Bloggang.com : weblog for you and your gang
Movie Review by negima
Group Blog
Review เล่าเรื่องจากหนัง
Review ซี่รี่ย์ญี่ปุ่น
Review หนังแผ่น
Review อันดับหนังต่างๆ
Review หนังเก่าหยิบมาดู
<<
กุมภาพันธ์ 2552
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
10 กุมภาพันธ์ 2552
The Curious Case of Benjamin Button - "ไม่ว่านาฬิกาจะเดินไปทางไหน สักวันมันก็ต้องหยุดอยู่ดี"
All Blogs
Final Destination 5 - “โกงกี่ครั้งก็ยังตาย (ยาก) !”
One Day - "วันเดียวที่ชีวิตจะสมบูรณ์และสวยงามในความทรงจำตลอดไป"
Bad Teacher "ครูสาวสวยเกรด A กับความแรงส์แสบแจก F (**k) กระจาย"
Larry Crowne - "ชีวิตไม่เคยมีคำว่าสายที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง"
[วิเคราะห์ฉบับจัดเต็ม] Rise of the Planet of the Apes - "10 ข้อจากจุดเริ่มต้นวิบัติวานรยึดโลก ! ! "
Horrible Bosses "แผนเชือดบอสสุดฮาที่มาพร้อมเสียงหัวเราะคำโตที่หาไม่ได้บ่อยนัก !"
Captain America:The First Avenger - "จิตใจเป็นต่อ ความแกร่งเป็นรอง กับอเวนเจอร์คนแรกของโลก !"
Hanna - "เหี้ยมบริสุทธิ์ขนานแท้ที่พร้อมสังหารผู้ชมให้ตายคาจอ !"
The Lost Bladesman : สามก๊ก เทพเจ้ากวนอู – "แอกชั่นเยี่ยมแฝงแง่คิดจาก 3 ก๊กที่แปลกตากว่าที่เคย !"
HP 7.2 - "ศึกสุดท้ายกับภาคที่เข้มข้นสมบูรณ์แบบที่สุดใน Harry Potter !"
The Conspirator - "เมื่อเสียงปืนดัง กฏหมายต้องเงียบ !"
Green Lantern "ชนะความกลัวด้วยใจมุ่งมั่น และ ความลงตัวที่หายไปจากจอ !"
Insidious - "มันตามเรามาทั้งชีวิต ! (เราอาจลืมเลือน แต่มันไม่เคยเลิก !)"
Super 8 "อดีตมีไว้พลักดันให้ชีวิตก้าวต่อไป กับ งานไซไฟ-ดราม่าแห่งปี 2011!"
X-Men: First Class "สงครามนี้สันติไม่เคยเป็นตัวเลือก กับ ปฐมบทสงครามมนุษย์กลายพันธุ์ !"
Kung Fu Panda 2 "กังฟูมันส์ ดราม่าเยี่ยม ครบเครื่องอนิเมชั่นที่เจ๋งกว่าภาคแรก !"
The Hangover 2 "Wolf Pack is Back ! ชีวิตจะมีความหมายอะไรถ้าคุณไม่รู้จักวิธีใช้มันให้เป็น !"
Pirates of the Caribbean : On Stranger Tides "สิ่งสำคัญไม่ใช่จุดหมาย แต่อยู่ที่ระหว่างทาง !"
Priest "ศึกนักบวชพิฆาตปะทะแวมไพร์ที่ผลลัพท์เป็นกลาง"
Something Borrowed "บางทีคนเราควรลองฟังเสียงเล็กๆในใจสักครั้ง"
Fast Five "Action-Racing ยอดเยี่ยมแห่งปี ! แอกชั่นมันส์ที่สุดเท่าที่หนังสักเรื่องจะทำได้"
Thor - "หนังซุปเปอร์ฮีโร่เทพเจ้าสายฟ้าแห่ง Marvel ที่เยี่ยมสมการรอคอย"
Battle: Los Angeles "เรา(นาวิกฯ)จะสู้เพื่ออะไรในวันที่โลกถูกยึด !!"
