ผลฟุตบอลคับ
เจิดซัดเบิ้ลพาหงส์เฮ2-0 เชลซีพังค้อน,กุหลาบใส
"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดบ้านบินฉลุยสอนเชิง "เดอะ โบโร่" มิดเดิ้ลสโบรช์ 2-0 สตีเว่น เจอร์ราร์ด อาสากดเบิ้ล น.58 และ จุดโทษน.65 ซิวสามคะแนนแซง อาร์เซน่อล ขึ้นมาอยู่ที่3เหมือนเดิม ขณะที่ "สิงห์บลูส์" เชลซี ฟอร์มดุ ยกพลบุกหัก "ขุนค้อน" เวสต์ แฮม คาถิ่น 4-1 ซิวสามคะแนน จี้ติด แมนฯยูไนเต็ด เหลือสามคะแนน ในศึกพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ เมื่อคืนวันพุธที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิพ ลิเวอร์พูล 2 - มิดเดิ้ลสโบรช์ 0
เกมที่สนาม แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านรับมือ มิดเดิ้ลสโบรช์ โดยเกมนี้เจ้าบ้านไม่มี เคร็ก เบลลามี่ ที่บาดเจ็บ ทำให้ ราฟาเอล เบนิเตซ ปรับมาเล่นกองหน้าคนเดียว โดยใช้ ปีเตอร์ เคร้าช์ ลงเล่น ขณะที่ เดิร์ค เค้าท์ กับ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ เป็นสำรอง
ขณะที่ทีมเยือนโบโร่ได้ เอมานูเอล โปกาเตตซ์ กับ เจมส์ มอร์ริสัน พ้นโทษแบนกลับมาลงสนาม ส่วน มาร์ค วิดูก้า ฟิตกลับมาแต่เป็นเพียงแค่ตัวสำรองในเกมนี้ ทำให้ แกเร็ธ เซาธ์เกต ปรับมาใช้งาน ยาคูบู อเย็กเบนี่ เป็นหอกเดี่ยวเช่นกัน
เกมในครึ่งแรกทั้งสองทีมยังเดินเกมรุกกันได้ไม่ไหลลื่น ในช่วงต้น ลิเวอร์พูล มีโอกาสจากลูกยิงไกลของ ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ สองครั้ง แต่ก็โด่งข้ามคานออกไปไม่ได้ลุ้นทั้งสองครั้ง
นาทีที่ 29 ลิเวอร์พูล ขึ้นเกมรุกทางกราบขวา เจอร์เมน เพนแนนท์ กระชากบอลไปถึงเส้นหลังแล้วตบกลับมาให้ โมโม่ ซิสโซโก้ แประยะ 6 หลาหลุดเสาแรกออกไป
โบโร่ แทบไม่มีจังหวะหวาดเสียวให้เห็น แต่นาทีที่ 40 เจมี่ คาร์ราเกอร์ กองหลังลิเวอร์พูล กลับเล่นพลาดดื้อๆ เมื่อจะไปล็อบหลบ ฟาบิโอ โรเชมบัค แต่ลื่นล้มเอง ทำให้ โรเชมบัค ลากบอลจากระยะ 50 หลาเข้าไปซัดด้วยซ้ายหน้าเขตโทษเฉี่ยวเสาแรกออกไปนิดเดียว
ก่อนจบครึ่งแรก 2 นาที กลับมาเป็นโอกาสลุ้นของหงส์แดงอีกครั้ง โมโม่ ซิสโซโก้ จ่ายบอลออกทางขวาให้ เพนแนนท์ ที่เล่นได้อย่างโดดเด่นในครึ่งแรก กระชากเข้าเขตโทษแล้วตบย้อนกลับมาให้ ซิสโซโก้ ในเขตโทษโล่งๆ แต่มิดฟิลด์ชาวมาลีกลับยิงแป๊กออกไปอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังเล่นต่ำกว่ามาตรฐาน เสมอกัน 0-0
เริ่มครึ่งหลังไปได้ 4 นาที หงส์แดง เกือบได้ประตูนำอย่างรวดเร็ว เมื่อ เพนแนนท์ โยนลูกเตะมุมไปให้ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ เทกตัวโหม่งเหน่งๆ ตรงจุดโทษ แต่บอลเช็ดคานออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
