
 |
|
 |
 |
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
 |
 |
|
|
Title: ปาก

มิตรภาพ เริ่มต้นที่ปาก ผมนึกถึงคำนี้อยู่ในใจ ขณะที่สายตาของผมจับจ้องไปที่เบื้องหน้า
วันนี้เป็นวันที่ผมมาสัมภาษณ์งาน และในขณะที่ผมกำลังรอคอยด้วยความกระวนกระวายนั้น สายตาผมก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวอยู่คนหนึ่ง...
เปล่าหรอกครับเธอไม่ได้สวยสะดุดตาอะไรขนาดนั้น ตรงกันข้ามเธอกลับเป็นคนหน้าตาธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่เดินตามท้องถนนทั่วๆไปนั่นแหล่ะ
ชีวิตจริงๆนะครับ ไม่ใช่นิยายที่ผมจะไปเจอะเจอหญิงสาวสวย นัยน์ตาคมเข้ม ผมยาวสลวยสวยเก๋ ปากสีชมพูอวบอิ่ม ผิวสีชมพูขาวนวล รูปร่างได้สัดส่วน เหมือนดั่งที่พระเอกในนิยายเจอสาวที่ตนเองหมายปองอยู่ง่ายๆซะเมื่อไหร่กันล่ะ
แต่ในความธรรมดาของหญิงสาวที่นั่งอยู่เบื้องหน้าผมนั้น กลับมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่าง... ที่สามารถกระตุ้นขาของผมลุกขึ้นยืน ให้เดินเข้าไปหา และพูดคุยกับเธอ คือไอ้แรงดึงดูดที่ว่านั้นก็คงเป็นความรู้สึกถูกชะตาล่ะมั้ง ผมว่าอย่างนั้นนะ
เอ่อ...ขอโทษนะครับ มาสัมภาษณ์งานเหมือนกันใช่ไหมครับ นั่นคือคำทักทายแรกของผม ค่ะ...ใช่ค่ะ นั่นก็คือคำแรกที่เธอเอ่ยออกมาให้ผมได้ยินเสียงห้าวๆของเธอ หากแต่ผมเห็นรอยยิ้มจากการพูดคุยด้วยกันเป็นครั้งแรกของเรา และรอยยิ้มนั้นก็ถูกบดบังด้วยเหล็กดัดฟันสีชมพูสดใส ตามที่วัยรุ่นทั่วไปสมัยนี้นิยมสวมใส่กัน...
ผมถึงบอกไงครับว่านี่คือชีวิตจริงๆ เสียงของเธอไม่ได้หวานเหมือนในนางเอกนิยาย ขณะเดียวกันฟันของเธอก็ไม่ได้เรียงสวย เมื่อเธอฉีกยิ้มกว้างอะไรขนาดนั้น
แล้วทำไมผมถึงรู้สึกถูกชะตากับเธอน่ะหรือ... คำตอบก็คือ ไม่รู้
หรือมันอาจจะเป็นธรรมชาติของมนุษย์หรือของผมเองก็ได้ เมื่อต้องเข้าไปอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน อีกทั้งรอบข้างยังมีแต่ศัตรูผู้หมายอยากจะได้งานทำเช่นเดียวกัน มันจึงไม่แปลกอะไรไม่ใช่เหรอ ที่เราต้องการเพื่อนสักคนหนึ่ง ในที่ที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้
อีกอย่างหนึ่งเมื่อผมมองหลายคนที่มาสัมภาษณ์งานพร้อมกับผม คนหนึ่งเป็นหญิงสาว ท่าทางเข็ดฟันที่กำลังคุยโทรศัพท์มือถือด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่นัก ชายหนุ่ม 2 คนที่จับคู่คุยกันไปซะแล้ว และหญิงสาวหน้าตาธรรมดาๆ คนหนึ่งที่สายตาเหม่อมองเพดาน ช่องแอร์ เก้าอี้ไปเรื่อยเปื่อย เป็นคุณ คุณจะเลือกเข้าไปคุยกับใครล่ะ
แล้วสัมภาษณ์ฝ่ายไหนหรือครับ เป็นคำถามที่สองของผม ที่ยิงใส่เธอหลังจากเว้นวรรคด้วยความเงียบเชียบไปนาน ฝ่ายขายอ่ะค่ะ สังเกตุได้ว่าคำตอบของเธอมีวลีของวัยรุ่นแทรกอยู่ด้วย
แล้วเธออ่ะ ทีนี้เป็นเธอครับที่เป็นฝ่ายถามผมบ้าง การตลาดฮะ...
