ทนายอ้วนชวนหิว :: โหว .. เส็ก โครงการ 5 - ร้านสุดท้าย หรูกันให้สุดๆ - Wai Kee Seafood, HK ชื่อร้าน : Wai Kee Seafood & Gateway Cuisine รายการอาหาร : กุ้งทอดผัดซีอิ๊วขาว, กั้งทอดผัดพริกกระเทียม, หอยเชลส์นึ่งวุ้นเส้นกระเทียม, หอยไม้ไผ่นึ่งวุ้นเส้นกระเทียม, ปูอลาสก้านึ่ง, ผักคะน้าฮ่องกงผัดกระเทียม, ข้าวผัดหยางโจว เวลาเปิดบริการ : ทุกวัน 11.00-24.00 ที่ตั้งร้าน : Lei Yu Mun, Hong Kong, Hongkong พิกัด GPS : 22° 17' 21.60" N 114° 14' 14.59" E ไปเที่ยวฮ่องกงคราวนี้วันท้ายๆของการไปช้อปของเรามีผู้ร่วมทริปเป็น 2 สาวเพื่อนที่ทำงานของคุณผู้ชายร่วมทริปไปกับเราด้วยครับ เราก็เลยพาไปช้อปแอนด์พาไปกินกันอย่างหนำใจ ถ้ามีผู้ร่วมทริปก็ดีอย่างนะครับ คุณผู้ชายไม่ค่อยงอแงเรื่องการช้อปครับ อยากได้อะไรก็หยิบได้เรย ถ้าไปกัน 2 คน นี่มีบ่นอุบอิบๆ อิอิอิ คราวหลังร่วมทริปกันอีกนะคราบ อิอิอิ อีกเหตุผลนึงที่ชอบ 2 สาวผู้ร่วมทริปมากๆก็คือเรื่องกิน ถึงจะเป็น 2 สาวที่มีหุ่นดี คนนึงเป็นถึงอดีตพริตตี้หน้าตาสวยสะ แต่ว่าพอพูดถึงเรื่องกินแล้วเธอทั้ง 2 คนลุยแหลกมากกกกกกกกกกก ไม่ต้องถามให้เหนื่อว่าจะทานอะไรดีคะ แค่บอกคร่าวๆว่าจะเลือกกินข้าว หรือ บะหมี่ เธอ 2 คนลุยตลอด ชอบผู้ร่วมทริปแบบนี้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สิ้นปีจะหนีบทั้ง 2 คนไปตลุยกินกันอีก อิอิอิ งานนี้คุณชายออกไอเดียว่าน่าจะมีมื้อพิเศษซักมื้อ โดยเลือกไปกินอาหารทะเลยที่ หมู่บ้านชาวประมง Lai Yu Mun (หลาย ยู่ หมุน) ที่คุณชายเลือกที่นี่เพราะว่าคุณชายติดใจกั้งยักษ์ของที่นี่ กั้งแต่ละตัวยาวประมาณ 1 ไม้บรรทัด กว้างประมาณ 1 ฝ่ามือได้ ที่สำคัญสัตว์ทุกตัวที่เอาทำอาหารเมื่อ 5 นาทีก่อนยังว่ายน้ำเล่นอย่างเย็นใจอยู่เรยยยย งานนี้ต้องสวมวิญญาณเป็นเพชรฆาตสั่งเป็นสั่งตายเอง แต่ไม่ชี้นะคราบ ปากน่ะบอกว่าเอาอันนั้น อันนี้เท่าไหร่ แต่ให้เค้าเลือกกันเอง อิอิอิ ตอนท้ายๆกระทู้มีภาพอาหารบนชั้น Business Class ของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 603 วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม 2555 มาฝากด้วย อันนี้เป็นความโชคดีของเราครับ โชคดียังไงโปรดติดตามครับ Wai Kee Seafood วิธีการมาหมู่บ้านชาวประมง หลาย ยู่ หมุน ก็ไม่ยากครับ เพียงแค่นั่งรถไฟสานสีเขียว หรือสีม่วง มาลงที่สถานี Yau Tong แล้วเดินออกทางออก A1 จะเจอบันไดลงมาที่ถนน ตรงนั้นจะมีทางม้าลายอยู่ ครับ มีทางเลือก 2 ทางคือเดินไป