ถึงนาทีที่ 58 ลิเวอร์พูล ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จนได้ เมื่อ เบาเดอไวน์ เซนเด้น ไหลบอลให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด จับบอลตรงระยะ 25 หลา แล้วกระหน่ำด้วยเท้าขวาเสียบมุมเข้าไปอย่างหมดจด
เท่านั้นไม่พอ นาทีที่ 65 ลิเวอร์พูล ยังมาได้ลูกจุดโทษอีก จากจังหวะที่ เพนแนนท์ โยนบอลจากปีกขวาเข้าไปหน้าประตู ปีเตอร์ เคร้าช์ โดน แอนดรูว์ เดวี่ส์ ดึงเสื้อในจังหวะจะขึ้นโหม่ง เกรแฮม โพลล์ จึงชี้ไปที่จุดโทษทันที และเป็น เจอร์ราร์ด คนเดิม รับหน้าที่สังหารจุดโทษเข้าไปไม่พลาด โดยที่ ชวาร์เซอร์ พุ่งผิดทาง ลิเวอร์พูล ทิ้งห่าง 2-0
ช่วงท้าย เจ้าบ้านครองบอลเอาไว้ได้หมด จบเกม ลิเวอร์พูล จึงทุบเอาชนะ มิดเดิ้ลสโบรช์ ไปอย่างนิ่มๆ 2-0 เก็บ 3 คะแนนแซงหน้า อาร์เซน่อล ขึ้นไปอยู่อันดับ 3 อีกครั้ง
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ มานูเอล เรน่า, อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่, เจอร์เมน เพนแนนท์, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, โมฮาเหม็ด ซิสโซโก้, เบาเดอไวน์ เซนเด้น, สตีเว่น เจอรราร์ด, ปีเตอร์ เคร้าช์ สำรอง : เจอร์ซี่ ดูเด็ค, ซามี่ ฮูเปีย, ร็อบบี้ ฟาวเลอร์, มาร์ค กอนซาเลซ, เดิร์ค เค้าท์ มิดเดิ้ลสโบรช์ : มาร์ค ชวาร์เซอร์, แอนดรูว์ เดวี่ส์, โจนาธาน วู้ดเกต, เอมานูเอล โปกาเตตซ์, แอนดรูว์ เทย์เลอร์, เจมส์ มอร์ริสัน, จอร์จ บัวเต็ง, ลี คัตเทอร์โมล, ฟาบิโอ โรเชมบัค, สจ็วร์ต ดาวนิ่ง, ยาคูบู อเย็กเบนี่ สำรอง : แบร๊ด โจนส์, คริส ริคก็อตต์, มาร์ค วิดูก้า, อี ดอง-กุ๊ก, อดัม จอห์นสัน
เวสต์ แฮม 1 - เชลซี 4
"ขุนค้อน" เวสต์ แฮม ต้องต่อสู้เพื่อสามคะแนนเต็มไว้ลุ้นหนีตกชั้น ส่วน เชลซี ต้องการสามแต้มเต็มเพื่อขยับไล่จี้ติด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงให้เหลือช่องว่างเพียงแค่ 3 คะแนน โดยเจ้าบ้านส่ง คาร์ลอส เตเบซ ดาวยิงทีมชาติอาร์เจนติน่า กับ บ็อบบี้ ซาโมร่า ที่ซัดประตูได้ตลอดในช่วงหลัง
ขณะที่ทีมเยือนต้องขาด อังเดร เชฟเชนโก้ กองหน้าตัวเก่งทีมชาติยูเครน พร้อมกับดร็อป มิชาเอล บัลลัค เป็นแค่สำรองแล้วส่ง จอห์น โอบี มิเกล ยืนคุมเกมร่วมกับ มิชาแอล เอสเซียง โดยมี ซาโลมง กาลู ยืนหอกร่วมกับ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา
ครึ่งแรก เวสต์ แฮม เริ่มต้นได้ดีทีเดียว น่าจะได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 6 เมื่อ บ็อบบี้ ซาโมร่า ประสานงานกับ เตเบซ ก่อนไหลให้กับ ยอสซี่ เบนายูน ครอสคืนเข้ากลาง แต่ ซาโมร่า เข้าฮอสไม่ทัน
หลังจากนั้น 5 นาที เชลซี น่าจะได้ประตูเช่นกัน เมื่อ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา หาโอกาสซัดเต็มข้อจากระยะ 12 หลา แต่เป็น โรเบิร์ต กรีน นายทวารเวสต์ แฮม ป้องกันไว้ได้
อย่างไรก็ตาม เชลซี มาได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 31 จากจังหวะที่ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ลากบอลจากหัวกระโหลกออกมาทางซ้ายแล้วแตะบอลเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะตัดสินใจยิงด้วยซ้าย บอลพุ่งเสียบมุมเข้าไปอย่างเฉียบขาดให้ สิงบลูส์ นำก่อน 1-0
ทว่าดีใจได้แค่ 4 นาที เจ้าบ้านทวงคืนได้บ้าง คาร์ลอส เตเวซ ลากบอลจากซ้ายตัดเข้ามาตรงกลาง แล้วปั่นโค้งด้วยขวาบอลไซด์เข้าเสียบมุมเสาไกลอย่างสวยงาม แม้ ปีเตอร์ เชก จะปัดโดนนิดหนึ่ง แต่ลูกยังพุ่งเข้าไปให้สกอร์กลับมาเท่ากัน 1-1
นาทีถัดมา แฟนเจ้าถิ่นต้องสลดอีกครั้ง เมื่อ เชลซี มาได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ เวย์น บริดจ์ ขึ้นเกมมาทางซ้ายผ่านบอลเข้ามาให้ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ กระโดดแปบอลเข้าเสาแรกอย่างสวยงาม หมดปัญญาที่ โรเบิร์ต กรีน จะรับไว้ได้ จบครึ่งแรก เชลซี นําก่อน 2-1
เข้าสู่ครึ่งหลัง เชลซี เล่นได้ดีกว่าเยอะ มาได้ประตูที่สาม ในนาทีที่ 52 จากจังหวะที่ แฟร็งค์ แลมพาร์ด เปิดฟรีคิกไปให้กับ ดีดิเยร์ ดร็อกบา เข้าชาร์จไปติดการป้องกันของ เบน ฟอสเตอร์ กระดอนมาเข้าทาง ซาโลมง กาลู ซ้ำเข้าไปให้ เชลซี หนีไปเป็น 3-1 จนได้
นาทีที่ 62 เชลซียังแรงไม่หยุดมาได้ประตูที่ 4 จากจังหวะที่ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ใช้ความแข็งแกร่งลากเบียดกองหลังเวสต์แฮมขึ้นมาทางด้านซ้าย ก่อนทะลุเข้าในเขตโทษ แล้วแปบอลผ่านตัว โรเบิร์ต กรีน เข้าไปงามหยดช่วยให้ เชลซี บุกมานำ 4-1
เวลาที่เหลือ เวสต์แฮม พยายามเปิดเกมรุกเขาใส่ แต่ไม่สามารถทําประตูตีตื้นได้ จบเกม 90 นาที เชลซีบุกมาถล่มไป 4-1 เก็บเพิ่มอีกสามคะแนน ลดช่องว่างเหลือห่างจาก แมนฯยู แค่ 3 แต้มเท่านั้น
