เพลิงวารี & คชสีห์ ฿ Babylonia
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
18 กันยายน 2552
 
 
เราสามคน...หนทางเดียว014(กอด)

เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ เธอก็กลับเข้ามาดูแลเจ้าแฝดน้อยๆ อีกครั้ง นลินหอมแก้มลูกๆ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่เด็กสองคนนิสัยแตกต่างกันทำให้เธอแยกออกได้ไม่ยากนัก

ธารชอบมองนิ่งๆ ดูสนใจแต่ก็ไม่คว้า แล้วก็เล่นบ้าง ยิ้มบ้าง ไม่เชิงเครียดหรืออารมณ์ไม่ดี แต่เฉยๆ มากกว่า ธรรม์นั้นหัวเราะง่าย แหย่สักครู่ก็ยิ้มแล้ว ยกมือขึ้นคว้าของเล่นที่ใช้หยอกเป็นระยะ แล้วก็ขี้อ้อนมากด้วย

“เลี้ยงแต่ลูก เลี้ยงพ่อมั่งสิ” เขตต์เข้ามากอดเธอเอาไว้หลวมๆ พร้อมกับดูลูกไปด้วย จับข้อมือเล็กๆ อย่างเอ็นดู

“เลี้ยงไม่ไหวหรอกค่ะ ตัวโตจะตายอยู่แล้ว” นลินผลักเขาเบาๆ อย่างอารมณ์ดี

“แต่อยากให้เลี้ยงนะ พี่เลี้ยงง่าย บอกรักบ่อยๆ ก็พอแล้ว” เขตต์หอมแก้มเธอเบาๆ โดยไม่ยอมปล่อยเธอให้พ้นจากอ้อมกอด

“หวานกันสองคน ชักหึงแล้วนะเนี่ย” ขันธ์บ่นอย่างไม่จริงจังนัก เดินเข้ามาพร้อมหนังสือพิมพ์ ก่อนวางมันลงแล้วใช้นิ้วจิ้มๆ หน้าผากลูกจนเจ้าตัวเล็กเริ่มโวยด้วยการจับมือพ่อมาดูด “นั่นไง กินเก่งเหมือนแม่เลย”

“ใช่สิ ลินมันอ้วนนี่ อ้วนกว่าตอนก่อนท้องตั้งสิบโล ทำไงก็ไม่ลง” นลินหันไปรับขวดนมจากพี่เลี้ยงเด็ก ก่อนอุ้มเจ้าธารขึ้นมาป้อนนม ทำให้เขตต์ต้องปล่อยมือ

“ไว้ค่อยลด มีเงินซะอย่าง จ่ายไปก็มีคนช่วยลด” เขตต์ตอบอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนพูดกับคู่แฝดเขา “ฉันอยากไปเรียนภูมิสถาปัตย์ จัดตารางใหม่ให้หน่อยสิ เอาปริญญาอีกใบ”

“เรียนทำไม ได้ใช้ไหมล่ะ” ขันธ์ถามกลับอย่างพิจารณา

“เรียนก็ต้องได้ใช้สิ ฉันอยากทำงานด้านนั้นนะ ถ้าที่ผ่านมา ฉันยังทำโรงแรมในเครือยุ่งไม่พอ นายก็เห็น” เขตต์อธิบายตามเหตุผล แล้วรู้สึกว่าถึงเวลาที่เขาต้องทำในสิ่งที่เขาอยากจะทำมานานแล้ว

“แล้วใครจะช่วยฉันทำงาน พูดอย่างเห็นแก่ตัวเลยนะ นายจะทิ้งฉันไว้กับงานครอบครัวคนเดียวไม่ได้ มันคือความรับผิดชอบของเราทุกคน” ขันธ์เตือนสติน้องชายดีๆ

“อย่าเอาคำพูดที่นายพยายามใส่หัวฉันตลอดหลายปีมายัดอีกเลย นายก็เห็นว่าฉันไม่มีความสุข” เขตต์พูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา...หมดเวลาอ้อมค้อมแล้ว

“แล้วนายคิดว่าฉันมีความสุขเหรอ นึกว่าฉันชอบเหรอที่ต้องทำงานครอบครัวแบบนี้” ขันธ์พยายามเตือนให้น้องเขาเข้าใจถึงการเสียสละ

“ใจเย็นๆ ค่ะ อย่าเพิ่งทะเลาะกัน ถึงลูกยังเล็ก แต่พวกเขาก็สัมผัสถึงความกดดันภายในห้องได้นะคะ คุยกันเรื่องนี้ทีหลังไม่ได้เหรอคะ” นลินเตือนพ่อทั้งสองคนของลูกด้วยความเป็นห่วง

“ก็ได้ ออกไปคุยข้างนอก” ขันธ์บอกกับคู่แฝดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

นลินได้แต่ส่ายหน้า แล้วนึกรู้อยู่ว่า ทั้งสองคนคงไม่ยอมลงให้กันง่ายๆ แน่ เธอจึงส่งลูกให้พี่เลี้ยงก่อนเดินตามออกไป และก็เป็นจริงดังคาด เพราะแค่นาทีเดียว ทั้งคู่ก็มองหน้ากันอย่างชนิดไม่ยอมกันเลยทีเดียว

“ฉันจะไม่รอแล้ว ฉันลงทะเบียนไว้แล้วและจะเข้าเรียนทันทีที่เปิดเทอม” เขตต์บอกความจริง

“นายไม่คิดจะปรึกษาฉันหรือลินเลยเหรอเรื่องนี้ ไหนว่าเราจะอยู่ด้วยกันอย่างครอบครัวไง” ขันธ์ถามขึ้นและพ่นลมหายใจอย่างแรง

“นายเคยปรึกษาอะไรฉันบ้าง ดีแต่ออกคำสั่งนั่นแหละ อีกอย่างเพื่อนฉันแนะนำมา ฉันก็ต้องรีบคว้าสิ่งที่ฉันต้องการมาตลอดเอาไว้ก่อนสิ” เขตต์ขัดใจมากขึ้น เพราะอ่านสีหน้าคู่แฝดออก

ขันธ์เตรียมจะแย้ง แต่นลินพูดขึ้นก่อน “พวกพี่อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยนะคะ ใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ คิด ค่อยๆ จัดการไม่ดีกว่าเหรอคะ”

