เพลิงวารี & คชสีห์ ฿ Babylonia
<<
พฤศจิกายน 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
1 พฤศจิกายน 2552
 
 

เราสามคน...หนทางเดียว21(พร้อมหรือเปล่า)

เสียงเด็กทารกวัยเกือบขวบกำลังร้องไห้จ้า แม้พี่เลี้ยงจะพยายามทำให้หยุดร้องแค่ไหนก็ทำได้ยาก ด้วยทั้งสองอยากเจอแม่เท่านั้น ทำให้พ่อบ้านต้องเข้ามาดูคุณหนูตัวน้อย และเพิ่มความโกลาหลขึ้น

“เอาไงดีคะ อาเธอร์” พี่เลี้ยงวัยกลางคนกำลังปวดหัว

“ลองทุกวิธีแล้วเหรอ” อาเธอร์ถามขึ้นอย่างสงบ

“เพิ่งจะมีไข้เมื่อครู่นี่เองค่ะ อยู่ๆ ก็ตัวร้อนขึ้นมาเฉยๆ” แมรี่อธิบายอย่างหาทางออกไม่เจอ “แล้วไม่ยอมทานยาด้วยค่ะ คุณลินก็เพิ่งออกไปข้างนอกกับคุณแพทริกได้ไม่นาน โทรตามกลับมาดีไหมคะ”

อาเธอร์ครุ่นคิดก่อนหาทางออก “ลองวิธีนี้ก่อนแล้วกัน” เขาตอบก่อนเดินออกไปจากห้อง ที่วุ่นวายไปด้วยเสียงร้องของเด็กทารกทั้งสอง ตรงไปยังสวนด้านที่ปิดปรับปรุงอยู่ แล้วเจอกับเจ้านายอีกคนที่หน้าตาไม่แตกต่างจากพ่อเด็กๆ เท่าไรนัก

“มีอะไรเหรอ อาเธอร์” เขตต์ถามขึ้นเมื่อเห็นพ่อบ้านเดินเข้ามาในสวน ที่เขาบรรจงตกแต่งเพื่อเธอกับลูกๆ

“คือว่าคุณเนธานกับคุณอีธานร้องไห้ไม่ยอมทานยาครับ แมรี่พยายามให้ยาแต่ก็ปัดทิ้ง อยู่ๆ ก็เป็นไข้ตัวร้อนครับ คุณลินกับคุณแพทริกออกไปข้างนอกได้สักพักแล้วครับ จะตามกลับมาก็เกรงว่าจะรบกวน” อาเธอร์บอกกับเจ้านายที่ยังไม่มีสิทธิเข้าบ้านอย่างรอบคอบ

เขตต์ครุ่นคิด ก่อนถอดถุงมือผ้าออกพร้อมหมวกที่สวมอยู่ เขาเข้าใจความหมาย แล้วตัดพ้อในตอนท้ายเล็กๆ ที่ต้องระหกระเหิน “เดี๋ยวไปดูเอง อืม คงไม่เป็นไรหรอก หวังว่าเขาจะยังแยกไม่ออกนะว่าใครคือพ่อหรือไม่ใช่”

อาเธอร์ไม่ตอบคำ มีหน้าที่รายงานและดูแลให้เรียบร้อย เขาไม่มีหน้าที่วุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของเจ้านายมากนัก

เขตต์นึกอย่างน้อยใจ ที่ทั้งสองได้ใช้ชีวิตอย่างคู่รัก แต่จะโทษใครได้ ก็เขาทำตัวเขาเอง เขาถอดเสื้อแขนยาวออก แล้วล้างมือและเท้าจนเรียบร้อย พอเข้าไปในห้องก็เห็นเด็กๆ ยังคงสะอื้นและไม่ยอมกินยาอยู่เช่นเดิม

ดวงหน้าเล็กๆ เต็มไปด้วยคราบน้ำตาทำให้ใจเขาอ่อนลงไปมาก ทั้งสองหันมาทางเขาแล้วพยายามแย่งกันเดินมาหาอย่างทุลักทุเล พอล้มก็คลาน ทำให้เขารีบเดินเข้าไปหาแล้วโอบกอดไว้ทั้งสองคน

“ไม่เป็นไรแล้วนะ ลูก พ่ออยู่นี่แล้ว” เขตต์ปลอบโยนหลานๆ ทั้งสองของเขา จากนั้นก็อุ้มขึ้น แล้วพยายามพาไปที่เบาะ ก่อนวางลง “ไหนล่ะยา แล้วนี่เด็กๆ กินอะไรหรือยัง”

แมรี่รายงานไปตามเรื่อง ก่อนส่งสิ่งที่เขาต้องการให้ แล้วปล่อยให้คู่แฝดของเจ้านายดูแลเด็กๆ

เขตต์พยายามปลอบเด็กๆ ให้กินยาและนอนหลับ บางครั้งความเป็นพ่อก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน หลานๆ ที่น่ารักของเขาทำให้เขามีสติได้ เขาเคยบอกตัวเองให้เป็นพ่อของเด็กๆ แต่เพราะอารมณ์ชั่ววูบทำให้เขาคิดอย่างเห็นแก่ตัว มองข้ามสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่น่ารัก ลืมทุกอย่างได้อย่างน่ารังเกียจ

สายเลือดของเขาไหลเวียนอยู่ในร่างกายหลานทั้งสองอย่างอ้อมๆ แม้เขาจะไม่ใช่พ่อที่ให้กำเนิด แต่หลานทั้งสองก็มีสายเลือดของเขา จำเป็นด้วยเหรอที่เขาจะมองอย่างคับแคบและลืมหลานๆ ที่น่ารักแบบนี้ไปได้

ยามสัมผัสก็รับรู้ได้ถึงความบอบบางน่าถนอม เขาควรเข้าใจนลิน เธอไม่ได้เลือกขันธ์หรือเขา เธอเลือกลูกๆ ที่แสนบอบบางต่างหาก และคงดีกว่าถ้าจะเพิ่มคนดูแลเอาใส่ใจพวกเขาอย่างใกล้ชิด ดีกว่ามัวแต่พยายามสร้างความขัดแย้งให้กับทารกทั้งสอง

วันหน้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ให้เป็นเรื่องของอนาคต แต่วันนี้พวกเขาต้องการการปกป้องจากทุกฝ่ายให้มากที่สุด

********************************************************


ขันธ์ส่งของให้พ่อบ้านที่มาต้อนรับ ก่อนเดินไปโอบเอวเธอไว้ให้มั่นคง “รีบกลับทำไมเนี่ย พี่ว่าเราน่าจะทานอาหารค่ำหรูๆ สักมื้อนะ”

