แหล่งรวบรววมวิธีเล่นหุ้น
 
สืบภารกิจ...ถอนทุน BMCL ผู้ถือหุ้นเดิม 'จ่อทิ้งหุ้น-ตุนเงินสด'

สืบภารกิจ...ถอนทุน BMCL ผู้ถือหุ้นเดิม 'จ่อทิ้งหุ้น-ตุนเงินสด'

กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ตรวจสอบแผนกระจายหุ้นไอพีโอของ "รถไฟฟ้ากรุงเทพ" (BMCL) ที่เตรียมเสนอขายไอพีโอภายในเดือน "ก.พ 2549" ส่อเค้าเป็น...หุ้นลวง หลังพบกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ "ช.การช่าง" (CK) "ทางด่วนกรุงเทพ" (BECL) และ "แนเชอรัล พาร์ค" (N-PARK) แอบสอดไส้แผน "ถอนทุน" เตรียมระบายหุ้นเก่า 1,540 ล้านหุ้น แลกกับ "เงินสด" ร่วมๆ 3 พันล้านบาท


ขณะที่ฟากการขายหุ้นในส่วนของพนักงานที่ราคาพาร์ "บาทเดียว" ...กลับขายไม่หมด

-----------------------------------------

"ดร.สมบัติ กิจจาลักษณ์" กรรมการผู้จัดการ "บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ" (BMCL) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน สายเฉลิมรัชมงคล (บางซื่อ-หัวลำโพง) อธิบายแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก หรือไอพีโอของบริษัทว่าจะออกจำหน่ายไม่เกิน 2,856.23 ล้านหุ้น

แบ่งเป็น "หุ้นสามัญเพิ่มทุน" จำนวน 1,315.81 ล้านหุ้น และ "หุ้นสามัญเดิม" อีกจำนวน 1,540.42 ล้านหุ้น รวมคิดเป็น 23.90% ของทุนทะเบียน 11,950 ล้านบาท พร้อมจะมีการจัดสรร "หุ้นส่วนเกิน" (กรีนชู ออปชั่น) อีกจำนวน 300 ล้านหุ้น

กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ตรวจสอบโครงสร้างกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ BMCL ณ วันที่ 30 มกราคม 2549 "ก่อนทำไอพีโอ" พบว่ากลุ่ม "ช.การช่าง" (CK) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดในสัดส่วน 40.26% ถัดมาเป็น "บ.ทางด่วนกรุงเทพ" (BECL) ถือหุ้น 18.89% กลุ่ม "แนเชอรัล พาร์ค" (N-PARK) 18.75% และกลุ่มสถาบันการเงินประกอบด้วย "ธ.กรุงไทย" (KTB) "ธ.ทหารไทย" (TMB) และ "ธ.นครหลวงไทย" (SCIB) ถือหุ้นรวมกัน 16.67%

แต่หลังการขายหุ้น "ไอพีโอ" และมีการขาย "หุ้นเพิ่มทุน" ให้แก่ "รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย" (รฟม.) แล้ว กลุ่ม "ช.การช่าง" จะเหลือสัดส่วนหุ้นเพียง 24.85% "บ.ทางด่วนกรุงเทพ" เหลือ 9.99% "แนเชอรัล พาร์ค" 6.86% และ "กลุ่มสถาบันการเงิน" จะเหลือสัดส่วน 6.90%

เท่ากับว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม...ทุกกลุ่ม จะมีโอกาสร่วมกัน "ถอนทุน" ใน "รอบแรก" จากการนำหุ้น(เดิม) BMCL ออกมาจำหน่ายรวมกันกว่า 1,540 ล้านหุ้น

หากราคาไอพีโอที่เหมาะสมของหุ้น BMCL อยู่ในช่วงราคา 1.50-2.50 บาท ตามการคาดการของนักวิเคราะห์ นั่นก็หมายความว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมน่าจะได้เงินก้อนโตร่วมๆ 2,310-3,850 ล้านบาท ไปแบ่งกัน