“ไม่ทะเลาะตอนนี้ก็คงยากแล้วล่ะ จริงๆ ต้องบอกว่าเราทะเลาะกันมานานแล้ว พี่ยอมให้ขันธ์ตลอด เพราะทั้งพ่อทั้งแม่ก็เข้าข้างขันธ์ มีใครคิดบ้างว่าพี่อยากได้อะไร” เขตต์แย้งไม่เลิก

“นายนี่มัน” ขันธ์ชักยัวะจะด่าเข้าให้ แต่นลินส่ายหน้า แล้วได้ผลหยุดเขาได้ชะงัก

“ถ้าพี่เขตต์ไม่ใจเย็น งั้นลินกับพี่ขันธ์ก็ไม่มีอะไรจะพูดกับพี่อีก” นลอนเข้ามากอดแขนขันธ์แล้วพาเขาออกไปจากห้อง

“หมายความว่ายังไงน่ะลิน” เขตต์เห็นแบบนั้นจะตามไปก็หยุดไว้ ออกอาการเซ็งที่เธอไม่เข้าข้างเขา จากนั้นก็ระแวงว่าเธอจะเข้าข้างขันธ์อย่างสับสน

ขันธ์ทั้งงงในตัวเธอ ทั้งขัดใจ ทันทีที่เข้ามาในห้องทำงาน ก็ถามขึ้น “มันยังไงกันแน่ พี่ไม่เข้าใจ”

แน่นอนว่านลินไม่เข้าข้างใคร เธออ่านเกมอย่างสงบ แล้วพอรู้อยู่บ้างว่าคงทะเลาะกันมานาน จนกระทั่งเขตต์ไม่ยอมแล้ว เธอจึงรวบรวมสติพยายามอธิบาย “ลินรู้ว่าพวกพี่ทะเลาะกันมานาน ลินเข้าใจพี่ทั้งสองคน แต่ไม่มีประโยชน์ที่จะตั้งท่าจะต่อยกันเพราะเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกนะคะ”

“แหม ลินรู้ได้ไงเนี่ย” ขันธ์ทำหัวเราะแก้เก้อ

“ลินรู้ก็แล้วกัน ลินอยากให้พี่ขันธ์ปล่อยให้พี่เขตต์ได้ทำในสิ่งที่เขาคิดว่าเขารัก ถ้าเขาได้ลอง เขาอาจเข้าใจตัวเองมากขึ้น” นลินพูดความคิดตัวเอง

“ลินเชื่อที่เขตต์ว่าพี่บงการเขาทำโน้นนี่เหรอ ให้ตายเถอะ ถึงพี่ยอมรับว่าจริง แต่เขตต์มีความสามารถในการตัดสินอะไรต่ำมาก ยกเว้นเรื่องลินที่พี่ว่าเขาคิดถูก แต่ก็ถูกอยู่พักใหญ่ แล้วก็ไขว้เขวไปอีก เขตต์ขี้โลเลแบบนี้ พี่ก็ต้องแทรกแซงล่ะ” ขันธ์อธิบาย แน่นอนว่าเขาหวังดีกับคู่แฝดเขา

นลินนิ่งอึ้งแล้วนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาเจ็บปวด ก่อนถอนหายใจยาว “ถ้าพี่คิดว่าพี่ถูกต้องทุกอย่างแล้วล่ะก็ ลินก็ไม่มีอะไรจะพูดกับพี่อีก”

“เดี๋ยวสิ ลิน” เขามองเธอออกไปอย่างงุนงง

แม้เรียกเธอไว้ เธอก็ไม่หันกลับมา ทำให้เขาได้แต่ถอนหายใจ บทนลินใจแข็ง ก็แข็งเป็นหิน แล้วถ้าเขาเดินเข้าไปรั้งแขนเธอ เขาก็รู้ว่าเธอจะพยศเขายังไง เรื่องนี้เขาเดาได้ไม่ยาก

*************************************


นลินเดินกลับไปที่ห้องตัวเองกับเจ้าแฝดน้อย ทันทีที่เธอแตะตัวธาร ลูกชายตัวน้อยก็ร้องไห้ คล้ายกับสัมผัสความรู้สึกของแม่ได้ แม้นลินจะพยายามส่งอะไรให้ หรือดูว่าถ่ายหรือเปล่า แต่ทุกอย่างก็ธรรมดา จนเธอต้องคอยปลอบ

เธอได้แต่ถอนหายใจ แล้วต้องยอมรับว่า เธอไม่สามารถเลี้ยงลูกในสภาพแวดล้อมแบบนี้ได้ เมื่อพ่อทั้งสองคนยังทะเลาะกันแล้วเพิ่มปัญหามาให้เธอแบบนี้

เธอไม่สามารถเลี้ยงลูกทีเดียวสี่คนได้ และรู้สึกว่าเธอควรทำอะไรบางอย่าง...จึงถอนหายใจ

ขันธ์มองเธออยู่อย่างเงียบๆ แล้วคาดคะเนในสิ่งที่เธอคิด หากสุดท้ายเขาจนปัญญา เพราะคาดเดาอารมณ์ผู้หญิงแบบนลินออกไม่หมด เขาต้องพึ่งพาแม่อีกครั้ง

“ขอโทษครับแม่” เขาพูดเมื่อได้ยินเสียงงัวเงียตอบทักทาย

“หนูลินหนีไปอีกแล้วเหรอ” ขวัญฤดีชักเป็นห่วงว่าที่ลูกสะใภ้ เพราะลูกชายคงไม่โทรมาถ้าไม่มีเรื่องเร่งด่วน

“เปล่าครับ แต่ผมรู้สึกอย่างนั้น ผมจะเล่าอะไรให้แม่ฟังนะครับ” ขันธ์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ประโยคสุดท้ายที่นลินพูดกับทั้งเขากับคู่แฝดเขา แม้แตกต่างกัน แต่เหมือนแฝงอะไรบางอย่าง

ขวัญฤดีนิ่งฟังลูกชายอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดใจพูด “อาจถึงเวลาที่เราต้องปล่อยให้ดีนส์ได้ทำอะไรตามใจเขาแล้วละมัง”

“แต่เขาจะแสดงความไม่รับผิดชอบต่อครอบครัวนะครับ เชื่อเถอะว่า เขาจะกางปีกแล้วหนีหายไปจากเรา โดยให้เราออกเงินช่วยเหลือเขาตลอดเวลา และไม่คิดจะรับผิดชอบอะไร” ขันธ์คาดเดาอย่างรู้ดี

