การประท้วงปิดสนามบิน กับผลกระทบที่คาดไม่ถึง! ในหนังผีกระป๋องสุดเอาท์ฉบับ 3D : The Childs Eye

===========
The Childs Eye ===========
ได้มีโอกาสเข้าไปดู The Childs Eye หนังผี 3D ของพี่น้องตระกูลแปง ในวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ก่อนหน้าที่จะมีการชุมนุมประท้วงปิดถนนพิษณุโลกของกลุ่ม พธม.ปชช.เพื่อปชต. (25 ม.ค.) ซึ่งผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ The Childs Eye นำเสนอ ย้อนรอยการชุมนุมประท้วงปิดสนามบิน ของกลุ่ม พธม.ปชช.เพื่อปชต.ที่เกิดขึ้นกว่า 1 อาทิตย์ในช่วงปี 51 สร้างความเดือดร้อนทางด้านเศษฐกิจมากมาย และเป็นที่มาให้เกิดเหตุการณ์ลี้ลับมากมายให้หนังตระกูล 'เห็นผี' ของ 2 พี่น้องตระกูลแปงเรื่องนี้ โดยข้อเรียกร้องครั้งใหม่ของกลุ่ม พธม.ปชช.เพื่อปชต.ต่อผู้นำรัฐบาลแห่งปท.ไทย คือ 1. ถอนตัวออกจากคณะกรรมการมรดกโลก 2. ยกเลิกเอ็มโอยู 2543 และ 3. ผลักดันชาวกัมพูชาออกไปจากแผ่นดินไทย โดยมีคำยืนยันจากทางแกนนำม็อบในการเพิ่มมาตรการกดดันรัฐบาล พร้อมประกาศอาจมีการบุกยึดทำเนียบรัฐบาลอีกระลอกก็เป็นไปได้
สิ่งที่ดูเป็นกังวลที่สุดเห็นจะไม่พ้น การเกิดขึ้นอีกครั้งของการชุมนุมประท้วงปิดสนามบินนานาชาติในปท. ซึ่งนั้นอาจไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะนี้คือกลุ่มผู้ประท้วงเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งสร้างผลกระทบมากมาย และทำได้โดยมีผู้สนับสนุนมากมายทั้งดารา, นักร้อง, นักแสดง, นักธุรกิจ, นักศึกษา และนักการเมืองซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในรัฐบาลปัจจุบันผลกระทบของการประท้วงปิดสนามบิน ถูก 2 พี่น้องตระกูลแปง จับมาเป็นเงื่อนไขให้กับกลุ่มตัวละครที่จะต้องเผชิญกับชะตากรรมสยองขวัญ และเรื่องลี้ลับซับซ้อนมากมาย จนทำให้หนังดูสับสน เลอะเทะ ขาดน้ำหนัก เหตุและผลอย่างไม่มีชิ้นดี ความจริงสไตล์การนำเหตุการณ์จริงมาประกอบไว้ในหนังของอ๊อกไซค์ เคยทำได้ดีมากในฉากแก็สระเบิด(บนถนนเพรชบุรี)จากหนังเรื่อง The Eye คนเห็นผี
เมื่อเข้าใจในโจทย์ที่ 2 พี่น้องแปงตั้งไว้ว่า เมื่อกลับประเทศฮ่องกงบ้านเกิดของเหล่าพระเอกนางเอกไม่ได้เนื่องจากการชุมนุมจราจลปิดสนามบินของผู้ประท้วงในครั้งนั้นแล้ว ต่อจากนี้ก็เป็นชะตากรรมของคนดูด้วย ที่จะต้องทนอยู่ในเหตุการณ์อันแสนจะอึดอัดในโรงแรมจิ้งหรีด ที่กลุ่มนักแสดงต้องจำใจเข้ามาอยู่ เพื่อรอการเดินทางกลับประเทศครั้งใหม่ในอีกไม่นานจืดสนิท เดาอะไร ก็ถูกหมด และดู 2 พี่น้องตระกูลแปง จะมีความสุขมากกับการครีเอทการปรากฏตัวของผี, ปีศาจ! ในหลาย ๆ ฉากมากเหลือเกิน แต่ไม่ว่าจะมาแบบไหนในหนังเรื่องนี้ มันดูเอาท์ไปหมด เชยสุด ๆ แม้จะดูผ่านระบบที่กำลังเป็นที่นิยมอย่าง 3D ก็ตามที มันช่างน่าเบื่อซะนี่กะไร ฉากเมืองกงเต็ก ซึ่งดูจะเป็นไฮไลท์ที่เตรียมไว้โชว์ระบบ 3D สุดๆ แต่ดันไม่มีอะไรใหม่ไปกว่า ฉากกองขยะในเรื่อง Re-cycle ของพวกเขาอีกเช่นกัน(เรื่องนั้นก็ว่าน่าเบื่อแล้วนะ)
กลุ่มนักแสดงมาพร้อมความน่ารักที่ถูกทำลาย คือ ถูกทำให้ต้องทำหน้าเครียดๆกันอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะนางเอก(น่ารักมาก)แต่มาอยู่ในหนังเรื่องนี้แล้วก็เครียดมันทั้งเรื่อง ส่วนปริศนาที่กลุ่มนักแสดงต้องร่วมไขนั้นก็ ไม่ได้น่าตื่นเต้นหรือมีเซอร์ไพส์อะไรมากมายไปกว่าประวัติความเป็นมาของโรงแรม และเจ้าของโรงแรม นักแสดงประกอบก็เครียดมันทั้งเรื่องเช่นกันไคลแม็คซ์ เชย ๆ ประเภทสร้างดราม่าให้ผี เอาตัวเอกมาเตือนสติให้ย้อนนึกความหลัง ผลที่ได้รับในฉากแบบนี้ มันช่างดูเหมือนละครโทรทัศน์ ประเภท นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ( ........ ) ซึ่งดูเป็นการดูถูกคนดูเหลือเกิน (ล่าสุดที่ดูก็มีเกิดขึ้นหลายฉากในหนังเรื่อง"ชิงหมาเถิด") ลองสังเกตปฏิกิริยาของคนดูร่วมกันในโรงหนัง ฉากไหนที่อยากให้ตกใจในหนังเรื่องนี้ กลับไม่มีผลกับคนดูเลย...นิ่งมาก
เมื่อดูจบก็เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า ในมุมมองของพี่น้องแปงมองว่าการชุมนุมเรียกร้องปิดสนามบินไล่รัฐบาลนั้นเป็นความชอบธรรมที่มุ่งมั่น บริสุทธิ์ มีอุดมการณ์ ซึ่งส่วนตัวตั้งความหวังไว้ตั้งแต่ได้ดูหนังตัวอย่างแล้วว่า หาก 2 พี่น้องแปงจะเล่นในเหตุกรณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯนั้น ถ้า The Child's Eye ตกประเด็นที่ WikiLeaks เผยถึงเบื้องหลัง 7 ตุลาฯ ไปนั้น ตัวหนังจะดูเอาท์ไปในทันที แต่ที่สุดเมื่อดูแล้ว แม้พี่น้องตระกูลแปงจะไม่ไปแตะประเด็นการเมืองโดยตรง(โฉบๆตามป้ายผ้า,ใบปลิว,ข้างกำแพง) แต่เอาแค่ด้วยประเด็นเฉพาะในส่วนที่เป็นหนังผีแล้วนั้น The Childs Eye ถือเป็นหนังที่ถอยหลังลงไปเล่นน้ำคลอง ที่สมบูรณ์แบบที่สุดของ 2 พี่น้องตระกูลแปง ก็รอวันที่จะได้เห็นเขากลับขึ้นมาบนฝั่ง เพื่อทำหนังที่ดีจริงๆให้เราได้ดูกันอีกครั้ง เช่นหนังในดวงใจอย่าง 'ท้าฟ้าลิขิต' และ 'คนเห็นผี'
สำหรับหนังฮ่องกงเรื่องนี้ แม้จะได้เสียงที่พากษ์โดยทีมงานคุณภาพอย่าง 'พันธมิตร' ก็แทบไม่ได้ช่วยให้ตัวหนังมีความสนุกเพิ่มขึ้นได้เลยแต่อย่างใด และนี่แหละ...
หนังผีกระป๋อง สุดเอาท์ฉบับ 3D