อดีตกลับไปแก้ไขไม่ได้ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ยึดมั่นปฏิบัติตามพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ ๙ คือ " รักสามัคคี และยึดมั่นในหลักเศรษฐกิจพอเพียง "
ตอนที่ 6 แข่งความเร็วเอเซียน่าสนาม 2 เดือน กรกฎาคม ภาค 2








ซ้ายมือของภาพจะเป็นทิศเหนือ ด้านขวาเป็นทิศใต้ ตอนบนเป็นทิศตะวันออก

และอัศจรรย์หลักตั้งอยู่ทิศตะวันตกทางด้านล่างของภาพ เราจะแบ่งโค้งหลัก

ออกเป็น 8 โค้งด้วยกันเพื่อให้เข้าใจภาพสนามแข่งซึ่งมีระยะทางรวมทั้งสิ้น 3.5

กม.
สนามแข่งรถเอเซียน่า พัทยา

1 โค้งก่อนสุดทางตรง

2 โค้งก่อนถึงแฮร์พิน ,โค้งแฮร์พิน(ปลายแหลม)

3 โค้งตัวยูทางเหนือ
4 โค้งตัวเอส

5 โค้ง irc

6 โค้งตัวยูด้านตะวันออก

7 โค้งก่อนอัศจรรย์ทิศใต้

8 โค้งก่อนเข้าทางตรง



ท้าวความจากคราวที่แล้วที่เริ่มออกจากจุดสตาร์ทนะครับ

ในวินาทีที่ออกตัวนั้น ฝุ่นจำนวนมหาศาลกระจายคลุ้งไปหมด พอรถผมขยับได้ ผมก็ตีออกด้านข้างทันที ตอนเริ่มออกวินาทีแรกยังพอมองเห็นรถคันหน้าอยู่บ้าง พอจำได้ว่าผมตีคู่ขึ้นมาได้เกือบครึ่งคันของคันที่อยู่หน้าผมตอนสตาร์ทแล้วครับ และพอรถพ้นจุดสตาร์ทไปได้สักยี่สิบเมตร รถของผมยังไม่ทันได้แซงคันหน้าได้ แต่กำแพงฝุ่นมันบดบังทัศนวิสัยด้านหน้าจนมองไม่เห็นอะไร

นอกจากฝุ่นที่กระจายขึ้นมาเป็นลูก ๆจากล้อที่ตะกุยและบดบังทั่วไปในอากาศ
รถคันหน้าอยู่ตรงกลางแนวก็มองอะไรไม่เห็น จะเบนออกก็มาติดรถผม เขาเลย
ชะลอรถลง โอกาสทองมาแล้ว จะดำฝุ่นต่อหรือจะยอมตาบอดแล้วคลำทาง
แบบคันข้าง ๆล่ะ

ในใจก็คิดบรรลัยละ เห็นแต่ฝุ่นแล้วจะไปทางไหนวะ..... ฉับพลันก็นึกได้แล้วตัดสินใจ ดำฝุ่นไปตามลำฝุ่นที่เห็นลอยขึ้นมาเป็นลูก ๆนั่นแหละ เที่ยวนี้ต้อง มองต่ำระดับล้ออย่างเดียวแล้วลุยตามไปเลย จนเริ่มเห็นท้ายรถคันหน้าซึ่งก็กำลังโลเลเหมือนกัน และนั่นก็หมายถึงว่าเราขึ้นหน้ามาแล้วได้อีกสองคัน ก็คงจะอยู่สักที่ แปดที่เก้านี่แหละ





..อ้าว.....วิ่งสวนมาทำไมอ่ะ ..

