เพลงศึกอยุธยา (๕๙)
ล่วงเข้าสู่เดือนสามหน้าน้ำลด
หมอกบังบดทุ่งบางเป็นฟางฝ้า
พอแสงแดดแผดพร่างหมอกจางตา
เห็นหมู่ม้าลุยฟากทุ่งปากกราน
บ่ายโฉมหน้าฝ่าทุ่งสู่กรุงศรี
หลังจากที่สืบสาวหาข่าวสาร
ลาดดูความเป็นไปเหล่าภัยพาล
ที่ตั้งฐานชานขอบพระนคร
เข้าแจ้งต่อหมื่นทรงเดชโกษา
มีนาวาปิดย่านด่านขนอน
วัดโปรดสัตว์ตัดบั่นทางสัญจร
ล้วนเรือมอญหนุนทัพนอระทา
ส่วนทัพหนุนเนเมียวหบดี
ตั้งย่ำยีย่านเหนืออนาถา
ชาววิเศษไชยชาญทุกชายคา
ถูกพม่าล้างผลาญทุกชานครัว
จึงทำอุบายบอกหลอกพม่า
เข้าพนาลำเนาตัดเอาหัว
แล้วชาวบ้านร้านช่องที่หมองมัว
ไปรวมตัวกัน ณ บ้านระจัน
มีอ้ายหนวดเขี้ยวหินจัน, อิน, เมือง
ดอก, พันเรือง ชื่อคุ้นอีกขุนสรรค์
อ้ายโชติ, แท่น, ทองแก้วแกร่งฉกรรจ์
อีกหนึ่งนั้นทองเหม็นมากฝีมือ
มีพระครูวัดทางเขานางบวช
คาถาสวดดีเหลือคนเชื่อถือ
อาคมเวทย์วิชาเลื่องระบือ
ท่านมีชื่อธรรมโชติคนโจษแจ
ส่วนข่าวท่านเจ้าคุณสุนทรชัย
เขากล่าวในทำนองสองกระแส
หนึ่งว่าเมืองสุพรรณเปลี่ยนผันแปร
ยอมขึ้นแก่โปแมงนอระทา
เหมือนเมืองกาญจน์เมืองราชบุรี
ถูกขยี้กดดันเป็นปัญหา
ขืนสู้เหมือนคิดสั้นสุดปัญญา
ทนก้มหน้ามาในทัพไพรี
อีกทางบอกออกพระพาผู้คน
ทั้งไพร่พลพาราเข้าป่าหนี
ไม่รู้จะเชื่อในข้างไหนดี
จบข้อข่าวกล่าวชี้ฉะนี้แล
นายหมื่นทรงส่งยิ้มออกริมปาก
ว่าข่าวจากกรมในวังไม่แน่
การข่าวฝ่ายเราค่อนข้างอ่อนแอ
อาศัยแค่ชาวด่านรายงานมา
ความนั้นเท็จเจ็ดส่วนมีจริงสาม
ยังเอาความนั้นตรึกนั่งปรึกษา
แล้วนักรบบุรุษอยุธยา
จะรบราอย่างไรหวั่นใจนัก
ต้องอาศัยซึ่งอาทมาตเก่า
พี่ผันเราข้าเห็นได้เป็นหลัก
ลาดตระเวนข่าวเน้นไม่เว้นวรรค
ผ่านศึกหนักหว้าขาวแต่คราวนั้น
อีกพวกหัวกะทิชาววิเศษ
ล้วนสืบเพศอาทมาตไม่หวาดหวั่น
หนำซ้ำเก่งดาบควงทะลวงฟัน
มีชื่อชั้นแต่ดั้งแต่เดิมมา
ขอบใจในความยากที่บากบั่น
ไปพักเถิดพี่ผันให้หรรษา
เราต้องลำบากกายอีกหลายครา
เรื่องของวันข้างหน้าค่อยว่ากัน
ควายเฒ่า