The Brotherhood Of The Rose แค้นเพชฌฆาต


แค้นเพชฌฆาต The Brotherhood Of The Rose (1984)
โดย David Morrell

สนพ.จิงโจ้ แปลโดย ประดิษฐ์ เทวาวงศ์


Eliot หัวหน้า CIA เลี้ยงเด็กกำพร้าไว้ 2 คน Saul กับ Chris เขาให้ความรัก ให้ความรู้ ทุกอย่างที่เขาจะมอบให้ได้ เพื่อสร้างให้เด็กทั้งสองคนโตขึ้นมา เป็นนักฆ่าที่เก่งชนิดไม่มีใครเทียบ Saul กับ Chris เรียกเขาว่า "พ่อ" และยอมทำงานให้เขาทุกอย่าง แม้กระทั่งฆ่าคน

วันหนึ่งเขาทำงานพลาด จนจำเป็นต้องฆ่าปิดปากลูกทั้งสองคน เพื่อช่วยตัวเองให้อยู่รอด Saul กับ Chris จะสู้โดยฆ่าพ่อเลี้ยงให้ได้ก่อนหรือจะอยู่เฉยๆแล้วโดนฆ่าปิดปาก


เล่มแรกที่อ่านงานของ David Morrell ผู้เขียน First Blood ที่นำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เรื่อง Rambo นั่นเอง รีวิวฝรั่งหลายๆที่ยกให้เป็นเรื่องที่ดีที่สุดของเขาเลย โดยมีภาคต่อตามมาอย่าง The Fraternity Of The Stone (บาปเปื้อนมือ : สมพล สังขะเวส แปล) และ The League Of Night And Fog (มีฉบับแปล 3 ครั้ง 1.เพชฌฆาตแตกรัง : สมพล สังขะเวส แปล, 2.ระห่ำ และ 3.คู่ระห่ำพันธุ์มหากาฬ : ก.อัศวเวศน์ แปลทั้งคู่ )

เปิดเรื่องมา Eliot ได้ใช้ให้ Saul ไปทำการระเบิดคฤหาสน์เพื่อล้มแผนการเจรจาระหว่างภาคเอกชนของอเมริกาในการเพิ่มความร่วมมือกับประเทศแถบอาหรับให้มากขึ้น โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและการซื้อน้ำมันในราคาถูก ซึ่งหนึ่งในผู้เสียชีวิต ก็คือ Andrew Sage ที่ปรึกษาฝ่ายน้ำมันและพลังงานของประธานาธิบดีอเมริกา ซึ่งเป็นเพื่อนรักของท่านประธานาธิบดี และผู้ก่อตั้งสถาบัน Paradigm ซึ่งเป็นสถาบันที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนเจรจาแทนภาครัฐอย่างลับๆกับประเทศแถบอาหรับ อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนนโยบายหันเหออกจากอิสราเอลมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ท่านประธานาธิบดีโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเป็นอันมากที่ใครบังอาจทำให้เพื่อนรักของเขาจากไปและยังทำให้การเจรจาล้มเหลวอีกด้วย จึงประชุมเร่งรัดให้หาคนที่ทำการอุกอาจเช่นนี้โดยด่วน

Eliot รู้ตัวว่าได้ทำการผิดพลาดไป และผู้อำนวยการ CIA ยังเห็นแย้งกับ Eliot โดยตัดประเด็นที่ทางโซเวียตจะเป็นคนทำ เพราะ ถึงแม้โซเวียตจะไม่ชอบที่อเมริกาหันเหออกจากการสนับสนุนอิสราเอล ซึ่งจะทำให้โซเวียตขาดเครื่องมือที่จะทำให้อาหรับอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับอเมริกาก็ตามที แต่คงไม่กล้าทำแบบประเจิดประเจ้อขนาดนี้

Eliot จึงต้องหาทางโบ้ยว่าเป็นคนของเราเองที่ทรยศหักหลัง ซึ่งเข้ากันพอดี เพราะคนคนนั้นก็คือ Saul ซึ่งเป็นสายลับชาวยิว ที่เป็นหนึ่งในเด็กกำพร้า 18 คนที่เขารับมาเลี้ยงดูจนเติบโตเพื่อฝึกเป็นสายลับ และเคยผ่านการฝึกกับ Mossad พร้อมๆกับ Chris พี่น้องร่วมสาบานกันกับ Saul และทำงานให้กับเขาอยู่ในปัจจุบัน โดยโบ้ยไปว่า Mossad ซื้อตัวกลับไปแล้ว ซึ่งทำให้มีเหตุผลที่เป็นไปได้ว่าอิสราเอลอาจจะเป็นคนทำ เพราะสูญเสียผลประโยชน์หลังการเปลี่ยนนโยบายของอเมริกา