ในที่สุดก็ต้องชะลอคันเร่งลงเพราะรถยิ่งทิ้งห่างกันไป ฝุ่นก็ยิ่งหนาแน่น และคันหน้าเราก็เริ่มชะลอ พอช้าลงคันเดียวก็ช้าหมดเพราะไม่รู้จะดำฝุ่นตามใครดี มันหนาแน่นมืดทึบเท่ากันหมดในที่สุด เพียงครู่เดียวฝุ่นก็เริ่มบางลง หลายคันก็เริ่มเร่งเครื่องขึ้นหน้าแรงขึ้น แล้วอยู่ดี ๆก็เห็นรถแข่งคันหนึ่งคล้ายจะวิ่งสวนมา ผมร้องด่าในใจ ไอ้ห่...วิ่งมาจากไหนวะ...แล้วก็รีบหักพวงมาลัยออกไปทางซ้ายเพื่อหลบ และไม่ต้องพูดถึงคันหลังหรอกนะ(เพราะไม่มีเวลาเกา เฮ้ยม่ายช่าย หมายถึงรถที่อยู่ข้างหลัง) เพราะต่างคนต่างมองไม่เห็นกันหรอก แต่ทันทีที่เราหลบออกซ้ายพ้นก็ตกใจรีบกระแทกเบรกไปตูม เชนเกียร์
ลงต่ำจากปลายเกียร์สามที่น่าจนมีสัก 6000รอบลงมาเกียร์สอง แล้วหักพวงมาลัยกลับมาทางขวาทันทีก่อนที่จะหลุดออกนอกทางแข่ง โอ้โหย..... ทำไมถึงโค้งสุดทางตรงเร็วจังนะ หลุดจากโค้งแรกมาได้ก็พอดีเป็นจุดที่ลมพัดเปลี่ยนทิศทาง ทำให้มองเห็นถนนได้ชัดเจนและก็เห็นได้ว่าข้างหน้าเรานั้นมีรถวิ่งนำเราอยู่ประมาณสามสี่คัน ไม่รวมอีกชุดที่กำลังบี้กันอยู่ไกลออกไปภายใต้ฝุ่นที่ปลิวคลุ้งลองเปะปะไปทั่วสนาม ไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่ออกสตาร์ทผ่านไปโค้งแรกโค้งเดียวนี้รถคันนำก็ทิ้งห่างไปไกลจนไม่เห็นฝุ่นแล้ว (เป็นคำเปรียบเทียบ ที่จริงน่ะ...ฝุ่นเพียบ.. ๕๕๕)


ช่วงจากโค้งแรกไปยังโค้งสองรูปเท้านั้นมีระยะทางยาวพอสมควร เพราะตอนส่งออกจากโค้งแรกด้วยต้นเกียร์สามทีี่รอบเครื่องยนต์ประมาณ 5000 รอบ/นาที ความเร็วก็น่าจะไม่เกิน 90 กม/ชม และต้องวิ่งผ่านทางโค้งซ้ายที่ใช้ความเร็วได้อยู่ช่วงหนึ่งแล้วก็ต้องลดความเร็วลงมาเพื่อเข้าโค้งรูปส้นเท้าหมายเลข 2 ซึ่งโค้งนี้ใช้ความเร็วได้ไม่มากนัก โดยเฉพาะรถของผมซึึงคันใหญ่ น้ำหนักมากและเป็นรถขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าจะเสียเปรียบรถอื่นที่โค้งนี้และโค้งมุมแหลมหรือรูปปลายเท้าที่เรียกกันว่า แฮร์พินเป็นอย่างมาก เนื่องจากอุปนิสัยเฉพาะตัวของรถที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าคือ หน้าจะดื้อโค้ง เวลาเลี้ยวเร็ว ๆหนั้าจะแหกออกนอกโค้ง เราเรียกอาการนี้ว่า understeer แก้ได้ด้วยการยกคันเร่งให้ความเร็วลดลง (ลืมเรื่องการดึงเบรคมือให้ท้ายสไลด์ได้เลย เพราะชูบารุเบรคมือควบคุมที่ล้อหน้า และไม่มีเวลาจะมาทำแบบนั้นในการแข่งลักษณะนี้ด้วย) ส่วนรถขับเคลื่อนล้อหลังจะมีอาการท้ายปัดเมื่อเข้าโค้งแรง ๆเรียกว่า oversteer วิธีแก้ก็โดยการหักพวงมาลัยไปด้านตรงข้ามทิศทางที่เลี้ยวทันทีหรือก่อนที่จะมีอาการปัดเล็กน้อยแล้วควบคุมคันเร่งให้พอดี

