แหล่งรวบรววมวิธีเล่นหุ้น
 
ทางสองแพร่ง "ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น" ขาย หรือ แบกขาดทุน.."โลตัส เซียงไฮ้"

ทางสองแพร่ง "ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น" ขาย หรือ แบกขาดทุน.."โลตัส เซียงไฮ้"

จับตาการตัดสินใจของ "ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น" กับการถือหุ้น 30% ใน "โลตัส เซียงไฮ้" ภายหลังบริษัทแบกภาระขาดทุนมาโดยตลอด ขณะที่ในปีนี้บริษัทอาจจะต้องรับซื้อหุ้นคืนจาก ไชน่ารีเทลฟันด์ อีก 24% ซึ่งจะบั่นทอนผลกำไรให้หดลงมากขึ้น


ท่ามกลางการเติบโตอย่างสวยงาม ของธุรกิจในประเทศไทยของ "ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น" (CP 7-11) กลับถูกบั่นทอนโดยการถือหุ้นใน "โลตัส เซียงไฮ้" ที่กำลังขาดทุนอย่างหนัก

บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า ในปี 2548 "เซเว่นฯ" อาจจะต้องรับรู้ส่วนที่ขาดทุนของ "โลตัส เซียงไฮ้" ที่ถืออยู่ในสัดส่วน 30% ประมาณ 1 พันล้านบาท และคาดว่าปี 2549 นี้ก็อาจจะยังขาดทุนอีกประมาณ 1 พันล้านบาท หากยังถือครองหุ้น "โลตัส เซียงไฮ้" ในสัดส่วนเท่าเดิม

ทั้งนี้เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศจีนที่ขยายตัวค่อนข้างสูง ส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกข้ามชาติต่างเข้ามาแข่งขันกันอย่างรุนแรง

ขณะที่ โลตัส เซียงไฮ้ มีนโยบายขยายสาขาอย่างต่อเนื่องปีละ 10-15 สาขา แม้ว่ากิจการจะประสบภาวะขาดทุน โดยในปี 2548 มีสาขาเปิดใหม่ 10 สาขา ส่งผลให้มีสาขาทั้งสิ้น 38 สาขา ขณะที่ยอดขายสาขาเดิมลดลงประมาณ 20%

ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ ในปีนี้ "เซเว่นฯ" อาจจะต้องเพิ่มสัดส่วนในการถือครองหุ้น "โลตัส เซียงไฮ้" เพิ่มขึ้น เนื่องจากได้ทำสัญญา Put Option ให้สิทธิแก่ "ไชน่ารีเทลฟันด์" ซึ่งถือหุ้นใน โลตัส เซียงไฮ้ สัดส่วน 24% สามารถขายหุ้นคืนให้กับ CP7-11 (หากโลตัส เซียงไฮ้ประสบผลขาดทุนต่อเนื่องหรือไม่สามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ประเทศจีนได้) ภายใน เดือนมีนาคม 2549 โดยสัญญาต่ออายุได้อีก 6 เดือน

ทั้งนี้หาก "ไชน่ารีเทลฟันด์" ขายหุ้นนี้คืนให้กับ CP7-11 จริง ก็หมายความว่า CP7-11 จะต้องมีหุ้น โลตัส เซียงไฮ้ ในสัดส่วนที่สูงถึง 54% ทำให้บริษัทจะต้องรับภาระขาดทุนมากขึ้นตามสัดส่วนหุ้นที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า หากบริษัทขายหุ้นโลตัส เซียงไฮ้ ออกไป (ทั้งก้อน) CP7-11 จะมีกำไรสุทธิในปี 2549 จำนวน 2,734 ล้านบาท แต่หากยังถือหุ้นโลตัส เซียงไฮ้ในสัดส่วน 30% ต่อไป จะบั่นทอนกำไรของบริษัทลดลงเหลือ 1,924 ล้านบาท

"ประสิทธิ์ ฉกาจธรรม" รองผู้จัดการทั่วไป ประจำสำนัก CEO บุคคลใกล้ชิดกับ "ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น ให้ความเห็นกับ "กรุงเทพธุรกิจ BizWeek" ว่า บริษัทจะยังไม่ขาย โลตัส เซียงไฮ้ ออกไปอย่างแน่นอน