SCREAM 4 - "กฎของการรีเมค คือ อย่าดูถูกฉบับดั้งเดิม !! กับหนังสยองไล่เชือดที่สมการรอคอย"
Source Code "แฝงร่างไม่แฝงจิต"
Beastly "ถ้าตกหลุมรักใครสักคน คำว่าอัปลักษณ์จะไม่มีในหัวใจคุณ"
Blue Valentine "เมื่อคนที่คุณรักมากที่สุดจะเป็นเพียงคนเดียวที่คุณเกลียด"
"The Green Hornet" - 7 ข้อเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ควรรู้ก่อนไปชมหนังแอกชั่นคู่หูแห่งปีเรื่องนี้
Hereafter "โลกหลังความตาย แท้จริงแล้วคือชีวิตเราที่ยังคงอยู่และดำเนินต่อไป"
Easy A - หนังวัยรุ่นแรงส์โดนใจแห่งปี กับ 10 ข้อที่คน(อยาก)แรงส์ไม่ควรพลาด !!
The Social Network ในโลก(ออนไลน์)ไม่มีทางทีคุณจะสร้างเพื่อนโดยไม่มีศัตรู กับภาพยนตร์ยอดเยี่มแห่งปี
กระดึ๊บ - "หนังแหวกแนวคั่นเวลาจากค่าย GTH ที่ท่าจะดี แต่เหลวโดยสิ้นเชิง !?"
Skyline - "เมื่อมนุษย์หยุดมองขึ้นฟ้า กับ ข้อเด่น - ด้อยและข้อสงสัยในมหาสงครามดูดโลก !!!"
Sammy's Adventures - "สนุกไปกับ ต.เต่าจอมซ่าส์ในอนิเมชั่น 3D ที่ทะลุจอ 100% ทั้งเรื่อง !"
Grown Ups - "ภาพยนตร์ตลกของเหล่ารุ่นใหญ่วัยกลับแฝงสาระที่ฮาที่สุดแห่งปี 2010 !!!"
Resident Evil: Afterlife - "ระห่ำฝ่าฝูงซอมบี้แบบทะลุจอไปกับ RE ภาคที่มันส์ที่สุด !"
กวน มึน โฮ - "เมื่อเวลาที่เราอยู่ด้วยกันบ่งบอกตัวตนเราได้ดีกว่าสิ่งใด แล้วชื่อนั้นจะสำคัญไฉน !?"
สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก - "ความรักทำให้คนเปลี่ยนแปลง แต่ความรู้สึกรักไม่เคยเปลี่ยน"
Step Up 3D - "เนื้อเรื่องเดาทางได้ แต่จะสนใจไปทำไมในเมื่อคุณตีตั๋วเข้าไปดูสเต็ปการแดนท์เท่านั้น!"
KICK ASS - "มันส์สาด กราดกระสุนเต็มขั้นไปกับหนังฮีโร่ที่ !#@# โครตเจ๋งเลย ให้ตายเหอะ !!!"
Chloe -"เมื่อโลกใบนี้ไม่ได้มีเราแค่สองคน...ร้อนแรงบาดอารมณ์ไปกับผู้หญิงร้ายเพราะรักชื่อ โคลอี้ !"
Percy Jackson – “สายฟ้าหายไป แต่ ความบันเทิงยังอยู่ครบ กับเทพนิยายกรีกเวอร์ชั่นเด็กแนว"
From Paris with Love - คู่ระห่ำ ฝรั่งแสบ แอกชั่นมันส์วินาศสันตะโรทะลวงปารีสไปกับทีมผู้สร้าง Taken"
Cloudy with a Chance of Meatballs เมื่ออาหารหล่นลงมาจากฟ้า กับ อนิเมชั่น 3D ที่ฮา + หิว ทะลุจอ
New York, I Love You เมืองวุ่นรัก คนวุ่นวาย 10 ผลงานละเมียดอารมณ์ชิ้นล่าสุดต่อจากParis je taime"
Trail of the Panda- “(ขอโทษครับ) เพื่อนผมเป็นหมีแพนด้า ... หนังหมีแพนด้าซึ้งๆ สไตล์ วอลท์ ดิสนี่ย์"
