อกาลิโก- -นาฬิกาหยุดเดิน
สุขที่แม้ นาฬิกา เดินหยุด ไร้กามใคร่ สิเน่ห์สม อารมณ์ปอง
ใจใสแจ่ม แช่มชื่น ไม่มัวหมอง บริสุทธิ์ ผุดผอง ทองเนื้อสิบฯ
เวลาใดเกิดความทะยานอยากได้ใคร่ดี ในสิ่งต่าง ๆ เช่น ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ก็ไม่ติดข้องในสิ่งเหล่านั้น ด้วยปัญญาพิจารณาเห็นสิ่งเหล่านี้ เป็นของคู่โลก เกิดในโลก และสูญสลายไปเมื่อถึงกาลเวลาของมันหรือ มิฉะนั้น มันก็ผันแปรไปวิบัติ เปลี่ยนแปลงไปในทางความทุกข์กาย ใจ แทน คือ เสื่อมจากทรัพย์สิน สมบัติเงินทอง ตกงาน ถูกว่าร้ายนินทา เป็นต้น ว่ากันว่า ครั้งเมื่อพระกุมารโพธิสัตว์เกิดจากท้องพระมารดาสิริมหามายา โคตรมี มีท่อธารน้ำร้อนและ น้ำเย็น ใหลรินลงมาสรงชะล้างชำระพระวรกายของพระกุมาร ซึ่งที่ว่านั้นเป็นปริศนาธรรมทางวรรณศิลป์ได้ทางหนึ่งว่า ได้แก่ โลกธรรม ๘ นี้เอง โดยย่อ คือสมบัติและวิบัติ หรือ การได้มาและ การเสียมันไป ครั้นเสียมันไปแล้วบางทีก็กลับได้คืนมาแล้วก็พลัดไปอีก วนเวียนเช่นนี้ กว่าเราจะเข้าโลง
ที่ใกล้ตัวเราในยุคนี้ที่สุดคือ เรื่องรักและอกหัก/หย่าร้างกับเรื่องแฟนชั่น ท่านทั้งหลายโปรดตรองดูเถิด สองเรื่องนี้ ทำให้ใจท่านผ่องแผ้วหรือ หม่องมัวได้มากกว่ากัน
เมื่อท่านต้องการมันเวลา ก็เกิดขึ้นระหว่างท่านยังไม่ได้ไม่มีมันจนถึงได้ครอบครอบมันนี้ทางวิ่งเข้าหา อีกอย่างหนึ่งเวลา ระหว่างที่มีมันและอยากพ้นไปเสียจากมันจนถึงมันจากไป หรือท่านเป็นฝ่ายจากไปเองนี่ทางวิ่งหนี ถ้าท่านเพ่งพินิจให้ดีทั้งวิ่งหา ทั้งวิ่งหนี มันทุกข์ไหม?...
ถ้าท่านตอบว่าใช่มันทุกข์ทั้งนั้น แสดงว่าท่านเข้าใจถูกต้อง แล้วเจ้าความทุกข์นี้แหละ คือ น้ำร้อน น้ำเย็น ที่ชำระใจท่านให้ใสสะอาดจากความอยากได้ใคร่ดี และใคร่ไม่ดี คือเบียดเบียนบีบคั้นใจท่านให้ ทรมาน เครียด ปวดร้าว แล้วที่นี้ถ้ายังไม่เข็ดราบ ท่านก็เวียนไปหามันแล้วๆเล่าๆ จนเข็ดขยาด จนเหนื่อยจนหน่าย ไม่ต้องการจะข้องแวะกับสิ่งเหล่านี้ จึงหายอยาก อยากหมดอยากอยากสงบ พบสงบ อยากก็ดับ เมื่อสิ้นอยาก เวลา ไม่มีท่านก็จักพบความสุขสงบเย็นชนิดที่ ท่านอาจารย์ พุทธทาสเรียกว่า นาฬิกาหยุดเดิน ด้วยประการฉะนี้
กาลเวลาย่อมเคี้ยวกินสรรพสัตว์และ ตัวมันเอง,เมื่อพากันสำรอกความทะยานอยากเสียได้อย่างหมดสิ้น จึงชื่อว่า ฆ่าเวลา ได้ ดังนี้ (พุทธพจน์ใน ธรรมบท)