ที่โค้งสองนี่โดยรวมแล้วแทบจะทำอะไรกันไม่ได้เลยแต่จะมาเริ่มตีรวนกันได้ในโค้งยาวก่อนถึงโค้งสาม สำหรับรถที่ออกมาจากแฮร์พินได้รวดเร็วกว่าจะสามารถเร่งเครื่องยนต์ลากเกียร์จนสุดเกียร์สองได้สบายจนถึงต้นเกียร์สาม และก็ต้องมาถอนคันเร่งกันก่อนเข้าโค้งที่สามเพื่อลงเกียร์มาเป็นเกียร์สอง ก่อนที่จะลากเกียร์กันสุด ๆและเปลี่ยนเป็นเกียร์สามได้ที่ช่วงกลางระหว่างโค้งที่สามกับตัวเอสที่สี่ ซึ่งจุดนั้นจะมีแอ่งหลุมอยู่เป็นประจำหลังจากแข่งไปได้สักห้าถึงสิบรอบเพราะยางล้อรถจะขุดลูกรังออกไปเนื่องจากทุกคันจะใช้ไลน์วิ่งเดียวกันหมดแล้วก็มาลงเกียร์สองที่ก่อนจะเข้าโค้งห้า หรือที่เรียกกันว่าโค้ง ไออาร์ซี ซึ่งเป็นโค้งที่ขับมันที่สุดในสนามเพราะอยู่ใกล้อัศจรรย์ สไลด์โค้งได้สวยงามประทับใจคนดูเป็นอย่างยิ่ง ออกจากโค้งที่ห้าเข้าโค้งหกนี่ประมาณว่ากลางเกียร์สองตอนออกโค้ง ก็ความเร็วอยู่ที่ประมาณ 60น่าจะได้แล้วก็เปลี่ยนเป็นเกียร์สามวิ่งไปเข้าโค้งที่เจ็ดโดยเชนเป็นเกียร์สองที่ประมาำณ 6000รอบ/นาที่ ความเร็วก็อยู่ที่ 90กม./ชม. พอออกจากโค้งนี้ก็ใช้เกียร์สามลากมาถึงโค้งสุดท้ายก่อนเข้าทางตรง ความเร็วตรงนี้อยู่ที่ประมาณ 120 ที่ปลายเกียร์สามแล้วก็จะต้องตบลงเกียร์สองอีกครั้ง เพื่อเข้าโค้งและออกโค้งที่สุีดเกียร์สองความเร็วที่ปลายโค้งประมาณ 110 กม./ชม.




คู่กัดตลอดกาลระหว่าง ซูบารุ เอฟเอฟวัน และ และแลนเซอร์


ทั้งหมดที่เล่ามานี้ก็โดยประมาณทั้งนั้นนะครับ เพราะเวลาแข่งนั้นสำหรับผมจะดูวัดรอบอย่างเดียวเท่านั้นเพื่อถนอมเครื่องยนต์และเพื่อให้เปลี่ยนเกียร์ในตำแหน่งที่เครื่องยนต์ให้แรงม้าสุงสุดเท่านั้น เวลาแข่งจริง จะมานั่งฟังเสียงเครื่องค่อนข้างยากเพราะรถแข่งข้าง ๆก็เสียงดังกลบกันหมด ต้องในตาดูเอา ส่วนความเร็วที่บอกไปนั้นได้มาจากการคำนวณทั้งสิ้น และในระหว่างการแข่งขันรอบต่อ ๆไปความเร็วที่สุดทางตรงแรกจะอยู่ที่ประมาณ 140กม./ชม. ไม่ใช่เหมือนตอนออกสตาร์ทจากกลางสนามซึ่งจะทำความเร็วสุดทางตรงได้เพียง ไม่เกิน 120 กม./ชม/ และความเร็วหารเฉลี่ยต่อรอบสนามแข่งความยาว 3.5 กม. ของรถรุ่นเล็กที่แข่งที่นี่จะอยู่ที่ไม่เกิน 80 ส่วนรุ่นใหญ่อยู่ที่ไม่เกิน 90 กม./ชม.

ในรอบแรกนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งกันมากก็รถแข่งที่อยู่กลาง ๆกลุ่มนี่ละครับ ใครที่ใจถึงดำฝุ่นเก่งหน่อยก็จะได้มาข้างหน้าแทนปลาซิวปลาสร้อยที่ต้องคล้อยหลังไปตามธรรมเนียม และก็ยากที่จะได้ขึ้นมาด้านหน้าอีก ผิดกับกลุ่มแรก ๆนั้นจะมันมาก อันดับที่หนึ่งถึงสามหรือสี่นี่จะอัดกันอุตลุดอยู่พักใหญ่แต่ก็ไม่เกินสองสามรอบเพราะฝุ่นที่หนาแน่นจะทำให้รถค่อย ๆถูกทิ้งห่างโดยอัตโนมัติ ส่ีวนใหญ่พวกที่จี้ติดก้นกันนี่จะแซงกันได้ก็ในสองสามรอบแรกเท่านั้น เรียกว่าไฟลนก้นแล้วคันหน้าอย่าพลาด เพราะถ้าพลาดโดนแซงได้ก็เอาคืนลำบาก เว้นแต่กรณีที่รถแรงต่างกันแบบชัดเจนเท่านั้น


