มรณกรรมฐานกถา
Tuesday, January 31, 2017
5:28 PM
อันที่จริง ชาวพุทธจำนวนหนึ่งศึกษาและได้รับการอบรมต่อ ๆ กันมา ในเรื่องกรรม - การให้ผลของกรรม และเรื่องชาตินี้ ชาติหน้า และปัจจุบันชาติ โดยย่อว่า ให้เชื่อดีกว่า ไม่เชื่อ
คำอธิบายก็ คือ การที่เราดำเนินชีวิตอยู่ในปัจจุบันชาติ พร้อมทั้งสรรพสิ่งแวดล้อม เกิดมาจากการบันดาลของกรรมเก่าในอดีตชาติ แก้ไขไม่ได้ อีกส่วนหนึ่ง อนาคตชาติเราจะเป็นอย่างต่อไป มาจากเหตุปัจจัยในปัจจุบันชาติ
ความเชื่อเช่นนี้ มีผลดีมากกว่าเสีย หมายความว่า ถ้าและเพียงแต่ถ้าเป็นไปดังนั้นจริง ผู้ที่เชื่อย่อมมีความสุข ย่อมรับความเป็นไปในปัจจุบัน ขณะที่ก็จะไม่ท้อถอยที่จะสร้างสมคุณงามความดีให้มั่นคงสืบไป
แท้จริงแล้ว ไม่มีใครเกิดตาย มาแต่ต้น ปัจจุบันและในอนาคต จะมีก็แต่ธาตุตามธรรมชาติ ที่เป็น นามกาย และ รูปกาย หรือ กองนามกองรูปเท่านั้น ที่ดำเนินไปอยู่ ส่วนที่เรารู้สึกเองว่า เรามีอยู่ เพราะ ความยึดมั่นว่าเป็นตัวเป็นตนในกายในจิตของตนเท่านั้น เมื่อทำลายความยึดมั่นแบบนี้ได้ ก็หยุดการเวียนเกิด - ตายได้อย่างถาวร
การที่หยุดการเวียนว่ายตายเกิด หรือ หยุดวัฏฏะสงสาร ได้ อาจกล่าวได้ว่า เกิดจากศรัทธาในการฝึกจิตตามหลักสติปัฏฐานในศาสนาพุทธได้หนทางหนึ่ง หรือ การฝึกเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ (ทางสายกลาง) อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ จนจิตค่อย ๆ ละเอียด ๆ ขึ้น จนเกิดปัญญาในธรรมละความยึดมั่นถือมั่นนั้นได้เด็ดขาด โดยไม่ต้องเชื่ออะไรหรือไม่ต้องสงสัยไม่ต้องกลัวในเรื่องเหล่านี้อีกต่อไป
ในพระคัมภีร์ใบเบิล แสดงไว้แปลเป็นไทยเอาแต่ใจความตอนหนึ่งว่า "ความตาย มาจากบาป" ทางพุทธก็มีคำสอนเรื่องการมีสติกำหนดรู้ถึงความตายตามที่เป็นจริงว่า "แม้ความตาย ก็เป็นทุกข์" เมื่อเจริญมรณสติ กำหนดความตาย จนสามารถละบาปอกุศล เจริญบุญกุศล คือ วิราคะ ให้ถึงที่สุด จึงพบอมตะ พ้นความตายไปได้
อีกอย่างหนึ่งการระลีกถึงชีวิตหลังความตายว่า มีนรก สวรรค์ ฯลฯ ก็ดี ก็อาจพิสูจน์ได้ง่าย ๆ ตามวลีที่ว่า "สวรรค์ในอก - นรกในใจ" คือ เรานั่นแหละเป็นประจักข์พยานในตนเองในปัจจุบันขณะแห่งชีวิตในชาตินี้ ถึงผลแห่งการทำกรรมดี - กรรมชั่วด้วยตนเอง
การตายหรือไม่ตายจากการสร้างสมคุณงามความดี แม้จะมีอุปสรรคใด ๆ ก็ตาม ก็ไม่ท้อถอยหรือหันหลังกลับจากคุณงามความดี ดังที่ท่านอาจารย์พุทธทาส ภิกขุ ได้สอนไว้ว่า "นิพพาน อยู่ที่ ตายก่อนตาย" คือ ตราบเท่าที่ฉันจะละบาป - บำเพ็ญบุญให้ถึงที่สุด ฉันจะไม่ยอมตาย เมื่อฉันละชั่วทำดีได้ถึงที่สุดแล้วนันแหละ "ฉัน" ก็จะพบความสุขสงบเย็นอย่างแท้จริง เป็นบรมสุขในชาตินี้ ไม่ต้องรอตอนเข้าโลงไปรับในชาติหน้า
ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช (สุวัฑฒะนะมหาเถระ) เคยสอนพวกเราในเรื่องคล้ายกันนี้ว่า "หัดตาย" คือ ฝึกหัดปล่อยวางตัวตน (ความยึดมั่นถือมั่นว่า มีสัตว์บุคคล ตัวตน เราเขา) ให้ทันก็จะเข้าโลง ละโลกนี้ไปจริง ๆ