉันหลอกลวงได้หรอกค่ะ” นลินฝืนตอบเขา และพยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา

“ลินอยู่ไหนน่ะ” เสียงเขตต์ดังขึ้นเหมือนระฆังช่วยชีวิต เขาตื่นและไม่เห็นเธออยู่ในห้องจึงเดินออกมาดู

“อยู่ในครัวค่ะ พี่เขตต์ เอ่อ คุณขันธ์มาค่ะ” นลินรีบบอกและโชคดีที่ขันธ์ปล่อยเธอเป็นอิสระ เธอจึงรีบเดินออกไปจากครัวและเดินตรงไปอยู่ข้างหลังเขตต์ที่กำลังเดินลงมาที่ชั้นล่าง

“ไง ขันธ์ มาทำไมไม่บอก” เขตต์ยิ้มให้แต่ก็ทำหน้างงเมื่อนลินไม่อยากเข้าใกล้คู่แฝดของเขา

ขันธ์มองแม่ตัวดีเดินไปหลบอยู่ข้างหลังคู่แฝดเขาแล้วนึกขัดใจ ไม่รู้ว่าแม่คนนี้มีอะไรดีถึงทำให้คู่แฝดเขาออกปากปกป้องอยู่หลายครั้ง เขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่แม่เขาบอกแต่ก็ขัดไม่ได้ “ก็ดี มาแล้วทำไมต้องบอก ฉันอยากมาก็มา”

“เอาล่ะๆ ไปพักผ่อนดีกว่าไว้ค่อยคุยกันตอนเช้า ไปเถอะ ลิน” เขตต์ไม่ใส่ใจคู่แฝดนัก

เขาโอบไหล่นลินที่ไม่แม้แต่จะมองกลับไปที่ขันธ์เลย เขาไม่ทันสังเกตอะไรมากแต่เข้าใจไปว่าเพราะนลินไม่ชอบและไม่คุ้นกับการมีคนอื่นในบ้านมากกว่า

ขันธ์จ้องมองร่างสูงของคู่แฝดกับร่างอวบที่กำลังเดินขึ้นบันไดไป เขามาที่นี่เพื่อพิสูจน์ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นยังไงกันแน่ถึงทำให้แม่เขาเอ็นดูได้ไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ของน้องชาย

นลินกลับเข้าห้องนอนด้วยความรู้สึกสับสน คนหน้าตาเหมือนกันแต่นิสัยกลับแตกต่างกันมากเสียจนเธอทำตัวไม่ถูก เธอพลิกตัวไปมาจนเขตต์จับสังเกตได้ เขาจึงกอดเธอก่อนถาม “ขันธ์ทำอะไรลินหรือเปล่า”

นลินตกใจที่เขาถามแบบนั้น เธอแน่ใจว่าเขาต้องไม่เห็นสิ่งที่ขันธ์ทำกับเธอแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงถามเธอแบบนั้น “ทำไมพี่เขตต์ถึงคิดอย่างนั้นละคะ ไม่คิดว่าลินต่างหากที่เป็นฝ่ายทำเหรอคะ”

“ลินน่ะเหรอจะทำอะไรขันธ์ ขันธ์มากกว่า พี่รู้จักขันธ์ดี การที่ลินไม่เรียกขันธ์เป็นพี่ แสดงว่าต้องมีอะไรสักอย่าง” เขตต์ตั้งข้อสังเกตก่อนเปลี่ยนให้นลินนอนหนุนแขนเขา

นลินวางมือที่อกเขา ลูบที่อกกว้างของเขาเบาๆ แล้วเขตต์ก็กุมมือเธอเอาไว้ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”

“ถึงมี ลินก็คงไม่บอกพี่ใช่ไหม” เขตต์หลับตาลงก่อนพลิกมากอดเธอเอาไว้

“เรื่องเข้าใจผิด ช่างเถอะค่ะ ลินไม่คิดอะไรมากหรอก” นลินตอบเฉไฉ

สิ่งที่ขันธ์พูดตอกย้ำให้เธอคิดมากบวกกับเธอลังเลที่จะใช้ชีวิตร่วมกับเขตต์ เธอไม่แน่ใจว่ารักเขตต์หรือไม่...ที่หมั้นกันก็เพื่อแก้ปัญหาหรือจะเรียกว่าคั่นเวลาไปก่อนก็ได้

“ลิน ไม่ว่าขันธ์จะพูดอะไร ลินอย่าไปใส่ใจมาก ลินรู้แต่ว่าพี่รักลินก็พอ ลินไม่จำเป็นต้องรักพี่ก็ได้ ขอเพียงลินยอมอยู่กับพี่ พี่อาจคิดเหมือนคนเห็นแก่ตัว แต่พี่รักลิน” เขตต์ไม่อยากให้นลินคิดมาก เขากอดเธอเอาไว้แล้วค่อยๆหลับ