แล้วชื่ออะไรเหรอครับ...เราชื่อไทรนะ ไทรเหรอ ชื่อแปลกดีเนอะ เราชื่อเชอรี่อ่ะ เรียกว่ารี่ก็ได้ เชอรี่เหรอ ชื่อไม่เข้ากับหน้าเลยเนอะ โอ้โห...ปากเหรอจ๊ะนั่น นี่ขนาดเพิ่งเจอกันวันแรกนะเนี่ย จะวันแรกหรือกี่วันปากเราก็อย่างนี้แหล่ะ ไม่แตกต่างๆ ฮ่าๆ
แต่เมื่อกี๊เราล้อเล่นน่า ชื่อเธอน่ารักดี อยากหาเพื่อนชื่อน่ารักๆอย่างนี้มานานแล้ว เธอพยักหน้ารับรู้อย่างงอนๆ พลางใช้สายตามองค้อนผมเล็กน้อย
หลังจากนั้นเราก็พูดคุยกันด้วยภาษาที่เป็นกันเองมากขึ้น และมันก็ทำให้ผมรับรู้ถึงความน่ารักของเธอมากขึ้นด้วย
เออ...เธออายุเท่าไหร่แล้วล่ะรี่ นี่ๆ ใครเค้าให้ถามอายุผู้หญิงกันล่ะ เธอนี่ไม่รู้อะไรเอาซะเลยนะ อ้าว...ก็อยากรู้นี่ อ่ะเราบอกก่อนก็ได้ เรา 27 แล้ว โห...แก่จัง อ้าวๆ พูดงี้มีสวย อ่ะล้อเล่นนนน...เราให้เธอทายดีกว่า 25 ผมตอบทันที ตลกและ หน้าเราแก่ขนาดนั้นเชียว ใช่ ปฏิเสธบ้างก็ได้นะเธอน่ะ...พ่อหน้าเด็ก ฮ่าๆ ล้อเล่นน่า ขอเดาอีกทีว่าเธออายุ 22 ปิ๊งป่อง ถูกต้องงงง โห...ห่างกว่าเราตั้ง 5 ปี อายุน้อยแต่... แต่อะไร แต่น่ารักไงจ๊ะ... แล้วไป
อย่างนี้แล้วเราก็ต้องเรียกเธอว่าพี่สิ... เรียกทำไม รุ่นเดียวกัน ไม่ต้องๆ โห...กล้าพูดนะเนี่ย แล้วอย่ามาว่าเราปีนเกลียวทีหลังล่ะ
หลังจากนั้นเธอก็ถูกเรียกตัวเข้าไปสัมภาษณ์ และคิวถัดมาก็เป็นผม
หลังจากสัมภาษณ์เสร็จแล้ว ผมรีบออกมาทันทีและภาวนาให้เธอยังนั่งรอผมอยู่ แต่...เธอได้กลับบ้านไปเสียแล้ว ผมจึงได้แต่หวังว่าซักวันเราคงได้พบกันอีก...
หลังจากวันนั้นผ่านไป 2 อาทิตย์ผมก็ได้เริ่มต้นทำงานที่ใหม่ ในขณะที่ผมกำลังรอเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลมาอบรมพนักงานเข้าใหม่นั้น สายตาผมก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งผู้ซึ่งผมคิดถึงเธอมาตลอด 2 อาทิตย์ก้าวเข้ามาในห้องอบรม
เชอรี่...เป็นเธอจริงๆ!!
