
 |
|
 |
 |
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
 |
 |
|
|
Title: กรุงเทพฯ...ชีวิต...
ณ มุมหนึ่งของสถานีรถไฟลอยฟ้า
ผมยืนมองขบวนรถไฟ...ที่ค่อยๆเคลื่อนขบวนออกจากสถานีเอื่อยๆ ไม่ต่างอะไรกับย่างก้าวอ่อยๆจากขาของผม
ผมค่อยๆเดินไปยังที่นั่งบนสถานี หยิบรูปถ่ายหน้าตรง ขนาด 1.5 นิ้วของผมออกมานับจำนวน
เหลืออยู่ 2 ใบ ผมพูดกับตัวเองพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลังจากนับรูปถ่ายของตัวเองเสร็จเรียบร้อย ทั้งๆที่เมื่ออาทิตย์ก่อน เพิ่งไปอัดรูปมาเป็นจำนวน 3 โหล มาวันนี้เหลือแค่ 2 รูป...ว่าแล้วขอถอนหายใจอีกทีก็แล้วกัน
เฮ้อ....
-------------------------------------------------------
ปากกาเมจิสีเหลืองสะท้อนแสงถูกหยิบออกมา พร้อมกับหนังสือพิมพ์สมัครงาน
ผมค่อยๆบรรจงขีดเส้นสะท้องแสงสีเหลืองนั้น ลงบนประกาศสมัครงานในหนังสือพิมพ์เล่มนั้น
วันนี้ทั้งวันผมได้สมัครงานอยู่ 2 ที่และแต่ละที่ แต่ละบริษัท ก็ไม่ได้มีทีท่าสนใจรับผมเข้าทำงานเลยแม้แต่น้อย
งานนี่ช่างหายากหาเย็นจริงๆ
ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง หรือว่าเพราะเราไม่ได้จบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังวะ หรือว่าเพราะเกรดเฉลี่ยเรามันห่วยแตก หรืออาจจะเป็นเพราะหน้าตาของเรา หรือเพราะเราไม่ได้มีเส้นสายอย่างใครเขา ฯลฯ
สารพัดสารพันเหตุผลและปนความสงสัย ที่ระดมอยู่ในก้อนเนื้อในสมองของผม
ลมเย็นๆพัดเข้ามาในสถานี ตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว ผู้คนมากมายต่างยื้อแย่ง แข่งขันกัน ให้ได้ที่นั่งบนรถไฟ เพื่อความสบายของตน
ผมยังนั่งอยู่ตรงที่เดิม...
หมดแรง...ท้อใจ...เหนื่อยใจ หลับตา...นิ่งคิด...พักเหนื่อย...ให้กำลังใจตัวเอง ลุกขึ้นยืน...พร้อมก้าวเดินต่อไป
ก้าวแรก คือการเดินลงจากสถานีรถไฟฟ้า ก้าวที่ 2 คือการเดินเข้าร้านอัดรูป เพื่อเตรียมความพร้อม ที่จะออกไปสมัครงานในวันรุ่งขึ้น...ต่อไป
---------------------------------------------------
ณ มุมหนึ่งของป้ายรถเมล์
ฉันยืนมองรถเมล์คันที่ฉันเพิ่งลงมา ขับจากไปช้าๆ ควันดำจากท่อไอเสีย ค่อยๆลอยมารุมล้อมฉัน
วันนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยและเพลียเหลือเกิน กับการงานของฉันที่ยุ่งวุ่นวายทั้งวัน
ทั้งเจ้านาย ทั้งเพื่อนร่วมงาน ทั้งงานของฉัน ที่รุมสุมที่ฉันคนเดียว...เหมือนกับควันดำ จากท่อไอเสียของรถเมล์ร่วมฯ คันนั้น
ฉันนั่งรถเมล์กลับบ้าน.... ด้วยงานที่แบกกลับมาทำต่อด้วยความพะรุงพะรัง
ฉันมองหาน้ำใจ..บนรถเมล์ ก่อนขึ้น ฉันภาวนาขอให้ใครสักคน ช่วยฉันถือของที่มากมายเหล่านี้ก็เพียงพอแล้ว แต่นึกไม่ถึงเลย...ว่าจะไม่มีใคร ที่มีน้ำใจบนรถเมล์คันนี้เลย
----------------------------------------------------
ฉันค่อยๆทรุดตัวนั่งลงกับที่นั่งที่ป้ายรถเมล์ กอดอก ก้มหน้าลงกับหัวเข่า...