“แม่รู้ แต่เราคงขังเขาต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เราปกป้องเขาจากตัวเขาเองไม่ได้อีกแล้ว แต่บางทีการมีครอบครัวอาจทำให้เขามีความรับผิดชอบมากขึ้น การที่ดีนส์ยังทำตัวแบบเดิมก็คงเพราะเขารู้สึกว่าลูกดูแลทุกอย่างอยู่ก็ได้ ลูกดูแลทั้งลินและลูกทั้งสองคน ถ้าให้เขาแต่งงานกับลิน บางทีเขาอาจตาสว่างและทำตัวมีความรับผิดชอบมากขึ้น เขาอาจไม่ทิ้งงานครอบครัวไปแต่ยังคงทำควบคู่ไปกับสิ่งที่เขารัก” ขวัญฤดีคิดละเอียดขึ้น แล้วคาดหวังให้ทุกสิ่งเป็นอย่างนั้น

ขันธ์นิ่งเงียบ...แม้ว่าเขาจะเดาออกแต่แรก ว่าเธอจะต้องเป็นภรรยาในทางกฎหมายของใครสักคนระหว่างเขากับคู่แฝด หากเขาคิดเสมอว่าควรจะเป็นเขามากกว่าคู่แฝด เพราะเขามีลูกกับเธอ

“ถ้าลูกไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องนี้ แล้ว เอ่อ...ยังคิดว่าสามารถอยู่ด้วยกันต่อไปได้แบบที่เคยบอกแม่ แม่ว่ามันคงไม่มีอะไรหรอก นี่ไม่ได้หมายความว่าแม่สนับสนุนแนวคิดอยู่ด้วยกันสามคนของลูกหรอกนะ ใครจะไปยอมรับได้ แต่เอาเถอะ ถ้ามันต้องเป็นอย่างนั้น” ขวัญฤดีทำใจในระดับหนึ่ง เมื่ออาเธอร์...พ่อบ้านคอยรายงานความสัมพันธ์คลุมเครือภายในบ้านให้ฟัง ดูเหมือนจะกลายเป็นความสัมพันธ์ที่แยกกันยาก

เสียงถอนหายใจแทนคำตอบ ต่อให้เขาบอกตัวเองให้ใจกว้างแค่ไหน แต่บางครั้งเขาก็อยากเป็นเจ้าของเธอแต่เพียงผู้เดียว สุดท้ายขันธ์ก็ได้แต่ขัดใจตัวเอง ก่อนยอมรับ “ครับ ผมเข้าใจ”

“แพทริกซ์ แม่รู้ว่าลูกรักลิน รักดีนส์ แต่แม่พอจะเข้าใจในคำพูดของลินนะลูก อย่างที่แม่ก็รู้สึก บางครั้งลูกก็บีบบังคับมากเกินไป เพราะคิดว่าการตัดสินใจของลูกนั้นถูกต้องเสมอ บางครั้งเราก็ต้องบ่อยให้มันผิดพลาดบ้าง ดีกว่าให้ดีนส์มานั่งว่าลูกในสิ่งที่ยากจะทำให้เขาเข้าใจว่าลูกนั้นหวังดีกับเขาแค่ไหน” ขวัญฤดีรู้จักลูกชายทั้งสองดี ด้วยเลี้ยงมากับมือ

“ผมจะพยายามครับ ผมจะเกลี่ยกล่อมลินเอง” เขาต้องทำในสิ่งที่ใจเขาไม่ต้องการ แต่ก็หวังว่ามันจะถูกต้อง

“แพทริกซ์ อย่าพยายามแบกดีนส์ไว้เป็นภาระสิ เขาจะดีขึ้นเอง เราพยายามป้องกันเขามากเกินไป จนเขาเป็นแบบนี้ ในจิตสำนึกของเขารู้ว่า เราจะช่วยเขาเสมอ เพราะงั้นก็ถึงเวลาที่เขาต้องเรียนรู้แล้วล่ะ” ขวัญฤดีรู้สึกตัวหลังจากมีเรื่องของนลินเข้ามา

บางครั้งการที่คิดว่าจะต้องดูแลเขตต์เสมอ สุดท้ายกลายเป็นกดดันให้เขตต์ยิ่งอยากได้ ทำให้เขตต์พยายามที่จะคว้ามาทดแทนบางสิ่งที่ต้องสูญเสีย จนเขาได้แล้วทอดทิ้งสิ่งที่เขาเคยต้องการ

ขันธ์นิ่งงันหลังจากวางสายจากแม่ เขาต้องพยายามใจกว้าง หากไม่ใช่เพราะรักเขตต์มากพอ เขาคงไม่มีวันให้มันเป็นแบบนี้ แล้วถ้าไม่ใช่เพราะรักนลินมากพอ เขาคงไม่เคยคิดจะทำในสิ่งที่แม้แต่เขาก็หาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้แบบนี้

*************************************


“อะไรนะคะ” นลินลุกขึ้นยืนอย่างงุนงง

“พี่ขอร้อง” อีกครั้งที่เขาต้องขอร้องเธอในสิ่งที่ตรงข้ามกับใจ

เธอไม่ถึงกับปฏิเสธในทันที แต่ก็กำมือแน่นอย่างกดดัน คล้ายกำลังเอาอิสระไปแลกกับสิ่งที่เขาทั้งสองคนต้องการ

“มันเป็นวิธีเดียวที่พี่จะวางใจได้ว่า เขตต์จะไม่ทำตัวบ้าๆ และมีความรับผิดชอบมากขึ้น” ขันธ์พยายามให้เหตุผล

“ลินเรียนรู้ที่จะไม่ไว้ใจใครมาตลอด โดยเฉพาะคนอย่างพี่เขตต์ ไม่มีวันหรอกค่ะ เขาไม่มีวันเปลี่ยนตัวเองได้ จนกว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นจริงๆ” นลินพูดเหมือนจะให้คำตอบอย่างอ้อมๆ

“ลองดูก่อนได้ไหม ลิน ถ้าถาม พี่ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้เลย ตอนที่พี่เสนอความคิดที่ว่าให้อยู่ด้วยกันสามคน พี่ก็คิดว่าเราจะอยู่ด้วยกันได้ เอาเข้าจริงๆ มันเจ็บปวด แต่มันคงดีกว่าที่จะต้องผลักภาระความเจ็บปวดให้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง พี่ยอมรับว่าพี่หวังว่าคนที่จะได้ลินเป็นภรรยาตามกฎหมายจะเป็นพี่” ขันธ์สารภาพความจริงออกมา

นลินกระแทกลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง มันคงจะดีถ้าทุกอย่างไม่วุ่นวายอย่างที่เห็น ก่อนสารภาพเช่นกัน “ลินยังมองหาทางออกไม่เจอเหมือนกันค่ะ ตอนนี้มันตันไปหมด ลินก็แค่รอให้ถึงวินาทีสุดท้ายค่อยตัดสินใจ ก็คงทันใช่ไหมคะ”

“พี่อยากให้ลินรับปาก ก่อนจะทำเอกสาร จะได้บอกแขตต์ไป เขาจะได้เตรียมตัวเตรียมใจกับความรับผิดชอบครั้งนี้ เขาจะต้องรับผิดชอบลูกเมียของพี่ แต่ไม่ต้องห่วง แค่ตามกฎหมายเท่านั้น” ขันธ์ให้คำสัญญา

“ถ้าพี่คิดว่าลินจะปฏิเสธ พี่ก็อย่าทำ อย่าบอกพี่เขตต์ก็หมดเรื่อง ขอเถอะ พี่กดดันลินมากไปแล้ว จำไม่ได้เหรอคะ ว่าครั้งสุดท้ายที่ทำแบบนี้เกิดอะไรขึ้น อย่าเผด็จการกับลิน เพราะไม่มีใครเป็นเจ้าของลินกับลูก” นลินไม่กรีดร้องโวยวาย แต่พูดด้วยน้ำเสียงสงบ

ขันธ์รู้ว่าเธอกำลังพยศ แล้วรู้ว่าเธอกำลังตำหนิเขา “พี่ขอโทษ พี่เคยชินน่ะ เอาเป็นว่าพี่ขอร้องแล้วกันนะ ได้โปรดเถอะ พี่ก็จนปัญญาจริงๆ”

นลินคิดไม่ตก “พี่คุยแต่กับลิน แล้วไม่ถามพี่เขตต์เหรอคะว่าเขาจะยอมไหม บางทีเขาอาจไม่ต้องการก็ได้”

“พี่เชื่อว่านี่จะเป็นอีกอย่างหนึ่งที่เขาต้องการ” ขันธ์ฟันธงได้เลย ถ้าเขาพูดกับคู่แฝด คู่แฝดเขาต้องตอบตกลงแน่นอน

“อย่าขอคำตอบจากลินตอนนี้เลยได้ไหมคะ ลินยังไม่อยากคิด” นลินพยายามอ้อนวอนต่อรองเวลา

“ถ้าสมมติว่าคนที่ลินจะจดทะเบียนด้วยเป็นพี่ ลินจะตัดสินใจนานอย่างเขตต์ไหม อันนี่พี่ถามจริงๆ นะ” ขันธ์ถามขึ้นด้วยใจชื้น เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขามีภาษีเหนือกว่าน้องชายหรือเปล่า

นลินนิ่งงัน คิดไปคิดมาแล้ว ดูเหมือนคำถามของขันธ์จะไปในทางตรงกันข้ามกับคู่แฝดเขา เธออาจตอบตกลงทันที เพราะเชื่อใจขันธ์มากกว่าเขตต์ ถึงอย่างไร เธอเชื่อว่าขันธ์พึ่งพาได้มากกว่าเขตต์ แต่ก็ทอดทิ้งเขตต์ไม่ได้ จากสภาพที่เคยเจอมา

ความคิดที่สับสนแสดงออกทางสีหน้าชัดเจน แต่ถ้าขันธ์ไม่คิดเข้าข้างตัวเองมากไป เขาก็รู้สึกว่าเขามีโอกาสที่เธอจะตอบตกลงได้รวดเร็วกว่าคู่แฝดมากนัก

“ก็ได้ค่ะ ถ้าพี่คิดว่าพี่เขตต์เห็นความสำคัญของลินมากถึงขนาดนั้น” เธอไม่ตอบคำถามหลังของเขา แต่ตอบคำถามแรกมากกว่า

มันคงดีกว่าถ้าเธอจะไม่ตอบ เพราะถ้าตอบก็ต้องมีใครบางคนต้องเจ็บปวด แล้วเธอก็ไม่อยากเสี่ยงให้ใครมีอำนาจเหนือเธออีก มันง่ายกว่าถ้าเราจะเป็นนายของตน แม้ในใจนั้นจะมีความขัดแย้งในตัวเองอย่างเหลือเชื่อก็ตาม

ขันธ์พยักหน้าช้าๆ เพียงคำตกลงหนึ่งก็พอแล้ว เขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการเพื่อจัดการเรื่องคู่แฝด แต่เขาไม่สามารถได้ทุกอย่างที่เขาต้องการอย่างแท้จริง

คงไม่มีใครได้อะไรโดยไม่เสียอะไร...

แม้บางครั้งเขาจะสงสัยในตัวเองเช่นกันว่า...เขาได้อะไร แต่ที่เขามั่นใจก็คือ...เขารู้ว่าเขาเสียอะไร

*************************************


เสียงดีใจบ่งบอกว่าเขาได้ในสิ่งที่ต้องการอีกครั้ง แม้ยังไม่ได้เป็นลายลักษณ์อักษร แต่ก็มากพอให้เขามีความสุขได้ จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปโอบกอดนลิน

ขณะที่เธอลังเลใจอยู่ตลอดนั่นเอง สายตากลับมองไปยังขันธ์ให้แน่ใจว่าเขาก็ต้องการแบบนี้จริงๆ หากเขากลับไม่กล้าสบตาเธอ เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

“ลินขอไปดูลูกก่อนนะคะ” นลินเลี่ยงด้วยการยิ้มน้อยๆ

หากที่แน่ชัดคือเธอไม่แน่ใจ รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก แล้วดูเหมือนเขตต์จะได้ในสิ่งที่เขาต้องการ จึงหอมแก้มเธอแล้วปล่อยเธอไปพักผ่อน

นลินเดินไปจนถึงห้องพักของเธอ เมื่อกำลังจะเดินเข้าห้อง เธอก็ถูกยึดตัวเอาไว้จนเธอตกใจ ก่อนที่เธอจะพูดอะไรเขาก็ปิดปากแล้วพาเธอเดินไปที่ห้อง

“ตกใจหมดเลยพี่ขันธ์” นลินเห็นหน้าเขาชัดก็บ่นออกมาอย่างไม่จริงจังนัก

“อยากกอดนี่ มากด้วย” เขาพูดแล้วกอดเธอเอาไว้แน่น รู้สึกหวงๆ อย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ต้องยอมทำใจ

“ปล่อยเถอะค่ะ ลินจะไปดูลูก” นลินพยายามปลดมือเขา แต่ก็ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมปล่อยเธอให้หลุดมือไปง่ายๆ

“ใครๆ ก็รักลูก แล้วพี่ล่ะ” ขันธ์ทำตัวเป็นเด็กดื้อจอมพยศขึ้นมาได้เหมือนกัน

นลินดูท่าทางเขาแล้วก็หัวเราะ “ดูทำตัวเข้า ว่าแต่พี่เขตต์ ตัวเองก็ทำตัวเป็นเด็กๆ เหมือนกันแหละ”

“ก็กับลินคนเดียวแหละ” เขาซบหน้าที่ไหล่เธอ แล้วไล้ดวงหน้าตัวเอง ขณะที่มือก็ลูบไล้ด้านหลังเธอเบาๆ อย่างพึงใจ จากนั้นริมฝีปากก็ประทับจูบที่ซอกคอ “ลินหอมจัง”

“ปล่อยค่ะ พี่ขันธ์” นลินพยายามผลักเขาออกไปให้พ้นตัว จากที่คิดว่าเขาล้อเล่นก็รู้สึกกลัวขึ้นมา พยายามดิ้นรนให้พ้นจากตัวเขาให้ได้

“ไม่ปล่อย จะกอดเอาไว้อุ่นๆ นี่แหละ” ขันธ์ไม่ยอมง่ายๆ ยกร่างเธอขึ้นนาบกับประตู โดยไม่ฟังเสียง

“ปล่อยนะ คนบ้า ปล่อยเดี๋ยวนี้” นลินขัดขืนรุนแรงขึ้น ไม่ยอมแน่นอน ทั้งผลักทั้งยัน จนเขาต้องปล่อยเธอ เพราะน้ำหนักคุณแม่ลูกแฝดไม่ได้ลงจากเดิมเลย ทำให้เขาต้องผ่อนแรงตัวเองอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ลินไม่ใช่ผู้หญิงที่พี่คิดอยากได้เมื่อไรก็ได้ แล้วลินก็ไม่คิดเลยว่าพี่จะเข้าใจพอ” นลินโกรธมากที่เขารุกล้ำทั้งที่เธอปฏิเสธ “หรือว่าจะใช้กำลังกับลินเหมือนที่เคยทำคะ”

ตอนแรกขันธ์หงุดหงิดรำคาญใจ แต่เมื่อเธอพูดเรื่องเก่าที่เป็นชนักของเขา เขาก็ถอนหายใจยาว “เฮ้อ พี่ขอโทษ พี่ยอมรับว่าหน้ามืดตามัว พี่สับสนน่ะ”

“สับสนเหรอ ถ้าพี่ไม่ได้ระบายออกหรือหาทางระบายไม่ได้ละก็ ให้อิสระกับลิน แล้วจะไปมีใครที่ไหนก็เชิญ ลินอยู่กับลูกได้” นลินกำมือแน่น

“ไม่ใช่ ไม่ใช่กับใครก็ได้ ไม่ใช่เพราะอยากทำกับใครก็ได้ เข้าใจไหมเนี่ย พี่หวงลิน พี่ไม่อยากให้ลินจดทะเบียนกับเขตต์ ไม่อยากให้เขตต์แสดงความเป็นเจ้าของกับลินมากขึ้น พี่รู้ว่ามันจะต้องเป็นอย่างนั้น แต่พี่ก็สับสน เพราะมันเป็นวิธีแก้ปัญหา แล้วมันกลับตรงข้ามกับใจพี่” ขันธ์ถอยไปนั่งที่เตียงอย่างสับสน

นลินถอนหายใจยาว ให้คบกับเขตต์แบบเผินๆ เธอก็ไม่คิดมาก แต่ถ้าต้องจดทะเบียนกับเขตต์มันก็อีกเรื่อง ถ้าใครจะบอกว่าใบทะเบียนสมรสมันก็แค่กระดาษแผ่นเดียว ก็อาจจะถูก ถ้ายังไม่ได้ลงลายเซ็นไว้เป็นหลักฐาน แต่ทันทีที่ลงลายเซ็นเมื่อไร มันหมายถึงข้อผูกมัดทางกฎหมายอีกหลายอย่าง

“พี่เคยคิดว่ามันก็แค่กระดาษใบเดียว แต่ในทางกฎหมายมันเป็นมากกว่านั้น” ขันธ์ระบายออกมามากขึ้น ความสับสนที่เขาพยายามทำใจยอมรับแต่ช่างยากเหลือเกิน

“ก็อย่าให้ลินต้องทำแบบนั้น อย่าขอให้ลินเสียสละอิสรภาพของลินสิคะ” นลินเดินเข้าไปโอบกอดเขา แล้วอ้อนวอนขอให้เขาอย่าเสียสละ เพราะเธอรู้ว่ามันจะไม่ได้ผลกับคนนิสัยเสียอย่างเขตต์

เธอเรียนรู้ แต่เธอไม่ใช่คนในสายเลือด เธออาจสับสนเพราะรักเขตต์ แต่เธอจะไม่ยอมเขาทุกเรื่องไป หากเป็นขันธ์ เขาผูกพันกันมากเหลือเกิน เขาเป็นคู่แฝดที่คอยดูแลกันมานานเกินไป

“เฮ้อ พี่ยังไม่เห็นทางเลือกอื่น พี่คิดว่าเขตต์จะต้องเห็นความสำคัญของลินมากพอ ถึงเขาไม่คิดถึงลูก แต่ถ้าเขาได้ชื่อว่าแต่งงานแล้วตามกฎหมาย เขาจะต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น” ขันธ์พยายามมั่นใจกับสิ่งที่คิด

ทางหนึ่งเขาเป็นชายผู้มีความรัก...อีกทางเขาคือพี่ชายที่ต้องรับผิดชอบต่อน้อง

ทุกอย่างคงไม่วุ่นวาย...ถ้าไม่บังเอิญมาหลงรักผู้หญิงธรรมดาคนเดียวกัน

“ลินจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าพี่จะมีคนอื่น ถ้าพี่คิดจะสละลินให้พี่เขตต์ งั้นพี่ก็ควรจะมีคนอื่น ปล่อยลินไปซะ” นลินให้ทางเลือกอื่นกับเขา แม้มันจะเจ็บปวด แต่มันจะดีกับทกุคน

“ไม่ ลินเป็นเมียพี่ เป็นแม่ของลูกพี่ พี่จะมีเมียคนเดียว จะไม่มีคนอื่นอีก ถ้าจะมีคงมีนานแล้ว พี่รักลิน นี่คือความจริง” ขันธ์ย้ำทุกความรู้สึก เขาจะไม่มีวันแต่งงานกับผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่นลิน

“ทำไมไม่ให้ชีวิตที่ปกติกับลินละคะ ลินไม่อยากมีอะไรกับผู้ชายสองคนหรอกนะคะ ถึงจะรักแต่มันก็ไม่ควรจะเป็นแบบนี้ ลินอยากมีสามีคนเดียว อยากอยู่กับผู้ชายคนเดียวเท่านั้น” นลินส่ายหน้า แล้วเลิกกอดเขา

หัวใจมีดวงเดียวแต่กลับรักผู้ชายถึงสองคน...