“ทานที่บ้านก็หรูได้ค่ะ ลินเป็นห่วงลูกๆ ลินไม่เคยอยู่ห่างพวกเขานานๆ” นลินตอบแล้วเปิดประตูห้องเข้ามา ทว่าเมื่อเห็นคนที่อยู่ในห้องกับลูก เธอก็ต้องตะลึงงัน

เขตต์ก็เช่นกัน เขามองเธออย่างตกใจ เมื่อเห็นเธอเปลี่ยนไป คนที่ไม่ค่อยชอบแต่งหน้าแต่งตัวเปลี่ยนเป็นสาวสวยทันสมัยได้อย่างไม่น่าเชื่อ

นลินแต่งหน้าทำผมดัดลอนมาอย่างดี แต่งตัวด้วยชุดกระโปรงสีชมพูเก๋ไก๋และอ่อนหวาน แม้แต่เจ้าตัวเล็กยังงงเพราะไม่คุ้นหน้าไปเสียแล้ว

“คือว่าเด็กๆ ไม่สบายน่ะ อาเธอร์ก็เลยตามพี่มาดู เห็นว่าไม่กินยากัน” เขตต์รีบบอกเมื่อตั้งสติได้

“ค่ะ” นลินตกใจรีบเข้าไปดูลูก แต่เด็กๆ ก็ถอยเล็กน้อยแบบงงๆ ว่าใคร แล้วพอตั้งสติได้ก็รู้ว่าแม่ก็รีบคลานกันเข้ามาหา เธอสนใจลูกๆ มากจนลืมไปเลยว่าระยะระหว่างเธอกับเขานั้นใกล้ชิดเพียงไร

“ลินคงสวยเกินไป เด็กๆ ก็เลยจำไม่ได้ละนะ” ขันธ์พูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี แก้เก้อที่มีน้องชายอยู่ในบ้าน “ว่าแต่นายเถอะ ผ่านมาแถวนี้เหรอ”

“อืม ประมาณนั้น คิดถึงบ้านน่ะ” เขตต์พูดโดยไม่กล้ามองหน้าเธอ

“ก็มาเยี่ยมเด็กๆ บ่อยๆ ถ้าวันไหนไม่มีเรียนอ่ะนะ” ขันธ์ตบไหล่คู่แฝดที่ยังนั่งทำหน้ามึนอยู่

“ตัวร้อนนิดหน่อยนะคะ คงไม่ต้องไปหาหมอ แต่ถ้าพรุ่งนี้ไม่ดีขึ้นก็น่าจะพาไปค่ะ” แมรี่เข้ามาแนะนำ

“ค่ะ คุณไปพักเถอะค่ะ เดี๋ยวเราดูแลกันเองได้ค่ะ” นลินบอกเพราะไม่อยากให้บรรยากาศน่าอึดอัดนี้เป็นที่เปิดเผยนัก ก่อนอุ้มลูกที่กำลังอยากอ้อนมาไว้ในอก พออีกคนเห็นว่าแม่อุ้มอีกคน ก็ร้องขอให้อุ้มด้วย

“ลินคงเหนื่อยมาสินะ ที่ต้องเลี้ยงลูกถึงสองคนในเวลาเดียวกัน” เขตต์ถามขึ้นเมื่อเห็นคู่แฝดเขาเปิดโอกาสด้วยการออกไปแต่งตัว

“ไม่หรอกค่ะ” นลินตอบประหยัดถ้อยคำ โดยมีลูกๆ อยู่ในอ้อมแขน

นี่คืออีกเหตุผลที่เธอยอมออกกำลังกายและลดน้ำหนัก เธอจำเป็นต้องมีสุขภาพที่ดีเพื่อลูกๆ และการเลี้ยงลูกคนหนึ่งต้องใช้แรงกายแรงใจมาก หากเธอมีถึงสอง...

เขตต์เหม่อมองเธออยู่นาน ก่อนพูดแบบไม่ทันได้ระวัง “ลินสวยมากจริงๆ”

ในที่สุดนลินก็ทนความอึดอัดไม่ไหว เมื่อลูกๆ ขอลงจากตัก เธอก็ปล่อยลูกๆ แล้วจะออกไปเรียกพี่เลี้ยงเข้ามา แต่ยังไม่ทันไปถึงประตู ก็ถูกรวบกอดเอาไว้ ทำให้เธอรู้สึกโกรธ “ปล่อยนะ”

“ลิน พี่ขอโทษจริงๆ นะ ให้โอกาสพี่อีกทีได้ไหม” เขตต์ร้อนใจยิ่งกว่าเดิม เมื่อเธอดูจะอึดอัดเวลาอยู่กับเขา แต่เขาต้องใช้ความพยายามให้มากกว่าเดิม

“พอทีเถอะค่ะ ผู้หญิงในโลกนี้มีเยอะมาก มันไม่จำเป็นว่าต้องเป็นลินหรอก” นลินปฏิเสธอีกครั้ง

“ถ้าพี่พิสูจน์ได้ล่ะว่า ต้องเป็นลินเท่านั้น คือถ้าพี่ทำตัวดีขึ้นล่ะ” เขตต์พยายามหว่านล้อมและหวังว่าจะเกิดผล

“แล้วพี่ขันธ์ล่ะ พี่จะให้ลินทำยังไง” นลินย้อมถาม และเมื่อหันไปมองเขาก็ไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความมุ่งมั่น

“ก็ไม่ต้องทำยังไง เราก็อยู่กันสามคนไง แบบที่ขันธ์เสนอแต่แรกไง” เขตต์แย้งอย่างจริงจัง

“ต่อให้ทำได้จริง ลินก็ไม่เห็นว่าอะไรจะทำให้พี่ทำตัวดีขึ้น ขอโทษนะคะ ลินไม่ไว้ใจพี่หรอก ต่อให้ลินรู้สึกกับพี่ยังไง มันไม่สำคัญเท่ากับความประพฤติของพี่” นลินปลดมือเขาออกจากตัว ก่อนสบตาเขาอย่างจริงจัง “ลินไม่สามารถเสี่ยงกับพี่ได้ เพราะลินต้องหาจุดยืนที่แน่นอนให้กับลูกๆ ซึ่งพวกเขาควรจะพบกับความมั่นคง...ไม่ใช่พ่อที่เดี๋ยวก็โผล่มา เดี๋ยวก็จากไป จิตใจผู้ใหญ่อาจรับได้ แต่พวกเขายังเล็กเกินกว่าจะเข้าใจ”

