Health Engineer Sport Club
Group Blog
 
All Blogs
 

ผลฟุตบอลคับ

ตัดมาจากสยามกีัฬาคับ

ปืนยังบอดบุกเจ๊านิวฯ0-0เรือใบบุกถล่มฟูแล่ม3-1

"แข้งปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ยังคงควานหาชัยชนะในลีกไม่เจอเป็นนัดที่ 4 ติดต่อกันหลังทำได้เพียงบุกไปเจ๊ากับ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล แบบไร้ประตู ทำให้ตำแหน่งที่ 4 อาจสั่นคลอน ในขณะที่พลพรรค "เรือใบสีฟ้า" ฟอร์มแจ่มบุกถล่ม "เจ้าสัวน้อย" ฟูแล่ม 3-1 ส่วน โบลตัน กับ วิลล่า เจ๊า 1-1 ในบ้านทั้งคู่ ในศึกพรีเมียร์ชิพอังกฤษนัดหลังวันอีสเตอร์

ฟุตบอลพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ
วันจันทร์ที่ 9 เมษายน 2550

นิวคาสเซิ่ล 0 - อาร์เซนอล 0

สาลิกาดง ของ เกล็น โรเดอร์ วันนี้ไม่มี อ็องตวน ซิเบียร์สกี้ ดาวยิงชาวฝรั่งเศสที่มีอาการบาดเจ็บ เช่นเดียวกับ สกอตต์ พาร์เกอร์ และ เคร็ก มัวร์ ทำให้ต้องใช้การ เอ็มเร่ เบโล โซกลู โอกูชี่ ออนเยวู และ คีรอน ดายเออร์ ส่วนทีม "ปืนใหญ่" วันนี้ปรับมาเล่นกองหน้าตัวเดียวคือ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ส่วน เซซาร์ ชูลิโอ บาปติสต้า มีชื่อเป็นแค่ตัวสำรองเท่า นั้น

เริ่มเกมนาที16 นิวคาสเซิ่ล มีโอกาสก่อนเมื่อมาได้ลูกฟรีคิกระยะ 30 หลาหลัง ฟรานเชสก์ ฟาเบรกาส ทำฟาวล์ใส่ นอลเบร์โต้ โซลาโน่ และเป็น เอ็มเร่ เบโลโซกลู วิ่งเข้ามาปั่นด้วยซ้าย บอลติดกำแพงมาเข้าทาง โอกูชี่ ออนเยวู ยิงซ้ำด้วยขวาระยะ 12 หลาแต่ เยนส์ เลห์มันน์ ซูเปอร์เซฟปัดก่อนตามไปตะครุบได้ทัน

อีก 7 นาที เดเมี่ยน ดัฟฟ์ ปีกทีมชาติไอร์แลนด์ใช้ความเร็วลากขึ้นมาทางด้านซ้ายก่อนกึ่งยิงกึ่งผ่านมาหน้าประตู แต่ลึกเกินไปไม่มีใครเข้าชาร์จทัน นาทีที่25 สาลิกาดง ต้องเสีย เชย์ กิฟเว่น นายทวารทีมชาติไอร์แลนด์ที่มีอาการบาดเจ็บต้องเปลี่ยนตัวออกจากสนาม โดยเป็น สตีฟ ฮาร์เปอร์ ที่ลงมาเล่นแทน

เข้าสู่ครึ่งชั่วโมง อาร์เซน่อล น่าจะได้ประตูนำไปก่อนเมื่อ เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ เปิดจากด้านขวาบอลทำท่าจะเสียบมุมแต่ ฮาร์เปอร์ บินปัดข้ามคาน และจากลูกเตะมุมทางด้านขวา ฟราน เชสก์ ฟาเบรกาส เปิดมากลางประตู เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ขึ้นโขกคนเดียวระยะ 12 หลาแต่บอลหลุดเสาไปอย่างน่าหวาดเสียว

นาที 41 เจ้าถิ่นเล่นได้ดีกว่าและน่าขึ้นนำก่อนอย่างที่สุดเมื่อ เดเมี่ยน ดัฟฟ์ เก็บตกบอลทางด้านขวาของเขตโทษได้พลิกตัวซัดด้วยขวาไปติดบล็อก วิลเลี่ยม กัลล่าส์ หลุดเสานิด เดียว อีก 2 นาทีต่อมา นิวคาสเซิ่ล มีจังหวะอีกครั้งจากจังหวะที่ ดัฟฟ์ คนเดิมได้ลอยตัวยิงด้วยซ้ายข้างถนัด แต่ยังไม่เข้ากรอบอยู่ดี จบครึ่งจึงเสมอกันอยู่ที่ 0-0

เปิดฉากครึ่งหลังมาเพียงแค่นาทีเดียว เจ้าถิ่นก็ดาหน้าบุกทันทีและเกือบขึ้นนำก่อน 1-0 หลัง เจมส์ มิลเนอร์ ปีกขวาดาวรุ่งเหลือบเห็นเยนส์ เลห์มันน์ ออกมานอกเส้นมากเลยจัดการ ยิงไซด์ก้อยด้วยขวว แต่บอลดันไปชนคานกระดอน

นาที 52 สาลิกาดง มาเปลี่ยนนักเตะคนที่สองโดยเอา คีรอน ดายเออร์ ที่วิ่งเป็นท้าตั้งแต่ต้นเกมออกแล้วส่ง ชาร์ลส์ เอ็นซ็อกเบีย ปีกดาวรุ่งชาวน้ำหอมลงมาแทน อีก 4 นาที ต่อมา เป็นโอกาสของอาร์เซน่อล บ้างเมื่อ เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ พาบอลขึ้นมาด้วยตัวเองทางริมเส้นฝั่งขวาก่อนที่จะลากตัดมา และตัดสินใจยิงด้วยเท้าขวาเน้น แต่บอลติดไซด์ก้อยออกหลัง

เกมนำเนินมาครบชั่วโมง ก็ยังไม่มีสกอร์เกิดขึ้น อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือปืนใหญ่จึงส่ง เซซาร์ ชูลิโอ บาปติสต้า แกนรุกทีมชาติบราซิลลงมาแทน อเล็กซานเดอร์ คเล็บ ที่มีอาการ บาดเจ็บ

ทั้งฝ่ายมีการตัดเกมกันเยอะทำให้เกมไม่มีความต่อเนื่อง จึงไม่มีโอกาสที่จะทำประตูกันมากนัก ครบ 90 นาที จบลงด้วยผลเสมอ ด้วยสกอร์0-0 เก็บคะแนนเพิ่มฝ่ายละ หนึ่ง แต้ม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด : เชย์ กิฟเว่น , นอลเบร์โต้ โซลาโน่, โอกูชี่ ออนเยวู, สตีเว่น เทย์เลอร์, สตีเฟ่น คาร์ , เจมส์ มิลเนอร์, นิคกี้ บัตต์, เอ็มเร่ เบโลโซกลู, เดเมี่ยน ดัฟฟ์ , คีรอน ดาย เออร์, โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์
อาร์เซน่อล : เยนส์ เลห์มันน์ , เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, โคโล ตูเร่, วิลเลี่ยม กัลลาส, กาแอล กลิชี่ , วาซิริกิ อาบู ดิยาบี้,เฟรดริก ลุงเบิร์ก, ฟรานเชสก์ ฟาเบรกาส, จิลแบร์โต้ ซิลวา, อเล็ก ซานเดอร์ คเล็บ , เอ็มมานูเอล อเดบายอร์

ฟูแล่ม 1 - แมนฯซิตี้ 3

"เจ้าสัวน้อย" ฟูแล่ม เปิดบ้านรับการมาเยือน "เรืบไบสีฟ้า" แมนฯซิตี้ โดยเจ้าบ้านต้องการสามคะแนนเป็นอย่างยิ่งเพื่อความปลอดภัยจากการตกชั้น โดยเกมนี้ได้ โทมัส ราดซินสกี้ หายเจ็บทันแต่มีชื่อเป็นตัวสำรอง ขณะที่ทีมเยือน โชว์ฟอร์มได้อย่างดีในช่วงหลัง ชนะ 2 จาก 3 นัดหลังสุด

เปิดเกมมาในช่วงแรก ทั้งสองทีมยังหาโอกาสเจาะเข้ายิงกันไม่ค่อยถนัดนัก จนนาที 15 โอกาสหวาดเสียวของเกมจึงมาถึงเมื่อ ไม่เคิ่ล จอห์นสัน กองกลาวรุ่งวัย 19 ปีของทีมแมนฯ ซิตี้ เปิดลูกเตะมุมไปเข้าหัว ริชาร์ด ดันน์ ได้โหม่งระยะ 6 หลา แต่ดันน์ บังคับบอลไม่ดีหลุดกรอบออกไปนิดเดียว