ระยะทางก็ชิวๆ 850 เมตร หรือจะเรียกแท๊กซี่ครับ แต่การเรียกแท๊กซี่นี่ก็แล้วแต่นะครับ แท๊กซี่บางคันอาจจะคุ้นชินกับสำเนียงต่างชาติก็ไม่ต้องบอกอะไรมาก แต่ถ้าบางคันไม่คุ้นชินก็จจะต้องพูดหลายครั้งกันหน่อย จุดหมายปลายทางที่จะบอกพี่แท๊กซี่เค้าคือ Fish Market หรือ หลาย ยู่ หมุน มาร์เก็ท แต่พี่แท๊กซี่บางคันเค้าอาจจะแปลกใจนะครับ เพราะระยะทางแค่นี้คนฮ่องกงเค้าไม่ขึ้นแท๊กซี่กันครับ เค้าเดินกันได้ จนถึงปลายทางแล้วก็ค่ามิตเตอร์มันยังไม่ขึ้นเลยซักเหรียญครับ แต่ถ้าจะสมัครใจเดินไปก็ตามมาเลยครับ เราจะเดินไปตามถนน Cha Kwo Ling Road ตลอดเส้นทางครับ เส้นทางก็มีขึ้นๆ ลงๆ เนินครับ แต่ว่าไม่ชันมากครับ พอเจอแยกแรกให้ข้ามถนนแล้วเดินตรงไปเลยครับ พอข้ามแยกมาก็เดินตรงไปอีก ตรงนี้ถนนจะโค้งหน่อยๆ ให้เดินตรงตามถนนไปครับ แล้วเดินตรงไป ตอนนี้เรามาได้ครึ่งทางแล้วครับ ทางข้างหน้าป็นทางลงเขานิดๆ ให้เดินไปตามถนนหลักครับ เดินฉีกไปทางขวา แล้วเดินตรงไปอีกหน่อย จะเห็นตึกสูงๆและคิวแท๊กซี่อยู่ทางซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยครับ เล็งประตูจีนอันนี้ไว้ให้ดีครับ ถึงแล้วครับ ตลาด หลาย ยู่ หมุน และ หมู่บ้านชาวประมง หลาย ยู่ หมุน ดูแผนที่ชัดๆอีกทีครับ ถ้าเห็นประตูจีนอันนี้รับรองว่ามาถูกที่แน่ๆแล้วครับ พอลอดซุ้มประตูจีน ก็ให้เดินไปทางซ้ายครับ ขวามือของเราจะเป็นทะเล สุดทางเดินจะเป็นทางลาดลง ตรงหน้าจะมีร้านขายอาหารทะเลเยอะมากๆๆๆๆๆๆ ให้เดินตรงเข้าไปเลยครับ นี่แหละครับหมู่บ้านชาวประมง ร้านที่เรามากินกันเป็นประจำเป็นร้านที่อยู่เกือบสุดเลยครับ ให้เดินมาตามทางเรื่อยๆครับ ร้านอยู่ทางขวามือชื่อร้าน Wai Kee Seafood ถ้าถามว่าไปร้านอื่นได้มั๊ย ..... ผมก็ตอบว่าได้ครับ แต่ที่มาร้านนี้เป็นประจำก็เพราะว่าคนที่พามาทานเป็นครั้งแรกเค้าพามาร้านนี้ครับ เราก็เลยไม่กล้าไปกินร้านอื่น ร้านนี้เค้ามีร้านสำหรับปรุงอาหารของเค้าเองด้วยนะครับ ยังไม่เคยได้ลองซักที เพราะโดยปกติจะให้ร้าน Gateway Cuisine เค้าปรุงให้ คือถ้าเราซื้อของที่ร้านนี้แล้วจะให้ร้าน Gateway Cuisine ซึ่งเป็นภัตตาคารที่อยู่ตรงสุดหมู่บ้านเค้าปรุงก็ได้ครับ แต่เค้าจะคิดค่าปรุงหรือเปล่าไม่รู้นะครับ เพราะอ่านบิลไม่ออกจริงๆ แต่ที่เลือกให้ร้าน Gateway Cuisine ปรุงให้เพราะว่าร้านนี้วิวดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ถ้าวันอากาศดีๆนี่สุดยอดเลยครับ เลือกได้เลยนะครับว่าจะกินอะไร กั้งเค้าจะคิดเป็นตัวครับ แบบที่อยู่นอกขวดโค้ก 1.25 ลิตร ราคาตัวละ 150 เหรียญ แต่ถ้าอยู่ในขวดราคา 180 เหรียญ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันต่างกันนะครับ ทั้งๆที่ขนาดตัวก็เท่าๆกัน แต่เราได้กั้งที่อยู่ในขวดในราคา 150 เหรียญครับ กั้งเค้าจะคิดเป็นตัวครับ แบบที่อยู่นอกขวดโค้ก 1.25 ลิตร ราคาตัวละ 150 เหรียญ แต่ถ้าอยู่ในขวดราคา 180 เหรียญ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันต่างกันนะครับ ทั้งๆที่ขนาดตัวก็เท่าๆกัน แต่เราได้กั้งที่อยู่ในขวดในราคา 150 เหรียญครับ เคยมีคนเตือนว่าอย่าสั่งปลานะ เพราะปลาแพงมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ต้องกลัวคราบบบบบ ถ้าจะสั่งปลาต้องชี้ว่าจะเอาตัวไหน .... ไม่ทำอยู่แล้วคราบบบบ หอยเชลส์ตัวละเท่าไหร่จำไม่ได้ครับ แต่เราสั่งไป 3 ตัว หอยไม้ไผ่ หรือ Bamboo Shell ตัวเบ้อเร่อ คุ้นๆว่าตัวละ 18 เหรียญ แต่ไม่แน่ใจนะคราบบบบ กุ้งเค้าขายเป็นชั่งครับ จำไม่ได้ว่าชั่งละเท่าไหร่ เค้าโกยแล้วบอกราคามา 92 เหรียญ ล็อบสเตอร์ตัวนึงก็พันเหรียญขึ้นไปครับ ปูตัวนี้ราคา 2500 เหรียญครับ 10000 บาท 1 สาวในกลุ่มบอกว่าอยากกินปูตัวนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เอาก็เอาครับ ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว 10000 บาท................... ตอนแรกให้เค้าชั่งเค้าบอก 1500 เหรียญเองนะครับ แต่ทำไมพอไปปรุงแล้วบิลที่ร้านมันออกมา 2500 เหรียญก็ไม่รู้ สั่งอาหารเสร็จก็เดินไปร้านกันครับ ร้าน Gateway Cuisine นี่เดินต่อไปอีกนิดครับจะเป็นร้านใหญ่โตอยู่สุดทางเลยครับ วันที่เราไปร้านคนแน่นมากๆ เพราะปูนซีเมนต์ไทยเกิดจะไปจัดเลี้ยงกันที่ร้านนี้เรียกได้ว่าแทบจะปิดชั้นล่างกันเรยทีเดียว เราก็เลยได้ขึ้นไปนั่งข้างบน แต่เพิ่งรู้ว่าข้างบนบรรยากาศดีมากกกกกกก ถึงจะไม่มีแอร์ แต่มีลมเย็นๆตลอดเวลา ทำให้ไม่ร้อนซักนิดเดียว แถมวิวยังสวยซะอีก มองเห็นฝั่งฮ่องกงลิบๆ เค้าจะเอาต้มหอมดอง กับถั่วลิสงทอดมาเสิร์ฟเป็นออร์เดิฟก่อน และอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ทำหรับการกินปู โชยุ กับ วาซาบิ อาหารจานแรกเป็น กุ้งทอดกรอบผัดซิอิ๊วขาว กุ้งสดๆ มาตัดหัวออกเท่านั้น ทอดทั้งเปลือกจนกรอบ แล้วผัดกับซีอิ๊ว หอมๆ รสชาติเค็มๆ หวานๆ ที่สำคัญกุ้งกรอบเกรียวทั้งตัว เปลือกยังกินได้ไม่ต้องแกะเลยครับ จานนี้จะเป็นของกินเล่นก็ได้ หรือว่าจะกินกับข้าวก็ได้ อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ครับ จานที่ 