Bloggang.com : negima

Red Cliff 2 - "สามก๊ก โจโฉแตก (หื่น) อลังการปิดฉากศึกผาแดง"

หลังปล่อยให้รอนานกว่า 6 เดือน ผู้กำกับ “จอห์น วู” กลับมาพร้อมกับผลงานที่ถือเป็นความภูมิใจของชาวเอเชียอย่าง “สามก๊ก โจโฉแตกทัพเรือ 2” (Red Cliff 2) ซึ่งถือเป็นภาคจบของมหาศึกผาแดง พร้อมสานต่อความสำเร็จจากภาคแรกด้วยการเปิดตัวขึ้นอันดับ 1 ในทุกประเทศที่ออกฉาย และทุบสถิติรายได้เปิดตัวชนิดทิ้งห่างหนังฟอร์มยักษ์ฝั่งฮอลลีวู้ดแบบไม่เห็นฝุ่น

โดยเรื่องราวในภาคนี้เริ่มหลังจากที่กองทัพของ โจโฉ ถูกตีแตกพ่ายไปพ่ายแล้ว แต่โจโฉก็หาได้หวาดหวั่นไม่ หากกลับยิ่งระดมพลทางน้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาบังเกิดเป็น “มหึมานาวาทัพ” กรีธาสู่ลุ่มน้ำแยงซีเกียง เพื่อหวังจะประชิดยุทธภูมิผาแดงและทำลายทัพของจ๊กก๊กและง่อก๊กให้ย่อยยับ แต่มีหรือที่ ขงเบ้ง และ จิวยี่ จะวางเฉย แม้จะมีกำลังพลน้อยกว่าหลายเท่าตัว แต่ทั้งสองต่างใช้ยอดแห่งอุบาย วางกลศึกต่อกรกับทัพเรือของโจโฉได้อย่างน่าตื่นตะลึง ส่งผลให้การศึกครั้งนี้พรั่งพร้อมไปด้วยการเชือดเฉือนกลศึกอันเข้มข้น และกองทัพไพร่พลนับแสน ในการรบที่ยิ่งใหญ่ศึกสำคัญแห่งพงศาวดารสามก๊ก ที่นำไปสู่การแตกแผ่นดินจีนออกเป็น “สามก๊ก” โดยสมบูรณ์ !

ขึ้นชื่อว่า “สามก๊ก” แล้วก็เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นเรื่องราวที่มีตัวละครในเรื่องค่อนข้างจะเยอะมาก และแต่ละตัวล้วนเกี่ยวพันธ์กัน ทำให้คงมีหลายคนคิดว่าถ้าไม่ได้ดูหนังภาคแรกแล้วจะทำให้ดูภาคจบนี้ไม่รู้เรื่อง แต่ก็เหมือนผู้กำกับ “จอห์น วู” ได้ตระหนักถึงความาสำคัญนี้ดี จึงมีการใส่ไฮไลท์เหตุการณ์สำคัญในภาคที่แล้ว มาตัดต่อให้กระชับแล้วใส่ใว้ในช่วงเปิดเรื่อง ซึ่งจุดนี้สามารถทำออกมาได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว

สิ่งที่ถือว่าเป็นจุดแข็งที่สุดในภาคนี้ก็คงไม่พ้นบรรดาฉากแอกชั่นทั้งหลาย ที่รับรองว่าแฟนๆทั้งคอหนังและคอหนังสือสามก๊กทั่วโลกไม่ผิดหวังเป็นอันแน่ เพราะอลังการงานสร้างกว่าในภาคแรกค่อนข้างมาก โดยเฉพาะฉาก “การเปิดศึกถล่มกลางมหานาวา” ที่มีกองเรือกว่า 2,000 ลำของโจโฉ (เทคนิกภาพที่ปรากฏบนจอที่สมจริงจะทำให้ลืมภาพของกองเรือกรีซที่ยกไปตีเมืองทรอยไปเลย) ที่ลุกเป็นไฟในชั่วพริบตา ซึ่งว่ากันว่าฉากนี้เพียงฉากเดียวทีมงานต้องเตรียมงานสร้างกว่า 1 ปีและถือเป็นฉากรบทางน้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์เอเชียด้วย รวมไปถึงฉากศึกทางบกของเล่าปี่ที่ได้ยกทัพมาตีโจโฉ ฉากที่ว่านี้กินเวลากว่า 25 นาที และเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่ ขึงขัง ทรงพลัง (พร้อมจำนวนระเบิดระดับที่ไมเคิล เบย์ ยังอาย) อย่างที่ไม่ได้มีมาให้ชมกันนาน

รวมไปถึงฉาก “กลศึกลวงดอกธนู” ของขงเบ้ง ที่ถึงแม้เราจะเคยเห็นฉากโชว์เทคนิกมุมกล้องยิงลูกลูกธนูแบบสโลว์พุ่งใส่หน้าจอมาบ้างแล้วจาก Hero หรือ The Mammy 3 ก็ตาม แต่ใน Red Cliff 2 ผู้ชมอาจจะตื่นตาด้วยมุมกล้องที่สมจริงและตื่นตากว่าหลายเท่าตัวนัก รวมไปถึงการบันทึกเสียงของเรื่องนี้ด้วยที่ทำออกมาได้อย่างดีไร้ที่ติ

ส่วนที่ถือว่าทำออกมาได้ดีกว่าภาคแรกที่เห็นได้ชัดอีกอย่างก็คือ เรื่องลูกเล่นของการตัดต่อภาพ จากปกติที่ใช้การตัดภาพปกติ แต่มาในภาคนี้ใช้เทคนิก “การฟันดาบ” ตัดตรงกลางฉากไปเลย ผลที่ออกมาก็คือ ผู้ชมจะได้ความแปลกตาและเพิ่มอรรถรสในการชมมากขึ้นด้วยเช่นกัน

ด้านดารานักแสดงในเรื่องก็ยังคงเป็นชุดเดียวกับในภาคแรก ฝีมือการแสดงก็ยังอยู่ในขั้นดีเช่นเคย แต่ที่ดูจะเด่นและมีเสน่ห์มากขึ้นก็คือการแสดงของ “ทาเคชิ คาเนชิโร่” ในบท ขงเบ้ง ด้วยท่าทาง สีหน้า ที่เป็นธรรมชาติและแววตาที่แฝงไปด้วยความปราดเปรื่องและน่าเกรงขามไปพร้อมๆกันอย่างน่าทึ่ง

ถึงกระนั้นสิ่งที่ดูจะเป็น “จุดอ่อน” ที่สุดของ Red Cliff 2 ก็คือการดัดแปลงบทให้แตกต่างจากฉบับวรรณกรรมไปบ้างพอสมควร โดยเฉพาะการตีความตัวละครอย่าง “โจโฉ” ที่ออกมาในรูปของคนที่หลงผู้หญิงจนหน้ามืดตามัวอย่างสุดกู่ (เรียกว่า “หื่น” ก็คงไม่ผิด) อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแฟนสามก๊กบางคนคงแอบหงุดหงิดในใจ ซึ่งอาจเป็นเพราะทางผู้สร้างคิดว่าการตีความให้ตัวร้ายเป็นพวกเปิดศึกชิงนางเพื่อความเป็นสากลตามสไตล์หนังรบๆแนวมหากาพย์ทั้งหลายก็เป็นได้ และสาเหตุอีกอย่างคงเพราะตัวร้ายประเภทนี้จะทำให้ผู้ชมรู้สึกและเข้าถึงจิตใจได้ง่าย ส่วนจุดอ่อนอีกอย่างก็คือในเรื่องของตอนจบที่ดู “ห้วน” และตัดอารมณ์ไปเสียหน่อย

โดยรวมแล้ว Red Cliff 2 เปรียบได้กับ The Lord of the Rings ของชาวเอเชียก็ว่าได้ และไม่รู้ว่าต้องรออีกกี่สิบปีถึงจะมีหนังที่ยิ่งใหญ่ทั้งความบันเทิงและงานสร้างระดับบิ๊กเท่านี้มาให้ชมกันอีก ฉะนั้นภาคต่อการปิดฉากศึกผาแดงครั้งนี้ถือว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงสำหรับคอหนังตัวจริง !

**ที่มา ผู้จัดการรายสัปดาห์ (360 องศา)

Create Date : 29 มกราคม 2552

0 comments

Last Update : 29 มกราคม 2552 2:20:58 น.

Counter : 2963 Pageviews.