แต่แล้วอีก 6 นาทีถัดมา ทำนบแรวรับของฟูแล่ม ก็แตกจนได้เมื่อ เลียม โรซีเนียร์ กองหลังของฟูแล่มเคลียร์บอลไม่ขาดมาเข้าทาง โจอี้ บาร์ตัน แตะหนึ่งจังหวะก่อนจะซัดด้วยขวา บริเวณเส้นเขตโทษ บอลพุ่งเสียบเสาแรกอย่างเด็ดขาด ทีมเยือนออกนำ 1-0

ฟูแล่ม เปิดเกมสู้เข้าใส่อย่างไม่ย้อท้อหวังทำประตูตีเสมอให้ได้ แต่เกมในแดนกลางสนาม ก็โดนแมนฯซิตี้ ตัดเอาไว้โดยตลอด จนกระทั่งมาจ่ายบอลพลาดเสียประตูกันอีกหน แมนฯ ซิตี้ มาบวกประตู 2-0 จนได้ในนาที 36 จากจังหวะโต้กลับ ไมเคิ่ล จอห์นสัน แทงทะลุจากกลางสนามให้กับ โจอี้ บาร์ตัน ก่อนจะที่บาร์ตันจะไหลเข้าช่องทางฝั่งซ้ายให้ดามาคัส บีสลี่ย์ ดาวเตะ อเมริกัน วิ่งขึ้นมายิงด้วยซ้ายจังหวะเดียว ส่งบอลเสียบเสาสองอย่างง่ายดาย

ช่วงเวลาที่เหลือของครึ่งแรก เจ้าบ้านพยายาม ไม่สามารถทวงประตูตีตื้นได้ทำให้จบ 45 นาทีแรก แมนฯซิตี้ บุกมานำ 2-0

เริ่มเกมมาครึ่งหลัง ฟูแล่ม เปิดเกมรุกเข้าสู่ทันที นาที 47 โมริตซ์ โฟลซ์ แบ็กเลือดด้อยซ์ ของเจ้าบ้าน ได้จังหวะซัดด้วยซ้ายระยะ 25 หลา แต่บอลพุ่งไปโดนซิลแวง ดิสแต็ง เลยอด ได้ลุ้นประตู

เจ้าบ้าน ยังคงพยายามต่อไป เลียม โรซิเนียร์ เติมเกมรุกขึ้นมาทางฝั่งซ้าย ก่อนจะกดด้วยขวาบริเวณเขตโทษ แต่บอลเหินข้ามคานออกไป จากนั้น ฟูแล่ม เกมเริ่มตื้อ จนนาที 58 ต้องเปลี่ยนเอา วินเซนโซ่ มอนเตลล่า หัวหอกอิตาเลี่ยน ลงมาล่าตาข่าย แทน ไฮดาร์ เฮลกูสัน ที่โชว์ฟอร์มไม่ออก

แต่แล้วกลับเป็น แมนฯซิตี้ ที่มาได้ประตูหนีห่างออกไปเป็น 3-0 ในอีกนาทีถัดมา เอมิล เอ็มเพนซ่า จ่ายบอลจากแดนตัวเองให้ ดาริอุส วาสเซลล์ คู่หูในแดนหน้า ได้เข้าไปเข่นระยะ 18 หลา ส่งบอลตุงตาข่าย อันต์ติ นิมี่ นายทวารของฟูแล่ม หมดสิทธิ์เซฟ

นาที 76 ฟูแล่มได้ประตูไล่ขึ้นมาเป็น 3-1 จนได้เมื่อไซม่อน เดวีส์ เปิดลูกเตะมุมมาเข้าหัว คาร์ลอส โบคาเนกร้า กองหลังของเจ้าสัว ได้โหม่งตุงตาข่าย ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่ สามารถทำประตูกันได้อีก ทำให้จบ 90 นาที แมนฯซิตี้ บุกมาชนะ ฟูแล่ม 3-1

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ฟูแล่ม : อันท์ติ นิมี่, โมริตซ์ โฟลซ์, ฟิลิป คริสตองวัล, คาร์ลอส โบคาเนกร้า, เลียม โรซีเนียร์, เวย์น เร้าท์เลดจ์, อเล็กเซ สเมอร์ติน, ไมเคิ่ล บราวน์, ไซม่อน เดวี่ส์, ไบรอัน แม็คไบรด์, ไฮดาร์ เฮลกูสัน
แมนฯซิตี้ : อันเดรส อีซิคส์สัน, เนดุม โอนูโอฮา, ซิลแวง ดิสแต็ง, ริชาร์ด ดันน์, ไมเคิ่ล บอลล์, ซุน จีไห่, ไมเคิ่ล จอห์นสัน, โจอี้ บาร์ตัน, ดามาร์คัส บีสลี่ย์, ดาริอุส วาสเซลล์, เอมิล เอ็มเพนซ่า
สรุปผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิพอังกฤษ ประจำวันจันทร์ที่ 9 เมษายน 2550
# วัตฟอร์ด ชนะ พอร์ตสมัธ 4-2
# โบลตัน เสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1
# แอสตัน วิลล่า เสมอ วีแกน 1-1




 

Create Date : 10 เมษายน 2550    
Last Update : 10 เมษายน 2550 10:13:37 น.
Counter : 297 Pageviews.  

ผลฟุตบอลคับ

Spain - Primera Division
02:38 April 8
FT Deportivo La Coruna 1 - 0 Gimnastic
FT Espanyol 1 - 0 Real Sociedad
FT Levante 1 - 1 Real Betis
FT Mallorca 2 - 0 Getafe
FT Recreativo Huelva 4 - 2 Celta de Vigo
FT Sevilla 0 - 0 Racing Santander
FT Real Madrid 2 - 0 Osasuna
FT Villarreal 0 - 1 Atletico Madrid

Germany - Bundesliga I.
02:40 April 8
FT Bayer Leverkusen 1 - 4 Bochum
FT Werder Bremen 1 - 0 Nurnberg

France - Ligue 1
April 8
FT Sedan 0 - 2 Toulouse
FT Marseille 4 - 1 Lille




 

Create Date : 09 เมษายน 2550    
Last Update : 9 เมษายน 2550 7:40:59 น.
Counter : 259 Pageviews.  

ผลบอลพรีเมียร์ลีก

ค้อนบุกดับปืน1-0มีลุ้นต่อหงส์,สาลิกา,วิลล่าบุกเฮ

"ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ยังต่อลมหายใจบนเวทีพรีเมียร์ชิพอีกเฮือกใหญ่หลังโชว์ฟอร์มหรูบุกดับ "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ถึง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 1-0 โดย บ๊อบบี้ ซาโมร่า รับบทฮีโร่ซัดประตูโทนของเกม ส่วน "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ได้ เดิร์ค เค้าท์ โหม่งประตูชัยท้ายเกมส์ ช่วยทีมบุกชนะ เร้ดดิ้ง 2-1 ยึดที่ 3 ของตารางไว้อย่างเหนียวแน่น

ฟุตบอลพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2550

อาร์เซน่อล 0 - เวสต์แฮม 1

"ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล เปิดรัง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม รับมือ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ศึกลอนดอน ดาร์บี้ แมตช์ เกมนี้ อาร์แซน เวนเกอร์ อัดกองกลางตัวเก่งลงไปถึง 5 คน เต็มๆทิ้ง เอ็มมานูเอล อาเดบายอร์ ไว้ข้างหน้าคนเดียว ส่วนทีมเยือน อลัน เคอร์บิชลี่ย์ เลือก บ๊อบบี้ ซาโมร่า กับ คาร์ลอส เตเบซ ยืนหน้าคู่กัน โดยมีชื่อของ หลุยส์ บัวมอร์ต กับ เคป้า บลังโก้ ในม้านั่งสำรอง

ออกสตาร์ตได้ไม่ถึง 2 นาที เดอะ กันเนอร์ส เกือบขึ้นนำเมื่อ เชสก์ ฟาเบรกาส ได้บอลหลุดเดี่ยวไปยิงในกรอบโทษด้านขวา แต่ดันซัดไม่เข้ากรอบซะงั้น อาร์เซน่อล บุกหนักโดย ตลอด น.7 พลาดโอกาสได้ประตูไปอีกครั้ง เมื่อ เฟดริก ลุงเบิร์ก เปิดจากด้านขวาให้ อาเดบายอร์ ยิงแบบไม่ต้องจับระยะสิบหลาเศษแต่กองหน้าผิวสีบังคับบอลให้เข้ากรอบไม่ได้

4 นาทีต่อมา ไอ้ปืนใหญ่ เกือบได้อีก คราวนี้ ลุงเบิร์ก หลุดเข้าไปจิ้มบอลหมายให้สวนตัว โรเบิร์ต กรีน แต่ติดตัวโกล์เวสต์แฮมซะก่อน โทมัส โรซิคกี้ กองกลางทีมชาติเชกเกือบทำ สกอร์ 1-0 ให้ อาร์เซน่อล เมื่อวิ่งเข้าไปอัดลูกเปิดของ อเล็กซานเดอร์ เคล็บ หลุดกรอบไปนิดเดียว

เดอะ แฮมเมอร์ส เริ่มตั้งเกมได้บ้างทำให้การรุกของเจ้าบ้านเริ่มไม่ต่อเนื่องผ่านไปอีกจนเกือบครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีจังหวะลุ้นทำประตูเพิ่มเติม อาร์เซน่อล น่าได้จริงๆ น.31 เมื่อโทมัส โรซิคกี้ กระหน่ำ 20 หลาเต็มๆ แต่ โรเบิร์ต กรีน ปัดเอาไว้ได้ด้วยสองมือ

เจ้าบ้านบุกอยู่ดีๆแต่กลายเป็นทีมเยือนที่ขึ้นนำไปก่อนในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 2 เมื่อ ลูคัส นีลล์ โยนยาวจากแดนตัวเองให้ ซาโมร่า หลุดกับดักล้ำหน้าไปยิงปลายเท้าแบบไม่จับ บอลลอยโด่งข้ามมือ เยนส์ เลห์มันน์ ที่วิ่งออกมาเสียบตาข่ายอย่างพอเหมาะพอเจาะ ทำให้ เวสต์แฮม นำ 1-0 เมื่อครบ 45 นาที

ครึ่งหลัง เวสต์แฮม ส่ง โจนาธาน สเป็คเตอร์ ลงเล่นแทน จอร์จ แม็คคาร์ทนี่ย์ ซึ่ง อาร์เซน่อล บุกหนักทันที น.48 ได้ลุ้นจากลูกยิงเก็บตกของ กาแอล กลิชี่ ทว่าโด่งข้ามคานออกไป ลูกน้องเวนเกอร์น่าได้ประตูตีเสมอจริงๆ น.53 จาก จิลแบร์โต้ ซิลวา ที่กระหน่ำนอกเขตโทษ แต่ โรเบิร์ต กรีน ซูเปอร์เซฟปัดเอาไว้ได้

น.57 กรีน ยังคงเป็นฮีโร่ของ เดอะ แฮมเมอร์ส เมื่อเซฟลูกโหม่งเผาขนของ อาเดบายอร์ ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ฟาเบรกาส น่าจะซัดตีเสมอให้ อาร์เซน่อล อย่างที่สุดเมื่อเขาได้ พลิกตัวยิงบอลเต็มแรงแต่ลูกไปโดนคานกระดอนออกมาน่าเสียดาย

เดอะ แฮมเมอร์ส ยันเอาไว้ได้ดีเหลือเกินทำให้ เวนเกอร์ อยู่เฉยไม่ได้เขาส่ง เฌเรมี่ อาลิยาดิแยร์ ลงแทน เคล็บ น.65 จากนั้นอีก 10 นาทียังส่ง ชูลิโอ บาปติสต้า ลงแทน ลุงเบิร์ก อีก อาร์เซน่อล เกือบตีเสมอได้อีกครั้ง น.80 เมื่อ อาเดบายอร์ เปิดให้ จิลแบร์โต้ ซิลวา โหม่งเต็มๆแต่หลุดกรอบไปนิดเดียว

น.84 เจ้าบ้านไร้โชคอีกครั้ง เมื่อ จิลแบร์โต้ เอาบอลลงทางด้านซ้ายด้วยอกก่อนจะยิงทันที บอลพุ่งชนเสากระดอนออกไป ถึงตรงนี้ จิลแบร์โต้ โดนเปลี่ยนออก เป็น อาบู ดิอาบี้ ที่ เล่นแทนเวสต์แฮม พลาดโอกาสทองที่จะนำ 2-0 เมื่อ หลุยส์ บัวมอร์ต ตัวสำรองหลุดกับดักล้ำหน้าไปยิงทางขวามุมแคบแต่กันซัดหลุดกรอบไปนิดเดียวเท่านั้น

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เดอะ กันเนอร์ส มาเป็นชุด เฌเรมี่ ส่องไกลดูน่ากลัวทีเดียว แต่ก็ไปตรงตัว โรเบิร์ต กรีน ซะอีก จบเกม เวสต์แฮม พลิกล็อกบุกชนะ 1-0 ได้ 3 แต้มอันล้ำค่า เดอะ กันเนอร์ส ตามหลังโซนปลอดภัยแค่ 2 คะแนนเท่านั้น

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อาร์เซน่อล : เยนส์ เลห์มันน์, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, โคโล ตูเร่, วิลเลี่ยม กัลลาส, กาแอล กลิชี่, เฟรดริก ลุงเบิร์ก, เชสก์ ฟาเบรกาส, จิลแบร์โต้ ซิลวา, อเล็กซานเดอร์ เคล็บ, โทมัส โรซิ คกี้, เอ็มมานูเอล อาเดบายอร์
เวสต์แฮม : โรเบิร์ต กรีน, ลูคัส นีลล์, เจมส์ คอลลินส์, แอนตัน เฟอร์ดินานด์, จอร์จ แม็คคาร์ทนี่ย์, ลี โบวเยอร์, ไนเจล รีโอ-โคเกอร์, มาร์ค โนเบิ้ล, แม็ทธิว เอเธอริงตัน, คาร์ลอส เต เบซ, บ๊อบบี้ ซาโมร่า

เร้ดดิ้ง 1 - ลิเวอร์พูล 2

เจ้าบ้านเร้ดดิ้ง เปิดสนามตัวเองรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล โดยเกมนี้ สตีฟ ค็อปเปลล์ กุนซือของเร้ดดิ้งส่ง เดฟ คิตสัน กับ เควิน ดอยล์ เป็นสองกองหน้าคู่กัน ส่วนทีมเยือนใช้ เคร็ก เบลลามี่ กับ ปีเตอร์ เคร้าช์ ยืนเป็นคู่หัวหอก

เริ่มเกมมาได้ 7 นาทีเจ้าบ้านมีโอกาสได้ลุ้นก่อน เมื่อจอห์น ออสเตอร์ สบโอกาสยิงหน้ากรอบเขตโทษแต่บอลตรงตัว โฆเซ่ เรน่า นายทวารชาวสเปนของลิเวอร์พูล แต่หลังจากนั้นอีก 8 นาทีกลับเป็นทีมเยือนที่ได้ประตูนำไปก่อน จากจังหวะที่ต่อบอลขึ้นมา แล้วเป็นปีเตอร์ เคร้าช์ กองหน้าร่างโย่งที่จ่ายบอลให้ อัลบาโร่ อาร์เบลัว ที่วันนี้ลงเป็นแบ๊กซ้ายหลุดกับดักล้ำหน้าขึ้นมาซัด ผ่านมือ มาร์คัส ฮาห์เนมันน์ เข้าไป ลิเวอร์พูลนำไปก่อน 1-0

อีก 2 นาทีต่อมาหลังเขี่ยลูกกันใหม่ เจ้าบ้านน่าจะได้ประตูตีเสมอเช่นกัน แต่ลูกยิงของเควิน ดอย์ล ข้ามคานออกไปอีก เกมของทั้งสองทีมเริ่มเฉื่อยลง ต้องรอจนถึงท้ายครึ่งแรก เจ้าบ้านจึงมามีโอกาสอีกครั้ง เมื่อสตีเฟ่น ฮันท์ ตัดบอลจากกลางสนามได้ ก่อนลากขึ้นมาซัดด้วยซ้ายข้างถนัดเต็มข้อ แต่บอลข้ามคานออกไปไม่ได้ลุ้น จบครึ่งแรกลิเวอร์พูลนำอยู่ 1-0

เริ่มครึ่งหลังมาได้แค่ 2 นาทีเร้ดดิ้งมาได้ประตูตีเสมออย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ ฮันท์ เปิดบอลจากทางฝั่งซ้ายมาให้ในจังหวะต่อเนื่องจากลูกฟรีคิกเข้าไปหน้าประตูให้ บรินยาร์ กุน นาร์สสัน หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปพักบอลลงหนึ่งจังหวะ ก่อนซัดบอลชนโคนเสาเด้งเข้าประตูไป เร้ดดิ้งตีเสมอเป็น 1-1

จากนั้นนาทีที่ 62 เจ้าบ้านเกือบได้ประตูขึ้นนำบ้างเหมือนกัน จากความผิดพลาดของปีเตอร์ เคร้าช์ ที่ลงมาช่วยโหม่งเคีลยร์ลูกเปิดฟรีคิกของออสเตอร์ผิดทางไปชนเสาเต็มๆ ยังดี ที่ไม่มีตัวซ้ำของเจ้าบ้านเข้าได้ทัน

แต่ว่าอีก 2 นาทีให้หลังลิเวอร์พูล น่าจะได้ประตูที่สองอย่างสุด เมื่อ เดิร์ค เค้าท์ ใช้ความสามารถเฉพาะตัวพลิกบอลหลอกกองหลังเจ้าบ้านเข้าไปจิ้มบอลสวนตัว มาร์คัส ฮาห์เนมันน์ ไปแบ้ว แต่บอลไม่ตรงกรอบ เจอร์ราด จะเข้าชาร์จก็ไม่ทันอีก

เกมของทั้งสองทีมค่อนข้างเนือยลงไป แต่กลายเป็นลิเวอร์พูล ที่มาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากจังหวะที่เจอร์เมน เพนแนนท์ พาบอลขึ้นมาทางกราบขวา ก่อนเปิดบอลมาอย่างแม่น ยำถึงหัวเดิร์ค เค้าท์ แค่เทกตัวโขกเข้าไปง่ายๆ ลิเวอร์พูลนำ 2-1

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรไม่ได้ จบเกมลิเวอร์พูลบุกมาชนะเร้ดดิ้งได้ถึงถิ่น 2-1

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เร้ดดิ้ง: มาร์คัส ฮาห์เนมันน์ - บรินยาร์ กุนนาร์สสั, อิวาร์ อินกิมาร์สสัน, ไมเคิ่ล ดูเบอร์รี่, นิคกี้ โชรี่ย์ - จอห์น ออสเตอร์, สตีฟ ซิดเวลล์, เจมส์ ฮาร์เปอร์, สตีเฟ่น ฮันท์ - เดฟ คิตสัน, เควิน ดอยล์
ลิเวอร์พูล: โฆเซ่ มานูเอล เรน่า - สตีฟ ฟินแนน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ซามี่ ฮูเปีย, อัลบาโร่ อาร์เบลัว - สตีเว่น เจอร์ราร์ด, โมฮาเหม็ด ซิสโซโก้, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, มาร์ค กอนซาเลซ - เคร็ก เบลลามี่, ปีเตอร์ เคร้าช์

สรุปผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2550
# เชลซี ชนะ สเปอร์ส 1-0
# แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส แพ้ แอสตัน วิลล่า 1-2
# มิดเดิ้ลสโบรช์ ชนะ วัตฟอร์ด 4-1
# เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แพ้ นิวคาสเซิ่ล 1-2
# วีแกน แพ้ โบลตัน 1-3




 

Create Date : 08 เมษายน 2550    
Last Update : 8 เมษายน 2550 0:02:29 น.
Counter : 349 Pageviews.  

ผลฟุตบอลคับ

ตัดมาจากสยามกีฬาคับ


สเปอร์สจ๋อย!บุกพ่าย1-2,ห้างยายับ,เบรเมนแค่เจ๊า

"แชมป์เก่า" เซบีย่า กำความได้เปรียบในนักแรกไว้ได้ก่อน เมื่อเปิดรังราม่อน ปิซฆวน พลิกเฉือนชนะ สเปอร์ส จากอังกฤษ แบบสนุก 2-1 ไปลุ้นต่อนัดสองที่บ้านสเปอร์ส ขณะที่ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ตกที่นั่งลำบากหลังพ่าย โอซาซูน่า ยับคารัง 0-3 ด้าน แวร์เดอร์ เบรเมน ทำได้แค่เสมอ อาแซด อัล์คมาร์ 0-0 ส่วน เอสปันญ่อล เปิดบ้านเฉือนหืด เบนฟิก้า 3-2 ในศึกยูฟ่า คัพ เมื่อคืนที่ผ่านมา

ฟุตบอลยูฟ่า คัพ
(รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก ฤดูกาล 2006/07)
(วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน 2550)

เซบีย่า (สเปน) 2 - สเปอร์ส (อังกฤษ) 1

สนาม :ราม่อน ปิซฆวน

แชมป์เก่า เซบีย่า เปิดรัง ราม่อน ปิซฆวน รับการมาเยือน ของ สเปอร์ส จากอังกฤษ โดยเกมนี้ เจ้าบ้านไม่มี หลุยส์ ฟาเบียโน่ ที่ติดโทษแบน ขณะที่ทีมเยือนมีการปรับเปลี่ยนแผงหลังเมื่อริคาร์โด้ โรช่า ติดคัพไทลงเล่นไม่ได้ จึงหุบปาสกาล ชิมบงด้า เข้ามาเล่นเป็นเซนเตอร์ฮาลฟ์

เริ่มเกมมาได้เพียงนาที สเปอร์ส ออกสตาร์ท ได้สวยเมื่อเป็นฝ่ายทำประตูขึ้นนำไปได้ก่อนจากจังหวะที่ ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ ไหลบอลให้กับร็อบบี้ คีน คู่ขาในแดนหน้าหลุดเข้าไปติดเซฟในจังหวะแต่ตามซ้ำด้วยซ้ายตุงตาข่ายให้ทีมขึ้นนำ 1-0

แต่แล้วเซบีย่า กลับมาได้จุดโทษอย่างน่ากังขาเมื่อ อาเดรียโน่ ของเจ้าบ้าน หลุดทะลุเข้าไปในเขตโทษ แต่โดนพอล โรบินสัน ปราดออกมาบล็อกได้ทัน แต่ผู้ตัดสินกลับเป่าเป็นจุดโทษ ทั้งที่ภาพช้าแสดงให้เห็นว่าโรบินสัน ออกมาคว้าบอลไม่ได้ทำฟาวล์แต่อย่างใด ก่อนที่จะเป็นเฟดริก กานูเต้ อดีตนักเตะของสเปอร์ส รับหน้าที่สังหารตุงตาข่ายให้เซบีย่าตามตีเสมอเป็น 1-1 ในนาที 20

เจ้าบ้านได้ใจใหญ่มาบวกประตูที่สองในอีก 16 นาทีถัดมา เมื่อ กองหลังของสเปอร์ส สกัดลูกไม่ขาดมาเข้าทาง ฌูเลียง เอสกูเก้ โหม่งชงต่อให้กับอเล็กซานเดอร์ เคอร์ชาคอฟ สะบัดหัวโหม่งส่งบอลตุงตาข่ายระยะเพียง 8 หลา เจ้าบ้านพลิกนำ 2-1 จากนั้นจบครึ่งแรกเซบีย่า นำ 2-1

เริ่มครึ่งหลังขึ้นมา เป็นเซบีย่า ที่ครองเกมได้มากกว่า โดยที่สเปอร์ส พยายามอาศัยจังหวะโต้กลับคอยเล่นงาน

สเปอร์ส ทีมเยือนได้เสียวในนาที 58 เมื่อ ร็อบบี้ คีน ได้หลุดขึ้นไปซัดด้วยซ้ายทางบริเวณจุดโทษด้านซ้าย แต่บอลถากเสาออกไปนิดเดียว

ไก่เดือยทองได้ลุ้นอีกครั้งจากฟรีคิกระยะไกลกว่า 40 หลา แต่ร็อบบี้ คีน ซัดเหินข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย

นาที 79 เซบีย่า หวิดจะได้ประตูที่สามเมื่อ อาเดรียโน่ หลุดขึ้นมาทางฝั่งซ้ายก่อนจะตักเข้าให้กับ กานูเต้ ได้โหม่งบริเวณจุดโทษ แต่หัวหอกมาลี สะบัดหัวแรงไปหน่อยบอลเลยหลุดกรอบออกหลังไป จังหวะต่อมา ดิดิเย่ร์ โซโกร่า ของสเปอร์ส ได้หลุดขึ้นมาซัดด้วยขวา แต่บอลไม่ตรงกรอบ

จากนั้นทั้งสองทีมไม่มีฝ่ายใดทำประตูกันได้เพิ่ม จบ 90 นาที เซบีย่า ชนะไป 2-1 นัดสองต้องไปเล่นกันต่อที่บ้านของสเปอร์ส

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เซบีย่า : อันเดรียส ปาล็อบ, ฆาบี นาบาร์โร่, ดาบิด กาสเตโด้, ดาเนี่ยล อัลเวส, อาเดรียโน่, คริสเตียน โพลเซ่น, อเล็กซานเดอร์ เคอร์ชาคอฟ, เรนาโต้, เฟดริก กานูเต้, ฌูเลียง เอสกูเด้, เฆซุส นาบาส
สำรอง : ดาบิด โคเบโน่, เซอร์จิโอ วาเลนเต้, เอร์เนสโต้ เชบันตอน, โฆเซ่ หลุยส์ มาร์ติ, อิวิก้า ดรากูติโนวิช, อันเดรส ฮิงเคิ่ล, เอ็นโซ่ มาเรสก้า
สเปอร์ส : พอล โรบินสัน, ปาสกาล ชิมบงด้า, ไมเคิ่ล ดอว์สัน, พอล สตัลเทรี่, อี ยอง เปียว, ตีมู เตนิโอ, เจอร์เมน เจนาส, ดิดิเย่ร์ โซโกร่า, อาร่อน เลนน่อน, ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ, ร็อบบี้ คีน
สำรอง : ราเด็ก เชร์นี่, มิโด้, ฮอสซัม ฮัสซัน, สตีด มัลบรองต์, เจอร์เมน เดโฟ, อเดล ทารับต์, ฟิลิป ไอฟิล

ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น (เยอรมัน) 0 - โอซาซูน่า (สเปน) 3

สนาม :ไบ อารีน่า

ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เปิดสนาม ไบ อารีน่า ต้อนรับการมาเยือนของ โอซาซูน่า โดยเกมนี้เจ้าบ้านได้ คาริม อากกี ที่ติดโทษแบนจากรอบที่แล้วกลับคืนสนาม นอกนั้นตำแหน่งอื่นๆ สมบูรณ์ครบ มี เซอร์เกจ์ บาร์บาเรซ, สเตฟาน คีสส์ลิ้ง และ อังเดร โวโรนิน เป็นสามประสานในแดนหน้า

ขณะที่ทีมเยือนจากสเปน ไม่มี จาวัด เนกูนาม กับ ฟรานซิสโก้ ปูนญาล สองกองกลางคนสำคัญที่เจ็บ ทำให้ ฆวนฟราน ตอร์เรส กับ ยอน โดมิงเกซ ได้โอกาสลงสนามแทน ส่วนคู่หน้ายังคู่เดิม โรเบร์โต้ โซลดาโด้ กับ ซาโว มิโลเซวิช

เริ่มเกมขึ้นมาได้แค่นาทีเดียว โอซาซูน่า ก็ฉวยโอกาสจากลูกเตะมุมครั้งแรกของเกม ทำประตูขึ้นนำ 1-0 ได้สำเร็จ เมื่อ ฆวนฟราน ตอร์เรส เตะมุมจากฝั่งขวา แนวรับของทีมห้างยาประกบหละหลวม ปล่อยให้ ฆาเบียร์ กูเอย่าร์ ปราการหลังทีมเยือนลอยตัวโขกเหน่งๆ คนเดียวตุงตาข่าย

แผงหลังเจ้าบ้านเกือบพลาดแบบเดิมๆ อีกครั้งในนาทีที่ 6 เมื่อ ดาบิด โลเปซ เตะมุมจากฝั่งซ้าย และเป็น กูเอย่าร์ คนเดียว สอดขึ้นมาโหม่งข้ามคานออกไป

โอกาสของ โอซาซูน่า มาถึงอีกครั้งในนาทีที่ 16 ฆวนฟราน กระชากบอลขึ้นทางกราบขวา ก่อนเปิดให้ โรเบร์โต้ โซลดาโด้ โหม่งเต็มศีรษะ แต่ เรเน่ แอดเลอร์ พุ่งปัดออกไปได้

เลเวอร์คูเซ่น มีโอกาสไม่มากในครึ่งแรก แต่ก็ได้ลุ้นในนาทีที่ 34 อังเดร โวโรนิน บรรจงหยอดบอลให้ เซอร์เกจ์ บาร์บาเรซ สอดขึ้นมาโหม่งข้ามคานออกไป

ทดเจ็บครึ่งแรก ทีมเยือนจากสเปนใช้ลูกทีเด็ดจากลูกเตะมุมอีกครั้ง คราวนี้เป็น ราอูล การ์เซีย โหม่งหลุดเสาสองออกไป จบครึ่งแรก โอซาซูน่า เล่นดีกว่าและนำอยู่ 1-0

ครึ่งหลัง เลเวอร์คูเซ่น แก้เกมทันที โดยส่ง พอล ไฟรเออร์ ลงมาเล่นเกมรุกแทน สเตฟาน คีสส์ลิ้ง

เพียงแค่นาทีเดียว ทีมห้างยาได้ลุ้นทันที จากจังหวะที่ มาร์โก บาบิช เติมขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนกดด้วยเท้าซ้ายเต็มๆ แต่ ริคาร์โด้ โลเปซ พุ่งปัดออกไปได้

นาทีที่ 62 พอล ไฟรเออร์ ตัวสำรองของเจ้าถิ่น กระชากบอลขึ้นทางกราบขวา ก่อนเปิดเรียดไปหน้าประตู อังเดร โวโรนิน โฉบเปลี่ยนทางบอลหลุดเสาสองออกไป

ถัดมา 2 นาที บาบิช โยนบอลจากกราบซ้ายให้ บาร์บาเรซ ขวิดจะเข้ามุมประตูอยู่แล้ว แต่ ริคาร์โด้ ปัดบอลออกมาได้อีก

ทว่า โอซาซูน่า เพิ่งมีโอกาสบุกในครึ่งหลัง และก็มาได้ประตูหนีห่าง 2-0 หน้าตาเฉยในนาทีที่ 70 เมื่อ ซาโว มิโลเซวิช แทงบอลให้ ดาบิด โลเปซ หลุดเข้าไปล่อเป้าผ่าน แอดเลอร์ ไม่เหลือ

นาทีต่อมา โอซาซูน่า ส่ง ปิแอร์ อาชิลล์ เวโบ้ กองหน้าแคเมอรูน ลงมาแทน โรเบร์โต้ โซลดาโด้ และเพียงไม่ถึง 20 วินาทีที่อยู่ในสนาม เวโบ้ ก็สัมผัสบอลครั้งแรกเข้าไปกองก้นตาข่ายได้ทันที เมื่อซัดลูกเปิดของ มิโลเซวิช เข้าไปไม่พลาดเป็น 3-0 ในนาทีที่ 72

จบเกม โอซาซูน่า บุกมาอัด เลเวอร์คูเซ่น ไปได้อย่างถล่มทะลาย 3-0 ทำให้นัดสองในบ้านเป็นงานง่ายสำหรับ โอซาซูน่า

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เลเวอร์คูเซ่น : เรเน่ แอดเลอร์, กอนซาโล่ กาสโตร, คาริม อากกี, ฮวน, มาร์โก บาบิช, ไซม่อน โรลเฟส, แบร์นด์ ชไนเดอร์, ทรานกิลโล่ บาร์เน็ตต้า, เซอร์เกจ์ บาร์บาเรซ, สเตฟาน คีสส์ลิ้ง, อังเดร โวโรนิน
โอซาซูน่า : ริคาร์โด้ โลเปซ, โฆเซ่ อิซเกวร์โด้, เซซ่าร์ กรูชาก้า, ฆาเบียร์ กูเอย่าร์, เอ็นริเก้ กอร์ราเลส, ฆวนฟราน ตอร์เรส, ราอูล การ์เซีย, ยอน โดมิงเกซ, ดาบิด โลเปซ, โรเบร์โต้ โซลดาโด้, ซาโว มิโลเซวิช

อาแซด อัล์คมาร์ (ฮอลแลนด์) 0 - แวร์เดอร์ เบรเมน (เยอรมัน) 0

สนาม :ดีเอสบี สเตเดี้ยม

อาแซด อัล์คมาร์ เปิดสนาม ดีเอสบี สเตเดี้ยม รับมือ แวร์เดอร์ เบรเมน โดยเกมนี้เจ้าบ้านยึดผู้เล่นตัวหลักจากรอบที่แล้วลงสนามล้วนๆ มี มาร์เท่น มาร์เท่นส์, แดนนี่ โคเวอร์มันส์ และ โชต้า อาร์เวลัดเซ่ ด้านทีมเยือนก็ไม่มีปัญหาในการจัดทัพ ดิเอโก้ ยังเป็นจอมทัพของทีม และ มิโรสลาฟ โคลเซ่ กับ ฮูโก้ อัลเมยด้า เป็นคู่กองหน้า

เริ่มเกมขึ้นมา เบรเมน เป็นฝ่ายที่ครองบอลบุกได้เหนือกว่านิดๆ และน่าจะได้ประตูขึ้นนำเป็นอย่างยิ่งในนาทีที่ 10 เมื่อ คลีเมนส์ ฟริตซ์ ลากบอลจากระยะ 40 หลาหลุดทะลุเดี่ยวๆ เข้าเขตโทษแล้วซัดด้วยเท้าขวาเน้นๆ แต่ บอย วอเตอร์มัน ใช้ปลายมือสะกิดบอลหลุดเสาสองออกไปหวุดหวิด

ถัดมา 4 นาที ทีมเยือนมีจังหวะลุ้นอีกครั้ง เมื่อ ปิแอร์ โวเม่ พาบอลขึ้นทางกราบซ้าย สลัดหนี เกรตาร์ สตีนส์สัน ตัวประกบ แล้วเปิดลึกถึงเสาสองให้ มิโรสลาฟ โคลเซ่ โหม่งไปตรงตัว บอย วอเตอร์มัน

ถึงนาทีที่ 32 โชต้า อาร์เวลัดเซ่ ศูนย์หน้าทีมชาติจอร์เจียกัปตันทีมอาแซด ก็ต้องโชคร้าย เมื่อไม่พอใจคำตัดสินของผู้ตัดสินชาวโปรตุเกส ไประเบิดอารมณ์เขวี้ยงบอลลงพื้น ทำให้โดนใบเหลือง ซึ่งจะทำให้เขาติดโทษแบนในเกมที่สองทันที

ก่อนจบครึ่งแรก 4 นาที อาแซด ได้ลุ้นเล็กๆ จากลูกเปิดของ มาร์เท่น มาร์เท่นส์ แต่หน้าประตูทั้ง แดนนี่ โคเวอร์มันส์ และ โชต้า อาร์เวลัดเซ่ เข้าชาร์จไม่ถึงทั้งคู่ จบครึ่งแรก ทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0

ครึ่งหลังเริ่มมาหลุยส์ ฟาน กัล กุนซือเจ้าบ้านแก้เกมมาได้ดีเหลือเกิน นาทีที่ 53 มุสซ่า เดมเบเล่ ได้ลูกส้มหล่นจากจังหวะที่กองหลังทีมเยือนเคลียร์บอลไม่ดี ซัดจ่อๆระยะไม่ถึง 5 หลา แต่กลับยิงไปตรงตัววีเซ่ ล้มตัวรับไว้ได้อย่างน่าเสียดาย

เบรเมนมีโอกาสที่จะได้ประตูเช่น ในอีก 2 นาทีถัดมา เมื่อ ดีเอโก้ ใช้ความสามารถเฉพาะตัวพลิกบอลเข้าไปยิงเต็มเท้า แต่บอลติดปลายมือ วอเตอร์มัน เซฟไว้ได้อย่างหวุดหวิด

เจ้าบ้านเกือบได้ประตูแบบโชคช่วย ในนาทีที่ 66 เมื่อ ปิแอร์ โวเม่ กองหลังทีมเยือนโหม่งคืนหลังไม่รู้กันกับวีเซ่ ที่วิ่งสวนออกมานอกเขตโทษ บอลพุ่งตรงกรอบยังดีที่กองหลังผิวหมึกแก้ตัววิ่งมาเตะทิ้งได้ทัน

เจ้าบ้านเกือบจะได้ประตูขึ้นนำในช่วงท้ายเกม เมื่อ เดมเบเล่ อาศัยความสามารถเฉพาะตัวลากเข้าไปกดด้วยซ้ายข้างถนัด แต่บอลข้ามคานออกไปนิดเดียว ทำให้ที่สุดแล้วอัล์คมาร์ ทำได้แค่เสมอกับ เบรเมน ไปในที่สุด 0-0

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อัล์คมาร์ : บอย วอเตอร์มัน, เกรตาร์ สตีนส์สัน, คิว ยาเลี่ยนส์, ไรอัน ดองค์, ทิม เดอ แคลร์, จูเลี่ยน เจนเนอร์, เดมี่ เดอ ซูว์, มุสซ่า เดมเบเล่, มาร์เท่น มาร์เท่นส์, แดนนี่ โคเวอร์มันส์, โชต้า อาร์เวลัดเซ่
เบรเมน : ทิม วีเซ่, แพทริค โอโวโมเยล่า, เพอร์ แมร์เตซัคเกอร์, นัลโด, ปิแอร์ โวเม่, คลีเมนส์ ฟริตซ์, ยูริก้า วรันเยส, ทอร์สเท่น ฟริงก์ส, ดิเอโก้, มิโรสลาฟ โคลเซ่, ฮูโก้ อัลเมยด้า

เอสปันญ่อล (สเปน) 3 - เบนฟิก้า (โปรตุเกส) 2

สนาม :โอลิมปิก เด มอนต์คูอิค

เอสปันญ่อล ลงเล่นใน โอลิมปิก เด มอนต์คูอิค ต้อนรับการมาเยือนของ เบนฟิก้า เกมนี้เจ้าบ้านไม่มี ดาบิด การ์เซีย ที่เจ็บ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเพราะตัวหลักยังอยู่กันครบ โดยเฉพาะแดนหน้า ราอูล ตามูโด้ จับคู่กับ หลุยส์ การ์เซีย

ด้านทีมเยือนจากโปรตุเกส ไม่มี คอนสแตนตินอส คัตซูรานิส กองกลางชาวกรีซที่ติดโทษแบน นอกจากนั้นก็ไม่มีปัญหาในตำแหน่งอื่น ซิเมา ซัมโบรซ่า, นูโน่ โกเมส และ แดร์เล ยังเป็นตัวหลักในแนวรุก

เบนฟิก้า มีโอกาสก่อนตั้งแต่นาทีที่ 5 เมื่อ ซิเมา ซัมโบรซ่า พาบอลขึ้นมาทางริมเส้น แล้วโยนให้ นูโน่ โกเมส โขกหลุดกรอบออกไป

ถึงนาทีที่ 15 เอสปันญ่อล ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ หลุยส์ การ์เซีย ไหลบอลจากฝั่งขวาให้ ราอูล ตามูโด้ วิ่งสอดขึ้นมารับบอล ก่อนกระชากหนีแนวรับเบนฟิก้าหลุดกระจุย แล้วอัดเสาแรกผ่าน ควิม เข้าไปอย่างสุดสวย

ทีมเยือนน่าทวงประตูคืนได้เช่นกันในนาทีที่ 25 เริ่มจาก เปตีต์ ยิงฟรีคิกไปแฉลบกำแพงเอสปันญ่อลออกหลัง และจากลูกเตะมุม ซิเมา ปั่นโค้งไปให้ แดร์เล ขวิดเหน่งๆ หลุดเสาออกไป

ทีมตรานกแก้วมาได้ประตูหนีห่าง 2-0 ในนาทีที่ 32 ราอูล ตามูโด้ โยนโค้งจากกราบขวา บอลข้ามตัว ควิม ไปถึง อัลเบิร์ต ริเอร่า วางเท้ายิงด้วยซ้าย บอลพุ่งผ่าน ควิม แล้วแฉลบศีรษะ เนลสัน เข้าไปกองตุงตาข่าย

ก่อนจบครึ่งแรก 3 นาที เบนฟิก้า ได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกริมเส้น ซิเมา โยนบอลให้ นูโน่ โกเมส แหย่เท้าจิ้มบอลเปลี่ยนทางแต่ไม่ผ่านมือ อิรายซอซ จบครึ่งแรก เอสปันญ่อล นำสบาย 2-0

เริ่มมาในครึ่งหลังยังคงเป็น เอสปันญ่อล ที่ครองเกมได้ดีกว่าเช่นเดิม แต่ในช่วง 10 นาทีแรกยังไม่มีโอกาสบุกเข้าไปยิงหน้าปากประตูของ เบนฟิก้า ได้เลย

เกมเลยมาถึง นาที 58 เอสปันญ่อล มาได้ประตูที่ 3 จนได้ จากการโหม่งของวอลเตอร์ ปันดิอานี่ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองในครึ่งหลังแทนตามูโด้ โดยได้รับลูกเปิดจากทางฝั่งซ้ายของอัลเบิร์ต ริเอร่า และประตูนี้นับเป็นประตูที่ 10 ของปันดิอานี่ ในรายการนี้แล้ว

เบนฟิก้า ยังไม่ถอดใจ ไล่ขึ้นมาเป็น 3-1 เมื่อ ฟาบริซิโอ มิคโคลี่ จ่ายบอลให้กับ นูโน่ โกเมส เข้าไปยิงผ่านมือ กอร์ก้า อิไรซอซ ตุงตาข่ายในนาที 63 และอีกเพียง 2 นาทีถัดมา ทีมเยือนจากโปรตุเกส มาบวกประตูที่สองได้อย่างรวดเร็วเมื่อ ซิเมา วิ่งตัดเข้ารับบอลในเขตโทษ ก่อนจะยิงสวนตัว อิไรซอซ เข้าไป ทีมเยือนไล่มาเป็น 3-2

ช่วงเวลาที่เหลือ เบนฟิก้า พยายามโหมบุกอย่างหนักเพื่อตีเสมอให้ได้ แต่ไม่สำเร็จ จบเกม เอสปันญ่อล ชนะไป 3-2 นัดสองต้องไปเล่นกันที่บ้านของเบนฟิก้า

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เอสปันญ่อล : คอร์ก้า อิรายซอซ, ปาโบล ซาบาเลต้า, มาร์ค ตอร์เรฆอน, ดาเนี่ยล ฆาร์เก้, ฟรานซิสโก้ ชิก้า, ฟรานซิสโก้ รูเฟเต้, มอยเซส อูร์ตาโด้, อิบัน เด ลา เปนญ่า, อัลเบิร์ต ริเอร่า, ราอูล ตามูโด้, หลุยส์ การ์เซีย
เบนฟิก้า : ควิม, เนลสัน, อันเดอร์สัน, ดาวิด โมเรร่า มารินโญ่, เลโอ, จอร์จอส คารากูนิส, อาร์มันโด้ เปตีต์, เจา โกอิมบร้า, ซิเมา ซัมโบรซ่า, นูโน่ โกเมส, แดร์เล




 

Create Date : 06 เมษายน 2550    
Last Update : 6 เมษายน 2550 12:54:46 น.
Counter : 281 Pageviews.  

ผลฟุตบอลแชมเปียนลีกคับ

ตัดมาจากสยามกีฬา่คับ

หงส์ฮอตบุกยำพีเอสวี3-0มิลานเซ็งเสือใต้ตีเจ๊า2-2

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ฟอร์มสุดสะเด่า ยกพลบุกถล่ม พีเอสวี เละเทะ 3-0 โดยได้ประตูจาก สตีเว่น เจอร์ราร์ด น.27, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ น.48 และ ปีเตอร์ เคร้าช์ น.63 โอกาสเข้ารอบสดใส แม้ต้องกลับเตะนัดสองที่แอนฟิลด์ก็ตาม ขณะที่อีกคู่ "ปีศาจแดงดำ" เอซี มิลาน พลาดท่าโดน "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ไล่ตีเจ๊าช่วงทดเจ็บ 2-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อคืนวันอังคารที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา

ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก
พีเอสวี (ฮอลแลนด์) 0 - ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) 3

เริ่มเกมมาในนาทีที่17 ในช่วงแรกทั้งสองทีมยังประคองจังหวะไม่บุ่มบ่ามรุกมากนัก จังหวะลุ้นเน้นๆหนแรกของเกมเป็นของ ลิเวอร์พูล ในจังหวะเตะมุมทางซ้ายโดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด เปิดไปที่เสาสองให้ เจมี่ คาร์ราเกอร์ กระโดดโขกเต็มหัวแต่ว่า เอเรลโญ่ โกเมส พุ่งปัดมือเดียวออกหลังไปอย่างหวุดหวิด

อีก 7 นาทีต่อมา พีเอสวี มีจังหวะเสียวเหมือนกันจากการที่ แยน ครอมแคมป์ วางบอลทางขวาโค้งลอยไปเสาไกล มิก้า เวย์รีเน่น วอลเลย์โล่งๆด้วยขวาบอลเด้งลงพื้น แฉลบบล็อกแนวรับลิเวอร์พูลลอยออกหลังไป

นาที 27 แฟนบอล หงส์แดง ได้เฮกันลั่นเมื่อทีมรักออกนำ 1-0 หลัง ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ไหลบอลให้ สตีฟ ฟินเน่น หลุดไปทางขวา ก่อนแบ็คขวาไอริช จะวางบอลมาที่กรอบโทษ และก็เป็น สตีเว่น เจอร์ราร์ด วิ่งสอดมาจากด้านหลัง กระโดดโขกเต็มหัว บอลพุ่งเสียบเสาอย่างเด็ดขาด เอเรลโญ่ โกเมส ผู้รักษาประตูได้แต่ยืนมอง

นาที 38 พอเสียประตูไป พีเอสวี ที่ต้องเร่งเครื่องรุกเพื่อทำประตูคืน ดิเอโก้ ทาร์เดลลี่ ไปโดน ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ เสียบจากด้านหลัง ทีมดัตช์ได้ฟรีคิกระยะ 30 หลา แต่ เจฟเฟอร์สัน ฟาร์ฟาน ก็ยิงไปติดบล็อกเสียอีก

อีก 3 นาทีต่อมา เข้าสู่ท้ายครึ่งแรกเจ้าถิ่นเริ่มรุกหนัก มิก้า เวย์รีเน่น แทงบอลให้ เอดิสัน เมนเดส ลากเข้าไปตั้งป้อมยิงระยะ 25 หลาลูกลอยออกหลังไป จากนั้นไม่มีประตูเพิ่ม จบ 45 นาที พีเอสวี ตามหลัง ลิเวอร์พูล 0-1

เปิดฉากครึ่งหลังมาเพียง 3 นาที ลิเวอร์พูล ก็ทะยานนำเป็น 2-0 หลังจากกองหลังพีเอสวีเตะบอลพลาด ทิมมี่ ซิมงส์ เตะเปิดขึ้นหน้ามาติด ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ ที่พักเอาบอลลง ก่อนซัดเต็มข้อด้วยเท้าซ้าย 25 หลา บอลพุ่งหนีมือ โกเมส เสียบเสาซ้ายไปอย่างสวยสดงดงาม

นาที 58 ลิเวอร์พูล ยิ่งเล่นยิ่งดูดีกว่า ชาบี อลอนโซ่ ลองยิงไกลจากบริเวณกลางสนาม บอลลอยหลุดเสาไปนิดเดียว แต่ โกเมส ก็ดักไว้ได้อยู่แล้ว

อีก 5 นาทีต่อมา สกอร์ไหลกลายเป็น 3-0 จนได้จากจังหวะทำง่ายๆของ หงส์แดง ที่ สตีฟ ฟินเน่น เปิดจากทางขวาไปให้ ปีเตอร์ เคร้าช์ เทคตัวโขกผ่าน เอเรลโญ่ โกเมส เสียบตาข่าย

นาที 68 พีเอสวี ยังไม่ยอมแพ้พยายามตีไข่แตกให้สำเร็จ เซซาบา เฟเฮอร์ ตัวสำรองที่ลงมาได้ไม่นานเปิดบอลเข้ากลางให้ ดิเอโก้ ทาร์เดลลี่ ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองฝ่ายต่างทำอะไรกันไม่ได้จบเกม ลิเวอร์พูล บุกมาถล่ม 3-0 โอกาสเข้ารอบสดใส

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
พีเอสวี : เอเรลโญ่ โกเมส, แยน ครอมป์แคมป์, มานูเอล ดา คอสต้า, ทอมมี่ ซิมงส์, คาร์ลอส ซัลซิโด้, เจสัน คูลิน่า, เอดิสัน เมนเดส, ฟิลลิป โคคู, มิก้า เวย์รีเน่น, เจฟเฟอร์สัน ฟาร์ฟาน, ดิเอโก้ ทาร์เดลลี่
สำรอง : ออสการ์ โมเอนส์, แพทริค ไคลเวิร์ต, เอริก อั๊ดโด้, เซซาบา เฟเฮอร์, ซุน เซียง, เดิร์ค มาร์เซลลิส
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, สตีฟ ฟินเน่น, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนียล แอ็กเกอร์, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ชาบี อลอนโซ่, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, ปีเตอร์ เ คร้าช์, เคิร์ค เคาท์
สำรอง : เจอร์ซี่ ดูเด็ค, อัลบาโร่ อาร์เบลัว, ซามี่ ฮูเปีย, มาร์ค กอนซาเลซ, เจอร์เมน เพนเนนท์, เคร็ก เบลลามี่, เบาเดอไวน์ เซนเด้น

เอซี มิลาน (อิตาลี) 2 - บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน) 2