โดยเฉพาะ "ช.การช่าง" และ "ทางด่วนกรุงเทพ" ที่น่าจะได้ประโยชน์มหาศาลจากการ "ถอนทุน" ในรอบนี้ เพราะมีต้นทุนของหุ้น BMCL เพียงหุ้นละ 1.00 บาทเท่านั้น (เท่ากับราคาพาร์) ขณะที่กลุ่ม "แนเชอรัล พาร์ค" (และซินเทค คอนสตรัคชั่น) มีต้นทุนอยู่ที่หุ้นละ 1.50 บาท เนื่องจากเข้ามาซื้อหุ้นในภายหลัง

จึงมีการตั้งข้อสังเกตกันว่า ถ้าหุ้นดีจริง...แล้วจะแบ่งขายหุ้นก้อนเดิมออกมาทำไม ?

ยิ่งกว่านั้น สัญญาณว่าหุ้น BMCL อาจไม่ได้รับความสนใจ โดยเฉพาะจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทให้แก่ "กรรมการ" "ผู้บริหาร" และ "พนักงาน" เป็นจำนวน 450 ล้านหุ้น ในราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท

...กลับปรากฏว่า "ขายไม่หมด" โดยขายได้เพียง 297 ล้านหุ้นเท่านั้น

ทำให้ต้องนำหุ้นในส่วนที่เหลือกว่า 153 ล้านหุ้นไป "ขายรวม" กับหุ้นสามัญเพิ่มทุนในส่วนของประชาชน รวมเป็น 1,703 ล้านหุ้น (1,550 + 153 ล้านหุ้น)

แสดงถึงปฏิกิริยา "ไร้ความมั่นใจ" ต่ออนาคตธุรกิจของ BMCL

"มนตรี ศรไพศาล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน อธิบายว่า เราต้องยอมรับว่ากิจการประเภทระบบสาธารณูปโภคจำเป็นต้องอาศัยภาคเอกชนลงทุนไปก่อนในส่วนของอุปกรณ์งานระบบพร้อมระบบการเดินรถ ขณะที่ภาครัฐ (รฟม.) จะเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและเป็นผู้ให้สัมปทาน 25 ปี (นับตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.2547)

"ให้เขาสร้างให้เสร็จ แล้วจากนั้นจึงค่อยนำหุ้นที่ลงทุนไปก่อนออกมากระจายให้แก่นักลงทุนอื่นๆ เพราะถ้าเราจะกระจายหุ้นตั้งแต่ยังไม่มีการก่อสร้างโครงการ แล้วนักลงทุนจะมั่นใจได้อย่างไรว่าโครงการจะเสร็จอย่างแน่นอน"

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบปัจจัยเสี่ยงรอบด้านของการดำเนินธุรกิจ "รถไฟฟ้ากรุงเทพ" พบว่าปริมาณจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยตลอดปี 2548 ยังต่ำกว่าเป้าประมาณการกว่า 11-12% (โดย บ.โชติจินดา มูเซล) โดยจำนวนผู้โดยสารที่เกิดขึ้นจริงมีเพียง 163,403 คนต่อวัน แต่ตัวเลขประมาณการของบริษัทอยู่ที่ 189,608 คนต่อวัน

ส่งผลให้รายได้จริงจากค่าโดยสารรวมของปี 2548 จึงได้กลับมาเพียง 990 ล้านบาท "ต่ำกว่า" ตัวเลขประมาณการรายได้ที่ 1,398 ล้านบาท อยู่ถึง 29%

ขณะที่ BMCL จำเป็นต้องมีผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันถึง 240,000 คน จึงจะสามารถมีกำไรได้