ผมไม่รอช้าตะโกนร้องเรียกเธอทันที ซึ่งมันก็ทำให้เธอต้องรีบเดินเข้ามาตรงที่ผมนั่งอยู่ พร้อมกับทำท่าจุ๊ปาก ให้ผมหรี่เสียงอันดังของผมลง
การรอคอยของผมสิ้นสุดลงแล้ว ผมกับเธอได้ทำงานในบริษัทเดียวกัน และต่อจากนี้ผมก็จะได้เจอเธอทุกวัน
เรียกได้ว่าเป็นความสมหวังของผมเล็กๆก็ได้มั้ง
ถึงผมจะดีใจที่ได้เจอเธอแต่ผมก็อดที่จะตัดพ้อเธอเล็กๆไม่ได้ แหม...วันนั้นนึกว่าจะรอกินข้าวด้วยกัน รีบกลับไปไหนล่ะ วันนั้นต้องขอโทษด้วยจริงๆนะ เราต้องรีบกลับไปเคลียร์งานที่ออฟฟิศเก่าอ่ะ จ้า...ไม่เป็นไร ไม่โกรธหรอก เราล้อเล่นน่ะ พูดจบผมก็ฉีกยิ้มกว้างให้กับเธอ และเธอก็ยิ้มตอบผมด้วยเช่นกัน
นับตั้งแต่วันที่ทำงานวันแรก ผมได้นั่งกินข้าวกลางวันกับเธอทุกวัน ตรงโต๊ะประจำตัวเดิม ได้คุยกับเธอทุกวัน ได้เห็นหน้าเธอทุกวัน
และในการที่ผมได้มีโอกาสเจอเธอทุกวันนั้น ผมก็ยิ่งได้เห็นความน่ารักของเธอทีทวีเพิ่มขึ้นทุกวันด้วยเช่นกัน
จากการสังเกตุการณ์ของผมที่ชอบลอบมองข้ามไปที่แผนกของเธอ ทำให้ผมรู้อีกว่าเธอเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก และพี่ๆเพื่อนๆในแผนกต่างชอบเธอกันทุกคน
มีอยู่ครั้งหนึ่งเธอถามผมว่า แกไม่ชอบสาวๆที่นี่บ้างเหรอ น่ารักๆทั้งนั้นเลยนะ ฉันเห็นเอกเพื่อนฉันที่แผนกจีบอ้อยที่แผนกแกอยู่นี่ ไม่เอาอ่ะ...ฉันไม่อยากมีแฟนในที่ทำงานเดียวกัน ทำไมอ่ะ ก็หลายเรื่องอ่ะนะ ทั้งถูกคนนินทา แถมวันไหนหากทะเลาะกันก็ไม่เป็นอันทำงานอีก และยิ่งคู่ไหนเลิกกัน มันจะทำงานด้วยกันไม่ได้มองหน้ากันไม่ติดน่ะสิ อืม...จริงด้วยสิ เป็นเพื่อนกันเหมือนแกกับฉันดีกว่าเนอะ
ผมไม่พูดอะไร ได้แต่ก้มหน้ากินข้าวต่อไป ทั้งที่ใจคิดตรงกันข้ามกับที่พูดมา แต่...เฮ้อ ผมล่ะอยากตบปากตัวเองเสียจริง
จนเวลาผ่านไปนานๆ ผมกับเธอไม่ได้กินข้าวด้วยกันแล้ว เนื่องจากแต่ละคนเริ่มปรับตัวได้ จึงแยกย้ายไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนในแผนก
ผมได้คุยกับเธอน้อยลง เนื่องจากภาระที่รับผิดชอบในงานของตนมันมากซะเหลือเกิน
แต่...ทำไมนะ ความรู้สึกหลงไหลชื่นชอบในตัวเธอของผมกลับทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเธอคิดยังไงกับผม แต่จากลักษณะการพูดคุยกับผม เมื่อเราเจอกันตรงทางเดิน เธอคงเห็นผมเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน ที่เคยสนิทคนหนึ่งเท่านั้น
จนเวลาผ่านไประยะหนึ่ง วันที่ผมตัดสินใจลาออก
ได้ข่าวว่าแกจะลาออก ในขณะที่ผมนั่งดื่มกาแฟที่โต๊ะทำงานในตอนเช้า เชอรี่ก็เดินเข้ามาหาที่ผมถึงโต๊ะและถามถึงการตัดสินลาออกของผม คาดว่าเธอคงรู้จากเพื่อนที่ฝ่ายบุคคลแน่ๆ แกรู้มาจากใคร ผมถามกลับทั้งๆที่ผมก็พอรู้อยู่ว่าใครเป็นคนบอกเธอ