"เท่าที่ฟังนโยบายล่าสุด เมื่อ 2 เดือนก่อน ผมไม่ได้ยินนโยบายจากเครือมาเลย ส่วนท่านประธานเครือซี.พี. ธนินท์ เจียรวนนท์ ก็ยังคงให้ความสำคัญที่จะมีฐานค้าปลีกอยู่ในประเทศจีน"

ประสิทธิ์ บอกว่า หาก ไชน่ารีเทลฟันด์ ต้องการขายหุ้นคืน ทางบริษัทก็ยังคงมีทางออก คือ หาพันธมิตรเข้ามาซื้อหุ้นต่อ

ส่วนในกรณีที่ CP7-11 จะขายหุ้นก็จะเป็นในลักษณะการแบ่งขายให้กับพันธมิตร เพื่อเสริมศักยภาพความเข้มแข็งเท่านั้น ไม่ใช่การขายหุ้นทิ้งหมด

อย่างไรก็ตามแนวโน้มของ โลตัส เซียงไฮ้ ถือว่ามีโอกาสที่จะดีขึ้นตามการเติบโตของเศรษฐกิจจีน ขณะเดียวกันทาง CP7-11 ก็ได้ปรับให้สาขามีบทบาทมากขึ้น จากเดิมส่วนกลางจะเข้าไปมีบทบาท ส่วนการขาดทุนนั้น ถือว่า เป็นเรื่องปกติของการลงทุน เพราะการสร้างสาขานั้นจะต้องลงทุนมหาศาล

"แม้โลตัส เซียงไฮ้ จะขาดทุน แต่ประเทศจีน ก็ถือว่าเป็น กลุ่มประเทศดาวรุ่ง จำเป็นต้องยึดพื้นที่ หากช้าพื้นที่ก็ถูกจองหมด นี่คือ เหตุผลที่เราตัดสินใจขายหุ้นโลตัสในไทยช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ และ รักษาโลตัสที่จีนไว้

วัดกันง่ายๆ ที่บอกว่า โลตัสที่จีนขาดทุน แต่ "ทรู คอร์ปอเรชั่น" (ธุรกิจโทรศัพท์ในเครือซี.พี.) ไม่ขาดทุนเยอะกว่าหรือ ทำไมเราไม่เลือกขายตัวที่ขาดทุนเยอะ เพราะเรามองเป็นกลยุทธ์อะไรอีกหลายอย่างในอนาคต

อย่าง ตัวของธุรกิจค้าปลีกเซเว่นฯ เองก็เหมือนกัน เราขาดทุนอยู่หลายร้อยล้านกว่าจะทำกำไรขึ้นมามากขนาดนี้ ที่จริงตอนขาดทุนทุกคนบอกให้ขายทิ้ง แต่ท่านประธานไม่ยอม"

เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้ "เซเว่นฯ" จะยังมีปัญหาคาราคาซังด้านนี้ก็ตาม แต่กองทุนต่างประเทศกลับให้ความสนใจเก็บหุ้น CP7-11 เพิ่มขึ้นอย่างมากในปีที่ผ่านมา โดย กองทุนรัฐบาลสิงค์โปร์ (GIC) เข้าเก็บหุ้น CP7-11 อีก 3.48% ในราคาสูงสุด 5.7 บาทต่อหุ้น ปัจจุบันมีสัดส่วน 6.26%

ส่วน T.Rowe Price Associates Inc&its affiliates เข้าเก็บหุ้นในปีที่ผ่านมา 1.70% ในราคาสูงสุด 6 บาทต่อหุ้น ปัจจุบันถือหุ้นในสัดส่วน 5.06%