“งั้นพี่จะพิสูจน์ จะปรับปรุงตัว ลินมองเฉยๆ ก็ได้ แต่ขอให้พี่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ๆ ลินกับลูกๆ นะ ให้พี่ได้ช่วยดูแลลินกับลูกๆ นะ” เขตต์พยายามอ้อนวอนต่อไป

หากเขาคิดจะแก้ตัว เขาต้องแสดงมากกว่าความตั้งใจ ครั้งนี้เขาสำนึกได้ว่าเขาควรเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเดิม

********************************************************


ยามเย็นที่ผ่านไปอีกครั้ง นลินมองลูกๆ ที่กำลังเล่นกันจนลืมเวลาเลยทีเดียว เธอจึงจัดการย้ายเด็กๆ ไปที่ห้องส่วนตัวของพวกเขา ถึงแม้จะยังเล็ก แต่นลินก็มองว่าการแยกห้องนอนกับลูกตั้งแต่ยังเล็กเป็นสิ่งสำคัญ

“คุณแมรี่คะ พาเด็กๆ เข้านอนเถอะค่ะ ได้เวลาแล้วค่ะ” นลินหันไปบอกพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งพี่เลี้ยงวัยกลางคนก็ยอมรับ

แม้แมรี่จะอยู่กับเธอได้ไม่นาน เพราะตอนกลับเมืองไทย เธอได้บอกเลิกพี่เลี้ยงสองคนของลูกชายไป และพอกลับมา เธอก็ต้องหาพี่เลี้ยงให้ลูกๆ ใหม่ แต่คงไม่จำเป็นต้องมีถึงสองคน เธอเชื่อว่าเรื่องนี้จัดการได้ไม่ยากนัก

เธอรักที่จะอยู่ดูแลลูกๆ ทำให้ต้องหยุดงานเขียนเป็นระยะ ด้วยกลัวว่าถ้าเธออยู่ในโลกส่วนตัวมากเกิน อาจละเลยลูกๆ ไป

นลินลูบเรือนลูบเจ้าตัวน้อยทั้งสองที่อยู่บนที่นอนเด็กที่มีรั้วกั้น แต่ยังไม่ยอมนอนกันง่ายๆ แม้จะถึงเวลานอนแล้วก็ตาม เธอจึงบอกเด็กๆ “ถึงเวลานอนแล้วค่ะ อย่าดื้อนะคะ”

นลินไม่สนใจว่าลูกๆ จะเข้าใจหรือไม่ก็ตาม เธอชอบคุยกับเจ้าตัวเล็กอย่างเพลิดเพลิน แม้จะพยายามเกาะรั้วที่นอนขึ้นยืน แต่เธอก็ต้องจับนอนลงไปอีกครั้ง

“เหนื่อยหน่อยนะคะ วันนี้เห็นเผลอนอนกลางวันไปหลายรอบค่ะ” แมรี่เล่าความทั้งที่นลินแทบจะไม่อยู่ห่างลูกๆ

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวก็คงนอนกัน” นลินมองที่นอนทรงสูงของทั้งสอง

แม้มีรั้วกันอย่างปลอดภัย แต่ความที่ยังไม่ยอมนอนกัน ธรรม์ก็เอื้อมมือไปหาแนวร่วม เพราะที่นอนทั้งสองวางชิดกัน แต่จงใจให้มีรั้วแบ่งพื้นที่สำหรับเด็กฝาแฝด

นลินเห็นเด็กๆ ทำท่าซบลงนอน ก็ออกไปจากห้อง แม้รู้ว่ายังไม่หลับ แต่ก็เชื่อว่าคงหลับได้ในไม่ช้า “ออกไปกันเถอะค่ะ”

เธอเปิดเครื่องรับส่งเสียงที่วางไว้ฟังความเคลื่อนไหวในห้องก่อนเดินออกมา แล้วแยกกลับห้องนอน และพบว่าขันธ์ยังไม่หลับ ยังคงนั่งอ่านหนังสือเล่มใหญ่

“ยังไม่ง่วงเหรอคะ” นลินทิ้งน้ำหนักลงนั่งด้านข้างเขา แล้วกอดเอวเอาไว้หลวมๆ เป็นเชิงอ้อนทำให้เขาต้องปล่อยมือจากหนังสือชั่วครู่แล้วโอบกอดเธอเอาไว้

“ก็อ่านเพลินดี ภาษาไทยมันเรียกอะไรนะ เพื่อนเคยบอกทีแต่จำไม่ได้แล้ว” ขันธ์พยายามนึกถึงชื่อภาษาไทย

“มหาภารตยุต เรื่องนี้ลินก็เคยอ่าน มีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่าค่ะ” นลินเข้าประเด็นชัดเจน

“โหย ทำไมต้องระแวงกันด้วย พี่ก็แค่รู้สึกว่าเรื่องของเรามันคล้ายๆ อยู่หลายอย่างนะ ก็เลยหยิบมาอ่านเพลินๆ” ขันธ์ยิ้มขำ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงหงุดหงิด แต่เมื่ออยู่กันนานพอ เขาก็ปรับตัวได้ไม่ยากนัก

“ลินก็ต้องระแวงไว้ก่อนล่ะค่ะ พี่ทำเหมือนไม่รักลินเลย ไม่หึงไม่หวง ไม่โกรธไม่ว่า ขนาดลินทำผิดกับพี่ พี่ยังไม่โกรธเลย” นลินก้มหน้างุด แต่ก็แอบมองเขา

ขันธ์ถึงกับขำหลุดหัวเราะออกมา ก่อนถูกตีเข้าให้ จึงต้องอธิบาย “มีเรื่องไหนที่ลินปล่อยวางมันได้บ้างเนี่ย เฮ้อ ไม่ใช่ไม่โกรธ แต่โกรธแล้วอดีตมันก็ไม่เปลี่ยน ความจริงก็ยังคงเดิม ลินก็ยังรักเขตต์อยู่ดี แต่ที่สำคัญ ลินรักพี่ด้วย มัวตั้งแง่ มีแต่เสียกับเสีย ไม่เห็นจะมีดีเลย ดูสิ ปารามาวตีเริ่มแรกก็ไม่ได้ตั้งใจจะมีสามีถึงห้า แต่เพราะวาจาอันศักดิ์สิทธิ์ของแม่สามี และเป็นวาจาที่ลูกทั้งห้าต้องรับไว้อย่างไม่ตั้งใจ พวกเขายังมีความสุขกันได้”

