การเจริญภาวนากับ ธรรมชาติของจิต
ธรรมชาติของจิตนั้น บริสุทธิ์ ดุจน้ำที่ใสสะอาด
โยคีผู้รู้ความจริงนี้แล้ว ย่อมสามารถเจริญภาวนาให้เกิดขึ้นได้
การเจริญภาวนา ในที่นี้ ได้แก่ การฝึกอบรมจิตให้สงบและ มีสติปัญญา สมบูรณ์พร้อม
ผู้มีความสงบในใจ ย่อมมีปัญญา
ผู้มีปัญญา ย่อมมีความสงบในใจ
หมายความว่า ความสงบกับปัญญา ไม่แยกจากกัน แม้จะไม่เกิดขึ้นพร้อมกัน ท่าน (อ.วศิน อินทสระ)ตั้งข้อสังเกตไว้ว่าความสงบ เจริญได้ง่ายในเวลาที่เรามีความสุข แต่ปัญญาเกิดง่าย ตอนมีความทุกข์ พอมีความสงบ ปัญญาก็เกิด หรือ เมื่อมีปัญญา ความสงบก็มีขึ้น
สงบเพราะไม่หวั่นไหวในรัก โลบโกรธหลง หรือ ไม่ยินดี ยินร้าย ในสิ่งต่าง ๆ ภายนอกสงบอยู่ในภายใน
ปัญญามีเพราะปล่อยวาง ในสรรพสิ่งที่ไม่จีรัง บีบคั้นใจ และบังคับบัญชาไม่ได้
จิตแท้ๆ นั้น สงบและเบาสบายเพราะปลอดโปร่ง จาก อารมณ์รัก ชัง หลง ไม่กะเกณฑ์ให้อะไรๆไปตามความพอใจของตนฝ่ายเดียว ไม่โอ้อวด ลำพอง ฉลาดก็ทำเป็นโง่ มีชีวิตพอเพียง หามา ใช้และเก็บสะสมไว้ ใช้ในยามจำเป็น ไม่ทำตัว ให้สบายเกินไปจนเกียจคร้านเกินงามแต่ก็ไม่ทำตนและคนอื่นให้ลำบาก เคร่งเครียด ไม่เห็นแก่ความสุขเฉพาะหน้าหรือ มิฉะนั้น ก็มีความสุขที่ทำให้ผู้อื่นมีสุข ที่ยั่งยืน และไม่ยึดติดกับอะไรๆ โดยความเข้าใจอย่างท่องแท้ว่าสรรพสิ่ง ว่างเปล่าจากเจ้าของ ตนเองก็เย็นกาย ใจ คนใกล้ชิด ก็ผาสุกร่มเย็นไปด้วยฯลฯ
เมื่อท่านเห็นประโยชน์ของการฝึกอบรมจิต ดังนี้แล้ว ขอเชิญชวนให้ท่านมาพากเพียรบำเพ็ญจิตภาวนาเสมอๆเถิด สมกับที่ พระศาสนโสภณ(พิจิตร)ได้ประพันธ์บทกวีไว้ตอนหนึ่งว่า
ฝึกจิต ทุกวัน ผิวพรรณ ผ่องใส
สุขกาย สบายใจ อนามัยสมบูรณ์.