นลินกลับหลับไม่ลง ถึงเขตต์จะพูดอย่างนั้นหากคำพูดดูถูกของขันธ์กลับติดแน่นเสียจนยากที่จะขจัดออกไปจากความคิดเธอได้

***********************************************

ที่โต๊ะอาหารมีแต่ความเงียบ เขตต์ไม่ออกจากบ้านง่ายแม้จะใกล้เวลาเที่ยงวันก็ตาม เขารู้ว่าขันธ์ต้องทำอะไรให้นลินไม่สบายใจ เพราะกว่านลินจะหลับได้ก็จวนเช้า เขาตัดสินใจไม่ไปทำงานจึงโทรบอกเลขาฯ ซึ่งก็ไม่มีปัญหา

“พี่เขตต์ตื่นนานแล้วเหรอคะ วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ” นลินอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยและเดินเข้ามาในครัวที่มีโต๊ะอาหารให้ทานสะดวกด้วย

“วันนี้พี่คงไม่ไปทำงานแล้วล่ะ อยู่กับลินที่บ้านดีกว่า อยากพักบ้างนะ ไม่มีงานด่วน” เขตต์รู้สึกถึงความยุ่งยาก เขาไม่ถึงกับมองไม่ออกว่าขันธ์อาจสร้างปัญหาให้นลินเมื่อเขาไม่อยู่

“ค่ะ มีอะไรทานบ้างคะ” นลินก็เหนื่อยใจเกินกว่าจะไล่เขาให้ไปทำงาน อีกอย่างเธอไม่อยากอยู่บ้านกับขันธ์เพียงสองคน

“มีเยอะนะ แต่ เอ พี่ว่าวันนี้เราออกไปทานข้างนอกดีไหม” เขตต์เปลี่ยนใจชวนคนรักออกไปนอกบ้านดีกว่าทนอึดอัดเพราะนิสัยไม่ยอมแพ้ของคู่แฝดเขา

“ไงก็ได้ค่ะ” นลินไม่พร้อมเผชิญหน้ากับคู่แฝดเขาเช่นกัน

เขตต์รู้แล้วว่าผิดปกติ เมื่อนลินยอมออกบ้านไปกับเขาง่ายๆ และยังยอมให้เขาเบี้ยวไม่ต้องไปทำงาน เรียกได้ว่าผิดปกติไม่ธรรมดาเลยจริงๆ แต่เขาคงเค้นถามนลินไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน

เขตต์จึงเดินไปเอากระเป๋าเงินและกุญแจรถ ก่อนพานลินออกจากบ้านไป ขณะอยู่ในรถเขาเห็นนลินนิ่งเงียบไม่พูดคุยกับเขาเหมือนปกติ “พี่ถามได้ไหมว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”

“คะ” นลินเหมือนตื่นจากความคิด หากทบทวนแล้วไม่บอกออกไปดีกว่าเพราะไม่อยากให้พี่น้องทะเลาะกัน “เปล่านี่คะ ลินแค่ตกใจที่พี่ขันธ์กลับมาก็เท่านั้นเอง”

“ลิน เมื่อคืนลินยังเรียกขันธ์ว่าคุณขันธ์ ตอนนี้เรียกว่าพี่ มีอะไรกันแน่” เขตต์จับพิรุธได้ไม่ยากนัก

“โธ่ พี่เขตต์ก็คิดมาก พี่ขันธ์ไม่ได้ทำอะไรลินเลยจริงๆ” นลินพยายามหัวเราะออกมากลบเกลื่อน

“เป็นความพยายามที่แย่มาก แต่พี่ก็เข้าใจนะ พี่รู้ว่าขันธ์ขี้ระแวง แล้วก็ชอบทำอะไรไม่คิดถึงใจคนอื่น ถ้าขันธ์ทำอะไรลิน ลินต้องบอกพี่นะ” เขตต์รู้ว่าเธอคงไม่อยากบอกเขา และเขาก็คงบังคับเธอไม่ได้ “งั้นวันนี้ไหนๆ ก็ออกบ้านแล้ว เราไปกินข้าวดูหนังเดินเล่นดีไหม”

“ตามใจพี่เลยค่ะ” นลินยิ้มให้เขา แม้ในใจจะทิ้งความกังวลไว้ก่อน ไม่รู้ว่าเธอจะเจออะไรบ้างขณะที่คู่แฝดเขาอยู่ที่นี่ แต่อย่างไรก็ดี ตอนนี้เธอต้องรับผิดชอบต่อคำว่า ‘คู่หมั้น’ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เขตต์พาคู่หมั้นสาวไปทานข้าวและดูหนัง เขาโอบไหล่เธอตลอดเวลาเหมือนกลัวเธอหายไป หากเมื่อเวลาที่นลินมองผ่านกระจกเธอกลับรู้สึกว่าเธอช่างไม่เหมาะสมกับเขาเสียเลย และยิ่งเวลาที่มีหญิงสาวที่สวยกว่าเธอมองเขา เธอก็เริ่มรู้สึกว่ายังมีหญิงสาวอีกหลายคนที่เหมาะสมกับเขามากกว่าเธอ

นลินมองเสื้อผ้าปอนๆ เรียบง่ายของเธอเทียบกับชุดสวยๆ ในร้านแต่เขตต์กลับพาเธอเดินเข้าไปในร้านเพื่อเลือกซื้อเสื้อผ้าให้กับเธอ “ไม่เอาค่ะ พี่เขตต์”

“ทำไมล่ะ ชุดสวยๆ น่ารักๆ เยอะแยะ ลินน่าจะชอบนะ” เขตต์ไม่สนใจพาเธอเดินเข้าร้านและเลือกชุดสวยๆ ให้กับเธอทันที

นลินทำหน้ายุ่งและไม่มั่นใจ “ให้ลินใส่อะไรง่ายๆ ดีกว่าไหมคะ”

“ลินใส่แต่อะไรง่ายๆ มาเยอะแล้วนะ ใส่แบบนี้มั่งก็ได้ ลินใส่รองเท้าส้นสูงเป็นไหม” เขตต์ตอบอย่างขอไปทีก่อนเดินไปเลือกรองเท้าและคุยกับคนขาย ตอนนี้เขามีเงินใช้จ่ายได้ตามปกติแล้วเพราะแม่เขาเปิดทางให้เต็มที่

“เป็นค่ะ แต่” นลินยังไม่ทันห้าม เขาก็รับรองเท้าที่คนขายเลือกให้ก่อนพาเธอเดินไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า “แต่”

“แต่อะไรจ๊ะ เข้าไปในห้องเปลี่ยนให้พี่ดูหน่อยนะ” เขตต์ก็อยากรู้เหมือนกันว่านลินจะเป็นยังไงถ้าได้ใส่เสื้อผ้าแบบผู้หญิง เขาเห็นเธอใส่แต่เสื้อผ้าง่ายๆ ตัดเย็บธรรมดา ไม่พิเศษอะไรตลอด

นลินเลี่ยงไม่ได้เพราะไม่อยากให้เขาอับอายต่อหน้าคนขาย จึงยอมเดินเข้าไปในห้องลองเสื้อโดยมีชุดกระโปรงสีน้ำเงินเป็นผ้าบางพลิ้วและรองเท้าส้นสูงดูเข้ากัน ร่างอวบมองตัวเองในกระจกแล้วนึกถึงตัวเองเมื่อสี่ปีก่อนที่ยังไม่อวบขนาดนี้ ก่อนถอนหายใจ เธอไม่อยากกลับไปในช่วงเวลานั้นอีกแล้ว

รูปร่างผอมบางไม่เคยทำให้เธอมีความสุข พอๆ กับความสำเร็จไม่เคยนำพาความสงบมาให้เธอ เธอสูญเสียมากกว่าได้ อดีตผู้จัดการแผนกหญิงอายุน้อยกลับกลายเป็นนักศึกษาปริญญาโทและนักเขียนนิยายที่เลิกอ่านนิยาย ซึ่งอาจเลิกเขียนนิยายมาเล่นเกมอย่างเดียว

นลินออกไปให้เขาดู และเห็นเขาพอใจกับชุดที่เธอใส่และรองเท้าก่อนมองเขาที่กำลังพยักหน้าเป็นเชิงถามว่าเอาไหม “ค่ะ”

“ไม่ต้องเปลี่ยนนะ ใส่ไปเลย” เขตต์ยิ้มพอใจมากที่เธอยอมรับของขวัญของเขา

นลินแอบทำหน้าเซ็งก่อนปล่อยให้เขาลากเธอออกไปจากร้านเพื่อไปร้านอื่นอีก ท่าทางเขาคงชำนาญการเดินซื้อของมาก แต่ไม่น่าแปลกใจเพราะเธอพอรู้ว่า เมื่อก่อนงานอดิเรกของเขาคือการเดินเที่ยวห้างกับหญิงสาว กว่าเธอจะรู้ตัวก็เข้าร้านทำผมหรูร้านหนึ่งและนอนลงบนเตียงสระผมแล้ว

