ความน่ารักของรถไฟเขา
เข้ามาถึงภายในวัด นอกจากจะได้สักการะพระพุทธรูป Daibutsu แล้ว เรายังได้พบกับต้นสนที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น เรายืนอ่าน และมองอยู่นาน ด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจนะ เพราะเราอ่านมาก่อนจากหนังสือ พอรู้ว่ามีต้นสนนี้ ทำให้เรายิ่งอยากมาเห็นด้วยตาตัวเอง
ที่วัดนี้พบเจอคนไทยเยอะกว่าที่เกาะ Enoshima มีหลากหลายรุ่นตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ สว. พระพุทธรูป Daibutsu เราสามารถเข้าไปด้านองค์พระได้ ค่าเข้าชมไม่แพงมาก นิดเดียว เราก็มุดเข้าไปดูนะ ไหนๆ มาแล้วก็มุดเข้าไป
ด้านในพระพุทธรูป
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีทรงปลูกต้นสน ใน พ.ศ. 2474
ต้นสนนี้ตามหนังสือเขาว่าว่าพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงปลูกในปี พ.ศ. 2445 แต่ในหลวงของเรา (รัชกาลที่ 9) ทรงให้ปลูกทดแทนต้นเดิม
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวิชราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร (พระยศในขณะนั้น ปัจจุบันรัชกาลที่ 10) ทรงปลูกต้นสนนี้เมื่อปี 2530
จากนั้นก็เดินชมสวน แพร้บนึง ก็เดินออกมาเพื่อเป้าหมายถัด คือ วัด Hasedera ที่นี่จากหนังสือ เขาเขียนว่ามีเทวหินเยอะมาก ได้สักการะเจ้าแม่กวนอิม ก็เดินกลับมาทางเดิม แต่เกือบเลย จนเอะใจอะไรบางอย่าง หันกลับไปดูป้าย อ้าว นี่ทางเข้าวัดแล้วนี่
พอได้เข้าไป วัดแห่งนี้มีเทวหินมากมาย มีจุดชมวิว สวยๆ แต่ต้องเดินขึ้นไปสูงเหมือนกัน เราก็เดินชมรอบๆ วัด พร้อมกับได้เครื่องลางมาด้วย เขามีภาษาอังกฤษกำกับไว้ เราอยากได้แบบไหน ก็เลือกแบบนั้น มีทุกอย่าง ตั้งแต่ความรัก การเรียน การเงิน ร่ำรวย สุขภาพ จากนั้นก็เดินชมรอบๆ วัดต่อ
จนจะถึงทางออก เราเดินตามชาย-หญิงญี่ปุ่นคู่นึง เอ๊ะ เขาเดินไปไหนกัน ก็ได้เจอทางเข้าไปในถ้ำเล็กๆ ภายในมีเทวรูปหินอีก เยอะมาก แต่ด้านในเราไม่ได้ถ่าย เพราะต้องก้มตัวเดินตลอด คนเดินตามด้วย ไม่สะดวกในการถ่ายรูป เดินไปตามทาง แปลกตาดี ก็ชอบนะ
ด้านหน้าวัด
ทางเข้าถ้ำ
ออกเดินก้าวสู่จุดหมายปลายทางถัดไป ระหว่างทางมีโทรศัพท์มา อ้าว งง ดิ โทรมาจากเมืองไทยด้วย จ๊าก แต่คนโทรเขาไม่รู้ว่าเราอยู่ญี่ปุ่น เอิ๊ก
กลับมาที่สถานีรถไฟ เพื่อไป Tsurugaoka Hachimangu Shrine
เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