พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๒
ภาษาบาลี อักษรไทย
พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๔ สุตฺต. องฺ. (๓): ปญฺจก-ฉกฺกนิปาตา
[๑๒๒] โย หิ โกจิ ภิกฺขเว ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา ปญฺจ ธมฺเม ภาเวติ ปญฺจ ธมฺเม พหุลีกโรติ ตสฺส ทฺวินฺนํ ผลานํ อญฺญตรํ ผลํ ปาฏิกงฺขํ ทิฏฺเฐว ธมฺเม อญฺญา สติ วา อุปาทิเสเส อนาคามิตา กตเม ปญฺจ อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุโน อชฺฌตฺตญฺเญว สติ สุปฏฺฐิตา โหติ ธมฺมานํ อุทยตฺถคามินิยา ปญฺญาย อสุภานุปสฺสี กาเย วิหรติ อาหาเร ปฏิกฺกูลสญฺญี สพฺพโลเก อนภิรตสญฺญี สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจานุปสฺสี โย หิ โกจิ ภิกฺขเว ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา อิเม ปญฺจ ธมฺเม ภาเวติ อิเม ปญฺจ ธมฺเม พหุลีกโรติ ตสฺส ทฺวินฺนํ ผลานํ อญฺญตรํ ผลํ ปาฏิกงฺขํ ทิฏฺเฐว ธมฺเม อญฺญา สติ วา อุปาทิเสเส อนาคามิตาติ ฯ
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔
อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
[๑๒๒]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุหรือภิกษุณีรูปใดรูปหนึ่ง ย่อมเจริญ ทำให้มากซึ่ง
ป็นพระอนาคามี ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีสติอันเข้าไปตั้งไว้ด้วยดีเฉพาะตน เพื่อปัญญาอันให้หยั่งถึงความตั้งขึ้นและดับไปแห่งธรรมทั้งหลาย ๑ ย่อมพิจารณาเห็นว่าไม่งามในกาย ๑ มีความสำคัญว่าเป็นของปฏิกูลในอาหาร ๑ มีความสำคัญว่าไม่น่ายินดีในโลกทั้งปวง ๑ พิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยงในสังขารทั้ง*ปวง ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุหรือภิกษุณีรูปใดรูปหนึ่ง ย่อมเจริญ ทำให้มากซึ่งธรรม ๕ ประการนี้แล เธอพึงหวังได้ผล ๒ อย่างอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ อรหัตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีความยึดถือเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี ฯ
จบสูตรที่ ๒