แหล่งรวบรววมวิธีเล่นหุ้น
 
"แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์" พักการลงทุน พิสูจน์ความแกร่ง "Defensive Stock"

"แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์" พักการลงทุน พิสูจน์ความแกร่ง "Defensive Stock"

"แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์" (LH) กำลังเผชิญบทพิสูจน์ความแข็งแกร่ง จากแรงเสียดทานการเมือง และภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น เพื่อไม่ให้เจ็บไปกว่านี้ "อนันต์ อัศวโภคิน" เลือกที่จะหยุดการลงทุนเพิ่ม หลังกระแสผู้ซื้อบ้าน เริ่มเลื่อนการตัดสินใจออกไป หุ้น LH ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น "Defensive Stock" จะพ้นสถานการณ์ตรงรอยต่อนี้...ไปได้อย่างไร?


ครั้งหนึ่ง "อนันต์ อัศวโภคิน" เคยเปรียบเทียบบ้านแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เหมือน "นาฬิกาโรเล็กซ์" เขาพยายามหลีกหนีความเป็น "Mass Product" ในสินค้าบ้านจัดสรร วิธีคิดของอนันต์แตกต่างจากนักธุรกิจทั่วไป เพราะเขาพยายามวางตำแหน่งของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ให้ "แตกต่าง" และมี "เอกลักษณ์" ที่เด่นชัดสำหรับผู้บริโภค

มีนักวิเคราะห์เคยตั้งคำถามกับเขาว่า ถ้าตลาด "ขาลง" อนันต์มีแนวคิดในการบริหารบริษัทอย่างไร?

อนันต์ตอบว่า ในทฤษฎีใหม่ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จะเป็น "ดิสเคาท์สโตร์" เมื่อราคาบ้านมีทิศทางลดลง สต็อกบ้านก็จะเหลือมากขึ้น เพราะฉะนั้นบ้านล็อตใหม่ๆ ของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ราคาจะลดลงไปเรื่อยๆ เพื่อระบายสินค้าให้เร็วที่สุด โดยที่บริษัทจะไม่เก็บสต็อกไว้มาก

"ในทฤษฎีนี้ พอถึงจุดๆ หนึ่ง มาร์จินจะค่อยๆ น้อยลง จนเราไม่คุ้มที่จะทำ เราก็จะหยุด ดร.โอฬาร ไชยประวัติ เคยสอนผมว่าอย่า "Fight with Unrational Competitor" คืออย่าต่อสู้กับคู่แข่งขันที่ไม่มีเหตุมีผล เวลาตลาดไม่ดี ผมจะถือ Cash อย่างเดียว อย่ามาว่าผมก็แล้วกัน"

ภายหลังการ "ยุบสภา" เพื่อเลือกตั้งใหม่...ภาพเศรษฐกิจ-ตลาดหุ้น มีแนวโน้มที่ค่อนข้างจะผ่อนคลาย แต่การณ์กลับพลิกเมื่อโอกาสเลือกตั้งใหม่อาจส่อเค้าล่ม...ความไม่มั่นใจของนักลงทุนผุดขึ้นในทันที

ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ-การเมืองประเมินไว้ว่า บรรยากาศการเมืองที่พลิกเปลี่ยนตลอดเวลาเช่นนี้ จะส่งผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่จะชะลอการใช้จ่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้ กลุ่มสินค้าที่จะได้รับผลกระทบไปก่อนคงไม่พ้นสินค้าฟุ่มเฟือย และสินค้าขนาดใหญ่อย่าง "รถยนต์" และ "บ้าน" ซึ่งยอดขายจะชะลอตัว จนกว่าจะได้ภาพที่ชัดเจน

สอดคล้องกับความเห็น "อนันต์ อัศวโภคิน" กรรมการผู้จัดการ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) ซึ่งเริ่มไม่แน่ใจกับ "ยอดขายบ้าน" ตลอดช่วงเดือน "กุมภาพันธ์ 2549" ที่ผ่านมาว่าจะได้รับแรงกระแทกจากเหตุการณ์ครั้งนี้มากเพียงใด

"ยอดขายบ้านของเราในเดือน ม.ค. ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่เดือน ก.พ. ผมตอบไม่ได้ และไม่แน่ใจ เพราะสถานการณ์มันตึงเครียด ส่งผลให้ลูกค้าส่วนหนึ่งต้องเลื่อนการตัดสินใจ (ซื้อบ้าน) ออกไป"

ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดสำหรับ "แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์" ในตอนนี้ก็คือ ต้องหยุดการลงทุนใหม่ๆ เอาไว้ก่อน

"อนันต์" อธิบายต่อไปว่า ระยะหลายปีที่ผ่านมาบริษัทจะมีการลงทุนในที่ดินเพื่อนำมาพัฒนาเป็นโครงการใหม่ๆ โดยเฉลี่ยตกปีละ 4,000-5,000 ล้านบาท แต่เมื่อเหตุการณ์บ้านเมืองมันไม่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เจ็บตัว เราก็ต้องหยุดลงทุนชั่วคราว

"อย่าไปฝืนเลยครับ อดใจไว้สักพัก"

ส่วนโครงการไหนที่ลงทุนไปก่อนแล้วก็จำเป็นต้องดำเนินการพัฒนาต่อไป เพราะ LH ถือเป็นบริษัทที่มีพนักงานจำนวนมาก คนเหล่านี้ยังจำเป็นต้องกินต้องใช้

อนันต์ เชื่อว่า ถึงอย่างไรเรียลดีมานด์ของบ้านใหม่ในปี 2549 ก็ไม่ได้ลดถอยลงไป และยังคงมีอยู่ เพียงแต่ผู้ซื้อบ้านเขาจะรอให้ผ่านช่วงอึมครึมไปก่อน แล้วจึงค่อยตัดสินใจซื้ออีกครั้ง