“อย่ากล่อมเสียให้ยาก ยังไงเสีย นางปารามาวตีนั้นได้รับการยกย่องจากหญิงทั้งหลาย เพราะเหตุอันควร และมีกฎที่เคร่งครัดในช่วงหนึ่งปี หากมีใครละเลยกฎนี้จะต้องถูกเนรเทศถึงสิบสี่ปี” นลินเล่าความอย่างที่รู้มา ก่อนสบตาเขาเอาคำตอบ “ถามหน่อย พวกพี่จะยอมไหม อยู่กับลินคนละหนึ่งปี”

“บ้าน่า นี่มันยุคไหนแล้ว แหมจะไปสนใจมันทำไม อยู่ด้วยกันนี่แหละ อย่าไปคิดมาก เราก็อยู่กันอย่างนี้แหละ รับรองว่าลูกๆ จะไม่สับสน ดีเสียอีก มีพ่อสองคนจะได้ช่วยกันดูแลสอดส่อง” ขันธ์ตอบก่อนมองหน้าเซ็งๆ จึงรวบมากอด “แค่ต้องห่างกันก็ใจจะขาดอยู่แล้ว กลัวงานที่ต่างประเทศมีปัญหาจะตาย กลัวต้องห่างลิน”

“บ้า เห็นไหมล่ะ แต่จะไม่ให้คิดมากน่ะไม่ได้หรอกค่ะ คือเรื่องบนเตียงลินว่าตอนนี้ลินทำใจได้ แต่นิสัยพี่เขตต์เนี่ย ลินไม่ไว้ใจเอาซะเลย ลินไม่อยากให้ลูกๆ สับสน เดี๋ยวก็มา เดี๋ยวก็ไป แบบนี้ลินว่าสู้อย่ามาเลยดีกว่า” นลินให้เหตุผล หลังๆ เธอยอมรับได้ เพราะมีขันธ์คอยกล่อมอยู่ทุกวัน

“เฮ้อ นั่นแหละที่พี่ยังไม่ไว้ใจเหมือนกัน แต่เราควรให้โอกาสเขาไม่ใช่เหรอ โอเคสำหรับพี่ ยังไงพี่ก็ต้องให้โอกาสเขตต์ แต่กับลิน...ลองทบทวนแล้วกัน ถ้าเขาทำตัวดีขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น แล้วเราอยู่ร่วมกันได้ มันก็น่าจะโอเคกว่านะ ลินรักเขตต์ รักพี่ รักลูกๆ มันลงตัวทุกอย่าง” ขันธ์อธิบาย

“ไม่ใช่ว่าลินไม่เข้าใจนะคะ ที่ลินลังเล เพราะมันเจ็บเหลือเกิน” นลินซบไหล่เขาพิงให้อบอุ่น

“พี่เข้าใจแล้ว จริงๆ ลินไม่เครียดแล้วใช่ไหมถ้าเราจะอยู่ด้วยกัน แต่กังวลว่าจะนานแค่ไหน อืม ถ้าไม่ลองเราก็ไม่มีทางรู้หรอก ถึงจะลองครั้งที่สอง แต่อย่างน้อยควรจะลองก่อนที่เด็กๆ จะโตมากไปกว่านี้” ขันธ์กังวลเรื่องในอนาคตมากกว่า

ถ้าสอนตั้งแต่ยังเล็ก เด็กๆ จะไม่สับสนถ้าผู้ใหญ่รู้ว่าควรสอนอย่างไร แต่ถ้าโตมากกว่านี้ คงยากที่จะบีบบังคับให้เข้าใจได้

“เรื่องนี้ลินไม่กังวลแล้วค่ะ ลินคิดได้ว่าตราบที่ความสัมพันธ์หนึ่งไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับใครสักคน ก็ไม่ผิดอะไร แต่ถ้าทำให้อีกคนรู้สึกแย่ มันก็แย่ทั้งหมด ลินห่วงลูกมากกว่า กับพี่ ลินก็ไม่ห่วงเหมือนกัน เพราะพี่เสนอเอง” นลินหัวเราะตบท้าย

ขันธ์ยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจูบเธอเบาๆ อย่างแสนรัก “พี่ให้ลินตัดสินใจได้ไหม ครั้งนี้คงไม่กดดันลินมากใช่ไหม”

“ก็ได้ค่ะ แต่ว่าลินรับปากพ่อพี่จะอยู่กับพี่แล้วนี่คะ” นลินยังกังวลเรื่องที่รับปากผู้ใหญ่ไว้

“อ้าว ลินจะทิ้งพี่ไปไหนล่ะ ก็ยังอยู่กับพี่นี่นา ลินไม่ได้ตกลงว่าจะไม่อยู่กับเขตต์นี่ เอาน่าๆ เรื่องอนาคตช่างมันไว้ก่อน ส่วนตอนนี้เราเข้านอนกันดีกว่า เช้าจะได้สดชื่น” ขันธ์ไม่พูดเปล่าช้อนร่างเธอและยันตัวเองขึ้นจากเก้าอี้ยาวในห้องนอน พาเธอไปที่เตียง

“พี่นี่กะล่อนตลอดเลย” นลินตีเขาเบาๆ อย่างไม่จริงจังนัก

“ก็พี่เป็นพ่อค้านี่ ไม่กะล่อนแล้วจะเอาอะไรกินล่ะ” ขันธ์พูดหลังจากวางเธอที่เตียง แล้วล้มลงนอน

“วันหน้าจะขายลินไหมเนี่ย” นลินพูดอย่างไม่จริงจังนัก ติดหัวเราะมากกว่า

หากขันธ์กลับมีสีหน้าเคร่งขรึม ลุกขึ้นมองเธอที่กำลังจัดผ้าห่ม แล้วพูดอย่างชัดเจน “ไม่มีวัน ลินเป็นผู้หญิงที่พี่จะรักแล้วดูแลไปตลอดชีวิตพี่เลย”

นลินมองเขาอย่างตกใจ ก่อนวางมือบนมือเขา “ลินเชื่อค่ะ ลินพูดเล่นเอง”

“พี่รู้แต่ก็อยากให้ลินมั่นใจด้วย” ขันธ์ถอนหายใจยาว ก่อนล้มลงนอน แล้วโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขน

“ลินมั่นใจในตัวพี่เสมอ แต่ลินไม่มั่นใจในตัวเองค่ะ” นลินตอบเขาอย่างมั่นใจ

“อะไรที่ดีสำหรับลูก ลินก็ทำไปเถอะ แล้วรู้ไว้ด้วยว่าพี่จะเข้าใจได้เองเมื่อเวลาผ่านไป” ขันธ์บอกให้เธอเชื่อมั่นในความคิดเธอ