Saul ซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ไม่เคยตั้งคำถามในการปฎิบัติภารกิจต่างๆที่ได้รับมอบหมายมาว่าทำไปเพื่ออะไร รู้แต่ว่าต้องทำให้สำเร็จ และด้วยความเคารพที่มีต่อพ่อบุญธรรมของเขาอย่าง Eliot จึงเป็นแพะรับบาปแทน ถูก Eliot หักหลังและส่งคนไปตามฆ่าเพื่อปิดดีลนี้ให้จบสิ้นไป ทั้งๆที่เขาก็รู้สึกแปลกใจกับสถานที่ที่ Eliot ส่งเขาไปตามที่ต่างๆหลังปฎิบัติภารกิจหนนี้ น้้นดูไม่ค่อยสมเหตุสมผล แลดูออกจะเปิดเผยเกินควร

ขณะที่ Chris ลูกบุญธรรมของ Eliot อีกคน ซึ่งเติบโตมาร่วมกันกับ Saul เสมือนดังเป็นน้องชายของเขา กำลังเดินทางไปอย่างลับๆโดยที่ไม่มีใครรู้ ไปยังสถานลี้ภัยที่กรุงเทพ ซึ่งเป้น 1 ใน 7 แห่งของสถานลี้ภัยของสายลับที่หลบมา ปลดเกษียณ เลิกเป็นสายลับ ตามสัตยาบัน Abelard

***(สัตยาบัน Abelard คือ ห้ามสายลับ มาแก้แค้น สังหาร สายลับคู่อริในบ้านพักพิงแห่งนี้ มิเช่นนั้นสายลับผู้นั้นจะถูกตามล่า สังหาร ไปตลอดชีวิตโดยองค์กรสายลับทั้งหลายที่ลงนามในสัตยาบันนี้ ไม่ว่าจะเป็น CIA, KGB, MI-6 etc. แถมประเทศต้นสังกัดของสายลับนั้นห้ามให้การช่วยเหลือ แทรกแซงแล้วยังต้องนำส่งตัวสายลับผู้นั้นอีกต่างหาก)***

Chris มายังสถานที่ลี้ภัยนี้ เพื่อหาหมอฟันที่เขาสามารถไว้ใจได้ เพื่อทำการฆ่าตัวตาย แล้วจะทำให้ศพที่พบไม่สามารถระบุตัวตนว่าเป็นใครได้ เพราะตัว Chris นั้นผ่านการศัลยกรรมใบหน้ามาหลายครั้งหลายหนตามหน้าที่สายลับ และด้วยเหตุที่เขาเบื่อการฆ่าฟันชีวิตผู้คน แล้วไม่อยากให้การตายของเขาเป็นที่เปิดเผย เป็นผลลบต่อองค์กรและ Eliot ที่เขาเคารพ

แต่ระหว่างที่อยู่ในสถานที่ลี้ภัยนี้ บังเอิญๆได้พบเจอกับ Chin Ken Chan สายลับชาวจีน ที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ครั้งหนึ่งในสงคราม และ Chan เองมีเป้าหมายที่จะมาเก็บสายลับชาวรัสเซีย ที่ลอบส่งฝิ่นเข้าสู่เอเชียขนานใหญ่ แต่ตัว Chan เองกลับถูกเก็บเป็นศพเอง

Chris ซึ่งมีหนี้บุญคุณอยู่กับ Chan จึงไม่สามารถหักห้ามใจที่จะไม่แก้แค้นแทนเพื่อนที่เคยช่วยชีวิตเค้าได้ แม้จะต้องละเมิดสัตยาบัน Abelard ก็ตาม...เพราะไหนๆเขาก็จะฆ่าตัวตายอยู่แล้ว

หลังจากแก้แค้นแทนเพื่อนแล้ว Chris พยายามหนีเพื่อไปพบหมอฟันที่กัวเตมาลา แต่สุดท้ายตัวเขาก็ไปไม่รอดถูก Eliot จับกลับมาและหลอกล่อ Chris ให้ช่วยตามหา Saul ที่หนีไปเพราะ Saul ไม่กล้าติดต่อกลับมายังเขา ด้วยคิดว่ามีหนอนบ่อนไส้ในองค์กร และ Chris นั้นก็เป็นที่ไว้ใจของ Saul อีกด้วย ทั้งนี้ Chris เองก็ไม่สงสัยในตัว Eliot และยังคิดอีกว่าได้ช่วยพี่ชายร่วมสาบานอีกด้วย

Eliot นั้นมีความลับอะไรถึงกลับยอม เสียสละสายลับคนเก่งของเขาทั้งสองคน ผู้เปรียบเสมือนลูกของเขา แถมพยายามทุกวิถีทางที่จะกำจัด Saul ทั้งกระจายข่าวว่า Saul พา Chris หนีการตามล้างฆ่าตามกฏสัตยาบัน Abelard ขณะที่ Saul ก็สงสัยว่าคนที่ Eliot ส่งมาติดตามเพื่อเก็บเขานั้น มีอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวข้องกับ Mossad ทั้งๆที่ Erika สายลับสาวชาวอิสราเอลเพื่อนของ Saul ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ที่สายลับของ Mossad จะเคลื่อนไหวโดยที่เธอไม่รู้ 

Eliot นั้นในอดีตก็เป็นเด็กกำพร้าเหมือนกันกับ Saul และ Chris แต่แตกต่างตรงที่พ่อแม่ของเขาตายตั้งแต่ยังเล็กๆ และภายหลังได้รับการดูแลจาก John 'Tex' Anton หนึ่งในผู้ก่อตั้งสัตยาบัน Abelard และยังเคยเป็นลูกศิษย์ของอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ MI-6 อย่าง Kim Philby ผู้เคยมีส่วนพัวพันกับคอมมิวนิสต์รัสเซีย และปัจจุบันตัวเขาก็ยังมีเครือข่ายที่เชื่อมโยงกันกับพวกคอมมิวนิสต์อยู่

แต่ที่เขาต้องทำให้การเจรจาล้มเหลวก็เพื่อรักษาประเทศอิสราเอลเอาไว้ โดยวางแผนให้ Saul เป็นเหยื่อที่วางไว้อยู่แล้ว ด้วยการมอบหมายงานที่มีข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆแก่ Saul รวมทั้งพยายามเบี่ยงเบนให้พฤติกรรมของ Saul ให้ดูไม่อยู่กับร่องกับรอย เพื่อให้เป้าหมายบรรลุผล ซึ่งนั่นเท่ากับการมุ่งโจมตีอิสราเอลของอเมริกาก็จะน้อยลงเพราะ Saul จะดูไม่น่าเชื่อถือพอที่อิสราเอลจะซื้อตัวกลับไปได้นั่นเอง
รวมถึงที่ต้องเก็บ Saul ก็เพื่อไม่ให้ Saul ซัดทอดมาถึงเขาและเปิดเผยถึงสมาชิกคนอื่นๆของสัตยาบัน Abelard ในกรณีที่ Saul ถูกจับตัวได้

อ่านได้เพลินๆ ภาษาที่ Morrell ใช้บรรยายไม่วกวนเหมือน Robert Ludlum แต่เนื้อหาที่ดูเหมือนจะสลับซับซ้อน ดูน่าสงสัย กลับคลี่คลายง่ายเกินไป ลงท้ายเป็นแค่การแก้แค้นส่วนตัวเท่านั้น และถ้าคิดในแง่ความเป็นจริงแล้ว สถานที่ลี้ภัยอย่างในเรื่องคงเกิดยาก สายลับที่ทรยศคงถูกเก็บจากประเทศแม่เพื่อป้องกันความลับรั่วไหล ก่อนที่จะหลบหนีไปสถานที่ลี้ภัยนี้ได้ เพื่อป้องกันการซื้อตัวจากศัตรูแน่ๆ

ตัวละครทั้ง Chris กับ Saul นั้นก็น่าสนใจที่แม้พวกเขาจะเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเก็บมาเลี้ยงโดย Eliot และจะถูกตามเก็บโดยพ่อบุญธรรมของพวกเขาเอง แต่ทั้งคู่ก็ยังอาลัยอาวรณ์ในความรักที่คนอย่างประเภทเขา "เด็กกำพร้า" ไม่เคยได้รับจากใคร แม้จะเป็นความรักที่อาจจอมปลอมแสร้งทำจาก Eliot ก็ตาม แต่มันก็ยังเป็นความรักอยู่ดี...ในความรู้สึกของพวกเขา


อ้อ...ส่วนกุหลาบมาเกี่ยวยังไงกับเรื่ิองนั้น ก็ Eliot ชอบปลูกกุหลาบ และ Landish สายลับอีกคนที่ Eliot ติดต่อร่วมมือกันมาเนิ่นนานนั้นก็ชอบปลูกกุหลาบเหมือนกัน

เล่มนี้ที่ผมมีนี่หนังสือเก่ามาก เปิดอ่านอย่างระวัง เพราะกระดาษกรอบพอสมควร เปิดแรงๆพาลจะขาดตรงโน้นตรงนี้ที..55

"...อย่าไปหาศัตรูของท่าน จงทำให้เขามาหาท่านเอง บีบให้เขาต่อสู้ในถิ่นของท่าน ทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับท่านตามเงื่อนไขของท่านเอง"

ป.ล. เรื่องนี้มีภาคต่ออีก 2 เล่มอย่างที่บอก แต่อ่านแยกเล่มได้ เพราะเล่มที่ 2 ก็เป็นอีกตัวละครหนึ่ง คือ Drew MacLane ส่วนเล่มที่ 3 นั้นเอาตัวละครอย่าง Saul กับ Drew มาเจอกัน... อ้อคุณก้อง ก.อัศวเวศน์มีโครงการพิมพ์ใหม่ทั้ง เล่ม 1 และเล่ม 2 เลยครับ (https://www.facebook.com/kukkong.ussavaves)

ผมยังไม่มีเล่ม 2 พอดีเลย...


คะแนน 7.6/10



Create Date : 19 พฤษภาคม 2557
Last Update : 20 พฤษภาคม 2557 10:07:22 น.
Counter : 1439 Pageviews.

5 comments
  
พล็อตเก๋มากค่ะ
โดย: kunaom วันที่: 20 พฤษภาคม 2557 เวลา:12:26:55 น.
  
เรื่องนี้ยังไม่เคยอ่านเลยครับ ล่าสุดที่ได้อ่านของเดวิด มอร์เรล คือโรงแรมมหากาฬ ที่มีภาคต่อสองเล่มครับ สนุกและลุ้นไปอีกแบบครับ
โดย: สามปอยหลวง วันที่: 20 พฤษภาคม 2557 เวลา:19:39:08 น.
  
คุณ kunaom พล็อตใช้ได้เลยทีเดียว แต่การเล่าเรื่องจะเรื่อยๆเรียบๆไปนิด

คุณสามปอยหลวง 2 เล่มนั้นมีอยู่ทั้งคู่เลย พยายามไล่เล่มเก่าๆก่อนน่ะครับ แต่ก็แล้วแต่อารมณ์ช่วงนั้นๆเลยครับ
โดย: leehua (สมาชิกหมายเลข 755059 ) วันที่: 20 พฤษภาคม 2557 เวลา:23:25:46 น.
  
เข้ามาเพิ่มเติม เรื่องงานแปลของคุณประมูล อุณหธูป อีกเรื่องครับ คิดว่าถ้าคุณ leehua ชอบงานเขียนของซิดนีย์ เชลดอน และชอบสไตล์สำนวนภาษาของ "อุษณา เพลิงธรรม" ทั้งสองอย่างจะมารวมกันใน ปีศาจสันนิวาส (A Stranger in the Mirror) ที่เป็นผลงานเขียนและผลงานแปลของทั้งสองท่านครับ
เรื่องนี้พิมพ์หลายครั้งมาก ล่าสุดผมเห็นอมรินทร์ นำมาพิมพ์ใหม่เมื่อหลายปีก่อน ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันยังมีอยู่หรือเปล่าครับ
โดย: สามปอยหลวง วันที่: 22 พฤษภาคม 2557 เวลา:8:57:56 น.
  
ขอบคุณครับ คุณสามปอยหลวง เสียดายเจองานของ Sidney Sheldon หลายเรื่องมากทั้ง Bloodline, Nothing Lasts Forever, The Stars Shine Down, Memories of Midnight รวมถึงเล่มที่บอกไว้ด้วยครับ ในงานหนังสือแต่ไม่ได้เก็บมา....พลาดอย่างแรง

เดี๋ยวค่อยๆเก็บไปครับ
โดย: leehua (สมาชิกหมายเลข 755059 ) วันที่: 22 พฤษภาคม 2557 เวลา:12:13:05 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 755059
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]



New Comments
พฤษภาคม 2557

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog