|
Value Way : รุก ถอย ตั้งรับ
Value Way : รุก ถอย ตั้งรับ
มนตรี นิพิฐวิทยา ช่วงเวลานี้เป็นช่วงของการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั้งหลาย ซึ่งแน่นอนว่าบริษัทที่ทั้งผมและคุณๆ ก็ได้ประกาศผลประกอบการกันออกมาแล้ว และไม่ใช่แค่เป็นช่วงเวลาของผลประกอบการเท่านั้น ยังเป็นช่วงเวลาของความสับสนวุ่นวายทางการเมืองที่น่าปวดหัว และล่อแหลมต่อเสถียรภาพของประเทศยิ่งนัก
คำถามที่ถูกถามบ่อยๆ ในช่วงนี้คือจะทำอย่างไรดี
บางท่านเห็นว่าฉวยจังหวะช่วงวุ่นวายฝุ่นตลบนี่แหละดี ซื้อหุ้นเข้าให้มากๆ พอฝุ่นจางเดี๋ยวหุ้นจะดี เพราะกิจการที่ลงทุนนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดต่อสถานการณ์ในขณะนี้
บางท่านเห็นว่า ในเมื่อความวุ่นวายบังเกิดขึ้นจนงงไปหมดเช่นนี้แล้ว อย่ากระนั้นเลย ถอยออกมาคอยเมื่อฝุ่นจางแล้วค่อยลงมือจะดีกว่า
บางท่านก็บอกว่ากระสุนหมดแล้ว จะซื้อก็ไม่ได้ จะขายก็ไม่เห็นจะเวิร์ค เอาเป็นว่านั่งบนภูดูเสือกัดกันจะดีกว่า
ทั้งสามกรณีที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นกลยุทธ์ที่ดีทั้งนั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับว่าบริษัทที่คุณจะซื้อ จะขาย หรือถืออยู่มันได้รับผลกระทบกับสถานการณ์หรือไม่อย่างไร
สำหรับผมแล้ว การลงทุนคือความสุขอย่างหนึ่ง เมื่อมาดูหุ้นที่ถือก็มีความสุข ไม่วุ่นวายใจ ไม่ต้องคิดมาก แต่ถ้าใครถือแล้วชีวิตไม่สงบสุขต้องมานั่งเฝ้ากระดานหุ้น เฝ้าติดตามสถานการณ์ก็ควรจะถอย แต่ถ้าใครคิดว่าแน่นอน ลุยเลยดีกว่าก็ไม่น่าจะผิดกติกามารยาทอันใด
สำหรับคุณๆ ที่อยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะจะขายก็ไม่ได้ ขาดทุนอยู่ จะซื้อก็ยังไม่กล้า ผมขอบอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการตัดสินใจทีเดียว เพราะช่วงนี้ท่านจะสามารถตรวจสอบผลการดำเนินงานของบริษัทได้อย่างเต็มที่ มีงาน Opportunity day ที่ผู้บริหารมาให้ข้อมูลแก่นักลงทุน มีการประชุมผู้ถือหุ้นที่ผู้ถือหุ้นจะสามารถซักถามผู้บริหารได้อย่างเต็มที่ มีการนำเสนองบการเงิน และระหว่างที่วุ่นวายกันอยู่นี้ท่านก็สามารถหนีบเอางบการเงินและข้อมูลของบริษัทปลีกวิเวกไปศึกษาได้โดยไม่ต้องกลัวว่าหุ้นจะวิ่งขึ้นหนีท่านไปไหน เพราะช่วงนี้ราคาหุ้นจะวิ่งขึ้นๆ ลงๆ ตามข่าวการเมืองซึ่งไม่นิ่งมาเป็นเดือนแล้วครับ
การทำความเข้าใจกิจการนั้นมีสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการทำธุรกิจ สินค้าหรือบริการ ลูกค้าคู่แข่ง และผู้ขายวัตถุดิบ กลยุทธ์การตลาด โครงสร้างรายได้ และต้นทุน รวมถึงคุณสมบัติที่สำคัญๆ ของผู้บริหาร
เมื่อเราเข้าใจโครงสร้างทางธุรกิจโดยรวมของบริษัทแล้วเราจึงค่อยมาศึกษาโครงสร้างทางการเงิน มาตรวจดูความมั่งคั่ง มั่นคง ตรวจดูความสามารถในการทำกำไร และความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทนั้นๆ ผ่านงบการเงิน
สำหรับการตรวจสอบบริษัทผ่านงบการเงินนั้น สิ่งที่เราจะสามารถประเมินได้แน่ๆ คือ
1.ความซื่อสัตย์ของผู้บริหาร เพราะการจะตุกติกอะไรในกิจการนั้นๆ ผู้บริหารจะต้องทำผ่านกิจกรรมทางการเงิน ซึ่งแน่นอนต้องมีการลงบัญชี และก็จะซุกๆ ซ่อนๆ ผ่านบัญชีในรูปแบบต่างๆ นั่นเอง
2.ความสามารถของผู้บริหาร หากผู้บริหารมีความสามารถ และซื่อสัตย์ ความสามารถนั้นจะแสดงผ่านมาที่ผลกำไร และกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องยาวนาน และคงเส้นคงวา
3.อาการต่างๆ ทางธุรกิจ เราสามารถประเมินอนาคตสั้นๆ ได้ไม่ยากว่า ในอีกหนึ่งหรือสองไตรมาสข้างหน้า บริษัทจะมีสถานการณ์เช่นไร เช่นหากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานมีค่อนข้างน้อย อาจมีการกู้เพิ่ม หรือเพิ่มทุน หากมีเงินสดเหลือมากอาจมีการลงทุนใหม่ๆ เกิดขึ้น หรือจ่ายปันผลงามๆ ออกมา เป็นต้น
เมื่อเราได้ศึกษาข้อมูลทั้งหมดทั้งสิ้นดังกล่าวแล้วหากได้พูดคุยทำความรู้จักกับผู้บริหารสักหน่อยก็จะทำให้เราตัดสินใจได้ว่า จะรุก ถอย หรือตั้งรับดีได้อย่างแน่นอน
สำหรับในบทความครั้งต่อๆ ไป ผมจะรวบรวมเนื้อหาเกี่ยวกับการจับสัญญาณทางการเงินผ่านงบการเงินมานำเสนอต่อคุณๆ กันครับ
Create Date : 20 เมษายน 2549 |
Last Update : 20 เมษายน 2549 19:49:18 น. |
|
1 comments
|
Counter : 736 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: เส็ง อรุณพงค์ไพศาล IP: 58.147.83.139 วันที่: 21 เมษายน 2549 เวลา:8:19:12 น. |
|
|
|
|
hoon_vi |
|
|
|
|