ฉันเหนื่อย...ฉันอยากร้องไห้...ฉันท้อ...ฉันเบื่อ...ทุกๆสิ่งในเมืองนี้
นิ่งคิด...
ฉันจะลาออก จากไอ้งานเฮงซวยพรรค์นั้น ฉันมีความฝันของฉัน และ... ฉันจะก้าวไปตามความฝันของของฉัน
ฉันจะต้องจัดการกับชีวิตของฉันในวันพรุ่ง... เริ่มจาก...
จัดการตัดระบบชีวิตมนุษย์เงินเดือนของฉัน ที่ครอบงำฉันมานานแสนนาน ออกไปเสียที ฉันจะสู้เพื่อความฝันของฉัน
เอาล่ะ...เวลานี้ก็เย็นมากแล้ว ได้เวลาเดินกลับบ้านเสียที
ฉันเหลือบมองผู้คนยื้อแย่งกันขึ้นรถเมล์อย่างเอาเป็นเอาตาย ต่างคนต่างก็ต้องการที่นั่งบนรถ คนแก่ และ เด็ก ได้แต่ยืนมองอยู่ท้ายแถว เนื่องจากไม่มีแรงที่จะไปสู้รบตบมือกับใคร
ฉันหัวเราะ... ทุกๆวันที่ผ่านมา ฉันคงเป็นเหมือนกับผู้คนตรงหน้าฉันตอนนี้นี่แหล่ะ
ความสบาย...ผลประโยชน์ส่วนตน ทำให้เรา หลงลืมคำว่า น้ำใจ...
--------------------------------------------------
ผมเดินลงมาจากสถานีรถไฟฟ้า เห็นคนมากมาย ยื้อแย่ง เบียดเสียด พยายามที่จะขึ้นรถเมล์
หึหึ...ไม่ต่างอะไรจากผู้คนบนรถไฟฟ้าซักนิดเลย สังคมทุกวันนี้...ทำให้คนเราต้องเป็นแบบนี้สินะ
เราไม่ทำเขา...เขาก็ทำเรา
แต่...ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ในป้ายรถเมล์นั้น เธอ...กำลังหัวเราะ
แน่ล่ะ...ภาพตรงหน้านี่มันช่างน่าขันจะตายไป มองดีๆ เหมือนกับพวกปลาในบึง ที่รุมกันตอดอาหาร ยังไงยังงั้นแน่ะ
ผมยิ้ม และหัวเราะอย่างชอบใจ
---------------------------------------------
เสียงของรถไฟฟ้า ข้างบนแล่นผ่านไป ฉันนึกในใจ ผู้คนบนรถไฟฟ้านั้น ก็คงไม่ต่างจากผู้คนที่อยู่ตรงหน้าฉันซักเท่าไหร่
สังเกตจากใครที่กำลังก้าวเดินลงจากสถานีนั้น ต่างคน...ต่างเร่งรีบ....
ต่างคน...ต่างก็ห่วงแต่เรื่องของตน
จนฉันเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ก้าวเดินลงจากสถานีอย่างช้าๆ เหมือนดั่งว่า...เวลาไม่สำคัญกับตัวเขา เขากำลังเป็นผู้ครอบครองเวลานั้นอยู่สินะ
ที่สำคัญ เขากำลังหัวเราะ
เขาคงกำลังนึกสมเพชภาพผู้คน ที่แย่งกันขึ้นรถเมล์ตรงหน้าฉันหรือเปล่านะ
แน่ล่ะ...ก็มันน่าหัวเราจริงๆนี่
------------------------------------------------------
ผู้หญิงคนที่ผมเห็นว่าเธอกำลังหัวเราะอยู่นั้น หันมายิ้มให้ผมด้วยล่ะ...
ผมจะทำอะไรได้นอกจาก ยิ้มตอบกลับไป
บางที รอยยิ้มเล็กๆ ของคนที่เดินสวนทางกัน ก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นเหมือนกันนะ
รอยยิ้ม...ที่ผมหาได้ยากในสังคมนี้... มันช่างยากพอๆกันกับการหางานทำเลยทีเดียว
-------------------------------------------------------
ภายหลังที่ฉันยิ้มให้เขา เขาก็ยิ้มตอบฉันกลับมาเช่นกัน
ฉันนึกอะไรอยู่นะ ถึงยิ้มให้เขาไปอย่างนั้น
ช่างเถอะ...การที่คนเรายิ้มให้แก่กัน ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลนี่
แม้จะเป็นแค่เพียง คนที่เดินผ่านกันเท่านั้น
แต่รอยยิ้ม ที่เขายิ้มตอบฉันกลับมานั้น มันทำให้ฉันมีกำลังใจขึ้นเป็นกองเลยล่ะ
--------------------------------------------------------
เขากำลังทำท่าบุ้ยปากให้ฉันมองไปข้างบน
---------------------------------------------------------
ผมเห็นโฆษณาที่ติดบนเส้นทางของรถไฟฟ้า มันตลกดี จนผมต้องทำท่าบุ้ยใบ้ให้เธอหันไปมองข้างบนบ้าง
แต่ผมน่ะเหรอ...หลังจากเห็นโฆษณานั้นแล้ว ผมถึงกับหัวเราะออกมาดังเชียวล่ะ พร้อมกับทำกิริยาบางอย่างเหมือนๆกับเธอ
---------------------------------------------------------
เมื่อฉันเห็นโฆษณานั้นแล้ว ฉันถึงกับหัวเราะออกมาเลยทีเดียว
ก็จะอะไรเสียอีกล่ะ...ฉันว่าโฆษณานั้นตลกจะตายไป หลังจากที่ฉันหัวเราะพอหอมปากหอมคอแล้ว กิริยาบางอย่างที่ไม่น่าออกมาจากหญิงสาวอย่างฉัน
แต่...ฉันขอซักทีเหอะนะ
------------------------------------------------------

กรุงเทพฯ...ชีวิตดีๆที่ลงตัว
------------------------------------------------------
ถะ...ถะ...ถะ...ถุยส์
Create Date : 11 ตุลาคม 2549 |
|
1 comments |
Last Update : 12 มกราคม 2550 1:13:08 น. |
Counter : 2108 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: Bean Sprout วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:18:04:09 น. |
|
| |
|
ยางมะตอยสีชมพู |
 |
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

|
เป็นมนุษย์เงินเดือน รับใช้การตลาด ต้องคิดงานให้เกินคาด แล้วจะได้ตังค์ใช้
ชอบดนตรี เสียงเพลงเป็น ชีวิตจิตใจ ตัวอักษรนั้นไซร้ กัดแทะได้ ทุกวี่วัน

ของเค้าดีจริง เข้าไปเยี่ยมชมกันได้ครับ ^ ^ ถึงแม้ว่าผมอาจจะยังไม่ใช่นักเขียน
ถึงแม้ว่าผมอาจจะไม่มีคุณสมบัติแม้ที่จะคิดเขียน
และถึงแม้ว่า เรื่องที่ผมเขียนนั้นจะห่วยแตกแค่ไหนก็ตาม
แต่ว่ามันก็ออกมาจากมันสมองอันน้อยนิดของผม
ขอร้องเถิดครับ กรุณาอย่าเอาไป คัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลง
ส่วนหนี่งส่วนใดหรือทั้งหมดของงานเขียนของผมเลย (ยางมะตอยสีชมพู)
ผมขอสงวนสิทธิ์ตามกฏหมาย ซึ่งหากฝ่าฝืนโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว จะมีโทษ ปรับตามกฏหมายตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือนำเรื่องไปเสนอสำนักพิมพ์ ถือเป็น การเสนอขาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 4 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 800,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับนะครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
ที่ยังเข้าใจ และเห็นใจคนชอบเขียนห่วยๆอย่างผม
(ตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ. กฏหมายลิขสิทธิ์)
|
|
 |
|