การแข่งขันในเที่ยวนั้นจะต้องวิ่งรอบสนามทั้งสิ้นยี่สิบรอบ รู้สึกว่าผมจะเสียหลักหมุนไปประมาณสองครั้ง ที่ก่อนเข้าโ้ค้งที่สามและในโค้งที่สาม ซึ่งความเร็วที่ใช้ก็พอประมาณแต่จะติดปัญหาตรงที่ว่ายังไม่รู้หลักในการเข้าโค้งที่ถูกต้องมากกว่า เพราะลักษณะโค้งจะเป็นเหมือนยูเทิร์นและความเร็วตอนเข้าก็ค่อนข้างสูง และเท่าที่จำได้ในการแข่งครั้งแรกนั้นผมจะถูกแซงไปสักสองสามครั้ง ซึ่งก็น่าจะเป็นรถที่ได้อันดับหนึ่งสองสามนั่นเอง เพราะกลุ่มหน้าที่ไล่ออกกันไปก่อนนี่ตอนจบรอบแรกก็จะห่างกลุ่มหลัง ๆไปตั้งเกือบหนึ่งในสามของระยะทางรอบสนามแล้วเนื่องจากฝุ่นทึบที่ว่าไว้ตอนต้นนั่นเอง และระหว่างที่แข่งอยู่นั้นไม่นับตอนออกสตาร์ทที่ผมแซงขึ้นมาได้สองสามคัน ก็อาจจะแซงขึ้นหน้าได้มาอีกคันหรือสองคันนีแหละ มันชุลมุนและค่อนข้างสับสนครับ สงสัยเมาฝุ่นมั้ง



รถแข่งกาแล้นท์ 16 L ของเคนจิโร ไมด้า ที่ได้ตำแหน่งที่ 3


ตอนที่จบการแข่งขันใหม่ ๆนั้น ผมก็รู้สึกเฉย ๆไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ก็แค่สะใจที่ได้ลองแล้ว และก็นึกในใจว่าคราวหน้าต้องมาใหม่ เอามันให้ได้ดีกว่าเที่ยวนี้ ตอนที่เขาประกาศผลผู้ชนะมานี่สิมีเฮ เพราะเราดันติดที่ห้า แต่ห่วยตรงที่ถ้วยรางวัลมันดันมีแค่ที่สี่ ใครๆ ก็งงนะ สงสัยคงโดนมือดีเอาถ้วยไปซื้อโอเลี้ยงกินแน่เลย งานนั้นก็เลยได้แต่ตำแหน่งแต่ไม่มีโพเดี้ยมให้ยืน ก็ดูรูปเอาเองก็แล้วกัน รับรางวัลกันสี่คนแล้วเราหายไปไหนล่ะ เป็นใคร ก็คงต้องฉุนนะ แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรหรอก รู้ผลก็ดีใจแล้วและทำให้มีกำลังใจขึ้นอีกโขว่ามันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนักหนานะ เที่ยวหน้ามาใหม่ต้องดีกว่านี้แน่นอน




ตำแหน่งที่หนึ่งคือ ปรีดา จุลละมณฑล ที่สองพญาแรด กมล จันทร์เพ็ญประสาน (ผู้หนึ่งที่ทำให้ผมได้ก้าวเข้ามาในวงการนี้) ที่สาม คือเคนจิโร ไมดะ และที่สี่คือ สมชาย จันทร์เพ็ญประสาน(ขวามือสุด) อันดับที่ห้าดวงจู๋คือ ผมเอง ไม่มีรูปด้วย ถ้วยโดนขโมยไปใส่โอเลี้ยงครับ ๕๕๕


ที่รู้แน่ ๆคือเสร็จงานแข่งงานแรกนี้กลับมาบ้านจะนอนไม่ค่อยหลับอยู่หลายคืน คิดแต่ว่าทำอย่างไรถึงจะขับได้เร็วขึ้น เราผิดพลาดตรงไหนบ้าง เวลาควอลิฟายควรทำอย่างไร เรียกว่าหายใจเข้าออกก็เป็นแต่รถแข่ง แข่งรถเท่านั้น ส่วนตัวรถนี่สีถลอกปอกเปิกจากรอยหินเพียบ ดีที่กระจกหน้ายังไม่แตก ก็เอาไปฝากอู่ญาติที่เป็นเพื่อนไปแข่งด้วยกันนี่เองนายฮั้ว บอกแม่ว่ารถเอาไปทำสี แล้วก็รอวางแผนสำหรับเดือนหน้าต่อไป


อยากจะบอกว่าคราวหน้านั้นถึงจะยังไม่ชนะได้ที่หนึ่ง แต่ก็เป็นผลพวงสำคัญมากที่ทำให้ผมดื้อด้านจะไปคว้าตำแหน่งมาจนได้ และก็ทำเซอร์ไพรส์ให้กับวงการด้วยความแรงที่ฉุดไม่อยู่ ก็ติดตามกันต่อไปนะครับ




รักและความทรงจำ ที่มีเพียงครั้งเดียวในชีวิตและจะไม่มีวันจางหายไป....คลิ๊ก
  • เป็นปลื้มที่สุด พี่น้อง bloggang





  • Create Date : 20 พฤษภาคม 2554
    Last Update : 1 มิถุนายน 2555 14:18:44 น. 8 comments
    Counter : 3775 Pageviews.

     
    ความพยายามอยู่ที่ไหน ถ้วยชัยรออยู่ที่นั่น

    วันนี้ อ่านข้อความต้องเพ่ง ที่จริงตัวอักษรก็ใหญ่ สีก็เข้ม


    แต่ BG สีเทา ขาว แย่งซีนไม่น้อย

    หากคนอื่นชอบก็ทำแบบนี้ต่อ ลองฟังความเห็นคนข้างล่างครับ



    โดย: yyswim วันที่: 28 พฤษภาคม 2554 เวลา:20:24:55 น.  

     
    แวะมาอ่านค่ะ
    แต่สีตัวหนังสืออ่านยากมากค่ะ
    สว. กลัวจะลายตา ตาลาย
    พรุ่งนี้แวะมาใหม่นะคะ


    โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 29 พฤษภาคม 2554 เวลา:4:34:03 น.  

     

    สว้สดีค่ะ คุณน้อง

    แล้วพี่จะอ่านออกไม้เนี่ย ม้นตาลายไปหมดน้า

    โอขอบคุณที่ชมหรือบ่นไม่รุ้นา บอกพี่น้อยสั่งสอนเชัาเย็นน่ะ

    ก็แค่ให้รักษาสุขภาพ จะได้มีความสุขไงน้องจ๋า


    โดย: newyorknurse (newyorknurse ) วันที่: 31 พฤษภาคม 2554 เวลา:17:44:55 น.  

     
    แวะมาอ่านค่ะฝากเว็บหน่อยนะค่ะรถมือสอง


    โดย: secondcar (loveyoupantip ) วันที่: 30 กรกฎาคม 2554 เวลา:18:22:01 น.  

     


    โดย: pest (loveyoupantip ) วันที่: 14 สิงหาคม 2554 เวลา:1:58:11 น.  

     
    แวะมาอ่านblogค่ะsbo


    โดย: xmk (ponglds ) วันที่: 25 มีนาคม 2555 เวลา:9:40:08 น.  

     


    โดย: dc1lifesyle (ponglds ) วันที่: 6 เมษายน 2555 เวลา:20:08:25 น.  

     
    เพิ่งได้มาอ่านเจอครับ อ่านแล้วความทรงจำเก่าๆ หลายฉากที่ลืมไปบ้างแล้วก็กลับมาใหม่ เขียนได้สนุกดีครับ
    ผมเองก็เคยเป็นกรรมการจับเวลาคนนึงของสนามเอเซียน่าตั้งกะเปิดสนามวันแรก จนปิดตัวเองลงในที่สุด มีเพื่อนใช้ซูบารุลงแข่งที่สนามเอเซียน่าด้วยคือ (วิบูลย์)ดำ สุดสายสาคร เจ้าของอู่สีที่สุทธิสาร จำได้ว่าในกลุ่มเขา มีอีกคนชื่อ เฮง แต่นึกหน้าไม่ออก


    โดย: อึดอัด IP: 61.19.51.158 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:11:05:12 น.  

    ชื่อ :
    Comment :
      *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
     

    find me pr
    Location :
    กรุงเทพฯ Thailand

    [ดู Profile ทั้งหมด]

    ฝากข้อความหลังไมค์
    Rss Feed
    Smember
    ผู้ติดตามบล็อก : 61 คน [?]






    :เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก


    :ขอบคุณอุปสรรค ที่ทำให้เราแกร่ง


    :ขอบคุณทุกชีวิต ที่ช่วยแต้มเติมสีสรร


    :ให้โอกาสคนที่ด้อยโอกาส เป็นมหากุศล


    :อดีตกลับไปแก้ไขไม่ได้ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด


    :ความผิดพลาดมักเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จ





  • กลับเข้าหน้าหลัก........find me pr
  • เริ่มนับวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๕ Free counters! *
  • Group Blog
     
    <<
    พฤษภาคม 2554
    1234567
    891011121314
    15161718192021
    22232425262728
    293031 
     
    20 พฤษภาคม 2554
     
    All Blogs
     
    Friends' blogs
    [Add find me pr's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.