นั่นเพราะเขาเชื่อว่าเธอตัดสินใจต่างๆ โดยมีลูกเป็นเหตุผลหลัก เขาก็ควรยอมรับถ้ามันถึงที่สุดแล้วจริงๆ

********************************************************


ยามเช้าที่แสนสดชื่น แต่คุณแม่ลูกสองยังนอนหลับอยู่ในอ้อมกอดอุ่น และตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงร้องประท้วงจากห้องเด็กเล็ก...เจ้าแฝดน้อยอายุครบขวบแล้วในวันนี้

สองปีกว่าแล้วตั้งแต่เธอได้รู้จักเขตต์ ชีวิตเธอเหมือนไม่เคยได้พักนับตั้งแต่รู้จักเขา มีเรื่องราวมากกว่าที่เธอตั้งใจเอาไว้มาก หากมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอไม่รู้สึกเสียใจ

ลูกน้อยทั้งสองคน...ทำให้ชีวิตเธอมีความหมาย

“เดี๋ยวพี่ไปดูเอง” ขันธ์ตื่นขึ้นเพราะเสียงเจ้าตัวเล็กทั้งสองที่กำลังร้องแข่งกัน

“อย่าเลยค่ะ ลินไปดูเองดีกว่า” นลินลุกขึ้นแล้วค่อยๆ ลงจากเตียง แต่เขากลับดึงเธอไปกอด

“เอาน่า วันนี้ลินต้องแต่งตัวสวยๆ เพราะงั้นให้พี่ไปดูเองดีกว่า” เขาหอมแก้มเธอเบาๆ ก่อนเดินงัวเงียออกไปจากห้อง

นลินมองเขาแล้วก็ขำ จากนั้นก็ลุกขึ้นเตรียมตัวให้เรียบร้อย หากพอออกมาอีกครั้ง ก็เห็นเขาทำหน้ายุ่งๆ จึงถาม “เป็นอะไรคะ”

“เจ้าธรรม์มันซนได้ที่จริงๆ จับอาบน้ำทีเหมือนจะตายให้ได้ ดูสิ ไม่รู้ว่าพี่อาบน้ำลูก หรือลูกอาบน้ำพี่กันแน่” ขันธ์ส่ายหน้าช้าๆ นานๆ ครั้งเขาจะได้มีโอกาสดูแลลูกแบบนี้

นลินหัวเราะเบาๆ ก่อนบอกให้เขาไปเตรียมตัว “ไปอาบน้ำเถอะค่ะ จริงๆ ไม่ต้องรีบก็ได้นะคะ สายๆ ไม่ใช่เหรอคะ”

ขันธ์เดินไปหยิบของแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ขณะพูดถึงเรื่องเมื่อวาน “อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก เมื่อคืนก็นอนแต่หัวค่ำ ไม่คิดเลยว่าเลี้ยงเจ้าพวกนี้มันจะทำให้หมดแรงแบบนี้”

พอออกมาก็รู้ว่าเธอคงไปอยู่ห้องลูกแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาจัดการเรื่องที่ค้างคาอยู่และเช็คความเรียบร้อยของทุกอย่าง

วันนี้ต้องไม่มีอะไรผิดพลาด...

********************************************************


สายตานลินมองลูกน้อยทั้งสองคนที่กำลังนั่งเล่นอยู่บนเบาะในห้องเด็ก ยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะลงไปข้างล่าง ก่อนดึงเจ้าตัวเล็กที่ใกล้มือที่สุดมาหอมกอดแล้วจูบ

การเป็นแม่ทำให้เธอเข้าใจความหมายของความรักที่ไม่มีข้อแม้ แต่มีลูกถึงสองคนจึงต้องรับมือกับความต้องการแม่ถึงสองเท่า และเธอไม่คิดว่าจะมีปัญหา

เมื่อเธอปล่อยคนหนึ่งไปแล้ว ก็ดึงอีกคนเข้ามากอดแบบเดียวกัน “แม่รักหนูจังเลย”

แม้เจ้าตัวเล็กทั้งสองจะฟังไม่เข้าใจนัก แต่นลินก็ไม่เบื่อที่จะพูด เธอยังคงมองเจ้าตัวเล็กหยิบโน้นจับนี่ตลอดเวลาอยู่เช่นเดิม ก่อนหันไปรับอาหารเจ้าของเด็กๆ จากพี่เลี้ยงแล้วก็ช่วยกันป้อนอาหารเช้าสำหรับเด็กๆ

เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้นลินกับแมรี่ต้องหันไปดู เห็นเป็นพ่อของเด็กๆ ก็หันกลับมาสนใจเจ้าตัวเล็กอีก แต่พอขันธ์เห็นหน้าลูกเปลอะไปด้วยเศษอาหารก็ทำหน้ายุ่ง

“ตกลงนี่กินด้วยปากหรือว่ากินด้วยหน้าเนี่ย” ขันธ์หัวเราะอย่างเอ็นดู

“โธ่ ก็เด็กนี่คะ กินก็แบบนี้แหละค่ะ” นลินหันมายิ้มให้เขา ก่อนถามเล่นๆ “เมื่อวานไม่เหนื่อยเหรอคะ ป้อนอีกไหม”

“คราวนี้หน้าลูกคงมีแต่อาหารแหละ ขนาดลินป้อนนะเนี่ย” ขันธ์ส่ายหน้า ก่อนโอบเอวเธอเอาไว้หลวมๆ แล้วมองหน้าแม่ของลูกอย่างมีความสุข จนกระทั่งเจ้าตัวเล็กเดินเข้ามาเขาแล้วกอดพ่อเอาไว้

นลินถึงกับหัวเราะ เพราะเจ้าตัวเล็กเอาหน้าเปื้อนๆ มาถูที่เสื้อพ่อ “พี่ขันธ์ เสื้อเปื้อนแล้ว ธารมานี่ลูก มาให้แม่เช็ดหน้าก่อน”

ขันธ์ขมวดคิ้วก่อน ดึงเจ้าตัวเล็กมาอุ้ม “ไม่เป็นไรหรอก” ก่อนขอจานอาหารเล็กๆ มาถือไว้เพื่อป้อนลูก “อยากให้พ่อป้อนเหรอลูก”

เจ้าตัวเล็กยังคงไม่รู้เรื่อง แล้วก็เอานิ้วจิ้มแก้มพ่อ ก่อนจะคุกเข่าลงที่ตักพ่อเมื่อยล้าจากการยืนนานๆ และยังคงทานอย่างเอร็ดอร่อย

“ถึงจะเหนื่อยแต่ก็มีความสุขนะ ถึงว่าล่ะ ลินติดลูกเสียเหลือเกิน” ขันธ์พูดขณะป้อนอาหารให้ลูก

