เพลงศึกอยุธยา (๖๓)
ส่งเสียงศัพท์อับอายน่าขายหน้า
ช้างรั้งผ้าพันกายชม้ายเหลียว
เขาเฮโลโห่ฉาวกันกราวเกรียว
กล่าวกันเจี๊ยวจ๊าวราวตลาดนัด
อยากจะเอาหัวซุกเข้ากระสอบ
เข้ากระต๊อบจัดการเอาดาลขัด
เสียงคำกำไลดังยิ่งฟังชัด
ว่าเปรตวัดฉัททันต์ต้องหวั่นกลัว
เพราะอ้ายเปรตทโมนป่าโทนนี้
มันชิงดีชิงเด่นได้เห็นทั่ว
เป็นเปรตอั้นตัณหาหูตามัว
แหม..เสียงหัวเราะมันช่างหยันเย้ย
เผลอตัวชั่วขณะใจขบถ
อัปยศอดสูแล้วกูเอ๋ย
อีกำไลไม่รู้ใจกูเลย
สุดเฉลยเอ่ยปากกระดากใจ
มิยับยั้งพลั้งพลัดทำบัดสี
มิควรที่พลั้งจิตผิดวิสัย
กูขมขื่นกลืนกล้ำแล้วกำไล
ต่อนี้ไปไม่กล้าสบตามึง
อ้ายช้างหมองตรองตรึกสำนึกรู้
ทำจู่ลู่วู่วามเพราะความหึง
ในอกหวนครวญคร่ำเพ้อรำพึง
ใจเอ๋ยใจไยจึงต้องหึงมัน
จากคืนค่ำย่ำเข้าจนเช้าตรู่
ธรรมชาติยังรู้เปลี่ยนเวียนผัน
หัวใจผู้อยู่ใต้เดือน/ตะวัน
ย่อมมีอันหันเหียนแปรเปลี่ยนตาม
เคยดำรงคงเคียงแต่เพียงแพร
ครั้นได้แลกำไลหวั่นใจหวาม
ก็เออนี่แหละนะฉันทะกาม
กูจะห้ามอย่างไรหนอใจกู
เศร้าเจ่าจุกทุกข์โศกโบกกระหน่ำ
กอดเข่าคร่ำครวญใคร่จนไก่กู่
แทรกเสียงกาเหว่าเคล้านกเขาคู
เป็นลูกคู่ขานขับรับตะวัน
ควายเฒ่า