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม เวสต์ แฮม: โรเบิร์ต กรีน - ลูคัส นีลล์, โจนาธาน สเป็คเตอร์, เจมส์ คอลลินส์, จอร์จ แม็คคาร์ทนี่ย์ - ยอสซี่ เบนายูน, ไนเจล รีโอ-โคเกอร์, มาร์ค โนเบิ้ล, หลุยส์ บัว มอร์ต - คาร์ลอส เตเบซ, บ็อบบี้ ซาโมร่า สำรอง: รอย แคร์โรลล์ (ผู้รักษาประตู) - คาร์ลตัน โคล, เฮย์เด้น มุลลินส์, คาลั่ม ดาเวนพอร์ต, เกป้า บลังโก้ เชลซี: ปีเตอร์ เชก - ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, เวย์น บริดจ์ - มิชาแอล เอสเซียง, จอห์น โอบี มิเกล, แฟร็งค์ แลมพาร์ด จูเนียร์ส, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ - ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา, ซาโลมง กาลู สำรอง: คาร์โล คูดิชินี่ ( ผู้รักษาประตู) - โคล้ด มาเกเลเล่, โจ โคล, มิชาเอล บัลลัค, เปาโล แฟร์เรยร่า
แบล็คเบิร์น 3 - วัตฟอร์ด 1
"กุหลาบไฟ" แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ตกรอบรองชนะเลิศ เอฟเอคัพ อย่างบอบช้ำ โดยได้ เจสัน โรเบิร์ตส์ ฟิตกลับมายืนหน้าร่วมกับ เบนนี่ แม็คคาร์ธี่ย์ ส่วน"แตนอาละวาด" วัตฟอร์ด ที่ตกรอบเอฟเอในรอบเดียวกัน และ พยายามลุ้นหนีตกชั้นจัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามครบครันพร้อมได้ เบน ฟอสเตอร์ กลับมาเฝ้าเสาให้ทีมได้แล้ว หลังไม่ได้ลงสนามในเกมพ่ายแมนฯยู
เปิดฉากครึ่งแรกได้แค่ 6 นาที กุหลาบไฟ ออกนำจนได้ จากจังหวะที่ เดวิด เบนท์ลี่ย์ เปิดลูกเตะมุมจากกราบซ้ายครอสเข้ามาให้กับ คริสโตเฟอร์ แซมบ้า ปราการหลังดันขึ้นมาโหม่งจากระยะแค่ 6 หลา บอลเสียบมุมขวาล่างอย่างสวยงามช่วยให้ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส นำก่อน 1-0 อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น 3 นาที แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส มาได้ประตูที่สอง จากจังหวะที่ เดวิด เบนท์ลี่ย์ คนเดิมกระชากขึ้นไปทางกราบขวาแล้วผ่านเข้ามาให้กับ เจสัน โรเบิร์ตส์ กองหน้าตัวฉกาจซัดจากระยะ 12 หลา บอลเข้าเสียบเสาสองช่วยให้เจ้าบ้านทิ้งไปเป็น 2-0 อย่างรวดเร็ว
นาทีที่ 10 วัตฟอร์ด น่าจะได้ประตูตีไข่แตก เมื่อ กาวิน มาห์น วอลเลย์ด้วยเท้าขวาจากระยะ 20 หลาทางกราบซ้าย แต่ว่า แบร๊ด ฟรีเดล นายทวารชาวสหรัฐของแบล้คเบิร์น ป้องกันไว้ได้
จากนั้น 7 นาที เจสัน โรเบิร์ตส์ ยิงด้วยเท้าขวาจากระยะ 12 หลา กลางกรอบเขตโทษ ทว่า เบน ฟอสเตอร์ นายทวารวัตฟอร์ด ยังพุ่งปัดไว้ได้ทันเวลา
อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 20 วัตฟอร์ด ตีไข่แตกได้สำเร็จ เมื่อ ฮามูร์ บูอัซซ่า เปิดจากทางกราบขวาเข้ามาให้กับ ดั๊กลาส รินัลดี้ เทคตัวโหม่งจากระยะ 6 หลา ตรงกรอบเขตโทษด้านซ้ายส่งบอลเข้าเสียบใต้คานช่วยให้ไล่มาเป็น 1-2