ร่างกายมีหนึ่งเดียวจะมอบให้ทั้งสองคนได้อย่างไร...

“ลินก็แค่ผู้หญิงหน้าตาธรรมดา ยิ่งตอนนี้ก็ยิ่งอ้วน มันเกินอวบแล้ว ก็หนักกว่าเมื่อก่อนตั้งหลายโล เพราะฝีมือเจ้าแฝดน้อยๆ นิสัยก็ไม่ดี ไม่เห็นจะมีอะไรดีเลยสักอย่าง หรือเพราะว่าพี่สองคนสนุกที่ต้องมาแย่งกันไปกันมาแบบนี้ ลินทำใจไม่ได้หรอกค่ะ ลินไม่อยากถูกใครมองว่าเป็นผู้หญิงกลางของใคร” นลินพยายามชี้แจง

คงดีกว่านี้ถ้าเธอได้อิสระ...แต่เธอก็อยากได้จากพวกเขา ให้พวกเขายอมเธออย่างเต็มใจ เพราะรู้ว่าทั้งสองคนจะต้องลงมือทำอะไรเพื่อให้ได้เธอคืนมาอีก ถ้าพวกเขาไม่เต็มใจปล่อยเธอไป

“รูปลักษณ์ภายนอก เงินซื้อได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่อยู่ภายในต่างหาก เงินซื้อหาไม่ได้หรอก จะเอาสวยแบบไหน ผอมแบบไหน จ่ายเงินไปไม่นานก็เรียบร้อย นิสัยลินก็ไม่ใช่ไม่ดี ดีมากต่างหาก ถ้าลินใส่ใจใครสักคน รับรองว่าคนคนนั้นยอมตายเพื่อลินแน่นอน” ขันธ์โอบกอดเธอแล้วล้มลงนอนบนเตียง

“โธ่ ฟังลินบ้างได้ไหม อย่าแย้งลินจะได้ไหมคะ ฟังแล้วเชื่อหน่อย” นลินพยายามขยับถอย แต่ก็คงยาก เพราะถูกลากลงไปนอนกอดซะแล้ว

“ฟังไง แต่ไม่เชื่อ อย่ากล่อมเสียให้ยาก ก็ทำให้รักซะขนาดนี้แล้ว จะให้เลิกรักมันคงยาก ส่วนเรื่องเซ็กซ์ ก็อย่าไปคิดมากสิ พี่รับได้แต่ต้องมีเวลาให้พี่ด้วย ไม่งั้นมีเคือง” ขันธ์กอดเอาไว้แน่นๆ เขาไม่พยายามเล้าโลมเธออีก เดี๋ยวจะโดนมืออวบๆ ผลักให้วุ่นวาย

“ก็บอกอยู่นี่ไงว่าลินรับไม่ได้ พี่นี่ยังไง รับได้อยู่คนเดียวแล้วมาบังคับให้คนอื่นเขารับได้ตาม เผด็จการชัดๆ” นลินพยายามเก็บอาการขำ กับความพยายามที่จะมึนของเขา

“ก็ไม่ได้บังคับ จะรอก็ได้ รอจนกว่าจะทำใจได้ ไม่ว่ากัน จะรอๆ อยู่แบบนี้แหละ ขอกอดทุกคืนได้หรือเปล่า อืม อาจจะต้องจัดคิวกับเจ้าเขตต์มัน แค่กอดก็ยังดี” ขันธ์ซกหน้าที่อกอิ่มของเธอแล้วก็ซ่อนยิ้ม

“โหย อะไรเนี่ย ไม่ต้องมาจัดคิวเลย ถ้าจะนอนก็นอนพื้นแล้วกัน จะเอาลูกมานอนขนาบสองข้างของลิน ดูสิจะกอดถึงไหม” นลินพยายามผลักให้เขาคลายกอดแต่ก็คงยาก

“ไม่เป็นไร ลูกตัวเล็กนิดเดียวเอง กอดถึงอยู่แล้ว” ขันธ์ฟังเสียงเธอกระแทกลมหายใจอย่างขัดใจก็หัวเราะเบาๆ อย่างพอใจ ชอบจริงๆ ที่ได้ขัดใจเธอ...เป็นความสุขเล็กๆ ที่เขาโปรดปราน

นลินจึงไม่ต่อปากต่อคำอีก พูดกับขันธ์เหมือนตะโกนอยู่ที่หน้าผา ไม่ว่าอะไรก็แย้งกลับมาได้หมด จะโยกโย้แค่ไหน เขาก็หาทางแก้ต่างได้หมด จนเธอคิดว่าเขาน่าจะไปเป็นทนายความซะ

ขันธ์เห็นเธอเงียบก็เงยหน้าขึ้นมอง ยังเป็นช่วงกลางวันทำให้เขาเธอหน้าเธอชัด จึงยิ้มนิดๆ “ไม่พูดแล้วเหรอ พี่ชอบตอนลินพูดนะ อยากรู้ว่าจะมีไอเดียอะไรอีก”

ถ้าเธอพูด เขายังเข้าใจความคิดเธอบ้าง แต่ถ้าเธอไม่พูด เขาเดาไม่ออก เพราะเคยลองแล้ว เจ็บตัวเจ็บใจมากี่ครั้งกับการไม่พูดของเธอ

“หมดปัญญาแล้วค่ะ ขอไปดูลูกได้หรือยังคะ ป่านนี้ลูกคงหิวแล้วล่ะค่ะ” นลินหาทางเลี่ยง เพื่อที่จะได้คิดอะไรบ้าง ถึงจะคลายใจลงบ้าง แต่ก็ยังเหลืออะไรอีกมากให้คิด

