|
|
Money Game : การหาจุดซื้อและขายโดยใช้สหสัมพันธ์ (1)
Money Game : การหาจุดซื้อและขายโดยใช้สหสัมพันธ์ (1)
การหาจุดซื้อและขายที่ถูกต้องเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน สามารถหาได้จากความสัมพันธ์ระหว่างอัตราส่วนและสหสัมพันธ์ (Correlation) ระหว่างตัวเลขต่างๆ ของการซื้อขาย อัตราส่วนต่างๆ เหล่านี้ นักลงทุนสามารถหาได้อย่างง่ายๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่บ่งบอกถึงจิตวิทยาการลงทุน สิ่งนี้จะสามารถทำให้นักลงทุนเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงได้ อัตราส่วนและสหสัมพันธ์ที่ผมใช้อยู่เสมอและมีความแม่นยำสูง คือ
หนึ่ง อัตราส่วน Market Capitalization หารด้วย Turnover หรืออัตราส่วนของมูลค่าตลาดโดยรวม หารด้วยปริมาณการซื้อขาย นักลงทุนควรจะทำเป็นเส้นค่าแนวโน้ม เนื่องจากจะทำให้ทราบถึงทิศทาง (Direction) ของอัตราส่วนนี้
โดยปกติ ผมใช้ค่าแนวโน้มประมาณ 5 ปี ความแม่นยำ คือ ถ้าอัตราส่วนดังกล่าว เกิดการ Spike หมายถึง พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว จุดนั้นเป็นจุดโอกาสในการ ซื้อหุ้น เลยทีเดียว
เราสามารถอธิบายในแง่เศรษฐศาสตร์ได้ คือ ณ จุด Spike ดังกล่าว ปริมาณการซื้อขายจะต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับขนาดของ Market Capitalization ทุกคนอยู่ในการหดหู่ ไม่มีใครอยากซื้อและขาย ในขณะเดียวกัน Value หรือมูลค่าของหุ้นยังราคาถูกและยังไม่อยู่ในภาวะเก็งกำไร ถ้านักลงทุนซื้อในจุดที่เป็น Spike เช่นนี้ โอกาสในการขาดทุนมีน้อยเลยทีเดียว มีเหตุการณ์ที่เกิดในภาวะ Spike แบบนี้ อย่างน้อย 8 ครั้ง ในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา และแต่ละรอบถ้านักลงทุนซื้อในช่วง Spike แบบนี้ จะสามารถทำกำไรให้นักลงทุนได้ในระดับ 60-100 จุด เลยทีเดียว
เช่น ในช่วงเดือนตุลาคม พ.ศ.2547 ซึ่งเป็นช่วงที่ SET index อยู่ที่ 640 และอีก 3 เดือนต่อมา SET index ปรับตัวขึ้นเป็น 740 หรืออย่างในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ในช่วง 19 ธันวาคม พ.ศ.2549 ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศมาตรการกันสำรอง 30% ของเงินลงทุนระยะสั้น ในวันนั้น ถึงแม้มีการซื้อขายกว่า 5-6 หมื่นล้านบาท แต่มูลค่าตลาดรวม Market Capitalization ลดลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้อัตราส่วนนี้เกิด Spike อย่างรวดเร็ว กลายเป็นจุด Strong Buy ทันที หรืออาจจะนำไปประยุกต์สำหรับ SET index ในช่วงเดือนเมษายน พ.ศ.2550 ที่ผ่านมา ก็ได้นะครับ ถ้านักลงทุนลองสร้างกราฟดูจะเห็นว่าเป็น Spike ขนาดใหญ่พอสมควร ทำให้ SET index เพิ่มขึ้นจาก 650 มาแถว 720 เลยทีเดียว
ในทางกลับกัน นักลงทุนควรขายหุ้นเมื่ออัตราส่วนของ Market Capitalization หารด้วย Turnover อยู่ในช่วงฐาน (Base) เพราะในไม่ช้า SET index จะมีการปรับฐาน และมีการถูกเทขายทำกำไร ซึ่งในตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความแม่นยำของรูปแบบช่วงฐานของอัตราส่วนนี้ อย่างน้อย 5 ครั้ง และ SET index จะมีการปรับฐานในระดับ 50-100 จุดเลยทีเดียว
กล่าวโดยสรุป นักลงทุนควรซื้อหุ้น เมื่ออัตราส่วนของ Market Capitalization หารด้วย Turnover อยู่ในช่วง Spike หรือพุ่งขึ้นจนถึงจุดสูงสุด
โปรดติดตามข้อ 2 และ 3 ในฉบับหน้า
| Create Date : 12 กรกฎาคม 2550 |
| Last Update : 12 กรกฎาคม 2550 20:03:16 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 785 Pageviews. |
|
 |
|
|
|
|
|
| hoon_vi |
 |
|
|
 |
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [
