ให้สมาชิกในบ้านเลือกระหว่างไปเที่ยวบ้านแพ้ว (วัดหลักสี่กับศูนย์เรียนรู้ปิยชนก) กับล่องเรือคลองมหาสวัสดิ์ สมาชิกโหวตล่องเรือคลองมหาสวัสดิ์ โอเคงั้นเราไปกัน
เช้าทำอะไรเสร็จไม่รีบร้อน เดินทางจากอำเภอเมืองไปอำเภอนครชัยศรี เลี้ยวซ้ายเข้าตลาดท่านา รถติดพอสมควรเลย คนมาเที่ยวเยอะมาก ข้ามสะพานแม่น้ำนครชัยศรี ตรงไปวัดสุวรรณาราม ตำบลศาลายา
ในวัดสุวรรณาราม มีรถนักท่องเที่ยวอยู่บ้าง ร้านขายของ2ร้าน ดูไม่ใช่ที่ท่องเที่ยวอ่ะ
เราเดินไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวและกาแฟโบราณด้วย มีลุงกับป้าคอยต้อรับและจัดคิวเรือ
สมาชิกเริ่มหิวข้าวกลางวันเราเลยสั่งก๋วยเตี๋ยวมากินก่อน ส่วนกาแฟวันนี้ลุงงดค่ะ เจอออร์เดอร์ใหญ่ไปตอนเช้า
เราสั่งก๋วยเตี๋ยวแล้วก็ไปเลี้ยงปลารอที่ท่าน้ำสำหรับลงเรือ
ปลาสวายตัวใหญ่มาก แต่ไม่เบียดเสียดเยียดยัดกันมาก
ถัดไปคือห้องแถวเก่าซึ่งเป็นร้านของชำและน้ำแข็งไส
ร้านดูไม่เฟคนักท่องเที่ยวมาก เป็นแบบโชห่วยของแท้ค่ะ ถัดไปเป็นห้องแถว นึกถึงเรื่องอยู่กับก๋งเลย บรรยากาศสงบสุขดีจัง
ก๋วยเตี๋ยว+ น้ำแข็งไสมาแล้วค่ะ
สั่งเส้นเล็กน้ำ - แห้ง - ต้มยำ ครบเซ็ท
ชามละ 20บาทเอง รสชาติดีค่ะ แต่เส้นยุ่ยไปนิด ไม่ว่ากันค่ะ
เรือมาแล้ว เราไปกันเลย
วันนี้เราได้ไปเรือลุงอู๋ ซึ่งพอจบทริปแล้ว เราลงความเห็นว่าโชคดีมากๆ เพราะลุงอู๋ดูแลดีมากและเป็นคนพื้นถิ่นจริงๆ ถามอะไรแกตอบได้หมดค่ะ อีกอย่างคือ ลุงมีจิตสาธารณะ ใจเย็นมากๆด้วยค่ะ
เราจะไปกัน 4 จุดคือ
1. กลุ่มแม่บ้านโอทอป
2. นาบัว
3. สวนผลไม้
4. สวนกล้วยไม้
ไปกันเลย
เรือที่ผ่านไปมามีเป็นเรือนักท่องเที่ยวเหมือนกัน บรรยากาศชิลล์ๆ ไม่จอกแจกจอแจ
ลุงอู่เล่าว่าเมื่อก่อนคนมาเยอะเรือเป็น20ลำ ตอนนี้คนน้อยลงเหลือเพียง 10 กว่าลำเท่านั้น คนหนุ่มสาวก็หนีไปหางานประจำทำกันมากกว่า....
มาดูบรรยากาศกันต่อดีกว่าค่ะ
ผ่านบ้านที่ทำน้ำฟักข้าวขายด้วยค่ะ ลูกสวยๆห้อยโตงเตง
มีบ้านที่ทำแพผักบุ้งแม่น้ำ (แบบที่ใส่เย็นตาโฟ) หลายบ้านเลยค่ะ
คนพื้นที่เดิมๆ จะมีบ้านติดน้ำ มีศาลาริมน้ำกันหมดเลยค่ะ บ้านนี้กำลังรวบรวมผักบุ้งเพื่อส่งกันเลยค่ะ
จุดที่ 1 กลุ่มแม่บ้านโอทอป
อยู่ตรงบ้านศาลาดินนะคะ
เลือกที่นี่เพราะอยากกินขนมอ่ะ
ข้างตังไร้ซ์เบอร๊่ที่นี่ดังมากค่ะ และมีผลิตภัณฑ์แปรรูของในพื้นที่ไม่ใช่ว่าเอาของที่อื่นมาลงๆๆให้มันดูเยอะไปหมด
ขึ้นจากท่าน้ำไปเจอจุดให้ชิม ลองกันเลยค่ะ ข้างตังจะมีทั้งหน้างาและหมูหยอง เค้าให้ทาน้ำและราดหน้ากันเองสนุกสนาน
มาดูของอื่นๆกันนะคะ
ราคาของไม่แพงมาก ไม่โหล
นำเสนอบานานุ่มเป็นการส่วนตัว กล้วยหอมกวนคิดว่าธรรมดา แต่นุ่มนวลอร่อยมากกกกกก ซื้อมาฝากเพื่อนแต่กินเองหมดเลย
ที่นี่มีคนมาดูงานเยอะมีแปลงข้าวสาธิตไว้ให้เด็กๆดูด้วย
ข้างหน้าศูนย์เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวริมน้ำ และมีร้านกาแฟ เป็นจุดพักของนักปั่นจักรยาน
เราไปต่อกันเลยดีกว่าค่ะ
จุดที่ 2 นาบัว
อยู่แยกจากคลองใหญ่ เข้าซอยไปค่ะ
น้ำใสกว่าข้างนอก คลองใหญ่ที่น้ำดูดำๆเพราะช่วงนี้ของปี จะมีน้ำเสียจากนาข้าวสูบออกมาปล่อยในคลองค่ะ
ในอนาคตเขาจะปิดประตูน้ำ ในคลองจะไม่มีการไหลเวียนของน้ำอาจจะแย่ลงก็ได้ เอาใจช่วยให้มีทางออกที่ดี
เห็นขอบถนนสูงๆลุงอู๋เล่าให้ฟังว่าตอนน้ำท่วมใหญ่ เรือต้องขึ้นไปแล่นบนถนนเลยค่ะ
มาถึงแล้วค่ะ บ้านที่ทำนาบัว
กำลังจะเดินไปที่นา กะบูนกริ๊ดกร๊าดอะไร
เจอเจ้าถิ่นค่ะ น้องปอม2ตัวมารับแขก น่ากลัวมากกกก
ทางไปนาบัวจะมีพืชผสมผสานหลายอย่างเลย น่าอยู่มากๆ
มาถึงนาบัวมีศาลานั่งเล่น และศาลาใหญ่ไว้ให้นักท่องเที่ยวไปลงเรือน่านอนเล่นมากก
วันนี้บรรยากาศโดยรวมดีไม่ร้อน บัวที่นี่เป็นบัวหลวงแดงค่ะ
ลุงอู่เล่าว่าราคาดีกว่าบัวหลวงขาวเพราะส่งออกนอกได้ด้วย
หน้าหนาวจะมีน้อยกว่าหน้าร้อน ถ้าจะเด็ด ตอนนี้เลยแพงหน่อยดอกละ 4 บาท ก็ดีนะคะ คิดตังค์ด้วย คนจะได้ไม่เด็ดมั่วซั่ว
เรือสแตนเลสมี2 ลำ การท่องเที่ยวให้มาค่ะ ต้องรอกลุ่มอื่นก่อนนะคะ
ระหว่างรอจะให้อาหารปลาหรือชมบัวไปก่อนก็ได้
พอถึงคิวก็ลงกันเลยค่ะ แดดเริ่มออก ลืมเอาหมวกมา ลุงอู่ใจดีเอาร่มมาให้ด้วย
คนขับเรือที่พามาจะเป็นคนพายให้เราและมีพายอีกอันให้เราลองหัดพายค่ะ
ยายเด็ดดอกบัวงามๆไป6ดอกจะเอาไปไหว้พระเย็นนี้
กะบูนอยากได้ใบบัว ลุงอู๋ใจดีเด็ดให้แถมเอาใบพันก้านให้ด้วย กันเจ็บมือ ใจดีจัง
