Lau Pa Sat - Singapore
ชื่อร้าน : Lau Pa Sat
รายการอาหาร : สะเต๊ะ, ก๋วยจั๊บ, เต้าทึงน้ำลำใย
เวลาเปิดบริการ : 24 ชั่วโมง
ที่ตั้งร้าน : Robinson Street, Singapore, Singapore
พิกัด GPS : 1° 16' 49.72" N 103° 51' 1.52" E








อาหารอีก 1 อย่างที่ต้องมาลองให้ได้เมื่อมาสิงค์ดปร์นั้นก็คือ Satay ครับ ปกติแล้วร้านประจำจะอยู่ที่แถวๆ Clarke Quay แต่จำได้ว่าตอนไปเที่ยวสิงคโปร์ครั้งแรกกเมื่อสิบปีที่แล้วเพื่อนสาวชาวฮ่องกงที่หลงเข้ามาอยู่ในแก๊งค์เด็กไทยสมัยเรียนภาษาที่เมลเบิร์น ได้มาแต่งงานกับหนุ่มสิงคโปร์แล้วย้ายมาอยู่สิงคโปร์เต็มตัวได้พาไปกินที่ Lau Pa Sat ซึ่งเป็นศูนย์อาหารเก่าแก่ของสิงค์โปร์ ตอนกลางวันก็เป็นศูนย์อาหารธรรมดานี่แหละครับ แต่พอตกกลางคืนเค้าก็เริ่มเอาโต๊ะไปวางบนถนนรอบๆ Lau Pa Sat แล้วตั้งร้านกันเป็นที่เอิกเกริก มีหลายเจ้ามากๆครับที่ขาย Satay แต่เพื่อนสาวบอกว่าเจ้าที่อยู่ที่ซุ้ม 68 อร่อยที่สุด

วันนี้มารำลึกความหลังเมือสิบปีที่แล้วกันอีกครั้งหนึ่งครับ



Lau Pa Sat


Photobucket




การเดินทางมา Lau Pa Sat นี่ไม่ยากเลยครับ นั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Raffles Place แล้วเดินมาอกทางออก F

แล้วเดินมาทางขวามือ เดินไปเรื่อยๆตามชายคาตึก ผ่านสำนักงานของ AIA แล้วเดินข้ามถนน Telegarph เดินตรงมาอีกหน่อยก็จะเห็น Lua Pa Sat อยู่ข้างหน้าแล้วครับ


Photobucket




ถ้าไปตอนนี้เค้าจะปิดซ่อมเล็กน้อยครับก็จะมีอะไรมาบดบังทัศนียภาพนิดหน่อย

จริงๆแล้วการไปกินสะเต๊ะที่ Lau Pa Sat นี่ต้องไปตอนโพล้ดพล้นิดๆครับ แต่ว่าวันที่เราเจ้ากรรมเหลือเกินครับ ฝนตกลงมาหนักมากๆ เราไปถึงประมาณ 5 โมงได้ก็เลยตัดสินใจว่ากินเลยก็แล้วกัน เพราะว่าฝนตกหนักอย่างนี้มันคงไม่มีสะเต๊ะเจ้าไหนกล้าออกไปตั้งร้านกลาวสายฝนเป็นแน่



Photobucket


Photobucket


Photobucket






มารู้ประวัติของ Lau Pa Sat กันหน่อยครับ


แต่เดิมบริเวณที่เป็น Lau Pa Sat ในปัจจุบันเป็นชายหาดครับ และเป็นที่ที่ชาวประมงเอาปลามาขึ้น ทำนองว่าเป็นสะพานปลาครับ ตรงนี้มันก็เลยเป็นตลาดปลากลายๆ ในปี 1870 สภาเขต Telok Ayer ก็ได้มีมติให้รื้อตลาดปลาออกซะ เนื่องจากทำการเวนคืนที่ดินครับ

ในปี 1894 ก็ได้สร้างอาหารที่เป็นตลาดอันใหม่ขึ้น โดยมี James MacRitchie เป็นสถาปนิกควบคุมการออกแบบ

ความจริงตลาดแห่งใหม่นี่ G.D Coleman ได้เคยออกแบบเอาไว้แล้วครับ นาย James MacRitchie มาออกแบบเพิ่มเติมให้หรูหราขึ้นอีกครับ

ในทีสุดก็ได้ตลาดแห่งใหม่สวยเช้งกระเด๊ะ


ตัวตลาดเป็นรูป 8 เหลี่ยม ตรงกลางเป็นหอนาฬิกา 4 ด้าน มีหลังคายื่นออกไปตามเหลี่ยมทั้ง 8 ตัวอาคารเป็นรูปแบบวิคทอเรีย โดยมีจุดที่น่าสนใจก็คือลวดลายเหล็กหล่อภายในซึ่งเป็นศิลปะในสมัยวิคทอเรีย หลังคาโปร่งแสง เพื่อให้แสงธรรมชาติลอดเข้ามา

โดยนาย James MacRitchie ได้แรงบันดาลใจมาจาก Crystal Palace ซึ่งเป็นที่จัดแสดงสินค้าในงาน Expo ที่จัดขึ้นใน Hyde Park กรุง London

ชิ้นส่วนทั้งหมดนี่ทำขึ้นที่เมือง Glassglow ประเทศสก๊อตแลนด์ โดย บริษัท P&W MacLallan แล้วส่งมาประกอบที่สิงคโปร์เลยนะครับ บริษัทที่ทำการประกอบก็คือ Riley Hargreaves & Co.

