วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 (1)

รูปจาก //www.ksl.com
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมากลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด เจอหน้าแม่ ก็ถามทันที เนี่ยเทศบาลเค้าให้ไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี แม่กับพ่อจะไปดีไหม เพราะคนข้างบ้านเค้าบอกว่า อย่าไปฉีดเลยเพราะเดี๋ยวกลายเป็นหนูลองยา
นั่งดูโทรทัศน์ก็มีข่าวอีก วัคซีนที่เราผลิตมีส่วนผสมของไข่ไก่ ฉนั้น ห้ามคนแพ้ไข่ไปฉีด ต่อด้วยพรรคฝ่ายค้านแถลงข่าวว่า รัฐบาลจะใช้เวลาเวลาทดสอบวัคซีนแค่สามเดือน ทั้งที่ต่างประเทศใช้เวลาสองปี
เราทุกคนล้วนผ่านการฉีดวัคซีนมา แต่กลับรู้จักวัคซีนน้อยมาก ผมเลยอยากจะคุยเรื่อง Hot Hit Issue นี้ว่า อะไรคือข้อเท็จจริง อะไรคือเรื่องที่เราต้องเข้าใจ ก่อนที่ทุกคนจะได้ใช้วัคซีนตัวนี้
จุดเริ่มต้นของเรื่องราว
หลายปีก่อน มีการระบาดของไข้หวัดนก ซึ่งเป็นโรคที่มีอัตราการตายที่สูงมาก ในขณะที่ประเทศไทยเองก็วิตกว่า หากมีการระบาดเป็นวงกว้าง ประเทศที่เป็นเจ้าของโรงงานผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลก อาจจะกีดกันการซื้อวัคซีนของประเทศเล็กๆ ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงได้
ฉนั้น ในฐานะที่ประเทศเราก็ผลิตวัคซีนมานานแล้ว จึงไม่น่ายากที่เราจะมีโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพื่อใช้ในประเทศ และหากเกิดโรคระบาด ก็สามารถปรับไปผลิตวัคซีนไข้หวัดนกได้ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นคงทางสาธารณสุขของประเทศ
ช่วงเวลานั้นรัฐบาลได้สั่งการให้กระทรวง ทบวง กรม เสนอโครงการที่ใช้เงินลงทุนสูงเรียกว่า Mega Project ซึ่งหนึ่งในโครงการที่นำเสนอนั้น คือ โรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ หากรัฐบาลให้เงินทั้งโครงการจริง การดำเนินการที่เร็วที่สุดก็คือ การถ่ายทอดเทคโนโลยี่จากผุ้ผลิต หรือ Technology Transfer
การเมือง... เรื่องของวัคซีน
หลังจากได้เงินงวดแรกมา กำลังจะตอกเสาเข็มสร้างโรงาน รัฐบาลชุด พตท. ทักษิณก็หายไป พร้อมกับลมหายใจของโครงการนี้ รัฐบาลต่อมาก็เผชิญปัญหาวิกฤษเศรฐกิจที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ทำให้เลิกคิดฝันไปได้เลย กับโครงการที่ไม่ใช่เรื่องเฉพาะหน้าเช่นนี้
พอดีกับที่องค์การอนามัยโลกมองหาประเทศกำลังพัฒนา ที่จะผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพราะการแก้ปัญหาขาดแคลนวัคซีน ไม่ใช่ปัญหาของประเทศใดประเทศหนึ่ง การช่วยให้ประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งแหล่งการผลิตได้ ก็จะเพิ่มความมั่นคงด้านวัคซีนให้กับคนทั้งโลกเช่นกัน ไทยเป็นหนึ่งในห้าที่ได้รับการคัดเลือก
องค์การอนามัยโลกจึงให้เงินและผู้เชี่ยวชาญกับประเทศไทย เพื่อพัฒนาโครงการวัคซีนต้นแบบ ซึ่งหากสำเร็จก็จะเป็นแรงจูงใจ ให้รัฐบาลอนุมัติเงินเพื่อสร้างโรงงานในระดับการผลิตจริงขึ้น ซึ่งโครงการนี้ก็พัฒนาเรื่อยมา และถือว่าไทยก้าวหน้าที่สุดแต่
ทำไมต้องรัสเซีย
พ.ศ. 2552 เกิดการระบาดใหญ่ของไข้หวัด 2009 จึงมีการมองเห็นความสำคัญของการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 ของเราเอง หากจะรอวัคซีนต้นแบบ มันก็เป็นแค่ไข้หวัดตามฤดูกาล ถ้าต้องมาตัดต่อกับ H1N1 มันก็คงไม่ทันการณ์ วิธีการที่รวดเร็วที่สุดก็ต้องหา เชื้อต้นแบบที่พร้อมนำมาผลิตได้ทันที
หากมองว่า การผลิตวัคซีนนั้นเป็นเรื่องของการใช้เทคโนโลยี่ ไม่ใช่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า ฉนั้นผู้ผลิตยักษ์ใหญ่แต่ละราย จึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะขายเทคโนโลยี่นี้ให้กับไทยแต่อย่างใด
แต่ประเทศรัสเซียนั้น ไม่ได้เป็นผู้จำหน่ายในตลาดโลก เพียงผลิตใช้ในประเทศ การขายเทคโลยี่ให้ไทย เป็นโอกาสที่จะแสดงให้โลกเห็นศักยภาพด้านนี้ และก็เป็นการเปิดตลาดด้านนี้ให้คนทั่วโลกได้รู้จัก Win-win situation
Create Date : 20 กรกฎาคม 2552 |
|
5 comments |
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 10:00:43 น. |
Counter : 1464 Pageviews. |
 |
|