ไม่เกินชั่วโมงนลินก็ออกมาในรูปโฉมใหม่ นลินรู้สึกเบื่อหน่ายกับรูปโฉมภายนอก ไม่ใช่เพราะเธอไม่สวยเลยแต่เธอพยายามที่จะไม่สวยมากกว่า นลินถามขึ้นหลังจากโดนจับแต่งหน้าเสร็จแล้ว “เสร็จหรือยังคะ”

“พอใช้ได้แล้วล่ะ” เขตต์โอบกอดเธอและหอมแก้มเธอ เขาพอใจในผลงานของเขา ในที่สุดเขาก็ดึงเอาความสวยออกมาจากท่าทางปอนๆ ได้

“ไปดูหนังได้หรือยังคะ” นลินถามขึ้นเพราเธอไม่อยากให้ใครเห็นเธอในลักษณะแบบนี้ เธอไม่อยากให้ใครมองเห็นสิ่งที่เธอพยายามจะซ่อนไว้

“ได้ครับผม เจ้าหญิง” เขตต์กระซิบที่ข้างหูเธอได้อย่างมีเสน่ห์ ก่อนหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาเห็นท่าทางเขินอายของนลิน น้อยครั้งที่เขาจะได้เห็นท่าทางอย่างนี้ของเธอ ถ้าไม่นับเวลาที่เธออยู่บนเตียงกับเขา

ภาพยนตร์ทำให้นลินผ่อนคลายมากขึ้น พอเธอออกจากโรงหนังก็หัวเราะและพูดคุยกับเขาอย่างสนุกสนานเหมือนลืมไปว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในชุดน่าอึดอัดและไม่ได้ใส่รองเท้าส้นสูงที่เธอลืมไปนานแล้วว่าใส่แล้วเป็นเช่นไร

นลินกอดแขนเขตต์อย่างสงบแล้วรู้สึกว่าการอยู่กับเขาก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวนัก แต่แล้วเธอก็ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่อีกครั้ง เมื่อเขาปลดมือเธอออกแล้วทักทายเพื่อนที่เดินเข้ามา

“เป็นยังไงบ้าง ดีนส์” ชายหนุ่มชาวต่างชาติทักทายเขาด้วยความสนิทสนม

เขตต์ตกใจเล็กน้อยที่เพื่อนเดินทางมาจากต่างประเทศ หากเขาก็ทักทายเพื่อนอย่างดี “สบายดี นายล่ะ ไมค์”

“ก็เรื่อยๆ ล่ะ” ไมเคิลมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากเพื่อนมากนัก ก่อนขยับเข้ามาถามใกล้ๆ “ใครน่ะ”

“อ๋อ ลิน นี่ไมค์เพื่อนพี่” เขตต์ไม่ได้แนะนำว่าเธอเป็นใคร เขาไม่แน่ใจว่าควรแนะนำดีหรือไม่

“สวัสดีครับ” ไมค์ทักทายเป็นภาษาไทย แต่ต้องแปลกใจที่เธอตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษ

“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เอ่อ เชิญคุยกันตามสบายนะคะ ขอตัวไปดูหนังสือแปบนึงค่ะ” นลินขอแยกตัวไปร้านหนังสือ เธอดูท่าทางตะขวิดตะขวงใจของเขตต์ออก แต่ไม่นึกโกรธเขา คนที่เคยควงแต่คนสวยๆ รูปร่างดีแต่กลับต้องมาเดินกับเธอต้องรู้สึกอะไรบ้างอยู่แล้ว

“ตกลงนายจะบอกได้หรือยังว่าใครน่ะ ลูกพี่ลูกน้องนายเหรอ” ไมค์ถามเพราะดูแล้วไม่น่าจะใช้ผู้หญิงในแบบที่เพื่อนชอบ

“อ๋อ อืม” เขตต์ไม่รู้จะตอบยังไง เขาจึงถามเพื่อนกลบเกลื่อน “เออ นายมาพร้อมแพทริกซ์เหรอ”

“เปล่าหรอก มาก่อนได้สักสามสี่วันแล้วอ๋อ เออ นี่ฟรานซิสเพื่อนฉัน” ไมค์แนะนำหญิงสาวน่าตาดีที่เดินกลับมาสมทบ “ฟราสซิสนี่ ดีนส์ เนลสัน”

เขตต์มองหญิงสาวตาสีฟ้าผมสีทองสวยหวานอย่างสนใจ ใครบ้างจะไม่สนใจหญิงสาวสวยๆ มองแล้วสบายตาบ้าง ทำเขาแทบลืมเวลาที่อยู่กับนลินไปเมื่อสิ่งที่คุ้นเคยหวนคืนมาพร้อมกับคู่แฝดของเขา