“ก็พวกเขาน่ารักนี่คะ แล้วจะไม่รักได้ยังไงละคะ” นลินพูดแล้วก็ลูบผมลูกชายเบาๆ อีกครั้ง

ขันธ์ลูบเรือนผมลูกชายเบาๆ ก่อนป้อนอีกครั้ง และเมื่อเสร็จแล้วเขาก็บอกกับเธอ “พี่มีอะไรอยากให้ลินดูหน่อย ตามพี่ออกไปที่สวนหน่อยสิ”

“สวนเสร็จแล้วใช่ไหมคะ” นลินยิ้มดีใจ เพราะจะได้พาลูกๆ ไปเดินเล่นบ้าง ดีกว่าอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน

“แหม รู้ทันอีกแล้ว ไปดูกันเถอะ” ขันธ์พูดแล้วยื่นมือให้เธอลุกขึ้น

“พาลูกๆ ไปดูด้วยกันดีไหมคะ” นลินถามขึ้น เมื่อหันไปมองเจ้าตัวเล็กที่กำลังเล่นของเล่น

“หายใจเข้าออกเป็นลูกหมดเลยนะ ให้เวลาพ่อแม่อยู่กันตามลำพังบ้างได้ไหมเนี่ย แบบว่าเวลาอื่นที่ไม่ใช่...” ขันธ์ยังพูดไม่ทันจบ เธอก็รีบปิดปากเขา

“โอเคค่ะ ออกไปกันเถอะค่ะ” นลินรีบพาเขาออกไปจากห้อง ก่อนที่เขาจะเอาเรื่องอะไรก็ตามมาพูดให้คนอื่นฟัง

“กลัวพี่พูดอะไรเหรอ” ขันธ์พูดขณะโอบไหล่เธอเดินไปยังสวนอีกด้าน

“อะไรก็ได้แหละค่ะ” นลินทำงอนๆ เพราะเขาดูมีความสุขที่ได้ป่วนเธอ

“แหม พี่ก็แค่จะบอกว่าเวลาเข้านอนเฉยๆ แมรี่เขาคงไม่คิดลึกเหมือนลินหรอกน่า” ขันธ์พูดก่อนหลบมือของเธอ

“เสียดายนะคะ ที่ปู่ย่าตายายไม่ได้มา” นลินรีบเปลี่ยนเรื่อง

“ไม่เป็นไรหรอก เพราะยังไงท่านก็ส่งของขวัญมาให้ไง เจ้าแฝดน้อยก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่อง ไว้ปีหน้าเราพาลูกๆ ไปจัดงานวันเกิดที่เมืองไทยก็ได้นะ” ขันธ์พูดก่อนโอบไหล่พาเธอไปที่สวน

พอถึงประตูบ้าน เขาก็เอาผ้าออกมาผูกตาเธอ “ปิดตาหน่อยจะได้ตื่นเต้น”

“อะไรกันคะ แต่ก็ได้ค่ะ พี่จะได้ไม่เสียแผน” นลินยิ้มก่อนปล่อยให้เขาปิดตา “แหม ทำอย่างกับวันเกิดลิน วันเกิดเจ้าตัวเล็กนะคะ”

“ก็ของขวัญวันเกิดที่พี่ให้ลิน ไม่เห็นลินจะปลื้มเท่าไรนี่นา แต่ก็โทษลินไม่ได้นะ เพราะว่าช่วงวันเกิดลินทีไร มีเรื่องทุกที” ขันธ์จูบเรือนผมเธอเบาๆ ก่อนจูงมือพาเธอเดินไปที่สวน ซึ่งตอนนี้รื้อสิ่งปิดบังสายตาออกไปหมดแล้ว

นลินวางใจเขามากเกินพอ จึงเดินตามเขาไปยังสวน และเมื่อถึงสวน ขันธ์ก็พาเธอเดินไปยังต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกมานาน ก่อนบอกให้เธอหยุด หากนลินกลับได้กลิ่นที่คุ้นเคย จึงเปิดผ้าโดยไม่รอเขา

สายตาเธอจดจ้องไปที่ชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนเขา ก่อนมองขันธ์อย่างสงสัย “นี่มันอะไรคะ”

เขตต์สวมสูทสีเข้มอย่างสุภาพ มาพร้อมช่อดอกไม้กับของขวัญในมือ เขาเรียนรู้ที่จะใจเย็นขึ้น

เขาถอนหายใจช้าๆ ก่อนบอกกับเธอ “ขันธ์อยากขอโอกาสจากลิน พี่ไม่ได้สนับสนุนหรอก แต่เขาทำให้พี่รู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปแล้ว หลายเดือนที่ผ่านมา เขาอาจหลงทางไปบ้าง แต่เขาก็พร้อมจะปรับตัวนะ”

“พี่เสียใจจริงๆ อย่าโกรธขันธ์เลยนะ เขาไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ เขาเอ่อแค่ช่วยให้พี่ได้เข้ามาที่นี่เท่านั้น” เขตต์พยายามอธิบายเมื่อเธอทำเหมือนทุกอย่างนั้นผิดพลาด

นลินมองเขาอย่างลังเล จิตใจเธอกำลังอ่อนไหวอีกครั้ง แต่ต้องทำอย่างไรให้มันเข้มแข็งพอที่จะปฏิเสธเขาได้เสมอ

“พี่ขอเพียงได้กลับมาอยู่ที่นี่ ใกล้ๆ ลินกับลูก ให้พี่ได้พิสูจน์ว่าพี่เปลี่ยนแปลงได้ นะครับ ได้โปรด” เขตต์คุกเข่าลงขอร้องเธออย่างจริงใจ

“อยู่กันแบบสามคนผัวเมียน่ะเหรอคะ คำตอบที่พี่สองคนต้องการจากลิน ทำไมคะ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย ทำไม” นลินเริ่มคุมสติไม่อยู่ เมื่อต้องถูกกดดันอีกครั้ง

“ทำไมไม่ได้ล่ะ ลินหยุดคิดเรื่องเซ็กซ์อย่างเดียวได้ไหม ทำไมไม่คิดว่าเรารักกันยังไง เราดูแลกันยังไง” ขันธ์ถามขึ้นอย่างจริงจังบ้าง และตรงจุดนลินเข้าเต็มๆ เขารู้ว่าเธอคิดหนักเรื่องไหน

“จะบ้าเหรอ ลินไม่ได้คิดเรื่องนั้นเรื่องเดียว แต่ลินไม่ลืมหรอกนะว่าผู้ชายคนนี้ทำร้ายลินกี่ครั้งแล้ว แค่ทำดีไม่กี่ครั้งไม่ทำให้ลินยกโทษให้หรอก” นลินยืนยันตามความคิดเดิม

