เป็นหมู่อาคารเรือนไทย ๕ หลัง ที่คงความงดงามของ
สถาปัตยกรรมไทยตามแบบโบราณทุกประการ











มีชื่อเรียกสั้นๆกันว่า " เรือนไทยจุฬาฯ " มหาวิทยาลัยได้รับบริจาค
ตัวเรือนไทยนี้จากอาจารย์ลดา รัตกสิกร เป็นเรือนเครื่องสับยกใต้ถุนสูง
หมู่เรือนไทยได้รับการออกแบบโดย เผ่า สุวรรณศักดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติ
สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรมไทย) และ รศ.ภิญโญ สุวรรณคีรี
ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม)








ถูกใช้เป็นแหล่งจัดกิจกรรมการอนุรักษ์และเผยแพร่ศิลป-วัฒนธรรม
ของไทยให้นิสิตและผู้ที่สนใจ ... รวมทั้งยังเป็นการเสริมสร้าง
บรรยากาศทางวัฒนธรรมขึ้น ในชุมชนมหาวิทยาลัยอีกด้วย
จึงได้ชื่อเป็นทางการว่า "ศูนย์ส่งเสริมวัฒนธรรม ๓"








สร้างขึ้นเนื่องในโอกาส ๗๐ ปี แห่งการสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โดย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ได้ทรง
พระกรุณา-โปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานในพิธียก
เสาเอก และพิธีสวดมนต์ขึ้นเรือนไทย รวมทั้งทรงดนตรีเฉลิมฉลองเพื่อเป็น
สิริมงคล เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๓๑ก่อสร้างแล้วเสร็จเพียงปีเดียว








ลักษณะเด่นของเรือน คือ เป็นเรือนเครื่องสับที่มีลวดลายประดับ
ที่ประณีตงดงาม เช่น เท้าแขนค้ำยัน การแกะลวดลายรูปดอกบัวที่
หย่องหน้าต่าง หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา







กลุ่มอาคารประกอบด้วยเรือน ๕ หลัง คือ...


- เรือนประธาน เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปพระราชทาน
ศีรษะครูเทพเจ้าทางดนตรีไทย เครื่องดนตรีปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์
และ ระนาดทรงของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ

- เรือนหลังที่ ๒ ใช้จัดแสดงเครื่องใช้และวัตถุโบราณ เช่น
เครื่องแก้ว เครื่องเงิน เครื่องเบญรงค์ และผ้าทอโบราณ
ได้รับบริจาคจาก ดร. วินิจ และคุณหญิงพรรณี วินิจนัยภาค

-เรือนหลังที่ ๓ จัดแสดงเครื่องจักสานในภาคต่างๆ ของไทย
ได้รับบริจาคจาก รองศาสตราจารย์แสงอรุณ รัตกสิกร

- เรือนหลังที่ ๔ ศาลากลางน้ำขนาดใหญ่ ใช้เป็นสถานที่จัด
กิจกรรมต่างๆ

- เรือนหลังที่ ๕ คือ สำนักงานติดต่อและประสานงานของ
ศูนย์ส่งเสริมวัฒนธรรม ๓ (เรือนไทยจุฬาฯ)















เมื่อ ๒ มีนาคม ๒๕๖๐ จขบ.ได้มีโอกาสไปเยือนถิ่นเก่าที่คุ้นเคย
สมัยคุณพ่อเรียนจนมาถึงรุ่นคุณลูกสองคน คนหนึ่งเรียนเตรียมฯ
แล้วมาต่อครุฯจุฬาฯ อีกคนก็เรียนที่สาธิตจุฬาฯ จนถึง ม.๖
ต้องคอยรับ-ส่งกันทุกวันรวมเวลากว่า ๑๔ ปี เรียกได้ว่ารู้จักทุก
ซอกมุมในรั้วจามจุรีฝั่ง ร.ร.สาธิตจุฬาฯ ... วันนี้เลยแวะไปเยือน
"เรือนไทยจุฬาฯ" ที่เคยเข้าไปชมหลายๆครั้งสมัยที่คุณลูก
เรียนอยู่ที่นี่ แต่วันนี้ไม่ได้เปิดให้ขึ้นไปชมบนเรือนไทยได้
เราจึงเก็บบรรยากาศสถานที่โดยรอบ เรือนไทยจุฬาฯ
มาฝากเพื่อนๆได้รู้จัก และอัพเดทกันคะ


1





เรือนไทยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งหมดก่อสร้างขึ้นด้วยไม้เต็งรัง
ใช้วิธีการการเข้าไม้ตามแบบโบราณ ไม่มีการใช้การยึดด้วยตะปู
แต่ใช้วิธียึดด้วยแท่งไม้







ปัจจุบันเนื่องจากป้องกันความเสียหาย และเพื่อต้องการรักษาสภาพ
เรือนไทยให้นานที่สุด จึงได้มีการเปลี่ยนไปใช้เสา คสล. แทนการใช้เสาไม้











การวางอาคารให้รวมเป็นหมู่ตามหลักนิยม โดย เรือนประธานทำหลังคาแฝด
หน้าจั่วลายแสงอาทิตย์ มีการจัดวางบันไดทางเข้าออกเป็น 3 ทาง






มีดอกบัวบานในอ่างบัว...สีสวยมากเลยถ่ายรูปมาด้วย
















มีป้ายชื่อต้นไม้บอกเล่าเรื่องราวของต้นไม้ชนิดนั้นๆไว้ด้วย





















ศาลากลางน้ำ หรือ หอกลาง ตกแต่งด้วยเครื่องลำยอง หน้าบัน
ประดับตราพระเกี้ยวปิดทอง ที่สร้างแยกออกมาจากเรือนหมู่ ด้วยจุด
ประสงค์ที่ต้องการรับลมได้ดีกว่า และใช้เป็นที่จัดแสดงกิจกรรมต่างๆ


























ปัจจุบันทุกวันศุกร์แรกของเดือน จะมีการแสดงดนตรีและนาฏศิลป์
ที่มีชื่อเรียกว่า "จุฬาวาทิต" ณ เรือนไทยแห่งนี้ด้วย






ถนนใต้ร่มจามจุรี ร่มรื่นมากมาย มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้นด้วย






...ขอขอบคุณทุกๆคน ที่แวะมาอ่านและเยี่ยมชมค่ะ"