อากาศหนาวๆ และฟ้าแจ่มๆอย่างนี้ใจมันร่ำร้องอยากขึ้นดอยๆ เป็นกันบ้างมั้ย ^^
ยิ่งเป็นดอยที่ได้ชื่อว่า สูงที่สุดในไทยนั้นอยากไปปีนกันป่ะคะ
ดอยผ้าห่มปก มีความสูงถึง 2,285 เมตร เป็นอันดับสองของไทยรองจากดอยอินทนนท์ ที่มีความสูงถึง 2,600 เมตร
จากจุดกางเต้นท์ ก็เดินเท้าขึ้นไปกลับ 7 กิโลเมตรเท่านั้นค่ะ
ซึ่งเป็นการเดินขึ้นทางชันๆ และเวลามืดด้วยเริ่มตี 4 ฟ่าๆ เอ้ง 🍃 ไปฝ่าลมหนาว รอแสงเช้า บนดอยผ้าห่มปกด้วยกันเหอะ !!
ในหนาวนี้
ดอยผ้าห่มปก จังหวัดเชียงใหม่
การเดินทางครั้งนี้ เราเริ่มจากท่าอากาศยานดอนเมืองค่ะ บินนกแอร์ไปลงเชียงใหม่
และเช่ารถยนต์จากที่นั่น มุ่งหน้าไปยัง อ.ฝาง จังหวัดเชียงใหม่
ห่างจากตัวเมืองราวๆ 3 ชั่วโมงกว่าๆ นับว่าไกลเอาเรื่องเหมือนกันนะคะ
ไกลไม่พอ ถนนหนทางสูงชันไต่ดอยด้วยนี่สิ มีเสียวเป็นระยะๆ อีกแน่ะ
แต่ ระหว่างทางขอพักจัดการกับของโปรดเรากันก่อนเลย
ขนมจีนน้ำเงี้ยว ร้านไหนก็ได้ค่ะข้างทางนี่แหละ อาศัยถามชาวบ้านแถวนั้นเอาว่าร้านไหนขายน้ำเงี้ยวบ้าง 555
มื้อนี้จึงรองท้องกันไป 2 ชาม และขับรถมุ่งหน้าสู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก( ตรงบ่อน้ำพุร้อนฝาง )
ดอยผ้าห่มปก หรือ ดอยฟ้าห่มปก (คนท้องถิ่นเรียก ดอยผาหลวง) เป็นยอดเขายอดหนึ่งบนเทือกเขาแดนลาว
มีความสูงถึง 2,285 เมตรค่ะ เดิมอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ฝาง ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกแทน
หากจะขึ้นมากางเต้นท์บนนี้ต้องไปติดต่อที่ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก( ตรงบ่อน้ำพุร้อนฝาง ) ก่อนนะคะ เพื่อชำระค่าธรรมเนียม
และเหมารถเช่ารถโฟล์วิลเท่านั้น ขึ้นไปดอยผ้าห่มปกกัน
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ ผู้ใหญ่ 40 เด็ก 20 รถยนต์เล็ก 50 ฝากรถไว้ได้ทั้งที่บ่อน้ำพุร้อนฝางค่ะ
ค่าธรรมเนียมเหมารถไปกลับอยู่ที่ 1800 เรามาช่วงเทศกาลท่องเที่ยวด้วย มีนักท่องเที่ยวเตรียมขึ้นกันเยอะ
ทางทีดีคือโทรจองก่อนนะคะ กันพลาดจะได้มีรถขึ้นข้างบน เบ็ดเสร็จเราจ่ายคนละ 200 บาทค่ะ