“สวัสดีค่ะ” ฟราสซิสมองชายหนุ่มหน้าตาดีด้วยความพึงใจเช่นกัน จึงยื่นมือออกไป

“อ๋อ ครับ สวัสดีครับ” เขตต์ยื่นมือออกไปจับมือกับเธอและจับมือนานจนเพื่อนเขากระแอม

“นายไม่รีบไปดูน้องสาวนายหน่อยเหรอ ไม่รู้ซื้อหนังสือเสร็จหรือยัง” ไมค์เห็นท่าทางเพื่อนก็รู้ทันที นิสัยรักคนง่ายของเพื่อนเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายจริงๆ

“อ๋อ เออ งั้นไว้ค่อยคุยกันนะครับ ฟราสซิส นายด้วยไมค์” เขตต์พยักหน้าเห็นด้วย

“เดี๋ยวก่อน แพทริกซ์โทรมาบอกว่าเย็นนี้ไปสังสรรค์กันหน่อยสิ” ไมค์ถามเพื่อน

“ไม่เห็นบอกอะไรนะ” เขตต์นึกถึงคู่แฝดเขา แต่ก็นั่นแหละเขายังไม่เจอคู่แฝดเขาเลยตั้งแต่เมื่อคืน

“เอาน่า เมื่อกี้เพิ่งโทรมาบอกนะ นายไม่เปิดโทรศัพท์เหรอ” ไมค์ถามเพื่อนอีกครั้งและยืนคั่นกลางระหว่างชายหนุ่มหญิงสาวที่ยืนมองกันตลอดเวลา

“อ๋อ เออ พาลินไปดูหนังน่ะ โอเค เจอกันดึกๆ นะ” เขตต์ตอบตกลงทันทีโดยไม่ต้องคิด แต่เขาก็ละสายตาจากเพื่อนสาวของเพื่อน และขอตัวเดินไปตามนลินในร้านหนังสือ

ฟรานซิสมองตามคนร่างสูงไปอย่างพึงใจ ก่อนหันมาถามเพื่อนหนุ่ม “ใครน่ะ ไมค์ หล่อดีนะ”

“เธออย่าไปยุ่งกับเขาเลย ถ้าเธอไม่คิดจะชอบเขาจริงจังนะ ดีนส์เขาเป็นประเภทรักใครรักจริงน่ะ” ไมค์ส่ายหน้าที่เพื่อนสาวทำท่าทางโปรยเสน่ห์ใส่เพื่อนสนิทเขา

“เพื่อนสนิทเธอเหรอ” ฟรานซิสไม่สนใจฟังคำเตือนของเพื่อน

“ใช่ หนึ่งในเพื่อนสนิท อ๋อ เขามีคู่แฝดด้วยนะ ชื่อแพทริกซ์ เนลสัน” ไมค์เห็นจะเตือนเพื่อนไม่ได้แล้วจึงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของคนทั้งสองเอง โดยไม่รู้เลยว่าจะทำให้ชีวิตที่เคยสงบราบเรียบของผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่เขาเพิ่งเห็นหน้าเปลี่ยนแปลงไป

“คืนนี้ฉันไปด้วยนะ” ฟรานซิสอยากรู้จักทั้งสองคน คู่แฝดคู่นี้คงมีอะไรให้เธอสนุกแน่

ขณะที่เดินเข้าไปในร้านแล้ว เขตต์สวมกอดนลินจากด้านหลังขณะที่เธอกำลังเลือกซื้อหนังสืออยู่ในร้านเล็กๆ “ได้อะไรแล้วบ้างจ๊ะ”

นลินตกใจแต่พอได้ยินเสียงเขาก็ยิ้มให้แล้วพูดคุยกับเขาด้วยดี “ยังเลยค่ะ คุยกับเพื่อนเสร็จแล้วเหรอคะ”

“ครับ เรากลับบ้านกันดีไหม” เขตต์นึกอยากกลับบ้านขึ้นมาเมื่อมีนัดกับเพื่อนอีกในช่วงดึก

“ค่ะ” นลินไม่พูดถึงปฏิกิริยาแปลกๆ ของเขา และไม่นึกโกรธกับสิ่งที่เขาทำ

เธอเข้าใจและยอมรับฐานะของตัวเอง แม้มีการหมั้นหมายแต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะแต่งงานกับเขา หรือเขาจะต้องแต่งงานกับเธอ เธอพยายามเปิดกว้างเสมอและทำใจรับกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะเธอรู้ดีว่าเธอเหมาะสมกับอะไร

***********************************************

เมื่อกลับมาถึงบ้าน นลินเดินเข้าบ้านก่อนโดยไม่พูดอะไรมาก หากเมื่อเห็นขันธ์นั่งอยู่ในบ้าน เธอก็ชะงักเท้านิดนึง ก่อนพยายามเดินผ่านไปโดยไม่ทักทาย