เอซี มิลาน ยักษ์ใหญ่จากกัลโช่ เซเรีย อา ลงเล่นในบ้านพบ บาเยิร์น มิวนิค ทีมดังแห่งบุนเดสลีกา เยอรมัน ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก ซึ่งทั้งสองทีมต่างต้องการคว้าชัยชนะให้ได้

คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือมิลาน ต้องขาด โรนัลโด้ ดาวยิงบราซิล ที่ติดคัพไท ไม่สามารถช่วยทีมได้ เนื่องจากเขาเคยเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีกฤดูกาลนี้กับ เรอัล มาดริด ต้นสังกัดเก่ามาแล้ว โดยนัดนี้ทีมมี ริคาร์โด้ กาก้า นำเกมรุก อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ เป็นกองหน้าตัวหลัก ทางด้านอ็อตม่าร์ ฮิตซ์เฟลด์ เทรนเนอร์บาเยิร์นต้องขาด มาร์ค ฟาน บอมเมล มิดฟิลด์ชาวดัตช์ที่ติดโทษแบนเช่นเดียวกับ โอลิเวอร์ คาห์น ผู้รักษาประตูจอมเก๋า ทำให้ มิชาเอล เรนซิ่ง นายทวารดาวรุ่งเฝ้าเสาแทน และอันเดรียส อ็อตเทิ่ล เล่นแทนฟาน บอมเมล

เกมช่วง 10 นาทีแรก ทั้งสองทีมสู้กันได้อย่างสูสี นาที 12 บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ยิงไกล เนลสัน ดิด้า นายทวารมิลานเซฟได้อย่างไม่มีปัญหา และอีกสองนาทีต่อมา มิลานน่าได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ ทีมได้ลูกเตะมุม และก็เป็น มัสซิโม อัมโบรซินี่ โหม่งไปติด มิชาเอล เรนซิ่ง ผู้รักษาประตูเสือใต้พุ่งตัวเซฟได้ตรงเส้นประตูอย่างหวุดหวิด

จากนั้นเกมเป็นไปอย่างสูสี ต่างยังไม่มีจังหวะยิงประตูที่น่ากลัว นาที 32 ฮาซาน ซาลิฮามิดซิซ มิดฟิลด์บาเยิร์นโดนใบเหลือง เป็นคนแรกของเกม หลังจากทำฟาวล์ มาเร็ค แยนคูลอฟสกี้

เข้าสู่นาที 35 มิลานน่าได้ประตูขึ้นนำเมื่อ มัสซิโม อ็อดโด้ เปิดบอลจากฝั่งขวาให้ อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ โหม่งไปติด มิชาเอล เรนซิ่ง นายทวารเซฟไว้ได้ และอีกสี่นาทีต่อมา เจ้าถิ่นน่าได้จุดโทษจากจังหวะที่ ลูซิโอ ทำฟาวล์ กาก้า ในเขตโทษ แต่ยูริ บาสคาคอฟ กรรมการชาวรัสเซียไม่ให้มิลานได้ลูกจุดโทษแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามความพยายามของ เอซี มิลานเป็นผลได้ประตูนำ 1-0 นาที 40 มัสซิโม อ็อดโด้ เปิดบอลอย่างแม่นยำจากตรงกลางให้ อันเดรีย ปีร์โล่ โหม่งเข้าไปอย่างสวยงาม จบครึ่งแรก เอซี มิลานนำ 1-0

มาถึงครึ่งหลัง อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ กองหน้ามิลานสามารถส่งบอลเข้าประตู แต่ผู้ตัดสิน ยูริ บาสคาคอฟ ไม่ให้ได้ประตู โดยเป่าเป็นจังหวะล้ำหน้านาที 52 พร้อมแจกใบเหลืองให้ จิลาร์ดิโน่ ที่ไม่พอใจคำตัดสินของกรรมการ ส่งผลให้นัดหน้าเขาจะติดโทษแบน

นาที 53 โอกาสเป็นของปีศาจแดง-ดำอีกครั้ง เมื่อกาก้า ยิงในเขตโทษ บอลเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย จากนั้นนาที 63 รอย มาคาย กองหน้าบาเยิร์นได้บอลในกรอบเขตโทษ แต่เปาโล มัลดินี่ เซนเตอร์ฮาล์ฟมิลานสกัดไว้ได้อย่างอยู่หมัด

เจ้าถิ่นโต้กลับทันที และมัสซิโม อ็อดโด้ ได้วอลเล่ย์ที่เสาสอง บอลเหินข้ามคานไม่กี่หลา และนาที 66 บาเยิร์นต้องเปลี่ยนเอา วิลลี่ ซาญอล แบ็กขวาทีมชาติฝรั่งเศสออกจากสนามเนื่องจากบาดเจ็บ โดยส่ง คริสเตียน เลลล์ ลงมาเล่นแทน โดย ฮาซาน ซาลิฮามิดซิซ สวมปลอกแขนกัปตันทีมแทน ซาญอล ขณะที่ เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ ถูกส่งลงมาเล่นแทน ลูคัส โพดอลสกี้ นาที 67

ทางด้าน มิลานก็ส่ง ฟิลิปโป้ อินซากี้ ลงมาแทน อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ นาที 71 และแล้วนาที 77 บาเยิร์นได้ประตูตีเสมอเป็น 1-1 ฮาซาน ซาลิฮามิดซิซ โยนบอลจากทางฝั่งขวามาเข้าทาง เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ โหม่งไปติด มัสซิโม อ็อดโด้ ก่อนบอลกระดอนมาเข้าทาง ดาเนี่ยล ฟาน บุยเต็น เซนเตอร์ฮาล์ฟเบลเยี่ยมยิงระยะแค่ 4 หลาตุงตาข่าย

อย่างไรก็ตาม นาที 83 มิลานได้ลูกจุดโทษ เมื่อ ลูซิโอ ไปเสียบ กาก้า ล้มลงในกรอบเขตโทษ และก็เป็น กาก้า ทำหน้าที่สังหารลูกโทษเข้าประตูไป ให้มิลานนำ 2-1

เกมทำท่าว่าจะจบลงด้วยชัยชนะของเจ้าถิ่น แต่แล้ว แฟนบอล มิลาน ก็ต้องเงียบกริบเมื่อ ดาเนี่ยล ฟาน บุยเต็น ได้บอลในบริเวณกรอบเขตโทษ ก่อนวอลเลย์ด้วยเท้าซ้ายเต็มๆบอลพุ่งเบียดเสาแรกไปอย่างเหลือเชื่อ หมดเวลา เอซี มิลาน จึงเสมอ บาเยิร์น มิวนิค ไป2-2 ไปลุ้นกันต่อในนัดสอง

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เอซี มิลาน : เนลสัน ดิด้า - มัสซิโม อ็อดโด้, อเลสซานโดร เนสต้า, เปาโล มัลดินี่, มาเร็ค แยนคูลอฟสกี้ - เจนนาโร่ กัตตูโซ่, อันเดรีย ปีร์โล่, มัสซิโม อัมโบรซินี่, คลาเรน เซดอร์ฟ - กาก้า - อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่
สำรอง : เซลจ์โก้ คาลัช (ผู้รักษาประตู), ดานิเอเล่ โบเนร่า, คาฟู, คาค่า คาล้าดเซ่, คริสเตียน บร็อคคี่, โยฮันน์ กูร์กคุฟฟ์, ฟิลิปโป้ อินซากี้
บาเยิร์น มิวนิค : มิชาเอล เรนซิ่ง - วิลลี่ ซาญอล, ลูซิโอ, ดาเนียล ฟาน บุยเตน, ฟิลิปป์ ลาห์ม - ฮาซาน ซาลิฮามิดซิช, โอเว่น ฮาร์กรีฟส์, อันเดรีย อ๊อตเทิ่ล, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ - ลูคัส โพดอลสกี้, รอย มาคาย
สำรอง : แบร์นด์ เดรเฮอร์ (ผู้รักษาประตู), อันเดรียส กอร์ลิตซ์, คริสเตียน เลล์, มาร์ติน เดมิเคลิส, เมห์เม็ต โชลล์, เคลาดิโอ ปิซาร์โร่, โรเก้ ซานตา ครูซ




 

Create Date : 04 เมษายน 2550    
Last Update : 4 เมษายน 2550 9:54:38 น.
Counter : 1235 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

frank3119
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Civil Engineer, R.I.D.
Counter
Counter
Emo น้องลิง (alpha)
Emo หัวหอม (alpha)
X
X
CHALLENGE
Friends' blogs
[Add frank3119's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.