ในปี 1973 ก็ได้แปลงมาเป็น Food Hawker จนถึงปัจจุบันครับ



Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket






ภายในมีร้านอาหารเป็นร้อยๆร้านเลยครับ เลือกกินกันได้ตามสบายเลยครับ

ตั้งใจว่ามากินสะเต๊ะก็ต้องกินให้ได้ครับ สะเต๊ะ อันนี้เป็นไก่ กับ แกะ ครับ สีเข้มๆจะเป็นเนื้อแกะ สีอ่อนๆจะเป็นไก่ เคล้าเครื่องเทศมาอย่างดีเลยครับ ไม่มีเหม็นสาบเนื้อแกะเลยครับ จริงๆมีสะเต๊ะเนื้อ กับสะเต๊ะกุ้งด้วยนะครับ แต่ไม่ได้สั่งมา เค้าจะขายเป็นชุดๆครับ นับตามจำนวนไม้ครับ ถ้าจะไม่เอาอะไรสั่งเค้าได้ครับ



Photobucket


Photobucket



Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket




สะเต๊ะสิงคโปร์จะไม่มีอาจาดนะครับ แต่จะรับประทานกับผักสองเช่นแตงกวา หอมแขก และที่ขาดไม่ได้ข้าวปั้นเป็นก้อนกลมๆห่อใบตองนึ่งครับ น้ำจิ้มของเค้าจะเผ็ดกว่าเมืองไทยนิดหน่อยครับ แต่เค้าให้มาเยอะสะใจมากๆครับ ไม่หวงน้ำจิ้มเรยยย



Photobucket


Photobucket




อีกจานนึงที่เค้าว่ากันว่าเป็นอาหารที่ต้องลองเมื่อไปเที่ยวสิงคโปร์ก็คือ Kuay Chap หรือ ก๋วยจั๊บ ผมไม่รู้ว่าวิธีการกินเค้าจะมีแบบอื่นหรือเปล่านะครับ แต่ผมไปสั่งทีไรก็ได้แบบนี้แหละครับ เครื่องกับเส้นแยกกัน เครื่องก็จะมีไข่พะโล้ เต้าหู้พะโล้ ฟองเต้าหู้พะโล้ ตับ กระเพาะ ใส่ใหญ่ แล้วก็สามชั้น รับประทานกันน้ำส้มพริกตำละเอียด


Photobucket


Photobucket


Photobucket



Photobucket



Photobucket





ส่วนเส้นก็ค่อนข้างแตกต่างจากเส้นก๋วยจั๊บแบไทยๆคือเส้นเค้าจะไม่ม้วนครับ จะเหมือนก๋วยจั๊บน้ำพะโล้ แต่เส้นเค้าจะไมใส่แป้งมันครับ



Photobucket




ของหวาน เค้าเรียกว่าอะไรก็จนปัญญาครับ รู้แต่ว่าก็คือ เต้าทึงน้ำลำใยคราบบบ หอม หวานใช้ได้เลยครับ


Photobucket


Photobucket


Photobucket





พรุ่งนี้ติดตามร้านต่อไปครับบบบ




Chubby Lawyer Cafe' ............. ร้านอร่อย .................. ตามใจฉัน










Create Date : 29 เมษายน 2554
Last Update : 29 เมษายน 2554 8:37:14 น.
Counter : 5635 Pageviews.

5 comments
  
ต้องไปลองสักครั้ง ทริปหน้า..อิ อิ ขอบคุณค่ะที่แนะนำ
โดย: Maeboon วันที่: 29 เมษายน 2554 เวลา:11:10:37 น.
  
มันช่างทรมานกระเพาะซะจริงๆ น๊า
โดย: pim&jae วันที่: 29 เมษายน 2554 เวลา:13:36:07 น.
  
ทักทายตอนบ่ายจ่ะ น่าไปทานมั้งจังนะจ่ะ
โดย: ตะวันเจ้าเอย วันที่: 29 เมษายน 2554 เวลา:14:35:38 น.
  
น่ากินชะมัด
โดย: babybeeh วันที่: 3 พฤษภาคม 2554 เวลา:1:28:29 น.
  
ไว้ลองไปทานค่า
โดย: สมาชิกหมายเลข 3445422 วันที่: 24 ธันวาคม 2563 เวลา:14:00:26 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Chubbylawyer.BlogGang.com

BlogGang Popular Award#20



ทนายอ้วน
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?]

บทความทั้งหมด