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 27 แตนอาละวาด เปลี่ยนเอา ทอมมี่ สมิธ ที่มีอาการบาดเจ็บออกมาพักแล้วให้ เจมส์ แชมเบอร์ส ลงมาเล่นในแดนกลางแทน
ถึงนาทีที่ 31 เจ้าบ้านมาได้ประตูที่สามหนีห่างออกไปอีก จากจังหวะที่ เดวิด เบนท์ลี่ย์ โยนบอลจากกราบขวามาให้กับ เบนนี่ แม็คคาร์ธี่ย์ โขกจากระยะแค่ 12 หลา บอลเข้าเสียบมุมซ้ายของประตูช่วยให้ แบล็คเบิร์น ทิ้งเป็น 3-1
นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก แบล็คเบิร์น น่าจะได้ประตูที่ 4 เมื่อ มอร์เท่น แกมส์ท พีเดอร์เซ่น ตะบันจากระยะ 18 หลา ทว่า เบน ฟอสเตอร์ พุ่งปัดออกหลังไป จากลูกเตะมุม พีเดอร์เซ่น โยนเข้ามาให้กับ อารอน โมโคเอน่า โขกระยะแค่ 6 หลา บอลหลุดออกเสาซ้ายไป หมดครึ่งแรก กุหลาบไฟ นำสบาย 3-1
ครึ่งหลังนาที 51 จากลูกเตะมุม มาร์ลอน คิง กองหน้าอีแตน ได้ซัดด้วยขวา แต่บอลถากเสาสองออกไปนิดเดียว
นาที 59 เดวิด เบนท์ลี่ย์ ได้ปั่นป่วนแนวรับของวัตฟอร์ดอีกครั้ง เมื่อโยกมาทางฝั่งซ้ายก่อนจะกดด้วยซ้าย ระยะ 25 หลา บอลพุ่งตรงกรอบ แต่เบน ฟอสเตอร์ ไม่พลาด รับเอาไว้ได้เยี่ยม
เกมเริ่มเปิดแลกกันสนุก นาที 65 วัตฟอร์ด มาได้ลุ้นฟรีคิกหน้าปากประตูของเแบล็กเบิร์น จากจังหวะที่คริสโตเฟอร์ แซมบ้า ไปทำฟาวล์ มาร์ลอน คิง เสียฟาวล์ อาเมอร์ บูอัสซ่า รับหน้าที่ปั่นโค้ง แต่บอลไปเข้าซองแบร็ด ฟรีเดล
นาที 75 แบล็กเบิร์น จัดการถอด มอร์เท่น แกมส์ท พีเดอร์เซ่น และส่ง พอล กัลลาเกอร์ ลงสนามมาแทน แต่หลังนั้นทั้งสองฝ่าย ไม่สามารถทำประตูกันได้เพิ่มทำให้จบ 90 นาที แบล็คเบิร์น เปิดบ้านเอาชนะวัตฟอร์ด ไปได้ 3-1
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม แบล็คเบิร์น: แบร๊ด ฟรีเดล - เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน, คริสโตเฟอร์ แซมบ้า, ไรอัน เนลเซ่น, สตีเฟ่น วอร์น็อค - เดวิด เบนท์ลี่ย์, เดวิด ดันน์, อารอน โมโคเอน่า, มอร์เท่น แกมส์ท พีเดอร์เซ่น - เจสัน โรเบิร์ตส์, เบนนี่ แม็คคาร์ธี่ย์ สำรอง: เจสัน บราวน์ (ผู้รักษาประตู) - ตูกาย เคริโมกลู, สเตฟาน อองโชซ์, พอล กัลลาเกอร์, แม็ตต์ ดาร์บีเชียร์ วัตฟอร์ด: เบน ฟอสเตอร์ - อาเดรียน มาริอั๊ปป้า, คล้าร์ก คาร์ไลส์, เจย์ เดเมริต, จอร์แดน สจ๊วร์ต - ทอมมี่ สมิธ, กาวิน มาห์น, ดาเมี่ยน ฟรานซิส, ดั๊กลาส รินัลดี้ - ทามาส พริสกิ้น, ฮามูร์ บูอัซซ่า สำรอง: เจมส์ แชมเบอร์ส, มาร์ลอน คิง, สตีฟ คับบ้า, แดน ชิตตู, อัลฮัสซัน บ็องกูร่า
Create Date : 19 เมษายน 2550 | | |
Last Update : 19 เมษายน 2550 8:06:23 น. |
Counter : 290 Pageviews. |
| |
|
|
|