“มีมารยาทบ้างไหม” น้ำเสียงประชดประชันดังขึ้น เขาเงยหน้ามองรูปโฉมใหม่ที่แตกต่างจากเมื่อคืนโดยสิ้นเชิง และยอมรับว่าเธอก็ไม่ได้แย่เท่ารูปถ่าย

“สวัสดีค่ะ” นลินทักทายเขาอย่างขอไปที “ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ”

“เปลี่ยนทำไมล่ะ เดี๋ยวออกไปด้วยกันสิ” ขันธ์ชวนเอาดื้อๆ

“ลินไม่ไปหรอก” เขตต์ตอบแทนโดยไม่ต้องถาม หากคู่แฝดเขามองไปทางนลินเป็นเชิงถาม

“ไม่ค่ะ เที่ยวให้สนุกนะคะ ขอตัวก่อนค่ะ” นลินเลี่ยงเดินขึ้นชั้นบนโดยไม่รอให้ขันธ์พูดอะไรออกมาอีก

“นายไม่อยากให้เธอไปเหรอ ไมค์ไม่ได้บอกนายเหรอว่าเราจะไปสังสรรค์กัน เมื่อกี้ฉันยังคุยกับไมค์อยู่เลย” ขันธ์นึกเยาะอยู่ในใจ แต่แสดงออกทางสายตาชัด

“ลินไม่ชอบไปไหนตอนกลางคืนหรอกน่า” เขตต์ไม่ชอบสายตาของคู่แฝดเขาเลย จึงพูดตามจริง

“ถ้าหล่อนไม่ชอบไปเที่ยวกลางคืนแล้วนายกับเธอเจอกันตอนไหนเหรอ” ขันธ์พูดจากวนประสาทคนได้มาก

“พอทีเถอะ นายเลิกแขวะฉันกับลินเรื่องนี้ซะที ไปได้หรือยังล่ะ” เขตต์ต้องการออกจากบ้านให้เร็วที่สุดเพราะขืนอยู่นานกว่านี้นลินอาจได้ยินในสิ่งที่เขาไม่ต้องการให้เธอได้ยิน แต่เขาลืมไปว่าเธอยังไม่ได้ทานอาหารเย็นเลยแม้แต่น้อย

“ไปสิ” ขันธ์ไม่คิดมากเรื่องเล็กน้อย เขาเดินนำไปที่รถอย่างรวดเร็ว “เออ เอากุญแจรถฉันไปไว้ไหน ต้องมาเสียเวลานั่งรอนายตั้งนาน”

“อ๋อ เออ อยู่แถวๆ นี้แหละ ไว้ค่อยกลับมาเอาเถอะ” เขตต์เร่งคู่แฝดให้ออกจากบ้าน

“นายเร่งฉันออกจากบ้านเพราะอะไรกันแน่ แม่ลินพูดอะไรกับนายหรือเปล่า” ขันธ์คาดเดาว่าเธอต้องเปิดเผยเรื่องที่เกิดขึ้นให้น้องชายเขาฟังแน่

“ไม่แม้แต่คำเดียว แต่ฉันอยากรู้เรื่องนี้และถ้านายจะช่วยประหยัดเวลา ออกไปคุยที่รถ” เขตต์ลากคู่แฝดเขาให้ออกไปจากบ้านโดยไม่รอให้อีกฝ่ายโยกโย้

ขันธ์บ่นๆ ในรถเมื่อโดนคู่แฝดเขาลากเขามาโยนในรถ “ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ”

“เออ นายพูดอะไรกับลินเมื่อคืน นายรู้ไหมว่าทำให้ลินเครียดแค่ไหน” เขตต์พูดขณะขับรถไปยังที่นัดพบ

“เครียดทำไมถ้าคนเราไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง” ขันธ์เท้าแขนที่ขอบกระจกแตะนิ้มที่ริมฝีปากแล้วก็ยักไหล่ไม่ใส่ใจ

“ลินไม่มีอะไรปิดบังทั้งสิ้น นายก็เช็คประวัติเธอหมดแล้วนี่” เขตต์แก้ต่างแทนคู่หมั้น

“ก็เพราะว่าประวัติสะอาดเกินไปนี่สิ ถึงน่าสงสัย ผู้จัดการอายุน้อย นักเขียนนิยาย กำลังจะจบปริญญาโท อ๋อ ไม่มีแฟนมานานสี่ปีแล้ว แทบไม่พบใครในสังคมเลย นายว่าแปลกไหม” ขันธ์สาธยายประวัติที่คู่แฝดเขาไม่ยอมอ่าน

เขตต์นิ่งงันเมื่อรู้ข้อมูลจากพี่ชายเขา ข้อมูลที่เขาไม่รู้เลยเพราะเธอไม่เคยเล่า

“นายไม่รู้ใช่ไหมล่ะ” ขันธ์ทำเสียงเหมือนเขาถือไพ่เหนือกว่า

“อย่างน้อยฉันก็รู้ว่าเธอไม่เคยผ่านใครมาก่อนฉัน แค่นั้นก็พอแล้วล่ะ” เขตต์ตอกกลับแล้วส่ายหน้ากับเรื่องไร้สาระที่รับรู้มา

“โอเค ฉันยอมรับเรื่องนั้นแต่นายควรคิดเรื่องนี้ให้มากนะ คนที่เคยประสบความสำเร็จกลับทิ้งความสำเร็จมาใช้ชีวิตเรียบง่าย ฉันว่าคงต้องมีอะไรมากกว่านั้น” ขันธ์ตั้งข้อสังเกต

“ลินเป็นผู้จัดการด้านไหน” เขตต์ถามอย่างเรียบง่ายเพื่อประนีประนอมมากกว่าสนใจ

“โฆษณาและประชาสัมพันธ์ แต่เปลี่ยนสายมาเรียนด้านวารสารแทน” เขตต์ตอบสั้นๆ

“คงเบื่อคนละมั๊ง ทำโฆษณาคนเยอะจะตาย” เขตต์ไม่สนใจพูดเรื่องนี้มากนัก เขาต้องการให้ขันธ์ตัดบทมากกว่า

“คนที่เคยอยู่ในแสงสี มีคนห้อมล้อมเอาใจ เคยฝ่าฟันปัญหากลับเลือกที่จะอยู่อย่างสันโดษนี่นะ นายไม่คิดว่ามันแปลกหรอกเหรอ เหมือนนายที่ไม่แนะนำให้ไมค์รู้ว่าลินเป็นคู่หมั้นนาย” ขันธ์พูดออกมาตามตรงเพราะไมค์บอกเขาถึงท่าทางสนใจที่เขตต์แสดงต่อฟรานซิส

เขตต์ตกใจและหันมามองคู่แฝดขณะที่รถกำลังติดยาวอยู่ “ไมค์บอกนายเหรอ แล้วไมค์รู้เรื่องลินเป็นคู่หมั้นฉันแล้วสิ”

“ยังไม่รู้หรอก ไมค์พูดมากจะตาย มันใส่ๆ ฉันเป็นชุดและก็ทำให้ฉันคิดได้ว่านายเริ่มไม่สนใจแม่ลินนี่แล้ว” ขันธ์คาดเดาไปตามเรื่อง “เจอผู้หญิงสวยๆ คนมันเคยๆ ก็ต้องอยากเดินเข้าไปหาสิ่งที่คุ้นเคยมากกว่าใช่ไหมล่ะ”

“นายจะบ้าเหรอ ฉันยังไม่ได้คิดอะไรกับฟรานซิสเลย” เขตต์แก้ตัวไปเรื่อยๆ ทั้งที่ในใจเขาก็ต้องยอมรับว่าวูบหนึ่งที่เขารู้สึกแบบเดียวกับที่คู่แฝดพูด

“ถึงนายไม่คิดอะไรกับฟรานซิส แต่นายก็ไม่ปฏิเสธใช่ไหมว่านายเริ่มละความสนใจจากแม่ลินนี่แล้ว” ขันธ์พ่นลมหายใจแรงๆ อย่างเยาะเย้ยและรู้ทัน

“บ้าเหรอ ยังไงฉันก็จะแต่งงานกับลิน” เขตต์กลบเกลื่อน

“นายจะฝืนทำไมในเมื่อนายก็รู้ว่านายจะไม่มีความสุข” ขันธ์พยายามเกลี่ยกล่อมให้คู่แฝดคล้อยตาม

“ฉันมีความสุขจะตาย อยู่กับลิน ฉันสบายใจ” เขตต์เริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อนึกถึงปฏิกิริยาที่เขาแสดงออกเมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อน ใช่...เขาผิดพลาดเรื่องนี้

“เอาเถอะ นายจะพูดอะไรก็ได้ แต่สักวันนายจะยอมรับว่าฉันพูดความจริง” ขันธ์ไม่ใส่ใจอีก เขาแน่ใจว่าไม่นานนักหรอก ที่คู่แฝดเขากับคู่หมั้นที่เขาไม่ชอบหน้าจะเลิกรากันเหมือนคู่หมั้นคนก่อนๆ ที่ผ่านมา