มนตรี ชี้แจงว่า นักลงทุนต้องเข้าใจก่อนจองซื้อหุ้น BMCL ว่าการลงทุนในหุ้นชนิดนี้ต้องมองภาพ "ระยะยาว" เพราะกว่าบริษัทจะเริ่มทำกำไรได้ก็ต้องรอถึงปี 2552 ก่อนจะทำการล้างขาดทุนสะสมจนหมด (ตามแผน) ในปี 2554 ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีขาดทุนสะสมอยู่ประมาณ 2,000 ล้านบาท

และจะสามารถเริ่มจ่าย "เงินปันผล" ได้ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นไป หมายความว่า ต้องรออีกอย่างน้อย 6 ปี

ฉะนั้น การลงทุนช่วงนี้คือราคาช่วงต้นที่จะได้ต้นทุน (หุ้น) ไม่ต่างจากผู้ลงทุนมากนัก แต่หากจะรอลงทุนในช่วงที่เริ่มเห็นกำไรของบริษัท ตอนนั้นคงจะไม่ได้ต้นทุนที่เท่านี้ และเราเชื่อว่า BMCL จะต้องเป็นหุ้นบลูชิพในอนาคต

"เพราะ BMCL ถือเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่จะมีมาร์เก็ตแคปนับหมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ"

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า สิ่งที่นักลงทุนต้องศึกษาก่อนการลงทุนหุ้น BMCL ก็คือ "สัญญาสัมปทาน" โดยเฉพาะในประเด็นที่ BMCL จะต้องส่งรายได้ให้แก่ "รฟม." ในจำนวนที่แน่นอนตั้งแต่ปีที่ 11 (ก.ค.2558) เป็นต้นไป จนกว่าจะสิ้นอายุสัมปทานที่ 25 ปี

คิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้นถึง 43,567 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 2,900 ล้านบาท ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงที่จะกลับมา "รัด" ตัวเลขฐานะของบริษัทในวันข้างหน้า

นอกจากนี้ อนาคตของ BMCL ยังคงแขวนไว้กับโครงการก่อสร้าง "ส่วนต่อขยาย" ของรถไฟในเส้นทางต่างๆ อีก 10 สายที่ภาครัฐ (รฟม.) เตรียมเปิดให้มีการประมูลในอนาคต ทำให้การเติบโตที่ดีของ BMCL จำเป็นต้องชนะการประมูลในเส้นทางใหม่ๆ เพื่อการได้มาซึ่งปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น

"ดร.สมบัติ" อธิบายว่า BMCL ยังมีโอกาสชนะในการประมูลส่วนต่อขยาย จากความได้เปรียบในเรื่องของ "ต้นทุน" ที่จะต่ำกว่าผู้ประมูลรายอื่นๆ และไม่จำเป็นที่เราจะต้องเข้าไปสู้ราคาเพียงลำพัง แต่อาจเป็นการร่วมทุนกับ "พันธมิตร" ที่เรามองเห็นว่าจะทำให้เรามีโอกาสมากขึ้น

"แม้เราจะไม่ชนะในเส้นทางต่อขยายใหม่ๆ แต่ก็ยังจะได้รับผลดีจากการเข้ามาใช้บริการของผู้โดยสารที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพราะเส้นทางของเรามันอยู่ตรงกลาง ซึ่งถือเป็นเส้นหลัก"

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือน "เหตุผลเชิงลบ" ของ BMCL ค่อนข้างจะมีน้ำหนักมากกว่าอนาคตที่ต้องวาดฝัน จนทำให้กลุ่มผู้ถือหุ้นเตรียมทำการ "ถอนทุน" จากการขายไอพีโอ ขณะที่ผู้บริหารและพนักงานก็ยังไม่ให้การตอบรับที่ดีกับราคาหุ้นแค่บาทเดียว




Create Date : 20 เมษายน 2549
Last Update : 20 เมษายน 2549 19:25:23 น. 0 comments
Counter : 787 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

hoon_vi
 
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




เป็นนักลงทุนมือใหม่ กำลังหาวิธีการเหมาะสำหรับตัวเอง ชอบการถ่ายรูป ท่องเที่ยว เขียนบทความ
[Add hoon_vi's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com