Group Blog
พฤศจิกายน 2553

 
1
2
3
4
5
6
8
9
13
14
19
20
21
27
28
 
 
All Blog
NewZealand วันละเรื่อง: Lesson 3 (II)

กว่าจะถึง Wanaka

ผมตั้งพิกัดเป้าหมาย 180 wanaka คือที่พัก ลืมบอกไปว่า ผมใช้เลขที่พัก 180 เป็นตัวตั้งสถานที่ใน GPS ซึ่งตรงกับแผนที่ Google ที่คุณนู๋ญิงที่เตรียมมา พร้อมตั้งจุดแวะ Fox Glacier บรรยากาศเริ่มมีฝนตกเป็นระยะ แต่โชคดีที่ฝนไม่ตกหนักมาก จึงทำให้พอเห็นถนนได้ชัดเจน เราผ่านทางเข้า ทะเลสาบ Matheson เข้าเมือง Fox ซึ่งเขาว่าเป็นเมืองคู่แฝดของ Franz Josef Glacier แต่ผมว่า Fox เล็กกว่านะ พูดถึงสะพานเอื้ออาทร ในนิวซีแลนด์ไม่ใช่มีแค่สะพานเดียวแต่มีหลายสะพานมากๆ ตอนแรกผมก็สงสัยว่าทำไม นิวซีแลนด์ก็เป็นประเทศที่เศรษฐกิจดีกว่าไทย ทำไมสะพานเมืองไทยมีตั้ง 4 เลน ขนาดเขาใหญ่ของไทยยังจะทำเพิ่ม 4 เลนเลย ถนนที่นี้ส่วนมาก 2 เลน ถ้าเจอสะพานยาวๆ ต้องมีสัญญาไฟแดงอีก ผมก็หาเกมส์ให้สมาชิก ตั้งสมมติฐานว่าทำไมที่สะพานถึงมีแค่เลนเดียว

บางคนบอกว่า ที่นี้เจอภัยพิบัติบ่อยครั้ง ไม่ว่าน้ำท่วมหรือ หิมะถล่ม จะได้ไม่เสียค่าซ่อมมาก...มีเหตุผลแต่ผิด

บางคนบอกว่า คนขับรถจะได้ไม่ขับรถเร็ว ช่วยป้องกันอุบัติเหตุด้วย….มีเหตุผลมาแต่ยังไม่ใช่

แต่ผมเฉลย สะพานเอื้ออาทร ช่วยเพิ่มรสชาติความตื่นเต้น ให้คนได้ ลุ้น ลุ้น ว่าใครจะถึงสะพานก่อนกัน

มั่วแต่เล่นเกมส์จนเกือบเลยแยกทางเข้า Fox Glacier โชคดีที่รถไม่ค่อยเยอะ ทำให้จอดรถแล้วถอยกลับมาได้ ถนนเข้า Fox Glacier ทำค่อนข้างดี เราสวนกับรถนักท่องเที่ยวที่ทยอยออกมาก เราเจอป้ายข้างถนนบอกว่า จุดนี้เคยมี Glacier ยาวถึงจุดนี้ ยิ่งระยะเวลาใกล้ปัจจุบันเรื่อย ป้ายบอกระยะก็เริ่มร่นเรื่อยๆ จนกระทั้งเราถึงทางลูกรังที่เหมือนพึ่งทำขึ้น จนคิดว่าหากถึงช่วงน้ำหลากสงสัยถนนลูกรังคงมีปัญหาแน่ๆ

ถึงที่จอดรถฝนก็ตกมาแต่ไม่หนาเม็ดมากนัก ใครไม่ลงก็รอกันที่รถแล้วกัน ผมคว้าเสื้อกันฝนสวมแล้วเดินลุยทันที่ Fox Glacier ก็มีทัวร์เหมือนกับที่ Franz Josef มีลูกทัวร์เดินกันเป็นกลุ่ม วันนี้เรามาถึงน้ำตาอีกข้างของแม่นาง Hine Hukatrer สายฝนเริ่มลงมาหนาเม็ด คนทิ่เริ่มสะอื้นน่าจะเป็นผมแล้ว เพราะกลับมาหลายภาพ ทั้งฟ้าเน่าและมีหยดน้ำเกาะหน้าเลนส์ ทำให้ต้องเลิกล้มความตั้งใจที่จะเดินลุยไปถึงธาร Glacier คงสู้ฝนไม่ไหวแล้ว ฝนเริ่มลงเม็ดหนาขึ้น รองเท้าที่อุตสาห์หอบหิ้วมาจากเมืองไทย พื้นยางรองเท้าเริ่มหลุดลอกออกมา จนเป็นอุปสรรค์การเดิน จนผมต้องฉีกพื้นยางออก มาถึงที่รถรีบเปิดประตู แทบผละหงะ กลิ่นมาม่าและอาหารนานาชนิด ส่งกลิ่นอบอวนไปทั่วคัน จนผมต้องเปิดหน้าต่างก่อนขับรถ

ผมตั้งเป้าหมายอีกครั้ง 180 Wanaka ตอนนี้เวลาสี่โมงเย็นแล้ว คำนวณเวลาเราน่าจะไปถึงที่พักประมาณไม่เกินทุ่มครึ่ง เรามีประสบการณ์ Office Hour จากโรงแรมที่ผ่านมา เลยแนะนำคุณนู๋ญิงให้โทรศัพท์ยืนยันที่พักกับโรงแรมก่อน ว่าไปแน่ เดียวไปถึงเขาปิด Office ไม่มีที่พักอีก ชายน้อยควัก BB รุ่นล่าสุดออกมา แล้วบอกว่าไม่มีสัญญาณ

“เอามาทำไมก็ไม่รู้” ผมแอบนินทาในใจ “อย่างนั้นก็เปลี่ยนแผนว่าเจอ i-site ที่ไหน ก็แวะขอโทรศัพท์แจ้งโรงแรมก็ได้” คุณนู๋ญิงเสนอ แต่พวกเราลืมไปว่า i-site ไม่ใช่เซเวนส์ ไม่ได้เปิด 24 ชม

ระว่างทางจาก Fox Glacier ไป Wanna ต้องผ่าน Hasst บางช่วงถนนเลียบผ่านชายทะเล Bruce Bay เสียดาย ฝนตกตลอดทาง เราเห็นกลุ่มกองหินข้างถนนด้านฝั่งติดทะเล มีคนนำมาเรียงกัน ทั้งก้อนหินและกระดาษ เขียนข้อความเป็นเรียงรายตลอดชายหาดฝั่ง เสียดายมากถ้ามีสภาพแสงสวยๆ คงได้รูปงามๆหลายรูป ผมกางร่มฝ่าสายฝนออกไปถ่ายรูปนอกรถ กลับมาที่รถว่าจะบอกคุณนู๋ญิงกับชายน้อย (ตอนนี้ผมเริ่มเดาแล้วทั้งสองคนน่าจะเป็นแฟนกัน) ไม่สนใจไปเขียนอะไรเป็นที่ระลึกบ้างเหรอ อ้าว นั่งหลับกันหมดเลย ไม่เป็นไร แกคงเพลียที่เดินขึ้นเขาแน่ๆ ว่าแล้วผมก็ขับรถต่อไปตามลำพัง

ป้าย Knights Point Lookout ผมเลี้ยวรถเข้าทันที่ ช่วงผมขับรถ ถ้าเจอคำว่า Lookout ผมเป็นต้องจอดทุกป้ายเลย มันต้องมีอะไรดีๆ แน่จึงต้อง Lookout (เพราะป้ายนี้ทำให้เกิด case ที่ Queenstown โปรดติดตามตอนต่อไป) เนื่องจากฝนตกผมเริ่มเปลี่ยน Style การเที่ยว แทนที่จะจอดรถแล้วเดินลงไปถ่ายรูป ก็นั่งถ่ายรูปบนรถเลย