"ต้องเข้าใจว่า คนกลุ่มนี้เขาเพียงแต่เลื่อนเวลาตัดสินใจ ไม่ใช่เลิกคิดที่จะซื้อบ้าน"

หมายความว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับยอดขายบ้านคงจะเป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลต่อแนวทางการทำธุรกิจของบริษัทในระยะยาว เพราะจากคอนเซปต์บ้านสร้างเสร็จก่อนขาย แม้ปีนี้บริษัทจะชะลอการลงทุนออกไปก่อน แต่เราก็ยังคงมีบ้านสร้างเสร็จล่วงหน้า ที่พร้อมเข้าอยู่ได้ทันที เป็นจำนวนที่เพียงพอต่อการขายได้ตลอดทั้งปี

นี่คือเหตุผลที่ทำให้ LH กล้าที่จะ "หยุดลงทุน" เพื่อรอตรวจสอบสถานการณ์ข้างหน้า

ขณะเดียวกัน "อนันต์" ได้มองภาพรวมการเติบโตของธุรกิจบ้านจัดสรรตลอดปี 2549 โดยยังเชื่อว่า ทั้งตลาดน่าจะมียอดจดทะเบียนที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นสูงกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน (2548) ที่มียอดจดทะเบียนบ้านประมาณ 70,000 ยูนิต

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจปีนี้ บมจ.แลนด์ฯจะมีการเปิดขายบ้านโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 11 โครงการ ประมาณ 4,500 ยูนิต โดยจะเป็นโครงการทาวน์เฮ้าส์ประมาณ 3-4 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการทั้งหมด 27,000 ล้านบาท (ปี 2548 มี 14 โครงการ มูลค่า 29,400 ล้านบาท)

เท่ากับว่า ราคาขายบ้านของบริษัทในปี 2549 คิดเฉลี่ยประมาณยูนิตละ 6 ล้านบาท (ปีก่อน 5.77 ล้านบาท)

"แต่ที่เราหันมาทำโครงการทาวน์เฮ้าส์มากขึ้น ก็เพื่อต้องการให้ความสำคัญกับตลาดกลุ่มนี้ ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง"

นอกจากนี้ บริษัทก็เริ่มวางยุทธศาสตร์ระยะยาวโดยจะพยายามขยายฐานลูกค้าในเขต "ต่างจังหวัด" ให้มากขึ้น โดยจะเน้นสร้างโครงการในเขตเมือง เพื่อขยับสัดส่วนรายได้ต่างจังหวัดให้ขึ้นมาถึง 10% ของยอดขายรวม

ทั้งนี้จากการประกาศตัวเลขผลประกอบการปี 2548 ที่ออกมาล่าสุด ปรากฏว่า บริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจาก 21,275 ล้านบาท เป็น 23,923 ล้านบาท แต่ด้วยต้นทุนก่อสร้างที่สูงขึ้น ส่งผลให้ "กำไรสุทธิ" กลับลดลงเหลือเพียง 5,181 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีกำไร ถึง 6,087 ล้านบาท

ขณะที่ "กำไรสุทธิต่อหุ้น" ลดลงจาก 0.78 บาทต่อหุ้น เหลือเพียง 0.63 บาทต่อหุ้น

"เนื่องจากปีที่แล้วธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ได้ชะลอการอนุมัติสินเชื่อบ้านไว้ก่อน เพราะเห็นแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2549 โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีแรกที่เตรียมจะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการผ่อนชำระของลูกค้า

ซึ่งธนาคารส่วนใหญ่ก็ต้องการรอให้อัตราดอกเบี้ยเริ่มนิ่งเสียก่อน จึงจะสามารถปล่อยสินเชื่อได้คล่องตัวกว่านี้" อนันต์อธิบาย

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ราคาหุ้น LH เคลื่อนไหวอยู่ในระยะ "ติดเพดาน" ในภาวะที่อนาคตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็เริ่ม "คงที่" จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อกลุ่มของ "อนันต์" ครองหุ้นบริษัทอยู่ในสัดส่วนมากถึง 30.6% แล้วเหตุใดจึงไม่ขายหุ้น(บางส่วน)ในราคาที่สูงเช่นนี้ ก่อนไปรอช้อนเก็บอีกครั้ง

"จะถืออยู่เท่าไรก็ขายไม่ได้ เพราะผมไม่ใช่ผู้บริหารที่คิดแต่จะขายหุ้นตัวเองแล้วเก็บเงินสดเข้ากระเป๋า และถ้าผมขายหุ้นตัวเองออกไปวันไหน นักลงทุนก็จะแห่ขายตามด้วย...แล้ววันนั้น LH คงได้รับผลกระทบ เพราะหมดความเชื่อมั่น"

เพราะฉะนั้น ภารกิจของผมก็คือทำอย่างไรให้บริษัทมีกำไรอย่างต่อเนื่อง มีอนาคตที่ดีอยู่บนความเสี่ยงที่ต่ำหรือยอมรับได้ แล้วผลงานมันจะสร้างความเชื่อมั่นต่อหุ้นของเรา



Create Date : 20 เมษายน 2549
Last Update : 20 เมษายน 2549 19:45:20 น. 0 comments
Counter : 600 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

hoon_vi
 
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




เป็นนักลงทุนมือใหม่ กำลังหาวิธีการเหมาะสำหรับตัวเอง ชอบการถ่ายรูป ท่องเที่ยว เขียนบทความ
[Add hoon_vi's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com