Transformers: Revenge of the Fallen มหึมาสงครามแค้นแห่งความมันส์ที่ส่วนเด่นดีขึ้นแต่ข้อเสียคงเดิม"
Blood: The Last Vampire หนังแวมไพร์บู๊เลือดสาดฉบับยัยตัวร้ายที่เด่นในการแสดงแต่เหลวในความบันเทิง"
Drag Me to Hell - ความสยองอันยิ่งใหญ่ ที่มาพร้อมกับความบันเทิงที่ใหญ่ยิ่ง โหดมันส์ฮาสไตล์Sam Raimi
Terminator Salvation - สงครามมนุษย์กับจักรกลที่มันส์สุดขีด และคารวะต่อหนังคนเหล็กสองภาคแรก"[ภาคจบ]
Terminator Salvation - สงครามมนุษย์กับจักรกลที่มันส์สุดขีด และคารวะต่อหนังคนเหล็กสองภาคแรก"[ภาคต้น]
Angels & Demons - "ไขปริศนาแห่งศรัทธาครั้งใหม่ ที่ ขึงขัง มากกว่าครั้งก่อน"
Star Trek - "การกลับมาที่ ยอดเยี่ยม ของ Sci-Fi Adventure อันดับ 1 ตลอดกาล"
X-MEN Origins: Wolverine - "ก้าวแรกของภาคแยกที่เอฟเฟ็กเต็มตา แต่เนื้อหายังไม่เต็มอารมณ์"
Shinjuku Incident ตระกูลใหม่ของหนังเฉินหลง (ความใหญ่ครั้งนี้อยู่ที่ใจไม่ใช่ที่ตัว)
Outlander - "ไซไฟ ไวกิ้ง ปะทะมังกร ที่เจ๋งทั้งแนวคิดและการผูกเรื่อง"
The Wrestler - "เมื่อโลกของเธอไม่เหมาะกับคนอย่างฉัน"
The Curious Case of Benjamin Button - "ไม่ว่านาฬิกาจะเดินไปทางไหน สักวันมันก็ต้องหยุดอยู่ดี"
Red Cliff 2 - "สามก๊ก โจโฉแตก (หื่น) อลังการปิดฉากศึกผาแดง"
"Yes Man" - ชีวิตเปลี่ยนได้เพียงปากตอบรับ และ ใจเปิดกว้าง
"TRANSPORTER 3" - คนแหกกฎ กับ ภารกิจแหกระห่ำ
"IKIGAMI สาส์น-สั่ง-ตาย" - จากการ์ตูนฮิต สู่หนังเนื้อหาเข้ม
"Australia" - ยิ่งใหญ่ และ ตรึงอารมณ์ ส่งท้ายปี 2008
"Twilight" - หนังผีแวมไพร์ที่โรแมนติกที่สุดในโลก
Painted Skin พลิกตำนาน โปเยโปโลเย - "ไม่ว่าจะเป็นคนหรือปีศาจ ข้าก็จะรักเจ้าตลอดไป"
Tropic Thunder - "หนังแอคชั่น-คอมเมดี้ กับความบันเทิงที่ไม่ได้เห็นมานาน"
"Max Payne" - "เขาไม่เชื่อในสวรรค์ แต่เชื่อในความเจ็บปวด เชื่อในความกลัว..."
Eagle Eye [แผนสังหารพลิกนรก] - "คุณไม่ต้องตามหา เพราะเราอยู่ในทุกๆที่"
Cyborg She - แม้บอกรักไม่ได้ แค่เพียงเธอรับรู้ถึง "หัวใจ" ชั้นก็พอแล้ว
The Dark Knight - "Why so serious ?" อัศวินรัตติกาล และสุดยอดการแสดงที่ทรงพลังของ "ฮีธ เลดเจอร์"
Wanted ฮีโร่เพชฌฆาตสั่งตาย "ลิขิตเอง หรือ ชะตาสั่ง"
Elizabeth The Golden Age
Definitely , Maybe หนุ่มว้าวุ่น ลุ้นรักแท้
The Happening "ครั้งนี้ ไร้การเตือน....ไร้สัญญาณ"
[REC] "ถ่ายไว้ให้หมด......คนข้างนอกนั่นต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ !!"
The Curious Case of Benjamin Button - "ไม่ว่านาฬิกาจะเดินไปทางไหน สักวันมันก็ต้องหยุดอยู่ดี"
The Curious Case of Benjamin Button / อัศจรรย์ฅนโลกไม่เคยรู้
ผมเกิดมาในสภาวะที่ไม่ปกติ
นั่นเป็นการเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่อง
The Curious Case of Benjamin Button
ซึ่งดัดแปลงจากเรื่องราวของ เอฟ สก๊อต ฟิทซ์เจอราลด์ในปี 1920 ของ Benjamin Button ชายที่เกิดมาด้วยเงื่อนไขชีวิตที่ไม่เหมือนคนทั่วไปเริ่มด้วยวัยแปดสิบและย้อนอายุถอยหลัง เขาก็เหมือนเราทุกคนที่ไม่สามารถหยุดเวลาได้ จากนิวออร์ลีนส์ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1918 จนถึงศตวรรษที่ 21 กับการเดินทางที่ไม่ธรรมดาที่สุดเท่าที่คนๆ หนึ่งจะเป็นไปได้ ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของชายผู้ที่ไม่เหมือนคนทั่วไป และผู้คนกับสถานที่ๆ เขาได้ค้นพบในช่วงชีวิตเขา ความรักที่ได้พบพานและสูญเสียไป สีสันความสุขแห่งชีวิตและความโศกเศร้าแห่งความตาย และสิ่งที่คงอยู่เหนือกาลเวลา
เดวิด ฟินเชอร์
ผู้กำกับภาพยนตร์ที่ถือว่าผลงานแต่ละเรื่องที่ผ่านมาล้วนมี
จุดเด่น
และความ
สด
อยู่แทบจะทุกเรื่อง ไล่มาตั้งแต่ Se7en (1995) หนังหักมุมอันลือชื่อ,The Game (1997) ,Fight Club (1999) หนังดิบดวลดิบที่เล่าเรื่องได้อย่างแสบสรรค์,Panic Room (2002) หนังไล่ล่าในบ้านที่โดดเด่นด้วยมุมกล้อง และล่าสุดอย่าง Zodiac (2007) ซึ่งแต่ละเรื่องเรียกว่าล้วนสร้างปรากฎการณ์แก่วงการภาพยนตร์พอสมควร และถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าผลงานของผู้กำกับคนนี้มักเป็นแนวแอคชั่น-ทรินเลอร์ เสียส่วนใหญ่ แต่กลับผลงานชิ้นล่าสุด
The Curious Case of Benjamin Button
ต้องบอกเลยว่าถือเป็นการเปลี่ยนแนวมากำกับหนังแนวชีวิตเข้มข้นที่น่าจับตามองมากที่สุด โดยเฉพาะหลังเรื่องนี้ได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำปีล่าสุดถึง 5 สาขา และฮือฮาหลังถูกเสนอชื่อชิงออสการ์สูงสุด 13 รางวัลในปีนี้ คงการันตีแล้วว่าหนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จเบื้องต้นเพียงใด
ด้าน
แบรด พิตต์
ผู้มารับบท
เบนจามิน บัตทัน
ชายที่พระเจ้าเลือกให้ชีวิตเดินย้อนกลับ ซึ่งกลับมาร่วมงานกับผู้กำกับฟินเชอร์อีกเป็นครั้งที่ 3 และในการร่วมงานกันแต่ละครั้งทั้งคู่ก็มักจะมีผลงานแปลกแหวกแนวมาให้ผู้ชมได้ชมกันทุกครั้ง (2 เรื่องก่อนหน้านี้คือ Se7en และ Fight Club) จนมาถึงเรื่องนี้ก็เช่นกัน เรื่องการแสดงคงไม่ต้องพูดอะไรกันมากเพราะเข้าชิงทั้งนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมบน 2 เวทีรางวัลใหญ่ของปีนี้ การแสดงของพิตต์ในเรื่องดูเป็นธรรมชาติอย่างที่สุด ทั้งสีหน้า แววตา บุคลิกดูโดดเด่นไม่น้อยไปกว่าสเปเชี่ยวเอฟเฟกที่เมกอัพหน้าและรูปร่างของ Benjamin ในช่วงอายุต่างๆได้อย่างไร้ที่ติ ส่วน
เคท บลันเชตต์
ในบท
เดซี่
รายนี้ติดใจมาตั้งแต่เห็นเธอในบท Elizabeth แล้วการแสดงอยู่ในระดับยอดเยี่ยมคนหนึ่งเลยทีเดียว มาในเรื่องนี้ก็ยังคงรักษามาตรฐานได้เช่นเคย และยังแอบคิดว่าเธอยังดูสวยเฉิดฉายบนจออย่างสุดๆมากกว่าเรื่องก่อนพอควร (นักแสดงนำทั้งคู่เคยแสดงร่วมกันใน Babel (2006) มาแล้ว)
สำหรับนักแสดงคนอื่นๆก็ถือว่าเล่นได้ดีแทบจะทุกคน ไม่ว่าจะเป็น
จาเรด แฮร์ริส
ในบท
กัปตัน ไมค์
ผู้สอนให้เบนจามินเข้าใจโลกใบนี้ในอีกแง่มุมหนึ่ง ,
ทิลด้า สวินตัน
ในบท
อลิซาเบธ แอบบ๊อต
หญิงสาวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เบนจามิน และที่ชอบส่วนตัวอีกคนก็คือดาราเด็ก
แอลล์ แฟนนิ่ง
ใช่แล้วครับเธอเป็นพี่น้องกับ ดาโกต้า แฟนนิ่ง ทีนอกจากจะหน้าตาคล้ายกันแล้วฝีมือการแสดงยังดูเด่นไม่แพ้กันด้วย ในบท
เดซี่วัยเด็ก
ที่แม้จะโผล่มาไม่ถึง 10 นาที แต่คิดว่าไม่แปลกใจเลยที่ว่าทำไมเธอถึงเป็นรักแรกพบของเบนจามินในวัยเยาว์ ทั้งนี้บรรดาคนแก่ในบ้านพักคนชราที่เบนจามินอาศัยอยู่ทุกคนล้วนดูเป็นธรรมชาติมากๆครับ (โดยเฉพาะตาคนแก่ที่ชอบพูดซ้ำซากว่า เคยบอกนายรึยังว่า ตอนหนุ่มๆชั้นเคยถูกฟ้าผ่า 7 ครั้ง ที่ขโมยซีนได้ตลอด)
The Curious Case of Benjamin Button
ถือเป็นภาพยนตร์ที่ใช้ทุนสร้างมโหฬารเรื่องหนึ่งก็ว่าได้ด้วยทุนสร้างถึง 150 ล้านเหรียญ ! ซึ่งส่วนใหญ่คงหมดไปกับการเนรมิต
แบรด พิตต์
จุดเด่นของเรื่องเป็นแน่ ซึ่งนี่ยังไม่รวมอีกกว่า 100 ล้านเหรียญในการโฆษณาในต่างประเทศอีก งานนี้หวังว่าการถ้าเรื่องนี้ได้เป็นราชาตัวจริงกวาดรางวัลบนเวทีออสการ์แล้ว รายรับของหนังทั่วโลกน่าจะเพิ่มขึ้นบ้าง หลังได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้มันทำให้นึกไปถึงหนังอมตะอย่าง
Forrest Gump
อย่างเลี่ยงไม่ได้ อาจะเพราะด้วยการที่หนังทั้งคู่ เนื้อหาเกี่ยวกับช่วงชีวิตคนๆหนึ่งตั้งแต่เด็กจนถึงบั้นปลายผ่านเหตุการณ์สำคัญๆต่างๆของโลก , การเดินเรื่องแบบเล่าย้อนกลับไปยังอดีตตัดกับปัจจุบัน และแฝงข้อคิดไปกับแต่ละเหตุการณ์ บวกเสียงบรรยายของตัวเอกที่แทรกมาเป็นระยะๆ ซึ่งหลายอย่างมีลักษณะคล้ายกันครับ จะบอกว่าเหมือนกันหมดก็ยังไงอยู่ ถึงอย่างนั้นก็ต้องปรบมือให้ทางผู้กำกับ เดวิด ฟินเชอร์ ครับเพราะพี่แกเล่าเริ่อง ลำดับเหตุการณ์ได้ยอดเยี่ยมจริงๆ
เรื่องของภาพต่างๆที่ปรากฎในเรื่องก็ถ่ายออกมาได้อย่างไร้ที่ติครับ ทั้งสวยงาม และดูอลังการนิดๆในตัว ทั้งนี้ในฉากยิงกันในทะเลที่นอกจากจะดูสมจริงแล้ว ระบบเสียงยังบันทึกได้ดีเช่นกัน (ให้อารมณ์เหมือนมายิงกันบนหัวเลย)
The Curious Case of Benjamin Button
เป็นภาพยนตร์ที่แฝงไปด้วยปรัญญาชีวิตมากมาย และ ว่าด้วยความเป็นจริงในการดำเนินชีวิตได้อย่างสมจริงที่สุดเรื่องหนึ่ง ทั้งเรื่องของการที่สังคมมองตัว เบนจามิน บัตทัน ว่าเป็นตัวประหลาดบ้าง เป็นปีศาจบ้าง ด้วยเหตุผลที่ไม่เข้าใจและยอมรับกับ
"เงื่อนไขชีวิต"
แบบเบนจามิน กับการยอมรับในตัวเองของเบนจามิในการต่อสู้กับเงื่อนไขชีวิตนี้ที่พระเจ้าประทานมาให้ว่าไม่ต่างจากมนุษย์ที่มีอายุตามปกติ เรื่องของความรักความเข้าใจของพ่อและแม่ และ
รักแท้
ที่ทำให้เขารู้ว่าโลกใบนี้มีสิ่งที่งดงามเพียงใดอยู่
มีหลายประโยคในหนังที่โดนใจผมและสะท้อนชีวิตของคนเราได้เป็นอย่างดี อาทิ
ประโยคที่แม่(บุญธรรม) กล่าวกับเบนจามิน ว่า
ชีวิตคนเราล้วนมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน เพียงแค่เราใช้เส้นทางต่างกัน และลูกเบนจามิน ลูกก็อยู่บนเส้นทางของลูก
ประโยคที่บอกกับเดซี่ ในคืนวันที่ฝ่ายหญิงอยากมีอะไรด้วยกับเบนจามิน
ชีวิตคนเราล้วนเต็มไปด้วยโอกาส แม้แต่โอกาสที่เราปฎิเสษ
และสุดท้ายกับประโยคที่แม่(บุญธรรม) มักจะบอกกับเบนจามินเสมอว่า
You never know whats coming for you
ที่สะท้อนภาพของหนังเรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น
นาฬิกา
ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของเรื่องได้เป็นอย่างดี จากเรื่องเล่าที่ เดซี่ เล่าในช่วงต้นเรื่องถึงชายช่างทำนาฬิกาในสมัยก่อนผู้สูญเสียลูกชายไปอย่างไม่มีวันกลับในสงคราม ทำให้เขาทุ่มเทในการสร้างนาฬิกาเรือนใหญ่ที่สุดในชีวิตเพื่อไปไว้ที่สถานีรถไฟประจำเมือง แต่ทุกคนในเมืองก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นนาฬิกาเรือนนั้นเดินถอยหลัง ! โดยชายช่างนาฬิกา กล่าวว่า ถ้าเราย้อนเวลากลับไปได้หลายคนก็คงไม่ต้องพบกับความสูญเสีย และ
นาฬิกา
เรือนนั้นก็ได้กลายมาเป็นเงื่อนไขในการดำเนินชีวิตของ เบนจามิน บัตทัน ที่เดินย้อนจากวัยชราไปสู่ทารกแบเบาะ อาจเพราะพระเจ้าอาจต้องการให้มนูษย์ได้รู้ว่าถึงแม้คนเราจะย้อนเวลาได้ก็
"ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลง
และเมื่อหนังดำเนินมาจนถึงช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของเบนจามินก็ดูเหมือนความคิดของช่างนาฬิกาได้รับคำตอบแล้ว เพราะไม่ว่านาฬิกาชิวิตจะเดินไปข้างหน้าเหมือนปกติที่มันเป็น หรือ จะเดินย้อนกลับหลัง ก็คงไม่ต่างกันเมื่อฉากสุดท้ายของหนังมาถึง เพราะถึงยังไงนาฬิกาของช่างคนนั้นก็ต้องมีวันที่มัน
หยุด
เดินอยู่ดี ไม่ต่างกับนาฬิกาเรือนปกติที่เดินไปข้างหน้าเลย
โดยสรุปแล้ว
The Curious Case of Benjamin Button
ถือเป็นภาพยนตร์ดราม่าเข้มข้นที่มีความแฟนตาซีปนอยู่เนืองๆ และให้ความบันเทิงในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ได้รับอีกอย่างก็คือข้อคิด การได้รู้ว่าชีวิตของคนเรานั้นไม่ว่าจะเดินไปทางไหน มุ่งไปทางข้างหน้า หรือ ย้อนกลับไป ก็คงไม่สำคัญอะไร เพราะสิ่งที่สำคัญจริงๆไม่ใช่
เงื่อนไขชีวิต
แต่เป็นการเลือก
ดำเนินชีวิต
มากกว่า คนเราไม่สามารถอยู่ค้ำฟ้าได้ อายุไม่ว่าจะมากขึ้นทุกวัน หรือ น้อยลง ทุกวัน มันไม่สำคัญไปกว่าการที่ วันนี้เราได้เลือกเส้นทางชีวิตที่ต้องการหรือยัง เราได้ทำอะไรเพื่อตัวเองหรือคนรอบกายบ้างหรือยัง เพราะผลจากสิ่งเหล่านั้นคือ
ความสุข และ ความรัก
ที่เป็นสิ่งที่จะอยู่เหนือกาลเวลาและไม่มีวันล่วงเลยไปตามอายุ แต่ถ้ามองข้ามไปชีวิตก็คงไม่ต่างไปจากนาฬิกาที่ทำงาน แต่ไม่เคยได้นำมาดูเวลาเลย...
Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2552 2:08:55 น.
8 comments
Counter : 7783 Pageviews.
Share
Tweet
ตั้งใจว่าจะหาเวลาไปดูให้ได้คค่ะ
น่าดูมาก ๆ
โดย:
เจ้าแห่งน้ำคือพระจันทร์
วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:8:42:04 น.
ชอบที่เนื้อเรื่องสื่อความหมายดี แต่นานไปหน่อย ดูๆ ไปอาจเบื่อได้
โดย:
Ms.StayHigh
วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:10:50:57 น.
สวัสดีค่ะ
โดย:
Opey
วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:10:58:52 น.
เขียนได้ดีจังเลยค่ะ
ชอบเรื่องนี้ค่อนข้างมากเลยเหมือนกัน
โดย:
iSIs_OsiRis
วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:10:41 น.
แอบอึ้งกับฉาก "ถ้าเชือกรองเท้าไม่ได้ขาด หรือรถบรรทุกเคลื่อนที่ซะก่อน หรือของถูกห่อเรียบร้อยแล้ว หรือหญิงคนนั้นยังไม่ได้เลิกกับแฟน หรือคนขับแท็กซี่ไวกินกาแฟ...ฯลฯ เดซี่กับเพื่อนๆ ก็คงข้ามถนนผ่านไปแล้ว"
ผกก.ช่างกล้าเล่นกับฉากนี้เหลือเกิน มันดูโดดเด้งออกจากทุกฉาก ผมชอบแต่รู้สึกว่าไอ้ความ"โดดเด้ง" มันเกือบจะไม่กลมกลืนกับฉากอื่น แต่จะหาที่ติ ก็ไม่รู้จะติตรงไหนดี
แต่ฉากนี้สื่อได้ตรงใจกับนิสัยของผมที่ชอบพูดติดปากว่า "ถ้าหาก..." "ถ้ารู้อย่างนี้..." เพราะที่จริงแล้ว "You never know whats coming for you และเราก็คงย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้นอกจากเก็บไว้เป็นบทเรียน
โดย: malatankian IP: 158.108.26.182 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:48:21 น.
ฉากที่ว่านี่ถือว่าเป็นลายเซ็นอย่างหนึ่งของ เดวิด ฟินเชอร์ ก็ว่าได้ แบบว่าดูปุบแล้วคิดในใจเลยว่า "มันต้องอย่างนี้สิที่ว่าเจ๋ง !"^^
โดย:
negima_xx
วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:16:11 น.
อยากได้ประโยคที่กัปตันไมล์พูดกับเบนก่อนตายค่ะ
ใครจำได้บาง ช่วยบอกด้วย
ประมาณนี้ค่ะ เราก่นด่าชีวิตได้ แต่เมื่อถึงเวลาสุดท้ายจริงๆ เราก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป
โดย: PP IP: 58.9.234.86 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:57:35 น.
เขียนดีครับ ชอบๆ
โดย: duise IP: 58.8.129.188 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:16:52 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
negima_xx
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [
?
]
!#@#
สวัสดีครับ กับทุกๆคนที่เข้ามาสู่ Blog นี้ของผม ขอให้สนุกกับการอ่านรีวิวภาพยนตร์ต่างๆนะครับ อาจจะมีถูกใจมั้ง ไม่ถูกใจมั้ง เพื่อนๆคนไหนคิดเห็นเหมือนกัน หรือแตกต่างกันตรงไหนก็บอกกล่าวกันได้ครับ ^^
#@#!
น่าดูมาก ๆ