|
ลงทุนโดยใช้กลยุทธ์ "ค่าเบต้า"
ลงทุนโดยใช้กลยุทธ์ "ค่าเบต้า"
วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล / visit@trinitythai.com / บล.ทรินีตี้ กลยุทธ์การลงทุนโดยใช้ค่าเบต้า จัดเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนโดยสุ่ม (Random walk) กลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์ที่ใช้หลักการว่า ความคาดการณ์ของนักลงทุนที่จะได้ผลตอบแทนสูง จะมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นด้วย
โดยปกติเบต้า (Beta) เป็นค่าวัดความเสี่ยงของหุ้นใน Portfolio ที่ถูกกระจายความเสี่ยงแล้ว (Well Diversified Portfolio) ซึ่งหมายถึงว่า ความเสี่ยงเฉพาะของหุ้นในแต่ละตัวได้ถูกหักล้างด้วยการกระจายการถือหุ้นในแต่ละกลุ่มต่างๆ แล้ว (Balanced Out)
เพราะฉะนั้น ค่าเบต้าจึงเป็นค่าความเสี่ยงที่เกิดจากระบบเศรษฐกิจ และความเสี่ยงนี้จะแตกต่างกันไปในหุ้นแต่ละตัว และแต่ละหมวด ความเสี่ยงนี้อาจจะเกิดจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย การตกต่ำของเศรษฐกิจ หรือความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งความเสี่ยงพวกนี้จะไม่สามารถทำให้หายไปได้โดยการถือกระจายความเสี่ยง
เพราะฉะนั้น ถ้าคิดจะลงทุนในหุ้นแล้วนั้น ความเสี่ยงนี้จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย ถึงแม้ว่าจัด Port ดีเยี่ยม หรือ Diversify การถือหุ้น
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงต่างๆ เหล่านี้ที่เราเรียกว่า ความเสี่ยงในระบบ หรือ Systematic Risk ซึ่งนักลงทุนสามารถทำการลดความเสี่ยงได้โดยถือสินทรัพย์ที่ไม่มีความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจมากนัก เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) หรือทองคำ (Gold) หรือเงินสด (Cash) ซึ่งมักจะวิ่งสวนทิศทางกับราคาหุ้น
โดยปกติหุ้นที่มีค่าเบต้าสูงกว่า 1 เราถือว่าเป็นหุ้นที่มีค่าเบต้าสูง หมายความว่า การแกว่งตัวในทางขึ้นหรือลงจะสูงกว่าดัชนี ในทางกลับกัน หุ้นที่มีค่าเบต้าต่ำกว่า 1 เราถือว่าเป็นหุ้นที่มีค่าเบต้าต่ำ หมายความว่า การแกว่งตัวในทางขึ้นหรือลงจะต่ำกว่าดัชนี
ในภาวะที่เศรษฐกิจผันผวนและการเมืองไม่แน่นอน เราควรเลือกกลุ่มหุ้นที่มีค่าเบต้าต่ำ เพื่อลดความผันผวน แต่ถ้าเศรษฐกิจเป็นขาขึ้นแล้วนั้น การใช้กลยุทธ์เลือกหุ้นเบต้าสูงจะให้ผลตอบแทนที่เร็วกว่า เราสามารถสรุปการใช้กลยุทธ์ ดังนี้
หนึ่ง โดยปกติหุ้นกลุ่มวัฏจักร สถาบันการเงินและกลุ่มที่ดินจะเป็นหุ้นกลุ่มที่มีค่าเบต้าสูงในขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มสาธารณูปโภคจะเป็นหุ้นกลุ่มเบต้าต่ำ
สอง ถ้านักลงทุนคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นน่าจะเป็นขาขึ้น และเศรษฐกิจสดใส ดอกเบี้ยเริ่มชะลอตัวลง ควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีค่าเบต้าสูง ในขณะที่หากนักลงทุนคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นน่าจะเป็นขาลง กลยุทธ์การลงทุนคือการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่มีค่าเบต้าต่ำใน Portfolio ให้มากขึ้น หรืออาจจะเป็นเงินสดก็ได้
สาม หุ้นที่มีค่าเบต้าต่ำ จะมีลักษณะมีเงินปันผลสูง มีขนาดราคาตลาดของหุ้น (Market Capitalization) สูง และมีสินทรัพย์ที่มั่นคง ในทางตรงกันข้ามหุ้นที่มีเงินปันผลน้อย มีขนาดราคาตลาดของหุ้น (Market Capitalization) ต่ำ จะมีค่าเบต้าสูง
สี่ ค่าเบต้าของหุ้นแต่ละตัวจะไม่เสถียร (Unstable) และเปลี่ยนแปลงตลอด หุ้นที่มีค่าเบต้าสูงในระยะเวลาหนึ่งอาจเป็นหุ้นที่มีค่าเบต้าต่ำในเวลาถัดไป โดยปกติ ค่าเบต้ามีแนวโน้มสู่ศูนย์กลาง เพราะค่าเบต้าของหุ้นกลุ่มไหนสูงกว่า 1 มากๆ ตลาดที่มีประสิทธิภาพจะเป็นตัวปรับค่าเบต้านั้นลงมาเอง
ห้า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของค่าเบต้า คือ ผลประกอบการ การคาดหวัง และการตอบสนองของนักลงทุนต่อหุ้นนั้นๆ
กล่าวโดยสรุป กลยุทธ์การลงทุนโดยใช้ค่าเบต้าเป็นตัววัด จะให้ผลตอบแทนสูง ถ้าเราสามารถอ่านทิศทางของตลาดได้อย่างถูกต้อง
Create Date : 20 เมษายน 2549 |
Last Update : 20 เมษายน 2549 19:38:03 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1063 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
hoon_vi |
|
|
|
|