2 Deep fried Mantis Prawns with garlic and chilies หรือ กั้งทอดผัดพริกเกลือ กั้งเป็นๆ สดๆ ทอดจนกรอบไปทั้งเปลือก ราดด้วยกระเทียมกับพริกสับผัดแห้งๆ รสชาติถึงใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ถึงเค้าให้กรรไกรมาแต่ไม่ต้องใช้ครับ เพราะว่าตรงกลางตัวมันกรอบซะจนใส่ปากได้เลย แค่ตรงหัวกับตรงหางเท่านั้นก็ต้องใช้กรรไกรตัดนิดหน่อย จานต่อมา หอยเชลส์นั่งวุ้นเส้นกระเทียม หอยเชลส์ตัวใหญ่ๆ นำมานึ่งกับวุ้นเส้นแล้วโรยกระเทียม ได้ความหวานของหอยสดๆเต็มที่ หอมกระเสียมสับที่โรยหน้ามามากๆ เมนูต่อมา หอยไม้ไผ่นึ่งวุ้นเส้นกระเทียม เมนูนี้เป็นเป็นเมนูโปรดคุณผู้ชาย หอยไม้ไผ่ตัวใหญ่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เอามานึ่งกับวุ้นเส้นกับกระเทียม การนึ่งทำให้ความหวานในตัวหอยยังคงอยู่ เมนูไฮไลท์สำหรับวันนี้ ปูนึ่ง ตอนที่ยกจานนี้มาสาวๆในโต๊ะกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ เพราะปูตัวใหญ่มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เต็มจานเปลขนาดใหญ่ ถ่ายรูปส่งมาอวดใน fb กันใหญ่ ขาปูมันใหญ่มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ท่อนนึงยาวกว่าฝ่ามือ แท่งใหญ่กว่านิ้วคุณผู้ชายซะอีก ส่วนก้ามก็ไม่ต้องพูดถึง ใหญ่กว่าฝ่ามือคุณผู้ชายซะอีก อิอิอิ อันนี้เป็นเนื้อส่วนขานะครับ ท่อนนึงยังกะแท่งปูอัด อิอิอิ เนื้อปูเต็มๆคำ กัดเข้าไปได้ความหวานของเนื้อปูสดๆ ชุ่มฉ่ำมากๆๆๆครับ สังเกตุว่ากระดองปู เปลือปูไม่ได้หนามากเลยนะครับสามารถเอากรรไกรตัดได้เลย กินอาหารจานหลักทุกอย่างก็เรียกว่าอิ่มแล้วนะครับ สั่งข้าวผัดไปตั้งแต่ต้นเค้ายกมาให้ก็นึกว่ากินไม่หมด นั่งไปเรื่อยๆ คุยๆกันไป กลับหมดคราบ แถมจานผักอีกจาน วันที่เราเดินทางกลับเราเดินทางมาเช็คอินตอน 11.30 น. เพื่อจะกลับตอน 14.30 น. เพราะกะว่าจะมาช้อปปิ้งที่ duty free อีกเพื่อเป็นการทิ้งท้าย เพิ่งมารู้ทีหลังว่าเที่ยวบิน TG 603 ซึ่งปกติจะออกบินตอน 06.00 น. เสียต้องรออะไล่จากกรุงเทพทำให้ต้องถ่ายผู้โดยสารไปเที่ยวต่อๆไป มันก็เลยมีปัญหาเรื่อง over booking มาตั้งแต่เช้า ปรากฎว่าตอนที่เรามา check in มาเจอกรุ๊ปทัวร์กรุ๊ปใหญ่ๆ 2 กรุ๊ปครับ แต่ละกรุ๊ปก็วุ่นวายเรื่องตั๋วมากๆ แล้วทั้ง 2 กรุ๊ปนี้จะต้องต่อเครื่องกลับเชียงใหม่กันแทบทั้งนั้น เรารออยู่ครึ่งชั่วโมงกว่าถึงจะได้ check in พอเข้าไปถึงเค้าน์เตอร์ เจ้าหน้าที่ประจำเคาน์เตอร์ก็บอกว่ามันมีปัญหาเรื่อง over bookoing