อาหารอีก 1 อย่างที่ต้องมาลองให้ได้เมื่อมาสิงค์ดปร์นั้นก็คือ Satay ครับ ปกติแล้วร้านประจำจะอยู่ที่แถวๆ Clarke Quay แต่จำได้ว่าตอนไปเที่ยวสิงคโปร์ครั้งแรกกเมื่อสิบปีที่แล้วเพื่อนสาวชาวฮ่องกงที่หลงเข้ามาอยู่ในแก๊งค์เด็กไทยสมัยเรียนภาษาที่เมลเบิร์น ได้มาแต่งงานกับหนุ่มสิงคโปร์แล้วย้ายมาอยู่สิงคโปร์เต็มตัวได้พาไปกินที่ Lau Pa Sat ซึ่งเป็นศูนย์อาหารเก่าแก่ของสิงค์โปร์ ตอนกลางวันก็เป็นศูนย์อาหารธรรมดานี่แหละครับ แต่พอตกกลางคืนเค้าก็เริ่มเอาโต๊ะไปวางบนถนนรอบๆ Lau Pa Sat แล้วตั้งร้านกันเป็นที่เอิกเกริก มีหลายเจ้ามากๆครับที่ขาย Satay แต่เพื่อนสาวบอกว่าเจ้าที่อยู่ที่ซุ้ม 68 อร่อยที่สุด
จริงๆแล้วการไปกินสะเต๊ะที่ Lau Pa Sat นี่ต้องไปตอนโพล้ดพล้นิดๆครับ แต่ว่าวันที่เราเจ้ากรรมเหลือเกินครับ ฝนตกลงมาหนักมากๆ เราไปถึงประมาณ 5 โมงได้ก็เลยตัดสินใจว่ากินเลยก็แล้วกัน เพราะว่าฝนตกหนักอย่างนี้มันคงไม่มีสะเต๊ะเจ้าไหนกล้าออกไปตั้งร้านกลาวสายฝนเป็นแน่
มารู้ประวัติของ Lau Pa Sat กันหน่อยครับ
แต่เดิมบริเวณที่เป็น Lau Pa Sat ในปัจจุบันเป็นชายหาดครับ และเป็นที่ที่ชาวประมงเอาปลามาขึ้น ทำนองว่าเป็นสะพานปลาครับ ตรงนี้มันก็เลยเป็นตลาดปลากลายๆ ในปี 1870 สภาเขต Telok Ayer ก็ได้มีมติให้รื้อตลาดปลาออกซะ เนื่องจากทำการเวนคืนที่ดินครับ
ในปี 1894 ก็ได้สร้างอาหารที่เป็นตลาดอันใหม่ขึ้น โดยมี James MacRitchie เป็นสถาปนิกควบคุมการออกแบบ
ความจริงตลาดแห่งใหม่นี่ G.D Coleman ได้เคยออกแบบเอาไว้แล้วครับ นาย James MacRitchie มาออกแบบเพิ่มเติมให้หรูหราขึ้นอีกครับ