เขตต์กลับรู้สึกสับสนระหว่างสิ่งที่เขาต้องการกับสิ่งที่เขาคุ้นเคย นลินเป็นความแปลกใหม่สำหรับเขาหากเขาก็นึกถึงสิ่งที่เขาคุ้นเคย เขาเคยได้รับการเอาใจจากหญิงสาวหน้าตาดีตลอดเวลา แม้ต้องแลกกับการใช้จ่ายจำนวนมากแต่ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งของเขา

***********************************************

ในความมืดของกลางคืนกลับทำให้สมองนลินปลอดโปร่งพอที่จะคิดอะไรหลายอย่าง แน่นอนเมื่อทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่เธอรู้ดีกว่าเธอไม่ใช่หญิงสาวที่เขาจะพาไปพบปะคนในสังคมของเขาได้

“ปอยมารับเราหน่อยได้ไหม” นลินตัดสินใจหลังจากที่อาบน้ำชำระล้างร่างกายจนแทบไม่เหลือคราบนลินคนก่อน เธอต้องการเป็นนลินคนปัจจุบันที่ไม่มีชีวิตวุ่นวายสับสน

“เป็นอะไรไป ลิน” ปอยจับน้ำเสียงผิดปกติของเพื่อนสนิทได้ไม่ยากนัก

“ฉัน เอ่อ หัวฉันมันไม่แล่นน่ะ อยากไปที่ไหนก็ได้ อยากพักผ่อนน่ะ แล้วค่อยมาเขียนนิยายต่อ” นลินไม่อยากให้เพื่อนกังวล

“โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร ได้สิ เปลี่ยนเสื้อผ้าแปบนะ แล้วพี่เขตต์ล่ะ ไปไหน” ปอยถามขณะหันไปสะกิดคนรักที่กำลังนอนดูทีวีหลังจากทำงานมาแล้วทั้งวัน “พลคะ ออกไปรับลินกัน”

“อ๋อ เขาติดธุระน่ะ” นลินไม่ได้บอกตามตรง

“อืมๆ แล้วนี่แกอยากไปไหนล่ะ” ปอยไม่ถามมาก โชคดีที่พรุ่งนี้เป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ มีเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดใกล้ๆ

“ที่ไหนก็ได้ เอ่อ ลืมถามไป แกยุ่งกับเตรียมงานแต่งหรือเปล่า” นลินนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนจะแต่งงานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

“ไม่หรอก ดีซะอีก ขอพักมั่งสิ อืม งั้นพรุ่งนี้ไปพัทยากัน ค้างคืนหนึ่งแล้วกลับดีไหม บอกพี่เขตต์ไปแล้วกัน” ปอยไม่ได้สงสัยท่าทางของเพื่อนเลย และเชื่อสนิทใจจนกระทั่งนลินรับคำและตัดสายไป

นลินมองโทรศัพท์แล้วก็ไม่นึกอยากโทรออก จึงเขียนโน้ตสั้นๆ แปะไว้หน้าตู้เย็นก่อนเดินไปหยิบกระเป๋าที่จัดเตรียมไว้และคอมพิวเตอร์พกพาที่เธอนำมา เธอยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปดี

จะไปจากเขา หรือจะอยู่กับเขาต่อไปดี แต่ตอนนี้เธอต้องการพัก…


***********************************************

เอ๋!!! เพลิงวารีเป็นอะไรไป อิอิ มาไวผิดปกติ
ยังไม่ค่อยได้ทำอะไรเท่าไรเลยค่ะ
เปิดไฟล์โน้น ออกไฟล์นี้ เลือกนิยายเรื่องไหนมาดีอะไรแบบนี้ค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
แม้หนึ่งเม้นหรือหนึ่งคลิกก็มีความหมาย เพลิงวารีรักทุกเม้นทุกคลิกเลยค่ะ ^^

คุณ tuk_ora --- แต่มีคนว่าเหมือนกันค่ะ ว่าเก่งเว่อร์ -.- เคยเจอเม้นนิยายเรื่องแรกที่ตีพิมพ์ เขาว่าเว่อร์รับไม่ได้ ถ้าเรื่องนั้นเขาว่าเว่อร์ เพลิงว่า เรื่องหลังๆ เขาก็คงว่ายิ่งกว่าเว่อร์ค่า แต่ไม่เป็นไร ถ้าเป็นในนิยาย ผู้หญิงก็เก่งได้ (เพลิงวารีก็จะดันทุรังเขียนนางเอกเก่งต่อไปค่ะ อิอิ)


Create Date : 07 สิงหาคม 2552
Last Update : 7 สิงหาคม 2552 0:05:18 น. 0 comments
Counter : 520 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

เพลิงวารี
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ไหดองเหล็กไหล
New Comments
[Add เพลิงวารี's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com