ยิ้มวันละนิด จิตแจ่มใส, อ่านวันละหน่อย พลอยรื่นรมย์
|
||||
The Andromeda Strain ชีววิกฤต ชีววิกฤต Andromeda Strain (1969) โดย Michael Crichton สนพ.วรรณวิภา แปลโดย สนชัย นกพลับ "คนเราถ้าจะเปรียบไปแล้วสามารถกล่าวได้ว่ามีชีวิตอยู่ในทะเลของบักเตรีก็ว่าได้ มันมีอยู่ทั่วทุกหนแห่งไม่ว่าผิวหนัง ในหู ในปาก ในปอด หรือแม้กระทั่งในกระเพาะอาหารและทุกอย่างที่มนุษย์เป็นเจ้าของ ทุกอย่างที่มนุษย์แตะต้อง ทุกลมหายใจที่มนุษย์สูดเข้าปอดเต็มไปด้วยบักเตรี บักเตรีมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง มนุษย์เท่านั้นที่ไม่เคยนึกถึงข้อนี้" เมื่อเมืองเพียตมอนต์เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 48 คน เพียงเพราะดาวเทียมจากโครงการลับสคูป 7 ตกลงมายังเมืองนี้ ดาวเทียมที่มีวัตถุประสงค์ในการส่งขึ้นไปสำรวจบรรยากาศชั้นบนของโลก แผนการไวลด์ไฟร์ที่มีไว้เพื่อสำรวจสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกที่อาจจะติดกลับมากับดาวเทียมที่ยิงขึ้นไป จึงถูกงัดออกมาใช้พร้อมกับต้องเรียกผู้เชี่ยวชาญในแผนการนี้ทั้ง 5 คนมา อย่างเร่งด่วนเพื่อทำการสืบสวนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมชายชรากับเด็กทารกเพียง 2 คนในเมืองจึงรอดจากวิกฤตแสนอันตรายนี้มาได้ พวกเขาทั้ง 5 ต้องเร่งหาคำตอบในแล็บที่แสน ลึกลับ ก่อนที่จะจำเป็นต้องใช้มาตรการสุดท้าย คือ ระเบิดนิวเคลียร์! ......................................................................................... ไม่แปลกใจละทำไมเล่มนี้ถึงได้สร้างชื่อให้ Michael Crichton จุดพลุให้เจิดจ้าจนมามีชื่อเสียงโด่งดังสุดขีดจาก Jurassic Park, Sphere, Congo ถึงแม้ถ้านับอายุเล่มนี้จะผ่านมากว่า 50 ปีแล้วก็ตาม และถือเป็นการรีวิวรำลึกการจากไปของ Crichton ที่ล่วงเลยมา 10 ปี พอดีอีกด้วย เป็นนิยายแนว Techno-Thriller นิยายแนวระทึกขวัญที่มีการใช้เทคนิคในเรื่องที่เกี่ยวข้องมาอธิบายเพิ่มเติม สอดแทรกความรู้ในเรื่องนั้นๆลงมา เฉกเช่น Tom Clancy ที่ก็อธิบายเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์หรืออาจจะกลยุทธในการรบลงในเรื่องแนวทหารของเขามาให้เห็นภาพ เรื่องนี้ก็แน่นอนเกี่ยวกับเชื้อโรค สิ่งมีชีวิตนอกโลกนั่นเอง การเล่าเรื่องช่วงแรกอาจจะคล้ายๆเรื่อง "คืนขย้ำ (Phantoms)" ของ Dean Koontz ที่มีคนตายกันเป็นเบือ เพียงแต่ไม่ได้บรรยายให้เห็นภาพที่น่ากลัวแบบแนวสยองขวัญอย่าง Koontz แน่นอนเมื่อมีการสอดแทรกเรื่องเทคนิคก็อาจจะนึกภาพตามได้บ้างไม่ได้บ้างแต่น่าจะถูกใจคอชีววิทยาแน่ๆ เนื้อเรื่องมีบางช่วงเกี่ยวกับเรื่องราวชีวดาราศาสตร์ (Astrobiology) และคาบเกี่ยวบางๆกับการพบเจอกับสิ่งมีชีวิตนอกโลกแบบ First Contact ซึ่ง Crichton อธิบายได้สนุก ถ้าสิ่งมีชีวิตนอกโลกจะติดต่อสื่อสารมายังกาแลกซี่ระบบสุริยะของเรา บางทีการติดต่อทางเสียงและแสงอาจจะมีอุปสรรคทางระยะทาง ถ้ามันทรงภูมิปัญญามากอาจจะส่งชิ้นส่วนทางชีววิทยาที่ทนต่อทุกสภาพแวดล้อม มาในรูปแบบของสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่เรามองข้ามก็ได้ จนเมื่อเจอกับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเช่นโลกเรา มันอาจจะประกอบร่างกลับเป็นสิ่งมีชีวิตดั้งเดิมได้ ช่างเปิดโลกทัศน์จริงๆ ความสนุกในการอ่านนั้นลื่นไหลเอามากๆ ช่วงการหาคำตอบก็ดูเป็นวิทยาศาสตร์มาก แม้บางครั้งจะเปิดช่องให้ตัวละครทำพลาดพลั้งเผลอไปแบบจงใจไปนิด แต่คงช่วยส่งเสริมในการลุ้นหาคำตอบของผู้อ่านให้ไม่จบเร็วเกินไปและจบได้ดีทีเดียวเลย "เขาเคยเถียงเสมอว่า ความฉลาดของมนุษย์มักจะสร้างความเดือดร้อนมากกว่าหาความดีมาให้ มันมีแนวโน้มในการทำลายมากกว่า สร้างสรรค์ ยุ่งเหยิงมากกว่าแจ่มใส มีแต่ความท้อแท้ไม่พอใจและเต็มไปด้วนความเห็นแก่ตัว" ป.ล.ผมจำมินิซีรีส์ 2 ตอนจบที่เคยดูไปไม่ได้แล้ว จำได้แค่เลาๆว่าเฉยๆ ซึ่งก็ออกมาก่อนที่ในอีกหลายเดือนต่อมา Crichton จะจากไปใน ปี ค.ศ.2008 นั่นเอง เครดิตรูปจาก siambook คะแนน 8.3/10 |
สมาชิกหมายเลข 755059
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]
Group Blog All Blog
Friends Blog
|
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |