Four Past Midnight นาทีสยองขวัญ 2



นาทีสยองขวัญ 2 Four Past Midnight (1990) โดย Stephen King


สนพ.วันวิสาข์ แปลโดย กฤษฎา วิเศษสังข์


...ต่อ... นาทีสยองขวัญ 1

เล่มที่ 2 มีอีก 2 เรื่อง

The Library Policeman

เมื่อ Sam Peebles ต้องรับภาระการพูดบรรยายในงานโรตารี่ท้องถิ่น แทนนักพูดประจำที่ได้รับบาดเจ็บจากการเล่นกายกรรม เขาจึงร่างคำบรรยายเพื่อให้ประทับใจที่สุดและด้วยการช่วยเหลือของ Naomi Higgins ที่แนะนำให้เขาลองเติมคำคมประโยคเด็ดๆลงไป โดยแนะนำให้เขาไปยืมหนังสือจากห้องสมุดสาธารณะประจำท้องถิ่น

Sam ซึ่งไม่เคยใช้บริการห้องสมุดเลย ก็ได้แวะเวียนไปจนได้พบกับบรรณารักษ์อย่าง Ardelia Lortz ที่ดูลึกลับและบรรยากาศของห้องสมุดก็ดูวังเวง โบราณผิดปกติ แถมห้องสมุดของเด็กก็ยังติดรูปประหลาดๆชวนหวาดกลัวสำหรับเด็กๆมากกว่าที่จะชวนเข้าไปใช้ เช่นรูปเด็กกรีดร้องอยู่ข้างๆชายลึกลับในรถคันหนึ่ง

แต่สุดท้ายเขาก็ได้ยืมหนังสือไป 2 เล่มตามคำแนะนำของ Naomi คือคู่มือนักพูดและโคลงยอดนิยมของชาวอเมริกัน ก่อนที่จะออกมา Ardelia ได้กำชับให้ Sam คืนหนังสือให้ตรงตามกำหนด ถ้าไม่อยากเจอ "ตำรวจห้องสมุด" ไปตามถึงบ้าน ซึ่งเขาแค่นึกถึงชายในรถคันนั้น แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก

เมื่อ Sam กลับมาก็ได้ถามไถ่กับ Naomi ว่ารู้จัก Ardelia ไหม ซึ่งเธอก็บอกรู้จัก แต่บอกเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเจอกับ Ardelia พอเขาถามต่อ เธอก็เฉไฉไปเรื่องอื่นจนเขาลืมจนได้

เมื่อการพูดผ่านไปได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยคำชมที่มากมายและเป็นปลื้ม เขาก็ดันลืมว่าจะต้องคืนหนังสือ จน Ardelia โทรมาเตือน และพอพ้นกำหนด"ตำรวจห้องสมุด"ก็โผล่มาจริงๆ พร้อมกับความน่ากลัว สร้างความหวาดผวาอย่างสุดขีดให้กับเขา พร้อมทั้งขีดเส้นตายให้กับเขารีบนำหนังสือมาคืน

เขาออกค้นจนทั่วบ้าน จนนึกขึ้นมาได้ว่า Dave 'Dirty' Duncan ที่เขาให้มาเก็บกองหนังสือพิมพ์เก่าๆในบ้านไปขายได้ อาจจะเก็บมันไปด้วย ตอนแรก Dave ปฎิเสธ จนเขาไปตามถึงโรงงานย่อยสลายขยะและของเก่าจึงเห็น ปกหนังสือบางส่วนตกอยู่

เขาจึงต้องคาดคั้นทั้ง Naomi และ Dave ให้เล่าความจริงแก่เขาว่า Ardelia คือใคร ซึ่งทั้งคู่รู้จักกันอยู่แล้ว เพราะ ร่วมสมาคมกันเพื่อเลิกการติดเหล้าพร้อมกับคนอื่นๆในชุมชนเป็นประจำ สุดท้าย Dave ก็เปิดเผยว่า เขาเคยเป็นผู้ช่วย Ardelia คอยวาดภาพต่างๆที่อยู่ในห้องสมุดนั้นเอง และ Ardelia ก็เข้ามาอยู่ในชุมชน Junction City นี้เมื่อ 30 ปีก่อน และเป็นที่ชื่นชอบรักใคร่ของคนในชุมชนตั้งแต่แรกพบเจอ ด้วยหน้าตาของเธอ จนเธอได้ไปช่วยงานบรรณรารักษ์ในยุคนั้น แต่บรรณารักษ์คนนั้นก็ได้ตายไปในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากขัดแย้งกับเธอเรื่องรูปวาดอันน่ากลัวที่ใช้ติดในห้องสมุด ในสภาพการตายที่ทุกคนคิดว่าปกติ แต่ Dave รู้ทันทีว่าไม่ใช่ แล้วเธอก็ขึ้นเป็นบรรณารักษ์แทน

ระหว่างนั้น เด็กๆทุกคนจะคอยนั่งฟังเธอเล่านิทานอันน่ากลัว พร้อมบรรยากาศโปสเตอร์ที่น่ากลัว โดยที่ Dave ก็ไม่ได้คัดค้าน เพราะเขาก็ล่วงรู้ความจริงบางอย่างของเธอ จนไม่กล้า บางคนถูกเธอแยกเดี่ยวไปข่มขู่ พร้อมกับ...ดูดกลืนกินน้ำในตา...(อ้ากกกกกก) ไม่มีผู้ปกครองท่านใดสงสัย เพราะเธอจะปลดโปสเตอร์รูปเหล่านั้นลงก่อนที่จะมีใครมาพบเห็นเข้าหรือคอยเปลี่ยนเรื่องที่จะเล่า

แต่แล้วนายอำเภอ John Fowler ก็สงสัยขึ้นมาจึงค้นประวัติของเธอก่อนที่จะมาอยู่ในชุมชนนี้ เธอจึงเร่งรัดจัดการทั้งเขาและเด็กอีก 2 คน ก่อนที่ร่างกายของเธอจะเปลี่ยนแปลง ส่วนตัวเขาได้แค่เตือนภรรยาและลูกของ John ให้หนีไป แล้ว Dave ก็ซ่อนตัว... ส่วน Ardelia เธอก็หายไป แล้วห้องสมุดยุคนั้นก็กลับมาปกติ

จนบัดนี้ Ardelia เธอก็กลับมาแล้วก็ล่วงรู้ว่าจะหา Dave ได้ที่ใด และที่เธอเล็ง Sam ไว้ เพราะเธอต้องการร่างกายของเขาเพื่อเปลี่ยนแปลงถ่ายเทเข้าครอบครองร่างของเขาเป็นที่พักพิงใหม่... Ardelia ก็คือ  "ตำรวจห้องสมุด" นั่นเอง และพวกเขาก็ร่วมมือจัดการกับเธอจนสำเร็จ


สงสัยแนว Horror แบบเรื่องนี้จะไม่ค่อยเข้ากับผมสักเท่าไหร่แฮะ แม้ช่วงแรกๆจะออกไปทางสืบค้นหาความจริง ถามว่าน่ากลัวไหม จริงๆแล้วไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะการดำเนินเรื่องด้วยละมั้งที่ผมรู้สึกว่ามันอืดๆ และพอเฉลยมาก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นระทึกใจขนาดนั้น เป็นตอนที่อ่านได้ช้าที่สุดเลย

423 หน้า สำหรับ It ภาคพิสดาร ฉบับแปลเขาว่าอย่างนั้น แล้วจะอ่าน It ได้ไหมเนี่ย...6.5/10

The Sun Dog

เมื่อ Kevin Delevan ได้รับกล้องโพลารอยด์ Sun 660 เป็นของขวัญในวันเกิดครบรอบปีที่ 15 พร้อมกับของขวัญอื่น เช่น เนคไทที่ป้าของเขาส่งมาทุกๆปี แล้วเมื่อเขาเริ่มถ่ายรูปครอบครัว ฟิล์มโพลารอยด์ก็ค่อยคืบคลานออกมา แต่รูปที่พวกเขาเห็นกลับไม่ใช่รูปสมาชิกครอบครัว...

รูปนั้นเป็นรูป หมาหันหลังเห็นแต่ขาหลัง 2 ข้าง ยืนดมอยู่ริมรั้วสีขาว ที่มีหลักไม้สีขาวเป็นช่องๆพร้อมกับบรรยากาศโบราณประมาณราวยุค 1800 ได้ ยิ่งถ่ายต่อไป รูปก็ยังออกมาเหมือนเดิม เพียงแต่หมามันเคลื่อนที่ขยับไปตลอดริมรั้วนั้น พ่อแม่ของเขาบอกเป็นเรื่องผิดปกติธรรมดาแล้วไม่ได้สนใจอะไรอีก แต่ Meg น้องสาวเขา บอกเป็นเรื่องปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ

รุ่งขึ้น Kevin ก็ได้ไปปรึกษากับ Reginald "Pop" Merrill เจ้าของร้านของเก่าประจำเมือง Castle Rock ผู้รับซ่อมทุกอย่าง Pop จึงแนะนำให้เขาลองถ่ายรูปแบบเว้นช่วงทีละชั่วโมง 2 ชั่วโมง 3 ชั่วโมงไปเรื่อยจนครบ 58 รูปได้ เมื่อกลับมาดูอีกรอบ พวกเขาจึงเห็นว่าหมาตัวนั้นเริ่มหันหน้ามามอง ขยับตัวเตรียมกระโจน บนคอของมันมีเนคไทของ Kevin อีกด้วย

แล้วเมื่อพ่อของเขารู้เรื่องว่าเขาไปติดต่อกับ Pop ก็รู้ว่าเรื่องยุ่งยากกำลังจะตามมาแน่ๆ เพราะพ่อของเขาเคยกู้เงินจาก Pop เมื่อสมัยแพ้พนันกับหัวหน้างานแล้วไม่มีเงินจ่าย จึงต้องมาขอกู้ยืมเงินเขาพร้อมดอกเบี้ยมหาโหด ขณะที่ Kevin ก็ฝันร้ายบ่อยๆ พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะไปทำลายกล้องที่ฝากซ่อมไว้ที่ร้านทิ้งไม่ให้เหลือซาก

แต่ Pop มองเห็นกำไรที่จะได้จากมันจึงแอบสับเปลี่ยนกับกล้องที่เขาไปซื้อมาเตรียมไว้แล้ว แล้วก็เร่ขายกล้องของ Kevin ให้กับเศรษฐีพวกนิยมเรื่องผีๆ แต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีใครซื้อ เพราะปกติเขาจะขายของปกติในแบบหลอกลวงที่ใครๆก็จับไม่ได้ แต่นี่ทุกคนมองว่าเขาขายของหลอกลวงในแบบปกติ (...555...) ทุกครั้งที่ไปขายเขาก็กดชัตเตอร์ถ่ายรูปเพื่อเสนอขายไปด้วย... ยิ่งกด หมาตัวนั้นก็เริ่มกระโจนเข้ามาใกล้ทุกที เริ่มแยกเขี้ยวยิงฟันอันน่ากลัวเหมือนมันจะหลุดออกมาจากกล้องให้จงได้

Kevin ก็ยังฝันร้ายอยู่บ่อยๆ จนเขาเริ่มตะหงิดว่า Pop อาจไม่ได้ทำลายกล้องนั้นจริง แถมในฝันหญิงอ้วนคนหนึ่งยังมาบอกว่า "ระวังหมาของ Pop ให้ดี ถ่ายรูปมันให้ทันล่ะ" จนเขานึกถึงสภาพกล้องก่อนทำลายได้ว่าช่องมองกล้องที่บอกว่าเหลือรูปอยู่เท่าไหร่มันไม่ใช่เลข "0" แต่เป็นเลข "3" เพราะเขาถ่ายรูปจนหมดไปแล้ว

เมื่อกลับมายังร้านเขากับพ่อพร้อมกล้องโพลารอยด์ที่ซื้อมาใหม่ตามลางสังหรณ์ของ Kevin แล้วทั้งคู่ก็เห็นกล้องของเขาแขวนไว้อยู่จริงๆ ส่วน Pop ที่แอบซ่อนอยู่จึงรีบเข้าทำลายกล้องนั้นเสีย แต่ไม่ทันแล้วตัวเขาเผชิญกับมันมามากพอจนตกอยู่ในภวังค์ มือกดชัตเตอร์ไปไม่รู้ตัว หมาเริ่มพ่นไฟควันเหมือนออกจากจมูก ตัวเริ่มขยายออกมาจากกล้องเหมือนมาจากบรรณพิภพอื่นๆ...เขาจึงรีบกดชัตเตอร์จากกล้องตัวใหม่เพื่อถ่ายรูปมัน...แล้วมันก็ค่อยๆสลายไปในที่สุด...


เรื่องนี้กับจำนวนหน้า 297 หน้า ถือว่าอ่านได้เพลินๆ พล็อตเรื่องไม่มีอะไรมากมายเท่าไหร่ ไม่สยอง ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เล่นกับอุปกรณ์อย่างกล้องถ่ายรูปก็แค่นั้น... 7/10


เรื่องแรก 2 เล่มแรก 4 อรรถรส ที่ได้อ่านงานของ King มีอีกหลายเล่มให้อ่าน ถามว่าคุ้มไหม สนุกไหมในภาพรวมทั้ง 4 ตอนขนาดยาว ก็เห็นแนวทางของ King อยู่ ผมว่าอ่านยากกว่างานของ Dean Koontz นะ แต่ถ้าเรื่องอื่นของเขาดำเนินเรื่องเหมือน The Langoliers ที่เป็นตอนที่ชอบที่สุดใน 4 เรื่องนี้ เห็นแววว่าคบกันได้อยู่ ... ไม่ใช่ผมคนเดียวนะ เท่าที่อ่านรีวิวต่างๆจากเว็บฝรั่ง ส่วนมากก็ชอบเรื่องแรกมากที่สุดนั่นแหละครับ

"ผมไม่สามารถมีชีวิตโดยปราศจากหนังสือ"
Thomas Jefferson 10/6/1815 (จดหมายถึง John Adams)


คะแนน (รวมทั้ง 4 ตอน 2 เล่ม) 7.5/10  




Create Date : 16 ธันวาคม 2557
Last Update : 17 ธันวาคม 2557 14:49:35 น.
Counter : 1553 Pageviews.

2 comments
  
งานของคิงเป็นงานที่แปลกอยู่อย่างครับ ถ้าชอบก็ชอบไปเลย ถ้าเกลียดก็เกลียดไปเลยเหมือนกัน หลายเรื่องผมชอบมากๆ อย่าง it the stand หรือล่าสุด docter sleep แต่บางเรื่องก็อ่านไม่จบ จนบัดนี้ยังไม่ได้กลับไปเริ่มอ่านใหม่เลยก็มี (อย่าง จากบูอิคที่8) ครับ
โดย: สามปอยหลวง วันที่: 17 ธันวาคม 2557 เวลา:7:52:43 น.
  
คุณสามปอยหลวง ไม่ถึงขั้นเกลียดหรอกครับ อ่านได้เพลินๆอยู่ฮับ เดี๋ยวไว้จะลองเล่มยาวๆดูบ้างอย่าง The Stand, It ครับ...

ผมว่า King ต้องมีดีอะไรสักอย่าง ออกจะเบสต์เซลเลอร์ รีวิวต่างประเทศเยอะมากๆ ติดชาร์ทนักเขียนเกือบทุกเว็บ ในไทยนี่หนังสือเก่าๆนี่ถือว่าเป็นของหายาก ใครปล่อยเป็นอันหมด

อาจจะต้องอ่านงานของเขามากหน่อย จนน่าจะจับจุดเด่นของเขาจนเจอ แล้วผมคงเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่องานของเขาได้มั้งครับ
โดย: leehua (สมาชิกหมายเลข 755059 ) วันที่: 17 ธันวาคม 2557 เวลา:14:59:30 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 755059
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]



New Comments
ธันวาคม 2557

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog