"เมื่ออยากเห็นธรรม...ต้องทำจึงจะเห็น..."
สวัสดีวันนี้วันพระ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๒
"เมื่ออยากเห็นธรรม...ต้องทำจึงจะเห็น..." (ทำ ในที่นี้หมายถึง การพิจารณา การปฏิบัติให้เห็นถึงสภาวะความจริง )
ตาเนื้อ มองกาย....ตาในเห็นสุข เห็นทุกข์ เห็นยินดี เห็นยินร้าย...
แปลกไหม?...ตาเนื้อ มองแต่ไม่เห็น (สภาวะที่เป็นจริง) ... เช่น เรายืนอยู่บนภูเขา...เงยหน้ามองท้องฟ้า เครื่องบินลำเล็กนิดเดียว มองหมู่นกตัวเล็กมาก บ้านเรือนที่อยู่ไกลโพ้น...เห็นริบ ๆ ทำไมมันเล็กมาก แต่พออยู่ใกล้ ๆ กลับเห็นตามสภาพความจริง ค่อย...ค่อย พิจารณาซิว่า ทำไม ตาเนื้อ มองเห็นได้เฉพาะ...ความจริงในสิ่งลวง....
ตาใน การเห็นด้วยตาในนั้น คือ การเห็นด้วยปัญญา เห็นด้วยจิตเดิม (จิตเดิม คือ การเห็นเป็นกลาง ๆ ไม่เอียงซ้าย...ไม่เอียงขวา) แต่เมื่อเห็นด้วย ตาใน ที่ไม่ใช่ปัญญานั้น ยังเห็นแบบหยาบ ๆ เช่น สุขก็แบบชั่วครั้ง...ยินดีก็แบบชั่วคราว เกิดขึ้น แล้วก็ดับ...ดับแล้วก็เกิดขึ้น ตลอดเวลาที่เราไขว้คว้าหาสุข...
ตาใน ที่เห็นด้วยปัญญา เห็นด้วยจิตเดิม นั่นเห็นด้วยสภาวะความเป็นจริง...ความเป็นจริง..จริง เราเคยมีความสุขแบบไม่รู้สึกบ้างไหม?... หรือที่เรียกว่า สุข...ด้วยความไม่รู้สึก
เราเคยเดินเงียบ ๆ เท้าเปล่า ๆ กับหญ้านุ่ม ๆ ในยามแสงแดดยามเช้า ๆ ไหม... เราเคยช่วยเหลือผู้อื่น โดยไม่ได้หวังสิ่งใด ๆ ตอบแทนไหม... เราเคยปฏิบัติสมาธิ เดินจงกลม หรือถือศีล ๘ ที่วัด โดยเคร่งครัดไหม... (ถ้าไม่เคย...รีบทำซะ จะได้เห็นธรรม...ธรรมชาติของตัวตน)
ฉะนั้น วันนี้...วันพระ...ขอให้เธอทั้งหลาย...พิจารณาใช้ ตาใน ในการมองให้เห็น ดังต่อไปนี้ อยู่กับตัวเอง...สักครู่ แล้วค่อย...ค่อยเฝ้าดู ใจ ของเธอว่าคิดอย่างไร สำรวมใจ... คิดดี...ก็วาง คิดไม่ดี...ก็วาง เมื่อวางก็จะเบา เมื่อหนักก็จะเขลา... สำรวมวาจา... พูดให้น้อย จะมีสติมากขึ้น จะมีความคิดดี ๆ มากขึ้น สำรวมกาย... อาหาร ไม่มีเนื้อสัตว์สักมื้อได้ไหม หรือ ๓ มื้อเลยได้ไหม
เมื่อปฏิบัติอย่างเคร่งครัดแค่นี้...พิจาณาดูตัวเธอที่แท้จริงซิ...สะอาดขึ้นไหม ไม่ว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างไร ไม่ต้องสนใจใด ๆ เพราะว่า ปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ค่ามากกว่า อดีต นี่คือ "เมื่อทำแล้ว...จึงจะเห็นธรรม..."

 
|
|
|
เราเคยช่วยเหลือผู้อื่น โดยไม่ได้หวังสิ่งใด ๆ ตอบแทนไหม...
เราเคยปฏิบัติสมาธิ เดินจงกลม หรือถือศีล ๘ ที่วัด ไหม
เราเคยแล้ว... แล้วผู้ที่ยังไม่เคยละ..??? แล้วเมื่อไหร่ละ..????