โรงงานกำจัดขยะพลาสติก รีไซเคิลให้เป็นสินค้าชั้นนำ
11 มี.ค. 2563 05:01 น.



 

โรงงานของบริษัทคิงส์แพ็ค อินดัสเตรียล จำกัด ตั้งอยู่ใน จ.ชลบุรี เป็นโรงงานขนาดใหญ่สุดของเอเชียที่นำขยะจากบ่อขยะในภาคตะวันออกมารีไซเคิล.

ในแต่ละปีมีปริมาณขยะเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามหาทางกำจัด แต่ก็ไม่สามารถจัดการได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

เนื่องจากขยะมีหลายประเภท ทั้งที่ย่อยสลายเองตามธรรมชาติ และไม่ย่อยสลาย บางประเภทต้องใช้เวลานานหลายร้อยปีกว่าจะย่อยสลายได้ ขณะเดียวกันแหล่งที่ทิ้งขยะหรือ “บ่อขยะ” ก็มีจำกัด ประกอบกับคนในชาติเองไร้วินัย ส่งผลให้ขยะถูกทิ้งกลาดเกลื่อนเมือง

แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่เสมอ เมื่อมีภาคเอกชนได้ก่อตั้งโรงงานรีไซเคิลขยะขึ้น เพื่อนำขยะที่ทุกคนมองว่าไร้ค่ากลับมาใช้ใหม่อีก โดยการผลิตเป็นสินค้า

ทีมข่าวไทยรัฐ ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชม โรงงานของบริษัทคิงส์แพ็ค อินดัสเตรียล จำกัด เจ้าของแบรนด์ “ฮีโร่” เป็นสินค้ารีไซเคิลจากขยะพลาสติก ตั้งอยู่ที่ จ.ชลบุรี

นายไพบูลย์ จุลศักดิ์ศรีสกุล รอง กก.ผจก.บริษัทคิงส์แพ็ค อินดัสเตรียล จำกัด นำชมและเปิดเผยว่า เริ่มศึกษาเรื่องขยะพลาสติก เพราะครอบครัวทำโรงงานพลาสติกอยู่แล้ว เลยนั่งดูธุรกิจนี้อย่างจริงจัง ไปดูงานในหลายประเทศที่มีการรณรงค์ให้ยกเลิกการใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ทำให้เจอต้นเหตุเรื่องขยะพลาสติกมันล้นเมือง

ตอนนั้นมีความคิดว่าควรแก้ที่ต้นเหตุเลยดีกว่า แทนที่จะมาแก้นิดๆหน่อยๆ และอยากเป็นส่วนร่วมในการแก้ปัญหานี้ เลยคิดว่าจำเป็นต้องแก้ที่พลาสติกที่ใช้แล้วทิ้ง หรือ Post-consumer จึงเริ่มศึกษาโดยการไปดูโรงงานกำจัดขยะในหลายๆประเทศ

“เรามีศักยภาพในการรีไซเคิลพลาสติกอยู่แล้ว ก็ควรเอาพวก Post-consumer มารีไซเคิลได้ด้วย ถามว่ามันยากกว่าที่เราเคยทำไหม ตอบได้ เต็มปากว่ายากกว่าเยอะ เพราะเดิมที่เรามีเป็น post-Industrial เป็นการสูญเสียจากพลาสติกที่เกิดขึ้นจากโรงงาน มันไม่มีสารปนเปื้อนอะไรเหมือนกับ Post-consumer” นายไพบูลย์ กล่าว

ต่อมาได้ศึกษาต่อว่าจะลงเครื่องจักรประเภท ไหนยังไง ที่จะสามารถรีไซเคิล Post-consumer นี้ได้ และได้ยังไง ตอนเข้ามารับช่วงธุรกิจ เห็นการเปลี่ยนแปลง เห็นปัญหา แต่จากที่ตนทำวิทยานิพนธ์ เรื่อง “เศรษฐกิจพอเพียง” แล้วก็อินกับเรื่อง Social Enterprise คือทำธุรกิจเพื่อสังคม ทำยังไง

“ผมตั้งความหวังไว้ว่า วันหนึ่งเราอยากจะทำธุรกิจเพื่อสังคม แล้วก็มีโอกาสในการศึกษาเรื่องขยะ ก็อ้าว! นี่ก็เป็นการทำธุรกิจเพื่อสังคมนิ แล้วเราก็มีความรู้เรื่อง Recycle in house อยู่แล้วตั้ง 20 กว่าปี ถ้างั้นก็เลยเข้าไปศึกษาเลย วิทยานิพนธ์เศรษฐกิจพอเพียงนี่แหละเป็นจุดที่ทำให้ผมมาทำงานนี้” นายไพบูลย์ ย้ำให้ฟัง

นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า สมัยก่อนตอนยังไม่มีการ “แบน” ได้นำเข้าขยะพลาสติกจากต่างประเทศ เนื่องจากเราได้ใบอนุญาตนำเข้า ขยะมีความสะอาดกว่า แยกมาให้แล้ว ราคาดีกว่า ถูกกว่า คุณภาพดีกว่า เหนียวกว่า จึงนำเข้ามา

ช่วงนั้นการจัดการดี ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง พอจีนประกาศสั่ง “แบน” การนำเข้าพลาสติก เพราะเกิดปัญหาภายในประเทศเอง โรงงานในจีนเองหนีมายังไทย มาแอบเปิด ตอนนั้นมีเป็นพันโรงงาน แล้วนำเข้าขยะเหมือนเดิม แต่เขาจะ Declare ว่าเป็นขยะพลาสติก แต่ข้างในมันเป็นขยะ อิเล็กทรอนิกส์

เช่น หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ข้างในมีชิป มันมีขยะอันตรายซ่อนมา ขยะประเภทนี้ต่างประเทศต้องเสียเงินกำจัด คนพวกนี้ได้เงินจากตรงนี้ ประมาณว่าเอาเงินมาเดี๋ยวไปทิ้งให้ สุดท้ายแอบนำมาประเทศไทย เหมือนรับจ้างทิ้งขยะ มีโรงงานประเภทนี้เกิดขึ้นทั้งในไทย มาเลเซีย เวียดนาม

เมื่อรัฐบาลรู้จึงตรวจสอบ จนพบ เลยสั่งยกเลิกการนำเข้า จึงส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการที่สุจริต แต่รู้แนวโน้มอยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ ก่อนเปิดโรงงาน ได้ศึกษาขยะพลาสติกภายในประเทศอยู่แล้ว เลยออกนโยบายแต่แรกว่าให้นำเข้าไม่เกิน 50% ทั้งๆที่มีโควตานำเข้าได้มากกว่านั้น

“ดังนั้นเราเลือกที่จะ diversify กระจายความเสี่ยง ซึ่งมาจาก ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง นั่นแหละ ควรกระจายความเสี่ยงเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ทั้งๆที่ทำให้เรากำไรน้อยลง เพราะขยะในประเทศต้องจ่ายเงินซื้อ คุณภาพไม่ดี ผลิตออกมาไม่ดีเท่าขยะนำเข้า แล้วเราต้องใช้วัตถุดิบดีเข้าไปผสมด้วย แต่เรายังทำ เพราะคิดว่ามันยั่งยืน”

นายไพบูลย์ เผยถึงการฟันฝ่าอุปสรรค และเล่าต่อว่า เมื่อยึดแนวทางนี้จริงๆ ปรากฏว่าไม่เดือดร้อน แต่คนอื่นที่นำเข้าอย่างเดียวจะเดือดร้อน ตนมีความคิดที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับชุมชน จึงไปรับซื้อขยะจากหลุมขยะในจันทบุรี ระยอง เพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

บริษัททำร่วมกับเขามาตลอด ไม่เคยทิ้งเขา เขาก็ขายให้เรา นี่ก็คือ หลักการเศรษฐกิจพอเพียง เหมือนกัน หลังรัฐบาลสั่งแบน ตอนนั้นยังมีโควตาอนุญาตนำเข้าอีก 6 เดือน แต่ไม่ใช้โควตานั้น เพราะคิดว่าแบบนี้ยั่งยืนกว่าในระยะยาว เลยไม่ได้นำเข้าอีกเลย

“ผมยืนยันได้เลยว่าบริษัทผลิตอะไรออกมาเท่าไหร่ จะช่วยลดปริมาณขยะได้เท่านั้น ผลิตเม็ดมาได้ 20,000 ตันต่อปี ก็ลดขยะได้ 20,000 ตันต่อปี เอามาผลิตเป็นสินค้าขาย เพื่อให้มีรายได้ จนตอนนี้ผลิตแทบไม่ทัน หมายความว่าเราผลิตสินค้าออกมาเท่าไหร่ จะทำให้มลพิษสิ่งแวดล้อมลดลงเท่านั้น”

เป็นคำอธิบายอย่างภาคภูมิใจของเจ้าของบริษัทเอกชนที่มีสำนึกดี ยึดทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ลดขยะและนำมารีไซเคิลลดมลพิษให้กับประเทศ.

เกมยิงปลา เกมที่เล่นได้เงินจริง!!

Create Date : 11 มีนาคม 2563
Last Update : 11 มีนาคม 2563 13:08:24 น.		0 comments
Counter : 886 Pageviews.
Share Tweet