"ประสิทธิ์" บอกว่า นี่คือบทสะท้อนการเติบโตของบริษัท ซึ่งมีอัตราการเติบโตในปี 2548 เป็นตัวเลขถึง 2 หลัก โดยคาดว่าจะมียอดขายประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรสุทธิของบริษัทปกติจะอยู่ประมาณ 2% อย่างไรก็ตามสำหรับตัวเลขที่แท้จริงนั้นจะประกาศหลังจากประชุมคณะกรรมการวันที่ 27 ก.พ.นี้

ด้าน "ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์" เปิดเผยว่า ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งเป้าจะเปิดสาขาเซเว่นฯ ในประเทศให้ครบ 5,000 สาขา จากปัจจุบันที่ มีสาขาทั้งสิ้น 3,300 สาขา โดยจะวางเกมรุกเปิดสาขาอย่างหนักในปี 2549 ถึง 450 สาขา หรือคิดเป็นอัตราการเปิดสาขา 4 สาขา ใน 3 วัน คาดว่าจะใช้เงินสาขาละประมาณ 2 ล้านบาท โดยบริษัทจะใช้กระแสเงินสดของบริษัทปูพรหมเปิดเอง ไม่มีการกู้เด็ดขาด ก่อนที่จะนำสาขาที่เปิดมาขายต่อให้เป็นแฟรนไชส์อีกที

"450 สาขาที่ตั้งไว้เราจะเป็นผู้หาทำเลเปิดเองทั้งหมด ก่อนคัดเลือกคนขายให้เป็นแฟรนไชส์ทีหลัง เพราะที่ผ่านมาหากคนมาขอแฟรนไชส์ 90% จะไม่ประสบความสำเร็จ ส่วนอัตราการปิดสาขาของบริษัทต่ำมากเพียง 5% เท่านั้น"

ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทมีนโยบายการเพิ่ม อัตราการหมุนเวียนสินค้าในร้านค้ามากขึ้น โดยได้กำหนดเกณฑ์ไว้ 1 เดือนจะต้องมีสินค้า 200-300 เอสเคยูใหม่เข้ามา จากเดิมอยู่ในหลักที่ไม่เกิน 100 เอสเคยู

ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้ค่าแรกเข้าสินค้ามากขึ้น แต่ทั้งนี้หลักการไม่ใช่เพราะบริษัทต้องการค่าแรกเข้า แต่เพราะอยากให้ลูกค้าพบความแปลกใหม่ในสินค้ามากกว่า พร้อมกันนี้ยังเน้นนโยบาย สินค้าอาหาร ให้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีมาร์จิ้นสูง

นอกจากนี้ในปีนี้บริษัทจะนำกลยุทธ์ใหม่ด้วยการเปิดร้านคูหาที่ 3 เพิ่มเติมจากร้าน 7-11 เดิม เพื่อกำหนด 2 แนวทางคือ 1) ร้านบุ๊คสไมล์ จะเปิด 150 สาขา และ 2) ร้านคัดสรร ขายสินค้าภายในบ้าน ราคาต่ำ ภายใต้ “เฮ้าส์แบรนด์” จะเปิด 20 แห่ง จะช่วยให้มีส่วนแบ่งตลาด 50% ของร้านค้าสะดวกซื้อทั้งหมด

ไม่เพียงเท่านั้น บริษัท ไทยสมาร์ทคาร์ด ผู้ผลิตบัตรเงินสด สมาร์ทเพิร์ส ซึ่ง CP7-11 ถือหุ้น 32.24% จะมีการลงทุนในระบบซอฟต์แวร์ต่างๆ กับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่ออีก 400 ล้านบาท จากเดิมที่ลงทุนไปแล้ว 400 ล้านบาท เพื่อขยายให้บริการรับชำระเงินผ่านบัตร แทนเงินสด

ก่อศักดิ์ บอกว่าในส่วนของบัตรสมาร์ทเพิร์สนั้น ไม่ได้หวังกำไร แต่จะหาประโยชน์จากการเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อนำไปประมวลผล วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ขณะเดียวกันก็จะมีการจูงใจด้วยคะแนนสะสมอีกทาง

ส่วนมาตรการห้ามวางบุหรี่ และสุราโชว์ ในร้านนั้น ประสิทธิ์ เผยว่า บริษัทเตรียมนำเสนอข้อมูลกับภาครัฐ ภายหลังยอดขายบุหรี่ในร้านเซเว่นฯ ยังคงเพิ่มสูง ว่าเป็นมาตรการที่แก้ไม่ถูกจุด

คณะเดียวกันข้อห้ามของกระทรวงสาธารณสุขยังขัดต่อหลักกฎหมาย ซึ่งหากทุกฝ่ายรับทราบ อาจจะทำให้ เซเว่นฯ กลับมาวางบุหรี่ได้อีกครั้ง



Create Date : 20 เมษายน 2549
Last Update : 20 เมษายน 2549 19:40:08 น. 2 comments
Counter : 987 Pageviews.  
 
 
 
 
www.aroyathome.com
เห็นชอบอาหารญี่ปุ่น ไปกินฟู๊จิ๊มันแพง
ยำสาหร่ายถ้วยละ 120 ได้จึ๋งเดียว
แนะนำที่ซื้อถูกกว่า
ดีกว่า ถูกกว่าฟู๊จิ๊ อร่อยกว่าโอ๋อิ๊ชิ๊

จำหน่ายแพ็ค 100 กรัม (ได้3 ถ้วยในฟูจิ) ราคาเพียง 55 บาท

ผมจำหน่ายยำสาหร่ายเย็น แพ็ค 1 กิโล ราคาแพ็คละเพียง 470 บาท
ส่งฟรีภายในกรุงเทพฯ ส่งถึงบ้าน อร่อยแอทโฮม

จำหน่ายยำสาหร่ายเย็น จำหน่ายยำสาหร่ายญี่ปุ่น ยำสาหร่ายเย็น ยำสาหร่ายญี่ปุ่น ขายยำสาหร่ายเย็น ขายยำสาหร่ายญี่ปุ่น จำหน่ายสาหร่ายเย็น จำหน่ายสาหร่ายญี่ปุ่น สาหร่ายเย็น สาหร่ายญี่ปุ่น ขายสาหร่ายเย็น ขายสาหร่ายญี่ปุ่น

ปริมาณ 1 กิโลนี่ได้เกิน 20 ถ้วยที่ขายในฟูจิเลยนะครับ

สนใจติดต่อ sumpaiyo@hotmail.com
หรือโทร 081-933-4556

//www.aroyathome.com

ขายส่งอาหารญี่ปุ่น จำหน่ายอาหารญี่ปุ่น
 
 

โดย: www.aroyathome.com IP: 124.121.245.140 วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:15:34:53 น.  

 
 
 
ผู้บริหารอยู่ใหน ช่วยออกมารับผิดชอบหน่อย ผมถูกรังแกโดน ซีพี เซเว่นอีเลฟเว่นบ้านใต้ เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฏร์ธานี โดนไอ้วิรัช เจ้าหน้าฝ่ายก่อสร้างมณฑลภาคใต้ เลขโทรศัพท์ 0836885916 มันมาหลอกว่าจะขอเช่าที่ห้องแถว ห้องนอนที่อยู่อาศัยของสัญญาเช่าผม ผมได้ตกลงปากเปล่าไป มันก็ทำการทุบรื้อถอนต่อเติมขยายบริเวณ พอทำเสร็จมันปัดสวะหนีเลย ทิ้งขยะ ซากปรักหักพังไว้ให้ผมไว้ดูต่างหน้า เดือดร้อนมาก ๆ ติดต่อก็ไม่ได้ ถ้าเซเว่นมีคุณธรรมจริงขอช่วยตามเรื่องให้หน่อยเถอะ เห็นแก่ประชาชน อย่าเอาเรื่องปลาใหญ่กินปลาเล็กมารังแกกันเลย
 
 

โดย: ชัยชาญ หทัยปรีวิจิตร IP: 117.47.201.208 วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:22:15:18 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

hoon_vi
 
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




เป็นนักลงทุนมือใหม่ กำลังหาวิธีการเหมาะสำหรับตัวเอง ชอบการถ่ายรูป ท่องเที่ยว เขียนบทความ
[Add hoon_vi's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com