“พี่รู้ว่าลินปั๊มนมไว้ให้ลูกแล้ว เดี๋ยวพี่เลี้ยงก็คงให้เองล่ะ อยู่ให้พี่กอดนานๆ เถอะนะ พี่ขาดความอบอุ่นน่ะ ไม่ได้กอดสาวมาตั้งนานแล้ว” ขันธ์ไม่ปล่อยง่ายๆ แล้วก็ขยับไปหนุนหมอน นอนดีๆ ก่อนจะกอดเธอเอาไว้แนบอก ปล่อยให้เธอซบพักผ่อน

“บอกให้ไปก็ไม่ไปเองนี่ ช่วยไม่ได้” นลินก็ไม่ยอมแพ้เขา แต่ก็ยอมอยู่ในอ้อมกอดแต่โดยดี

“ไปก็กลายเป็นข้ออ้างให้ลินทิ้งพี่น่ะสิ ไม่ไปหรอก ไม่อยากให้ลินเสียใจด้วย เดี๋ยวก็ต้องมาหลับปลอบกันอีก” ขันธ์พูดแล้วก็ยิ้มขำ นึกถึงตอนนั้นก็ทำให้เขาคิดเข้าข้างตัวเองได้ว่าเธอรักเขา

“คนบ้า” นลินทุบเขาเบาๆ แล้วก็ฟังเขาหัวเราะ จากนั้นก็ซบอกเขา

เธอปล่อยให้เป็นตามที่เขาต้องการ โดยปล่อยเรื่องหนักๆ เอาไว้ก่อน พักผ่อนหลังจากที่นอนไม่ค่อยหลับมาหลายวัน จากที่คิดว่าจะต้องสูญเสียอิสรภาพไป

*************************************


เมื่อตื่น เธอก็ค่อยๆ ขยับตัวแล้วปล่อยให้เขาหลับต่อ อยู่กับขันธ์...เธอสบายใจกว่าอยู่กับเขตต์ เพราะขันธ์มั่นคงกว่า ถึงจะเอาแต่ใจมากพอกัน แต่เขตต์รวนเรไม่แน่นอนทำให้นลินรู้สึกไม่มั่นใจ

ถ้าถามเธอก็คงรักทั้งสองคน แต่ถ้าให้เลือกคงเลือกขันธ์มากกว่าเขตต์ แต่เขตต์นั้นเปราะบางกว่าขันธ์มาก จนเธอไม่แน่ใจว่า เขาจะทำอย่างไรลงไป

บางทีเขาอาจเชิดหน้าแล้วไม่สนใจเธออีก...หรือไม่อาจจะเป็นบ้าทุรนทุรายก็ได้

เธอยังไม่แน่ใจ และเมื่อทุกอย่างยังไม่ถึงที่สุด เธอก็ปวดหัวเกินกว่าจะคิดให้ละเอียดได้ เพราะยิ่งคิดยิ่งสับสนหาทางออกไม่เจอ

เมื่อเธอออกจากห้องขันธ์ เธอเดินไปยังห้องของตนเอง แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อถูกกระชากแขนลากไปอีกทาง “ปล่อยนะ พี่เขตต์”

“พี่จะคุยกับลิน” เขตต์ไม่พูดมาก บอกได้เลยว่ารู้สึกโกรธทั้งหึงและหวง

ทุกอย่างเป็นอย่างที่ขันธ์คาดไว้ ทันทีที่เขารู้สึกว่าจะได้เป็นเจ้าของเธอแม้ในทางกฎหมาย เขารู้สึกว่าไม่อยากให้ใครมาแตะต้องเธอ...เขาต้องเป็นเจ้าของเธอเพียงคนเดียว

เมื่อเข้าไปในห้อง เขาก็โน้มลงจูบเธออย่างหึงหวง แล้วไม่คุยอย่างที่บอกตอนแรก ถ้านี่จะเป็นวิธีแสดงความเป็นเจ้าของเธอละก็...เขาจะทำ

“ปล่อย” นลินพูดขึ้นหลังจากที่เขาถอนจูบ ก่อนจะทั้งผลักทั้งยันอย่างโมโห ที่คู่แฝดคู่นี้ทำเหมือนกันในเวลาที่ไม่ห่างกันนัก

“ทำไม ทีขันธ์ทำได้ใช่ไหม ทีกับพี่ล่ะ ทำไมพี่มันไม่ดีพอเหรอ ลินถึงต้องมีขันธ์” เขตต์น้อยใจแล้วก็เสียใจ ทำให้เขาไม่ยอมปล่อยเธอง่ายๆ เขารุกล้ำเธออย่างที่ใจเขาต้องการ โดยไม่สนใจว่าเธอจะยอมไหม

หากความทรงจำเลวร้ายที่เธอเคยดิ้นรนกลับมาอีกครั้ง นลินไม่เพียงไม่ยอม ยังทำทุกอย่างเพื่อให้หลุดพ้นจากเขา ทันทีที่หยิบอะไรได้ เธอก็ลงมือฟาดลงบนหัวเขาอย่างแรง

เขตต์ร้องเสียงหลง ก่อนถอยออกไปแล้วกุมขมับ จากนั้นก็โกรธมากขึ้น “ต้องทำขนาดนี้เลยใช่ไหม พี่มันน่ารังเกียจมากใช่ไหม”

นลินมองเขาอย่างหวาดระแวง เดินวนรอบเขาอย่างไม่แน่ใจ ก่อนจะวางแจกันดอกไม้แล้วเข้าไปดูเขา “ลินขอโทษ แต่พี่นั่นแหละไม่ฟังลินก่อน เมื่อก่อนพี่ใจเย็นกว่านี้นี่คะ”

เขตต์มองอย่างงอนๆ แต่ก็ปล่อยให้เธอเข้ามาดูศีรษะของเขา จากนั้นก็รวบเข้ามากอด ก่อนจะบอกเมื่อเธอพยายามถอย “กอดเฉยๆ ได้ไหม ไม่ทำอะไรแล้วจ๊ะ”

“หัวไม่แตก ร้องเสียงดังลั่นบ้านเลยนะคะ ถ้าหัวแตกจะทำยังไงละเนี่ย ทีหลังถ้าลินบอกก็ต้องฟังกันบ้างสิ ลินไม่พร้อม พี่ก็อย่าบังคับสิ” นลินอธิบาย แต่ก็ปล่อยให้เขาซบอกเธอ ขณะที่นั่งกับพื้นทั้งคู่ เธอจึงปล่อยตัวเองแล้วพิงเตียงอย่างเหนื่อยใจ

