"...สุข...ด้วยความไม่รู้สึก..."


สวัสดี วันนี้...วันพระขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๙

"...สุข...ด้วยความไม่รู้สึก..."


เนื่องจาก....จิตเป็นผู้ให้...กายจึงเบิกบาน....ความสุขเช่นนี้จึงไม่ได้รู้สึกใด ๆ
เลยนอกจากความเบิกบานของกายเท่านั้น...
เป็น “ความสุขที่บริสุทธิ์” ซึ่งปราศจากสิ่งใด ๆ ในการปรุงแต่งแต้ม “สุข..ด้วยความไม่รู้สึก...”
เช่นนี้ก็มีกันทุกผู้ ทุกคน เพียงแต่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ นักหรอกนะ

เราเคยซื้ออาหารหรือสิ่งของให้พ่อ ให้แม่ แล้วพ่อกะแม่ ถูกใจเป็นอย่างมากไหม?

เราเคยช่วยสัตว์โลกที่กำลังเกิดทุกข์ เวทนา ให้รอดปลอดภัยไหม?

ถ้าเคย...เช่นนี้ก็คือ สุข...ด้วยความไม่รู้สึก เพราะว่า ทำแล้วก็แล้วกัน คือว่าจิตเป็นผู้ให้แล้ว...
ไม่ได้หวังผลตอบแทนใด ๆ เลย

เพราะฉะนั้น วันนี้...วันพระ เรามา...สุข...ด้วยความไม่รู้สึก กันดีกว่านะ...
โดยเริ่มจาก กาย วาจา ใจ...
อย่างตั้งใจ ๑๕-๓๐ นาที...(เวลาพัก..หรือเวลาใดก็ได้ที่สะดวก...)
กาย ให้ตั้งมั่นว่าจะละการเบียดเบียนกันไม่ว่า คนหรือสัตว์ (อย่าตบยุงด้วยล่ะ...)
วาจา ให้ตั้งมั่นว่าจะ ปิดวาจา (เท่าที่ทำได้ก็พอแล้ว) เพราะว่าการปิดวาจา ทำให้เรามีความสงบมากขึ้น
ทำให้เราเห็นตน ของตัวเองมากขึ้น
ใจ ให้ตั้งมั่นว่าจะ วางเฉย (อุเบกขา) ไม่ใช่ขี้เกียจ คือการวางเฉยต่อสิ่งไม่ดีทั้งหลายทั้งปวง....

หลังจากเราปฏิบัติแล้วค่อย ๆ สังเกตุ ต้องค่อย ๆ พิจารณาจริง ๆ นะ
เราจะ "สุข...ด้วยความไม่รู้สึกจริง ๆ..."

สรุป การที่เรามีเมตตา (ดูความหมายข้างล่าง) ต่อสรรพสิ่งทั้งหลาย
ไม่ว่าคน หรือสัตว์ สิ่งนี้ก็คือ “ความสุขที่บริสุทธิ์”


ทั้งหมดนี้เราก็จะพบว่า พรหมวิหารสี่ ที่เราเคยฟังธรรมนั้นไม่ยากอย่างที่เราคิดเลยนะ

(พรหมวิหารสี่ คือ เมตตา=ปรารถนาให้เขามีความสุข กรุณา=ปรารถนาให้เขาพ้นทุกข์

มุทิตา=ยินดีในความดีของผู้อื่น และอุเบกขา=วางเฉย ปล่อยวางด้วยปัญญา)


คนป่าหาธรรม







Create Date : 25 สิงหาคม 2553
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2553 9:56:23 น.
Counter : 1381 Pageviews.

9 comments
มีกำลัง ไม่ผิดกฎของธรรมชาติ ปัญญา Dh
(26 มิ.ย. 2568 00:56:58 น.)
วิ่งข้างบ้าน 15,17,18,19,21 มิ.ย.2568 สองแผ่นดิน
(24 มิ.ย. 2568 22:37:50 น.)
กินคาวไม่กินหวานสันดาน...ไพร่ สมาชิกหมายเลข 6015765
(24 มิ.ย. 2568 03:42:47 น.)
ธรรมะ แนวบวก ปัญญา Dh
(2 ก.ค. 2568 07:05:24 น.)
  
ดีนะ ถ้าทุกคนปิดวาจา กาย ใจ ต่างคนต่างปิดแล้วจะเป็นยังงัยค่ะ ถ้าทุกคนอยู่บ้าน บ้านก็น่าอยู่ , อยู่ที่ทำงานก็น่าทำงาน สงบสุขดี
โดย: Ros IP: 122.154.9.253 วันที่: 25 สิงหาคม 2553 เวลา:11:07:07 น.
  
ปิดวาจา...คือ ปิดวาจาเท่าที่ทำได้นะ.. (...)
การใช้วาจาเท่าที่จำเป็น...เรียกว่า ปิดวาจาเหมือนกัน ใช้เวลาประมาณ ๑๕-๓๐ นาที
เวลาพัก หรือเวลาใดก็ได้ที่สะดวกนะ...

หวังว่า...เมื่อปิดวาจาแล้วจะรู้สึกอยู่ กับตัวเองเข้าใจ ตัวตนของตัวเอง...มากขึ้นนะ


โดย: คนป่าหาธรรม IP: 125.24.230.7 วันที่: 25 สิงหาคม 2553 เวลา:13:28:14 น.
  
"ตั้งกายให้ตรง ดำรงการปิดวาจา วางใจอุเบกขา" การปิดวาจา กายและใจ ลองทำแล้วนะประมาณ 10 นาที เมื่อช่วงพักกลางวัน นิ่ง ๆ สักพัก รู้สึกว่าเห็นตัวเองมากขึ้น ได้ปล่อยวาง ไม่ยินดีและไม่ยินร้ายใดๆในชั่วขณะ สงบขึ้นนะ อย่างนี้น่าจะเป็น "สุข..ด้วยความไม่รู้สึก" จริงๆ ๆ ๆ
โดย: DekDee-GangTham IP: 118.174.106.145 วันที่: 25 สิงหาคม 2553 เวลา:14:30:06 น.
  
ธรรมมะ อิ่มใจจิงๆนะ

โดย: lady IP: 58.64.60.19 วันที่: 26 สิงหาคม 2553 เวลา:16:53:48 น.
  

..แวะมาทักทายจ๊ะ..ขอให้มีความสุข สดใส..หัวใจเบิกบาน..
..HappY BrightDaY..
โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 26 สิงหาคม 2553 เวลา:18:11:42 น.
  
"...สุข...ด้วยความไม่รู้สึก..."
เป็นการพาดหัวเรื่องที่น่าสนใจทีเดียว
อย่างที่บอกว่า ถ้าเราสุขอยู่..ไม่ว่าที่บ้านหรือที่ทำงาน หากปิดวาจาแล้วจะเป็นยังไง?
ถ้าเราปิดวาจา ซึ่งก็คือ การปิดที่พอดีและเหมาะสม ก็จะส่งผลให้บ้านและที่ทำงานน่าอยู่มากยิ่งขึ้นนะ เพราะเราได้อยู่กับตัวเอง ทำให้เรามีสติมากขึ้น เมื่อเราเปิดวาจาแล้ว..ก็จะอยู่บนพื้นฐานของศึล สมาธิ ปัญญา คนรอบข้างก็จะมีความสุขกับเรา ส่งผลให้เกิดความสุขทางกายและใจ ด้วยไม่รู้ตัวอีกด้วยนะ...ขอเชื่อมโยงอีกเรื่องนะ ถ้าเราฝึกอย่างที่คุณคนป่าบอก 15-30 นาที ปฎิบัติบ่อย ๆ จะทำให้เราอยู่กับตัวเองได้มากขึ้น โดยไม่รู้สึกเหงา เพราะคนที่รู้สึกเหงา นั่นหมายความว่า คุณยังอยู่กับตัวเองไม่ได้ หากเราฝึกปฎิบัติการปิดวาจา กายและใจ จะทำให้เราอยู่กับตัวเองได้อย่างมีความสุข...น่าจะจริงนะ






โดย: คนเมือง^-^ IP: 203.114.111.11 วันที่: 29 สิงหาคม 2553 เวลา:9:40:24 น.
  
ขอถามอีกเรื่องนะ..ถ้าเราทุกข์ เราควร "ทุกข์...ด้วยความไม่รู้สึก" หรือ "ทุกข์...ด้วยความรู้สึก" แบบไหนน่าจะเหมาะกว่ากัน ทั้ง ๆ ที่เราก็รู้ว่า ทุกข์ก็ทุกข์ไม่นาน สุขก็สุขไม่นาน เพราะถ้าเราทุกข์แล้วรู้สึก..จะช่วยเตือนสติได้มากกว่าการไม่รู้สึกหรือไม่?
โดย: คนเมือง^-^ IP: 203.114.111.11 วันที่: 29 สิงหาคม 2553 เวลา:9:46:32 น.
  
สาธุ...ธรรมย่อมรักษาคนประพฤติธรรม "คนเมือง" ที่ส่ง comment no. 6 ทำให้ภาพชัดขึ้นนะ ถูกต้องเลยครับเราต้องปฏิบัติให้พอดีและเหมาะสม...การปฏิบัตินั้นควรปฏิบัติบ่อย ๆ แล้วจะเกิดปัญญา คือว่า เธอผู้ใดปฏิบัติ...เธอผู้นั้นจะเห็นตัวเอง รู้จักตัวเอง..
เรียกว่า ปัจจัตตัง (เป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน)
โดย: คนป่าหาธรรม IP: 113.53.190.150 วันที่: 30 สิงหาคม 2553 เวลา:13:45:58 น.
  
คนเมือง...เรื่อง "ทุกข์...ด้วยความไม่รู้สึก หรือทุกข์..ด้วยความรู้สึก" นั้นความเหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับเธอผู้นั้น ๆ ....
เสมือนหนึ่งเธอจะดับไฟจากเทียนไข เธอต้องเห็นเปลวไฟจากเทียนก่อนจึงจะดับไฟนั้นได้ถูก..ฉันใด

สรุป ควรจะรับรู้ทั้งสองอย่าง...รู้แล้วก็วาง
ทุกข์บางอย่างไม่ต้องรับรู้...เมื่อไม่ต้องรับรู้มันก็ สงบ (เพราะว่าไม่ต้องปรุงแต่งต่อไป)
ด้วยปัญญาของเธอเอง....
โดย: คนป่าหาธรรม IP: 113.53.190.150 วันที่: 30 สิงหาคม 2553 เวลา:15:48:14 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Konpa.BlogGang.com

คนป่าหาธรรม
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]

บทความทั้งหมด