จากนั้นก็แยกสัมภาระลงกระเป๋าใบเล็กที่จำเป็นนั่งรถขึ้นสู่ดอยผ้าห่มปกกัน ใน ระยะทาง 13.4 กิโล ใช้เวลาขับรถประมาณ 15 นาที
เพราะทางค่อนข้างชันมาก บวกกับถนนเป็นลูกรัง บางช่วงจะเป็นทางแคบสวนทางกันยากนิดนึงนะคะ
จุดชมวิวทิวสน
ระหว่างทางไปดอยผ้าห่มปก รถจอดแวะตรงนี้ค่า เป็นจุดชมวิวที่สวยมากแห่งหนึ่ง
มาถึงตอนเย็นช่วงแสงกำลังลงพอดี ก็จะนุ่มนวลแบบนี้หน่อย
โอ้เอ้กันอยู่สักครึ่งชั่วโมงก็นั่งรถไปกันต่อ ณ ที่ลานกางเต็นท์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย
ชื่อลานกางเต็นท์กิ่วลมค่ะ
แต่ช้าก่อนนะ วิ่งไปเลือกหาเต้นท์ที่ชอบ ทำเลดีดีก่อนค่า ว่าต้องการเต้นท์หลังไหน
สำหรับเราคือ ขอเต้นท์ที่เดินไปห้องน้ำสะดวก และเดินไปจุดอื่นๆ สะดวกดีสุดล่ะ
จากนั้นก็ พากันไปที่ศูนย์บริการนักท่ องเที่ยวดอยผ้าห่มปก เพื่อติดต่อเช่าเต้นท์ และอุปกรณ์ต่างๆ กันนะคะ
หอบอุปกรณ์กันหนาวมาแล้ว จัดการปูเตรียมไว้ก่อนค่า
อัตราค่าเช่า เต็นท์ 225 บาท/หลัง (หลังหนึ่งนอนได้ 2-4 คน), หมอนใบละ 10 บาท, ถุงนอน 30, แผ่นรองนอน 20,
ผ้าห่มนวม 60 เรานี่เอาทุกอย่างเลย 555 กันหนาวไว้ก่อน แต่นอนแล้วอุ่นมากๆ เต้นท์นี่ประทับใจ หลังใหญ่ดีค่า
ชอบที่เต้นท์สูงดี เวลาลุกขึ้นยืนหัวไม่ชนกะเต้นท์ด้วย
เคยนอนเต้นท์หลังเล็กนิดเดียว ยัดนอนกัน 3 คน ลุกยืนก็ไม่ได้ต้องคลานออกออกมาอย่างเดียวค่ะ
เช้ามาที่จำได้ดีคือ ตัวเปียกหัวเปียกด้วยน้ำค้างเยอะเลยแหละ 555 นับแต่นั้นมาก็กลัวกับการนอนเต้นท์มาก
แต่มาครั้งนี้กลับเปลี่ยนความคิดเราไปได้มาก เมื่อเจอเต้นท์ใหญ่และดี พร้อมอุุปกรณ์แบบนี้ ให้นอนเป็นอาทิตย์ก็เอาน่ะ ^^
ณ เวลานั้นคือเย็นแล้ว พระอาทิตย์ใกล้ตก ต้องมาชมพระอาทิตย์ตกกันที่ ลานชมวิวกิ่วลมค่ะ
รอบๆ ตัวเราจะมีต้นสนสูงล้อมไปมา ยิ่งดวงพระอาทิตย์กำลังลาลับทับกับใบต้นสนนั้น สวยไปอีกแบบ
จริงๆมีจุดชมพระอาทิตย์ตกมุ มอื่นอีกนะคะ แต่เราไม่ได้ไป
เราเลือกปักหลักที่เดียวด้ว ย เวลานั้นนะเหรอ ยุงหามแล้วจ้า หาทางหลีกหนีกันก่อน
บอกเลยว่า อุณหภูมิบนนี้ประมาณ 7-8 องศา และลมแรงมากกกก
เอาล่ะค่ะ บนนี้มีเพิงขายอาหารตามสั่งด้วยนะคะ สะดวกมาก ทั้งอาหารและเครื่องดื่มมีบริการให้นักท่องเที่ยวแล้วราคาไม่ได้บวกไรมากมาย
ถือว่า อิ่มได้ในจานเดียว
ตีสี่แล้ว ได้เวลาเดินไนท์เทรลขึ้นพิชิตยอดดอยผ้าห่มปกกันค่ะ
เจ้าหน้าที่จะเป่านกหวีดและเรียกมารวมพลตรงทางขึ้น และพากันเดินตามแถวเป็นชุดๆ ขึ้นดอยไป
โดยทางขึ้นดอยผ้าห่มปก มีจุดเรียกชื่อด้วยกัน 8 จุดด้วยกัน
ระหว่างเดินเราไม่ได้ถ่ายรูปนะคะ มันมืดมาก ต้องเอาตัวรอดให้ได้ก่อน เพราะมองทางไม่ค่อยเห็นต้องอาศัยแสงไฟคาดหัวเอา 555
และจุดที่สอง ก็ดันเป็นจุดที่เหนื่อยมากด้วยสิ เรียกว่า ม่อนวัดใจ ทั้งชัน ทั้งแคบหินพื้นดินสารพัด
วันนั้นเราเดินนะ ทั้งลื่น ทั้งเหนื่อยอ่ะ คิดดู
ภาพล่างนี้คือ อยู่บนยอดดอยผ้าห่มปกแล้วนะ แต่หมอกฟุ้งมาก
นี่นั่งอาลัยตายอยากก่อนว่า ตรูดั้นด้นขึ้นมาชมอะไรกันแน่วะ 555
ดอกไม้บนดอยนี่เห็นเยอะนะคะ
แต่ถ่ายรูปแทบไมไ่ด้เพราะลมแรงมากก ได้แต่ดูด้วยสายตา
บนนี้จะมีดอกชมพูพิมพ์ใจ สีชมพูดๆ แต่เราถ่ายดอกอื่นมาแทน 555
มามายินดีกะเราหน่อย ในที่สุด เราก็มายืนอยู่กับป้ายบนจุดที่สูงที่สุด เป็นอันดับสองของไทยแล้ว
ในระดับความสูงที่ 2,285 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง
เมื่อผิดหวังจากหมอกฟุ้ง และไม่มีทีท่าว่าจะจางลงในเช้านี้ ก็พากันเดินกลับลงไป
ทางลงก็ชันมากค่ะ เพราะขึ้นมาแทบจะปีน ลงนี่ก็แทบจะกลิ้งเลยก็ว่าได้ 555
ฟ้าสาง สว่างแล้ว
ระหว่างทางเดินกลับเต้นท์ ได้มีโอกาสเห็นต้นไม้ใหญ่ๆ ภายใต้ป่าที่ปกคลุมไว้ด้วย
เพราะตอนที่เราขึ้นมานั้นมืดมาก มองไม่เห็นไรเลย นอกจากแสงไฟฉายบนปลายทาง
แม้จะลงเป็นคนท้ายๆ แต่ก็มีเจ้าหน้าที่อุทยาน เดินปิดท้ายอีกที พร้อมกับน้องมะหมาที่น่ารักมากกก
เดินขึ้นบน ลงดอยพร้อมกับเราอย่างแข็งแรง
หมายังไม่เหนื่อยเลย แล้วเราจะเหนื่อยให้อายหมาได้ไง 555
ตอนลงดอยมาจะซื้อข้าวให้สักกล่องเป็นรางวัลซะหน่อยไม่ได้
นางเดินหายไป หาไม่เจอล่ะ ><
กับอีกหนึ่งประสบการณ์เดินเทรลดอยป่าของเรา ที่ก่อนหน้านั้นเราได้เข้าฟิตเนสออกกำลังกายมาก่อนระยะหนึ่งแล้ว
ทำให้การเดินทางในครั้งนี้ ไม่เหนื่อยมาก หากร่างกายเรายังไหว ก็ไปกันเหอะค่ะ
ไปพิชิตกัน ดอยผ้าห่มปก ดอยที่สูงอันดับสองของไทย !
โลกนี่มีไว้เดินนะ โลกไมไ่ด้มีไว้แบก อิอิ