“ลินไม่ได้มีอะไรกับขันธ์เหรอ” เขตต์ถามให้แน่ใจอีก ก่อนจะแก้ตัวเมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นเธอทำตาเขียว “พี่ไม่ได้จะหาเรื่องนะ ตอบหน่อยนะ”

“ไม่มีค่ะ ไม่มีอารมณ์หรอก พวกพี่สิเป็นอะไร จ้องแต่จะ...” นลินลำบากใจจะพูด

“ขอโทษจ๊ะ ก็พี่หึงนี่” เขตต์ยอมรับตามจริง

“หึงทำไม ไหนว่าจะอยู่กันแบบสามคนไง ไหนว่ารับได้ไงมีเมียคนเดียวกันน่ะ” นลินอารมณ์ขึ้นบ้าง ทำเอาเขตต์หงอไปเลยทันที

หลังๆ เขาก็เรียนรู้ที่จะยอมตามใจเธอ มันก็คงดีกว่าให้เธอทำปั้นปึงใส่เขาอยู่เรื่อย

“พูดมันก็พูดได้แหละ เอาเข้าจริงๆ พี่ก็ระแวง ขันธ์ก็ระแวงแหละน่า ถึงพี่จะได้จดทะเบียนกับลิน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าขันธ์จะยอมถอยจากลินเสียเมื่อไร ใช่ไหม ไม่งั้นคงไม่พาลินเข้าห้องหรอกน่า” เขตต์บ่นๆ แล้วก็เผลอพูดออกมา ทำให้นลินต้องตีเขาแรงๆ

“ถ้าไม่อยากจดก็ไม่ต้องจด ดีเหมือนกัน ลินก็จะได้มีอิสระต่อไป” นลินรีบดีใจและโล่งใจ

“ไม่ จดสิ อย่างน้อยจดแล้วลินก็จะไม่มีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้อีก เอาเถอะให้ขันธ์สักคนก็คงไม่เป็นไรหรอก” เขตต์พูดไม่ทันคิด

“พี่พูดง่ายเกินไปหรือเปล่า เห็นลินเป็นผู้หญิงแบบไหนกันแน่” นลินโกรธมากขึ้น

“อย่าเพิ่งเข้าใจพี่ผิดสิ สำหรับพี่...ลินเป็นผู้หญิงที่พี่รักจริงๆ นะ เรื่องนี้พี่ไม่เปลี่ยนใจหรอก ถึงพี่จะโลเล แต่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่พี่มั่นใจตลอดแหละ” เขากอดเธอเอาไว้แน่น แล้วไม่ยอมปล่อยง่ายๆ

นลินถอนหายใจยาว แล้วลองกล่อมเขาอีกคน “ถ้าพี่จะมีคนอื่นแล้วทิ้งลินไป ลินก็จะไม่โกรธพี่อีกแล้ว ลินอยู่กับลูกได้ ลินจะไม่โกรธพี่ทั้งสองคนเลยจริงๆ นะคะ ดีกว่าให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้”

“โธ่ ไม่เอาน่าลิน พี่ไม่ได้หลงลินเดี๋ยวเดียวนะ พี่รักลินจริงๆ เมื่อก่อนพี่รักยังไง ตอนนี้ก็รักลินอย่างนั้น ลูกด้วย แต่พี่คงทนไม่ได้ ถ้าต้องเห็นลินอยู่กับผู้ชายอื่นอีก แล้วพี่จะทนได้ยังไง ขนาดตอนนั้นพี่ยังทนไม่ได้เลย แม้แต่กับขันธ์” เขตต์ไม่ยอมแล้วก็กอดเธอให้แน่นเข้าไปอีก

นลินได้แต่หนักใจ ทั้งสองคนให้เหตุผลหลายอย่าง แต่เหตุผลเดียวที่ทำให้เธอยากตัดใจก็คือ...รัก ซึ่งตอนนี้เธอก็แน่ใจแล้วว่าที่เธอไม่ยอมตัดสินใจให้เด็ดขาดก็เพราะเธอรักอีกนั่นเอง

เพียงแต่เธอจะไว้ใจคนที่เคยทำให้เธอเจ็บปวดได้อย่างไร...

เขาทั้งสองคนล้วนแล้วแต่เคยทำให้เธอหมดความเชื่อใจ

คงจะง่ายกว่าถ้าเธอไม่รักเขาทั้งสองคน...

คงง่ายกว่าถ้าเธอไม่มีลูกชายถึงสองคนที่ต้องการการดูแล แล้วที่สำคัญเธอยังไม่รู้จะพึ่งใครดี เพราะคนรอบข้างเธอยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยแม้แต่คนเดียว

*************************************

^^ มาแว้วค่ะ (ตามกลิ่นธูปมาค่ะ)
เจ้าของกลิ่นธูปน่ากลัวมากเยย

เชิญอ่าน ความเห็นที่ 2 ในกระทู้นี้นะคะ
หัวข้อ "ถึงพี่เพลิงวารี" ของคุณน้องฝันหวานค่ะ
//www.sirinda-stories.net/webboard_show.php?qNo=1303
ตรงนั้นมีแรงบันดาลใจและอะไรอีกหลายอย่าง

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

คุณ CaspeR GhosT --- ^^" เกือบหนีไปทำใจไม่ได้ค่ะ

คุณ mimny --- เฮ้อ เพลิงก็อึดอัดด้วยค่ะ



Create Date : 18 กันยายน 2552
Last Update : 18 กันยายน 2552 23:58:49 น. 2 comments
Counter : 450 Pageviews.

 
ไปอ่านมาแล้วพร้อมกับแสดงความคิดเห็นในส่วนของตัวเองแล้วค่ะ


โดย: mimny วันที่: 19 กันยายน 2552 เวลา:1:11:58 น.  

 
เหนื่อยใจกับพ่อสองหนุ่มจริงๆๆ มิน่าลินอยากได้อิสระ ขอถอนหายใจแทนลิน 1 มี เฮ้อออออออออออ


โดย: CaspeR GhosT IP: 123.243.8.121 วันที่: 19 กันยายน 2552 เวลา:13:45:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

เพลิงวารี
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ไหดองเหล็กไหล
New Comments
[Add เพลิงวารี's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com