น่าเอาไปทำข้าวห่อใบบัวแต่ ลุงอู่ไม่แนะนำโดยบอกว่า มีการฉีดยาฆ่าเพลี้ยไฟอาทิตย์ละครั้ง ถึงไม่อันตรายมากก็อย่าเสี่ยงดีกว่า
เราก็คิดว่ายายังไม่เยอะมากดูจากธรรมชาติที่นี่พวกแมลงยังอยู่ดี มีฝูงแมลงปอวนเวียนอยู่ใกล้ๆ นกกาน้ำอีกฝูงอยู่ตรงคันนา ซึ่งมีการปลูกพืชผสมผสานเช่นกล้วย ตะไคร้
เกือบครบรอบ ฝนมาค่ะ เลยรีบขึ้นไปพักกันที่บ้านเจ้าของนา เจอเต่าบินที่เขาเลี้ยงไว้ เชื่องมากๆ ลูบได้จับได้ไม่กัดค่ะ
ฝนเริ่มแรง แต่ก็ยังสบายๆ
มองไปรอบๆ มีกำตะไคร้ไว้ส่งขายด้วย คนขยันไม่มีวันจนค่ะ
ช่วงรอกะบูนไม่เบื่อเพราะมีของเล่น พยายามทำใบบัวเป็นร่มบ้าง เอาใบบัวไปรองน้ำกลิ้งๆเล่นบ้างสนุกเขาล่ะ
ฝนเริ่มซาแล้ว ไปต่อกันค่ะ ลุงอู๋เช็ดเรือซะเรี่ยมเลยเอาผ้าปิดของกันเปียกให้เราด้วย บอกแล้วว่าดูแลดีมาก
จุดที่ 3 สวนผลไม้
สวนนี้เป็นเกษตรกรดีเด่นค่ะ แต่เจอวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ ต้นไม้ล้มตายไปเยอะต้องปลูกใหม่ เพิ่งจะเก็บได้ไม่มากช่วงนี้เลยมีผลผลิตไม่ค่อยหลากหลาย ต้องใช้ผลไม้จากเครือข่ายมาเพิ่มบ้าง แต่ไม่มีย้อมแมวขายเอาของที่อื่นมาปนขายค่ะ ยกนิ้วให้
มีค่าขึ้นรถอีแต๋นเที่ยวละ80บาทค่ะ จัดไป แต่รอคิวนิดนึง เขามีน้ำเย็นขนม+ผลไม้ต้อนรับค่ะ
ระหว่างรอเดินดูของกันหน่อย
ที่นี่จะเด่นเรื่องการแปรรูปกล้วยหอมทอดเป็นรสต่างๆมีทั้งแบบธรรมชาติ เนย หรือที่เด็กๆชอบเช่นบาร์บีคิว สาหร่าย พิซซา ต้มยำ
ผลไม้ตอนนี้ก็จะมีกล้วยเป็นส่วนมากค่ะ
ชมต้นไม้ ดอกไม้สวยๆ อิจฉาคนมีสวนแบบนี้จัง
รถมาแล้วคุณลุงบอกไม่ต้องพัก ขึ้นรถมาเล้ยยย
ไปกันเล้ยยย
เข้าไปถนนในสวน คุณลุงเป็นแฟนพี่ดอม The Fast and the Furious หรือเปล่าคะ มันส์มาก
ผลไม้ที่ปลูกเน้นขนุน(เหลืองบางเตย) กับส้มโอ(ขาวน้ำผึ้ง) มะม่วง มีกล้วยและหมากแซมๆ มีทองหลางที่รอดน้ำท่วมหลายต้นเลย
พอสักพักก็จะเจอนาข้าว เห็นคันนาสูงๆ ตอนน้ำท่วมใหญ่ไม่รอดนะคะ
สดชื่นนนนนน
สนุกมากๆค่ะ แนะนำเลย
เสร็จแล้วเราออกจากสวนผลไม้ไปต่อกันค่ะ
จุดที่ 4 สวนกล้วยไม้
ที่สุดท้ายของทริปแล้วค่ะ
ตอนแรกลุงอู๋บอกว่าไม่แน่ใจว่าจะลงสวนได้ไหม เพราะฝนตกดินแฉะอาจจะเดินไม่ได้ ลองไปดูกันก่อนละกันนะ
ขับเรือย้อนไปหน้าวัดเลยไปอีกหน่อย เกือบถึงศาลายาเลย เห็นแนวขาวๆที่ริมคลองไหมคะ
มันคือการประยุกต์ใช้ขวดน้ำเป็นทุ่น ที่เมื่อก่อนจะเป็นไม้ไผ่ เพื่อทำทุ่นกันสวะค่ะ
ช่วงผ่านหน้าวัด เจอแพกอใหญ่ลอยมาลุงอู๋บอกว่าขอขับผ่านแพผักตบชวาเพื่อจะตัดออกไม่ให้ใหญ่เกิน
ผลก็คือมีเชือกในกอผักตบชวาทำให้พันใบเรือต้องเอามีดมาตัดออก
สวะนี่มีคนเก็บขึ้นมาตากแห้งขายให้คนที่ทำดินถุงเกษตร กิโลละ20บาทค่ะ
เสร็จแล้วไปต่อค่ะ คนธรรมดาที่ใช้เรือยังพอมีนะคะ
มาถึงสวนขึ้นท่าน้ำ เจอไข่หอยเชอรี่ เลยเก็บให้กะบูนดู ลุงอู่ก็มาช่วยเก็บให้ กะบูนสนใจตื่นเต้นมาก เพราะไม่เคยเห็นและสีมันสวยๆดี
ไปกันต่อค่ะ สวนกล้วยไม้ฝนตกน้อยกว่าตรงนาบัวลงดูได้ค่ะ มี 2 สวนถนนผ่านกลางพอดี
มีแบบใส่กระถางขายด้วยนะคะ
ลงไปสวนทางซ้ายมือก่อน (หันหลังให้คลอง) จะเป็นสวนที่ตัดดอกเพื่อกำขาย ในสวนจะมีใบเตยเองด้วย 1กำ/1ต้น กำส่งกำละ8บาท ขายปลีกกำละ10บาท มาถึงบ้านเรา 2 กำ25บาท
ลุงกับป้าจัดได้เร็วและสวยค่ะ
เข้าไปดูในสวนได้ค่ะ สวยอ่ะ
ข้ามไปอีกฟากค่ะ ลุงอู่อธิบายว่าการทำกล้วยไม้ ต้องคัดขายส่งนอก ซึ่งมีมาตรฐานสูงด้วย และขายตลาดในประเทศด้วย ถึงจะอยู่ได้ค่ะ
แถมนิด กล้วยหอมข้างสวนกล้วยไม้ โดนทอดทิ้งแบบนี้ คนซื้อกล้วยหอมหวีละ30-40 บาท ปลีกล้วยละ5-10บาทแบบเราปวดใจ
จบทริปแล้วล่องเรือกลับค่ะ
กลับมาที่ท่าน้ำใช้เวลาตั้งแต่ก่อนเที่ยงนิดๆถึงบ่าย 3
คุ้มค่ามากๆจ่ายค่าเรือไป560บาท ให้ลุงอู๋พิเศษไปเป็นสินน้ำใจ
ลุงไม่ได้กินข้าวกลางวัน เพราะมีกลุ่มใหม่รอคิวอยู่
ลุงอู่บอกว่าที่นี่มีการท่องเที่ยวมา 15 ปีแล้ว ตอนนี้คนน้อยลงน่าจะเป็นเพราะมีตลาดน้ำใหม่ๆผุดขึ้นเยอะมาก ที่นี่เลยมีความพยายามจะทำตลาดน้ำที่ศาลาดิน (ตรงแม่บ้านโอทอป) เพื่อจูงใจให้คนมาเที่ยว
ขอให้ประสบความสำเร็จนะคะ
มีโปรแกรมดีๆนำเสนอด้วย วันลอยกระทงที่นี่จะมีตักบาตรเรือตอนเช้าและงานลอยกระทงค่ะ ฝากไว้เลย ถ้ามีโอกาสอาจจะมาเหมือนกันค่ะ(ที่กลัวคือขับรถกลางคืนไม่เก่ง ถ้าถนนตรงนครชับศรีดีขึ้นก็น่าสนค่ะ)
จบทริปด้วยความอิ่มท้องอิ่มอกอิ่มใจ แต่ยังวันอยู่เราขับรถไปต่อกันอีกนิดที่ประจำของเรา องค์พระปฐมเจดีย์
พาครอบครัวมาสักการะพระรูปของสมเด็จพระปิยมหาราชค่ะ
อยู่ตรงวิหารที่ขึ้นมาจากประตูหลวงพ่อศิลาขาว ที่มีเจดีย์ยายหอมนะคะ
วนมาไหว้พระร่วงโรจนฤทธิ์วันนี้คนมามากจริงๆค่ะ ขนาด4โมงกว่าแล้ว
เราเลยไม่กินตรงโต้รุ่งค่ะ ไปกินร้านประจำดีกว่า ร้านใหญ่กระทะร้อน ขวัญใจเด็กศิลปากร
หน้าผับ 1-2-3
ที่นี่เค้าเด่นอาหารผัดค่ะ
ข้าวผัดทะเล
ข้าวผัดผงกระหรี่ทะเล
เซี่ยงไฮ้กระทะร้อน
มีแมวจรรู้ว่ากะบูนบ้าแมว แอบมาเล่นด้วย ถ้าไม่ติดหมาที่บ้านมีอุ้มกลับค่ะ
ปิดทริปสุขสันต์วันหยุดยาว
ขอบคุณที่มาอ่านนะคะ
ขอบคุณพี่ๆน้องๆทุกคนที่มาเยี่ยมจะตามไปทักนะคะ