ฉันถามแกก่อนนะ นี่แกเห็นฉันเป็นเพื่อนอยู่หรือเปล่าเนี่ย หมู่นี่ก็ไม่ค่อยมาคุยด้วยเอาแต่หลบหน้าหลบตา ก็เห็นงานเธอเยอะ...ไม่มีโอกาสบอกด้วย งานฉันก็เยอะ
ทำไมถึงออกล่ะ เบื่อเหรอ อืม...ก็หลายๆอย่างล่ะนะ อีกอย่างฉันเดิมพันอะไรหลายสิ่งหลายอย่างไว้กับการลาออกครั้งนี้ด้วย เดิมพันอะไร เออน่า เดี๋ยวก็รู้ ฉันสัญญาว่าจะบอกเธอเป็นคนแรกเลย
แล้วที่ใหม่เป็นไง ดีไหม ก็ดีแหล่ะ ได้เงินมากกว่าอยู่ที่นี่ 5 พันได้ โห...ไปได้ดีนี่ งั้นไม่เป็นไร อภัยให้ได้ ผมเห็นสีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นยิ้มสดใสทันที
น่าแปลกที่ผมอยากเห็นเธอซึมเศร้ามากกว่านี้ที่รู้ว่าผมจะลาออกจากบริษัทนี้ไป เธอ...คงคิดกับผมแค่เพื่อนจริงๆล่ะมั้ง
และแล้ววันทำงานวันสุดท้ายของผมก็มาถึง เพื่อนๆที่บริษัทก็จัดงานเลี้ยงส่งให้กับผม และแน่นอน เชอรี่ก็ไปร่วมงานนั้นด้วย
ผมเฝ้าคอยหาโอกาสที่จะคุยกันตามลำพังกับเธอ และเมื่อโอกาสมาถึง ในขณะที่เพื่อนๆทุกคนกำลังเมามันกับอักษรคาราโอเกะที่อยู่หน้าจอทีวีสีขนาด 38 นิ้วนั้น ผมจึงได้เรียกเชอรี่ออกมาคุยด้วยกันข้างนอก
ผมนิ่งคิดอยู่นานว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี จนเชอรี่เอ่ยลอยๆขึ้นมาเบาๆ พรุ่งนี้ก็จะไม่ได้เจอแกแล้วเนอะ
ผมยังยืนนิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูดกับเธอ แกยังจำได้ไหม ที่ฉันบอกว่าฉันเดิมพันหลายสิ่งหลายอย่างไว้กับการลาออก จำได้... แล้วจำได้ไหม ที่ฉันบอกว่าฉันจะไม่จีบใครในที่ทำงานเดียวกัน จำได้ อย่าบอกนะว่าแกลาออกเพื่อจะจีบใครคนนั้น แล้วถ้าบอกว่าใช่ล่ะ... โห...ลงทุนว่ะ แล้วใครล่ะที่แกชอบอยู่ ผมตัดสินใจรวบรวมความกล้าอยู่นาน...จนเธอทวงถามถึงคำตอบผม
บอกมาเหอะน่า ฉันไม่ไปบอกใครหรอก เชอรี่...แกนั่นแหล่ะ ผมบอกเธอไปทันควัน
ผมสังเกตุเห็นเธอยืนอึ้งไปนานสองนาน คาดว่าเธอคงจะไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองจะได้ยินเท่าไหร่นัก
เชอรี่...ฉันรักแกว่ะ ผมเอ่ยวลีนี้ที่ฮอทฮิตอยู่ช่วงหนึ่งออกมาอีกครั้งเพื่อย้ำถึงความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอ
เธอ...ยังคงยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น หรือเธออยากให้ผมบอกกับเธอว่า เพื่อน...กูรักมึงว่ะ อย่างนั้นหรือเปล่า... แต่ผมตัดสินไม่บอกซ้ำเนื่องจากวลีนั้นค่อนข้างที่จะสยองจนเกินไป
ผมยังคงเห็นเชอรี่ยืนนิ่งอยู่ ผมจึงจะอธิบายถึงความรู้สึกที่ผมมีต่อเธอมานานแสนนานให้เธอฟัง แต่...เธอก็ได้วิ่งหนีผมไปเสียแล้ว และไม่แม้แต่ที่จะหันมองกลับมาเลย
