Mind City: Western Philosophy andBuddhist Teaching
Friday, December 30, 2016 10:15 AM
ปรัชญาตะวันตกที่ต้องกล่าวถึง:
1. Fundamentalismได้แก่การมีศาสนจักรเป็นศูนย์กลาง การศึกษาพระคัมภีร์ทางศาสนาตามตัวอักษรอย่างเคร่งครัด เพื่อการกลับไปสู่อุดมคติมีสุขอันเป็นนิรันดร์
2. Secularismได้แก่การที่รัฐแยกตัวออกมาจากการครบงำทางการเมืองของศาสนจักรรวมทั้งการตัดอุดมคติและความเชื่อทางศาสนาอย่างเด็ดขาดสิ้นเชิงออกมาเสียจากกิจการของรัฐทว่าหันมาเน้นความสำคัญของวิทยาศาสตร์ ต่อพัฒนาการทางวัตถุและสังคม
3. Post- Secularism ได้แก่การสานสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับศาสนา
4. PostmodernReligion ได้แก่การเน้นหนักกับปัจเจก กับปรากฏการณ์ทางการฝึกอบรมจิตที่เป็นส่วนตัวกับการเปิดเผยทางวิญญาณที่เป็นส่วนตัว
From <https://en.wikipedia.org/wiki/>
แม้ว่าแนวปรัชญาทางตะวันตกทั้ง ๔ ข้างต้นจะอุบัติขึ้นทางโลกตะวันตก และมีส่วนแตกต่างบ้างหรือ ระม้ายกันบ้าง กับพุทธปรัชญา ซึ่งก็จะยกมาอภิปรายดังนี้
พุทธปรัชญาเถระวาท:
1. BuddhistFundamentalism: ศูนย์กลางที่เป็นอุดมคติอย่างเดียวของพุทธปรัชญาคือพระไตรสรณาคมณ์ อันได้แก่ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ซึ่งรวมลงสู่"การกระทำพระนิพพานให้แจ้ง, นิพฺพานสจฺฉิกิริยา"
2. Secularism & Post - Secularism in Buddhist Philosphy: ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ตั้งแต่พระไตรปิฎกลงมาจนถึงที่เป็นลายลักษณ์อักษรและมุกขบาฐก์ระบุว่า พระพุทธเจ้าทรงฝากพระศาสนาไว้กับพุทธบริษัท ๔หรือแม้แต่การตรวจสอบถ่วงดุลกันเอง เช่น ญาติโยมส่งเสริมพระเณรศึกษาและปฏิบัติธรรมด้วยปัจจัย ๔พระเณรเมื่อได้รับการส่งเสริมดังนี้แล้วก็จะได้มีใจศีกษาและปฏิบัติธรรมสัมมาปฏิบัติต่อไปรวมทั้งการอบรมสั่งสอนญาติโยมให้รู้ตามเห็นตามในธรรมได้ด้วย เป็นการตอบแทน ฯลฯ
3. PostmodernReligion in the Teaching of Buddha: ดังพระบาลีพุทธพจน์ว่า "เอกายโน อยํภิกฺขเว มคฺโค" แปลว่าภิกษุ [ผู้เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร] ทั้งหลาย เรากล่าว นี้เป็นหนทางอันเอก ซึ่งก็ทรงหมายความรวมไปถึง หนทางที่ไปลำพังคนเดียวในพุทธพจน์บทนี้ เปรียบได้กับ การรับประทานอาหาร หิวก็หิวคนเดียว อิ่มก็อิ่มคนเดียว หิวหรืออิ่มแทนกันไม่ได้
อีกอย่างหนึ่งโดยนัยหนึ่งตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า การจะเปลี่ยนแปลงอะไรนั้น การอมรมจิตของตนเป็นสำคัญมากกว่าการพยายามเปลี่ยนแปลงคนอื่น จากภายนอก ฉะนั้น การทำชาติประเทศให้สุขสงบได้โดยแท้จริงนั้น ย่อมอยู่ที่คนแต่คนนั่นเอง แม้จะดูผู้อื่นบ้างก็เป็นเพียงแค่กรณีศึกษา และทรงสอนให้น้อมเข้ามาในตน ดังบาลีพุทธพจน์ว่า
"..โอปนยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหีติ."
(พระธรรม) ..เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ใจ อันผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน
การฝึกอบรมจิต:
๑.การฝึกจิตเพื่อสุขทิฏฐะวิหารธรรม
๒.การฝึกจิตเพื่อการได้ญาณทัสสนะ
๓.การฝึกจิตเพื่อสติและสัมปชัญญะ
๔.การฝึกจิตเพื่อการสิ้นไปแห่งอาสวะ
จิตนครอีกสำนวนหนึ่ง:
๑.จิต
ก.โดยสุตตันตะนัย ในมหาสติปัฏฐานสูตร ได้แก่ จิต ๘ คู่ ๑๖ ดวง ย่อลงในวิมุตติจิต ๑อวิมุตติจิต ๑
ข.โดยอภิธรรมนัย ตามหลักปรมัตถะธรรม ๔ ในอภิธัมมัตถะสังคหะ ได้แก่ จิต เจตสิก รูปนิพพาน
๒.มโนทวาร หนึ่งในอายตนะภายใน ๖
๓.วิญญาณขันธ์ หรือ วิญญาณในผัสสะ ๖
เปรียบเทียบ.. จิตนคร โดย สมเด็จพระสังฆราช (สุวฑฺฒนมหาเถร)
.. จิต มโน วิญญาณ โดย บรรจบ บรรณรุจิ
เขียนโดย
นายจารุกิตติ์ สรรพโรจน์พัฒนา