“แล้วทำไมลินไม่เลิกรักเขาซะละ ทำไมไม่ลืมไปซะ ทำไมไม่หยุดรักเขาซะ” ขันธ์ถามอย่างจริงจัง ก่อนเบาน้ำเสียงลง เมื่อเห็นเธอสับสน “ลินฟังพี่นะ พี่ไม่ได้พูดในฐานะที่พี่เป็นคู่แฝดกับเขตต์ แต่พี่พูดในฐานะที่พี่รักลิน พี่รู้ว่าลินรักเขตต์ แล้วทำไมต้องทรมานตัวเอง”

“พอเถอะขันธ์ ถ้าพี่ทำให้ลินต้องเจ็บปวด เพราะพี่กลับมาแล้วล่ะก็ พี่เสียใจ พี่เห็นแก่ตัวพอแล้ว พี่จะไปเองถ้ามันทำให้ลินสบายใจขึ้น” เขตต์เค้นคำพูดที่เจ็บปวดที่สุด ก่อนหยิบกล่องใส่แหวนออกมา แล้วส่งมันให้คู่แฝด “มันไม่มีประโยชน์อีกแล้ว นี่คงไม่ใช่ความรักถ้ามันทรมานคนที่เรารัก”

ขันธ์มองกล่องแหวนในมือแล้วกำมือแน่น “การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่เหรอ ถ้าเราไม่ให้โอกาสเขตต์ แล้วเรายังจะมีชีวิตอยู่บนความทุกข์ของเขตต์ตลอดชีวิตเราอย่างนั้นเหรอ”

“แต่ถ้าเราไม่พร้อมจะอยู่ด้วยกัน มันก็รังแต่จะมีความทุกข์ ลินไม่คิดว่าพี่เขตต์พร้อมหรอกนะคะ” นลินพยายามข่มใจพูดในสิ่งที่ควรพูด

“งั้นลินก็หาคำอธิบายมาปลอบใจตัวเองได้ดีแล้วล่ะ” ขันธ์วางแหวนลงในมือเธอ ก่อนบอกทิ้งท้าย “ฝากทิ้งมันเหมือนที่ลินพยายามทิ้งความรู้สึกต่างๆ ไปด้วย ชีวิตมันก็แค่นี้แหละ กลบเกลื่อนแล้วทำเหมือนกลบปัญหาซะ ง่ายแต่ฝังลึก ยากจะลืมแล้วจะฝันร้ายตลอดไป”

นลินฟังทุกคำพูดของเขาแล้วเจ็บปวด ยิ่งรักยิ่งเจ็บปวด แต่ยิ่งเจ็บลึกเมื่อพยายามฝังความรู้สึกแล้วทำเหมือนลืมมันไป วิธีที่ง่ายที่สุดดูเหมือนสบายใจแต่กลับสะท้อนออกมาในยามที่ไม่ได้ระวังตัว

เธอพยายามป้องกันความเจ็บปวดของตัวเอง...และกำลังฝังบาดแผลที่จะไม่มีวันหายอย่างนั้นหรือ

แหวนสามวงที่มีสามห่วงซ่อนกัน ประดับเพชรเม็ดเล็กๆ เก้าชิ้น แต่ละวงมีสีที่แตกต่างกันอยู่ในกล่องเดียวกัน นลินมองมันอย่างสับสน

“ถ้าลินให้โอกาส พี่เชื่อว่าพี่เขตต์จะทำได้จริงๆ เหรอคะ” เธอไม่อยากตัดสินใจเอง

ขันธ์หันกลับมา แล้วถอนหายใจ “รู้อะไรไหม ไม่มีใครบอกได้หรอก แต่เราจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อเราให้โอกาสเขา ถ้าเขาเปลี่ยนได้ มันก็ดีกับเราทุกคนไม่ใช่เหรอ”

“พี่อย่าทำเหมือนกับลินผิดได้ไหมคะ ถ้าลินจะกลัวที่จะต้องเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันเป็นความผิดของลินเหรอ มันจะเป็นความผิดของลินก็ต่อเมื่อลินกระโดดลงไปเอง แต่ถ้ามีใครผลักลินลงไปอีก ลินก็โทษตัวเองได้ไม่เต็มที่สิคะ” นลินพูดออกมาอย่างสับสน

ขันธ์เดินเข้ามาโอบกอดเธอเอาไว้ในอก ก่อนอธิบาย “ลินเชื่อเถอะว่า พี่รักลินจริงๆ เขตต์รักลินจริงๆ หันไปดูสิ ในสวนแห่งนี้มีแต่ความรู้สึกของเขตต์ที่มีต่อลิน เขามาที่นี่ทำเองทุกอย่าง ให้คนมาส่งต้นไม้ แต่เขาลงมือปลูกมันเองทุกต้น เขาทำเพื่อลินกับลูกๆ นะ

เขาบอกว่าสระดินตรงนั้นต้องไม่ลึกมาก เดี๋ยวลูกจะผลัดตกลงไป เขาว่าลินชอบกลิ่นหอมของดอกไม้ เสียดายก็แต่อากาศที่นี่ไม่ร้อนพอ ไม่อย่างนั้นเขาจะเอาดอกไม้จากเมืองไทยมาปลูก

เห็นบอกว่าถ้าลินให้โอกาสเขาอีก เขาก็จะมีโอกาสอยู่ที่นี่ แล้วจะทำโรงเรือนสำหรับปลูกกล้วยไม้ ดอกไม้ที่พ่อลินชอบ อันนี้พี่บอกเองล่ะ ยังจำตอนหัวแตกได้อยู่นะ เขตต์มันยังหัวเราะอยู่เลย แล้วมันก็นึกขึ้นได้ว่า ถ้าลินให้โอกาสมัน มันจะต้องโดนมากกว่าพี่หลายเท่า” ขันธ์เล่าให้ฟังอย่างใจเย็น

“ถ้าจะตามพี่เขตต์กลับมาตอนนี้ยังทันไหมคะ” นลินต้องใจอ่อนอีกครั้ง และหวังว่าครั้งนี้จะไม่ใช่การตัดสินใจผิดพลาดอีก

“เอ่อ พี่ไม่ได้พูดเพื่อฝืนใจลินหรอกนะ พี่เข้าใจเรื่องบางเรื่องผู้หญิงก็ทำใจยาก เอ่อ พี่ไม่ได้หมายถึงแต่เรื่องเซ็กซ์นะ” ขันธ์มองเธอเปลี่ยนสีหน้าไปมาแล้วก็ต้องระวัง

“รู้แล้วค่ะ ยังไม่รีบเรียกกลับมาอีกเหรอคะ ไม่งั้นลินทิ้งแหวนจริงๆ นะ” นลินถูกเขาโอบกอดแทบจะทันทีที่เธอบอก ก่อนถูกจูบเบาๆ แล้วจัดการโทรหาคู่แฝด

“รีบกลับมา ไปถึงไหนแล้ว” ขันธ์บอกก่อนสั่ง

“ยังไปไม่พ้นประตูเลย กลับเดี๋ยวนี้เลย เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าประตูรั้วมันไกล” เขตต์ดีใจที่เธอยอมให้เขากลับมา เมื่อไปถึงก็เห็นว่าเธอยังอยู่ที่เดิม เขาก็รีบเดินไปคุกเข่าตรงหน้าแล้วกอดขาเธอเอาไว้

“อะไรเนี่ยคะ ลุกขึ้นมาเถอะค่ะ เดี๋ยวใครเห็นเข้าจะไม่ดีนะคะ” นลินรีบบอกให้เขาลุกขึ้น

“ก็พี่ดีใจนี่ พี่สัญญาว่าลินจะไม่ผิดหวังอีก” เขตต์ตอบก่อนลุกขึ้น เขาตัวโตกว่าเธอ แค่คุกเข่าก็แทบกอดเธอได้ทั้งตัวแล้ว

“แต่ลินจะทำให้พี่ผิดหวังหรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะ” นลินไม่ค่อยอยากจะรับเต็มปากเต็มคำนัก

เธอไม่แน่ใจอีกหลายเรื่อง แต่อย่างน้อยถ้าจะให้โอกาสกับเขาที่เธอรักก็คงไม่ผิดใช่ไหม...

“พี่จะดูแลลินกับลูกๆ ไปพร้อมๆ กับขันธ์ พี่จะพยายามใจกว้างให้มาก เพื่อความสุขของเราทุกคน พี่จะเลิกคิดถึงแต่ตัวเอง แล้วก็จะมีลิน ขันธ์ ลูกๆ อยู่ในความคิดเสมอ” เขตต์พูดสิ่งที่คิดเอาไว้ออกมาจนหมด

“พอแล้วค่ะ” นลินต้องบอกให้เขาลุกขึ้นอีกครั้ง ก่อนส่งกล่องแหวนให้ “วงไหนของลินเหรอคะ”

“วงนี้สิ เพชรเม็ดนี้พี่เอาวงที่เคยหมั้นลินไปเจียระไนออกมาแล้วมาประดับ” เขตต์ชี้ให้แล้วไมกล้าสวมให้เธอ

“เราก็มาสวมพร้อมกัน แต่สวมของใครของมันน่าจะยุติธรรมที่สุดแม้จะไม่โรแมนติกเท่าไร” ขันธ์หยิบวงที่เป็นเพชรสีเหลืองออกมาสวม ส่วนเขตต์ก็หยิบวงที่เพชรสีฟ้าออกมาสวม

แล้วพวกเขาก็สวมกอดกันสามคน ก่อนแยกจากกันแบบกระอักกระอวนใจ

“คงต้องอาศัยเวลาอีกพักใหญ่กว่าเราจะคุ้นละนะ เข้าบ้านกันเถอะ” ขันธ์พูดก่อนจูงมือเธอคนละข้างกับคู่แฝด กลับเข้าบ้าน

ต่างก็ต้องลองอีกสักครั้งถ้ายังไม่ลองจะรู้หรือว่าดีหรือไม่...

********************************************************
ลอย...ลอย...ลอยกระทง
เกือบจะหายไปกับลอยกระทงซะแล้วสิคะ
มาต่อกันดีกว่าค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
สุขสันต์วันลอยกระทงค่ะ

คุณ mimny --- ไม่มีหรอกค่ะที่ว่าไม่ถูกใจ ทุกคนมีสิทธิที่จะคิดได้ตามใจค่ะ อิอิ

คุณ tuk_ora --- อิอิ ค่ะ

คุณ fiona --- ความเชื่อที่ผู้ชายพยายามฝังไว้ให้เรานับตั้งแต่โบราณกาลว่า ผู้ชายสำคัญที่สุดไงคะ แท้ที่จริงเรา ผู้ชายก็ยอมรับไม่ได้ว่าผู้หญิงต่างหากที่อยู่เบื้องหลังในหลายเรื่องโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว 555+ มีคนบอกว่าเพลิงวารีเป็นแฟมินิสต์ ก็คงไม่ผิดหรอกค่ะ แต่เอาเข้าจริงๆ เพลิงวารีเชื่อว่าไม่ว่าเพศใดหรืออายุใด หรือคนไหน ก็สามารถที่จะทำจะเป็นได้ในสิ่งที่ใครก็อยากจะเป็นอยากจะทำ ^^ ประหลาดคนใช่ไหมคะ




 

Create Date : 01 พฤศจิกายน 2552
1 comments
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2552 23:36:25 น.
Counter : 490 Pageviews.

 

รู้สึกขันธ์จะชอบพูดกดดันให้ลินยอมรับการอยู่แบบสามคนผัวเมียอยู่เสมอเลยนะ อดคิดไม่ได้ว่ารักน้องมากกว่าที่จะสนใจความรู้สึกเมีย บอกเสมอว่าไม่อยากให้น้องเสียใจงั้นก็ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับลินตั้งแต่แรกแม้ตอนนั้นเขตต์จะมีปัญหากับลินก็ตาม เรื่องนี้มีแต่คนไม่รู้จักยั้งคิดยับยั้งช่างใจ เขตต์ถ้าไม่ใจโลเลซื่อสัตย์กับลินก็จะไม่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นขันธ์จะไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดลิน ส่วนขันธ์ถ้ารู้จักคิดไม่บังคับขืนใจลินก็จะไม่เกิดเรื่องกระอักกระอ่วนแบบนี้ลินก็อาจจะปรับความเข้าใจกับเขตต์ได้หรือไม่ก็อาจจะเลิกกันไปโดยไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกับสองพี่น้องนี้อีก ส่วนลินถ้ารู้จักตัดใจเข้มแข็งไม่อ่อนไหวง่ายๆให้อารมณ์พาไปก็คงไม่ต้องวุ่นวายใจกับเรื่องแบบนี้

 

โดย: mimny 2 พฤศจิกายน 2552 1:58:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

เพลิงวารี
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ไหดองเหล็กไหล
New Comments
[Add เพลิงวารี's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com