นี่แหล่ะคือสิ่งที่ผมกลัวที่สุด ในการบอกรักใครซักคน และยิ่งกว่านั้น คนๆนั้น คือเพื่อนสนิท...
มิตรภาพ เริ่มต้นที่ปาก แต่...มิตรภาพก็จบลงที่ ปาก ได้เช่นเดียวกัน
Create Date : 12 พฤษภาคม 2551 |
Last Update : 12 พฤษภาคม 2551 0:16:35 น. |
|
5 comments
|
Counter : 1058 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: สิงห์อมบ๊วย วันที่: 12 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:01:14 น. |
|
โดย: ณู IP: 118.174.5.169 วันที่: 13 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:31:20 น. |
|
โดย: ยางมะตอยสีชมพู IP: 58.181.141.8 วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:7:08:11 น. |
|
โดย: GottaBeMary วันที่: 17 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:56:40 น. |
|
| |
|
ยางมะตอยสีชมพู |
 |
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

|
เป็นมนุษย์เงินเดือน รับใช้การตลาด ต้องคิดงานให้เกินคาด แล้วจะได้ตังค์ใช้
ชอบดนตรี เสียงเพลงเป็น ชีวิตจิตใจ ตัวอักษรนั้นไซร้ กัดแทะได้ ทุกวี่วัน

ของเค้าดีจริง เข้าไปเยี่ยมชมกันได้ครับ ^ ^ ถึงแม้ว่าผมอาจจะยังไม่ใช่นักเขียน
ถึงแม้ว่าผมอาจจะไม่มีคุณสมบัติแม้ที่จะคิดเขียน
และถึงแม้ว่า เรื่องที่ผมเขียนนั้นจะห่วยแตกแค่ไหนก็ตาม
แต่ว่ามันก็ออกมาจากมันสมองอันน้อยนิดของผม
ขอร้องเถิดครับ กรุณาอย่าเอาไป คัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลง
ส่วนหนี่งส่วนใดหรือทั้งหมดของงานเขียนของผมเลย (ยางมะตอยสีชมพู)
ผมขอสงวนสิทธิ์ตามกฏหมาย ซึ่งหากฝ่าฝืนโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว จะมีโทษ ปรับตามกฏหมายตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือนำเรื่องไปเสนอสำนักพิมพ์ ถือเป็น การเสนอขาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 4 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 800,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับนะครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
ที่ยังเข้าใจ และเห็นใจคนชอบเขียนห่วยๆอย่างผม
(ตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ. กฏหมายลิขสิทธิ์)
|
|
 |
|
อืม...ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ในความคุ้นเคยกันอยู่
มันแฝงอะไรที่มากกว่านั้น
เชอรี่เอ๋ย...เพลงมันอาจจะเก่าแต่เหมาะกับน้องเชอรี่มาก
ขออนุญาตadd.นะคะ