กับมีปัญหาเรื่องผู้โดยสารต้องต่อไฟลท์กลับเชียงใหม่ ถ้าเราเลื่อนไฟลท์แทนที่จะกลับ 14.30 เวลาเดิม ไปกลับไฟลท์ 16.30 โดยจะ upgrade เป็น Business Class ให้จะได้มั๊ย .......... ......... คำถามแรกที่ผมถามออกไปก็คือ "จะเข้าไปใช้เลาจน์ได้หรือเปล่า" ฮ่าๆๆๆๆๆๆ พอเจ้าหน้าที่บอกว่าได้ครับ ผมก็เลยตอบตกลง สรุปเรามีเวลาช้อปปิ้งที่ duty free เพิ่มขึ้น แล้วก็ได้ไปนั่งเล่นในเลาจน์การบินไทยด้วย อิอิอิ เนื่องจากเป็น re time flight จาก flight เช้า ทั้งเครื่องจึงมีคนไม่ถึง 20 คน และเท่าที่เห็นส่วนใหญ่จะอยู่ใน Business Class ด้วย ชั้น Economy มีไม่ถึง 10 คนครับ สบายมากๆๆๆๆ พื้นที่ระหว่างที่นั่งกว้างโพดๆๆๆๆๆ เคยนั่งแต่ business class ในประเทศ ระหว่างประเทศทุนรอนยังไม่ถึงก็ตื่นเต้ลเล็กๆครับ อิอิอิ เครื่องนี้เป็นเครื่อง Airbuss 330 ที่การบินไทยเพิ่งรับมอบมาล่าสุดครับ เป็นเครื่องรุ่นใหม่ล่าสุดของการบินไทย อันนี้คุณผู้ชายบอกมานะครับ พอขึ้นเครื่องก็มีน้ำส้ม น้ำแอ๊ปเปิ้ล แชมเปญมาเสิร์ฟ ใส่แก้วสวยๆมาด้วยนะ ไม่ใช่แก้วพลาสติก อิอิอิ ขอบอกว่าคุณพี่แอร์บริการดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ยิ้มแย้มแจ่มใส ชวนคุยนั่นคุยนี่ตลอดเวลา น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คุณพี่สจ๊วตดูขรึมไปหน่อย แค่ก็บริการดีเช่นกันครับ ตอนยกอะไรมาให้ก็ตามจะขอโทษอยู่ตลอดเวลา อู๊ยยยยยย ...... คุณพี่ขาหนูเกรงใจอ่ะ ยิ่งตอนที่เอาเมานูอาหารมาให้เลือกคุณพี่ย่อตัวลงกับพี่ นี่ถ้าไม่ติดว่ารัดเข็มขัดเอาไว้หนูได้นั่งลงไปกับคุณพี่แล้วววว น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สุภาพมากกกกกกกกกกกกกกกก พอเครื่องได้ระดับก็เอา "อัลมอนด์อบเกลือ" มาให้กินเล่นๆ ........... จำไม่ได้แล้วว่าถ้านั่ง Economy ครั้งสุดท้ายที่ได้กิน "ถั่ว" มันเมื่อกี่ปีมาแล้ว ขอโค้กนี่ได้โค้กมาเป็นกระป๋อง .... ถ้านั่ง Economy ขอโค้ก ได้ 1 แก้วไม่เต็ม .... ต้องโชคดีมากๆๆๆ ถึงจะได้เป็นกระป๋อง อิอิอิ แล้วก็ได้เวลารับประทาน ..... ก็ต้องปูโต๊ะเสียก่อนครับ ยกสลัดมาเสิร์ฟก่อนเลย เป็น สลัดแบบเย็น หมูกับน้ำสลัดสไปซี่ อันนี้หมูไร้รสชาติไปนิด ถ้าไม่มีน้ำสลัดมาช่วยก็จะไม่มีรสชาติอะไรเลย ดีที่ว่าน้ำสลัดเป็นแบบน้ำยำที่ไม่เผ็ดมากก็เลยช่วยได้มาก ผัดสลัดก็เป็นคึ่นช่ายเข้ากันกับหมูมากๆครับ สำหรับขนมปังก็มีให้เลือกไม่ว่าจะเป็นโรลธรรมดา ครัวซองต์ หรือว่าขนมปังกระเทียม แต่ถ้าจะเอาทุกอย่างก็ได้ไม่ว่าครับ จะกินเอาอิ่มเลยก็ยังได้ ขนมปังกระเทียมอร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ผมล่อไป 6 ชิ้น ฮ่าๆๆ Main Course คุณผู้ชายเลือก กระเพราเนื้อกับข้าว ถ่ายมาใช้ได้รูปเดียวครับ เพราะด้านที่นั่งมันโดนแดด ต้องปิดหน้าต่างหมด ก็เลยมืดไปหน่อย จะใช้แฟลชก็เกรงใจคนอื่นครับ ของผมเป็น ไก่อบกับมันบด แอบนินทากับคุณผู้ชายว่าอาหารบน business class นี่มนช่างต่างกับอาหารใน Economy class อย่างเห็นได้ชัด อร่อยกว่าเยอะ ปริมาณก็มากกว่าด้วย พอกิน main course เสร็จก็เอาชีสกับผลไม้มาเสิร์ฟ งานนี้คุณชายไม่กินชีสก็เลยเสร็จผมทั้งสองชิ้น ตบท้ายด้วยชาและของหวาน คุณผู้ชายบอกไปว่าของหวานไม่เอานะครับ เพราะว่าอิ่มแล้ว พี่แอร์ก็มาคะยั้ยคะยอให้ทาน ผมว่ามันอร่อยมากๆครับ โดยเฉพาะถวยชอคโกแลตที่ใส่ซอสสตรอว์เบอร์รี่ อร่อยที่สุดคราบบบ ปิดท้ายซีรีย์ โหวเส็ก ... โครงการ 5 ด้วยรูปนี้ นับว่าเป็นทริปที่ประทับใจมากๆๆๆ ที่สุดทริปหนึ่งครับ และขอขอบคุณพี่แอร์และสจ๊วตที่ประจำอยู่ business class ทุกคน โดยเฉพาะพี่แอร์คนสวยทั้ง 3 คน บนเที่ยวบิน TG 603 วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม 2555 จากฮ่องกง ที่ทำให้การเดินทางกลับบ้านของเรา even more smoot as silk ซะอีกครับ นับว่าเป็นการปิดท้ายทริปที่ประทับใจ และ มีความสุขมากครับ Until "Chubby Lawyer's Cafe'" will meet you agian นะครับ ตามเก็บข้อมูลไว้อีกแล้วค่า
โดย: hellojaae IP: 110.168.81.119 วันที่: 26 กรกฎาคม 2555 เวลา:13:19:28 น.
เมื่อก่อนนั่งเครื่องบิน บินไปเยี่ยมญาติพี่น้องเป็นว่าเล่น เดี๋ยวนี้เเก่เเล้วเเค่เครื่องบินtaxiบนrunwayก็อ้วกเเตกอ้วกเเตนเเล้ว ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าบินกลับเมือไทยสงสัยอ้วกจนทรุดเเน่ๆ เห็นคุณใด้ไปเที่ยวฮ่องกงก็อิจฉาจริงๆเพราะฮ่องกงน่ะอยากไปที่สุด ต่อจากนั้นก็เมืองจีน ยุหร่งยุโรปน่ะไม่สนหรอกเเต่ใด้ไปก้ดี เเค่อเมริกาก็ยังเที่ยวไม่หมดเล๊ย อยากกลับมาเยี่ยมเมืองไทยที่ซู๊ดดดเลย
โดย: VEE IP: 66.172.227.200 วันที่: 26 กรกฎาคม 2555 เวลา:22:02:17 น.
โชคหล่นใส่จริงๆ
โดย: 11 IP: 58.137.148.35 วันที่: 18 มิถุนายน 2556 เวลา:11:53:14 น.
โดย: สมาชิกหมายเลข 3450494 วันที่: 14 กันยายน 2563 เวลา:14:02:47 น.
|
บทความทั้งหมด
|
ตอนเดินเข้าไปส่งอาหารทะเล ยังคิดว่า หรูตรงไหนเนี่ย
พอเห็นโต๊ะด้านบน ฮ่า...
แถมมาหรูตอนอัพเกรดที่นั่งในเครื่องด้วยนี่แหละ
ปล ยังไม่เคยนั่งเช่นกันค่ะ ฮ่า...