Knights Point ทำเป็นศาลาอย่างดี ผมจอดรถเทียบหน้าศาลาก็กระโดดลงจะได้ไม่โดยฝน วิวเป็นชายทะเล เหมือนฉากหลังเรื่อง Piano เลย สภาพแสงเริ่มมืดแล้ว

มีลุ้นตลอดทาง

6.30 . ตอนนี้บรรยากาศเริ่มมืดและมีฝนตกตลอด เราใช้ทางหลวงหมายเลข 6 ถึงเมือง Hasst เลี้ยวเข้าตัวเมืองเพื่อหา i-site เจอแล้ว หน้าที่สอบถามคือคนภาษาดีที่สุดต้องคุณนู๋ญิง ลงไปกดกริ่งด้านหน้า แต่ไร้เสียงตอบรับทั้งที่ไฟด้านใน i-site ยังเปิดอยู่ แต่เมื่อคุณนู๋ญิงเดินกลับมาที่รถมีไฟสปอร์ตไลท์จากอาคารส่องลงมาที่คุณนู๋ญิง ทำให้เราคิดว่ายังมีเจ้าหน้าที่อยู่ จึงส่งสัญญาณให้คุณนู๋เดินกลับไปอีกครั้ง แต่เมื่อเดินไปถึงที่หน้าประตูไฟก็ดับลง คุณนู๋ญิงทำเกือบ 4 ครั้ง ผลก็เหมือนเดิม จนเรารู้ว่าน่าจะเป็นระบบป้องกันภัยของที่นี้

เปลี่ยนแผนใหม่ไปหา Motel ที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อขอยืมโทรศัพท์ เจ้าของ Motel ถามว่า ตอนนี้ค่ำแล้ว จะไปที่ไหน พอบอกว่าไป Wanaka เพียงเท่านั้น แกก็บอกว่า ทางอันตรายมากในการขับรถยามค่ำคืน ฝนน่าจะตกตลอดทั้งคืน อย่าเดินทางเลย พักที่นี้ดีกว่า “เออไม่ได้ครับ เพราะเราเสียงเงินค่าที่พักไปแล้วคืนละ 800 NZ แล้วต้องไป” นั้นคือเหตุผลที่เราไม่ได้บอกเจ้าของ Motel หลังจากที่โทรติดต่อที่พัก 180 Wanaka เรียบร้อยแล้ว เราก็เดินทางทันที่

รถเข้าเขตอุทยาน Mount Aspiring สภาพถนนเริ่มเปลี่ยนจากเขตชายฝั่งทะเลเป็นป่า ท่ามกลางฝนตกตลอดเวลา บรรยากาศเริ่มมืดและยิ่งวังเวง ไม่มีรถวิ่งบนถนนเลย ทางเริ่มคดเคี้ยวตลอด สองข้างทางมืดทั้งสองด้าน การขึ้นเขาลงเขาและเข้าโค้ง ผมไม่ใช้วิธีเหยียบเบรกจนไหม้เหมือนอย่างที่ชายน้อยทำ นอกจากผ้าเบรกไหม้แล้ว อาจทำให้ผ้าเบรกหมดจนรถเบรกไม่อยู่ เกิดอุบัติเหตุได้ ผมใช้วิธีทดเกียร์แทน แต่รู้สึกชายน้อยไม่เชื่อ แอบกระซิบนินทากับคุณนู๋ญิงจนได้ยินว่า “ขับรถกันแบบนี้เหรอ ไม่เคยเจอ”

พูดถึง Card โทรศัพท์ ตอนที่ผมไปถึง Christchurch ก็พยายามหาวิธีว่าโทรกลับเมืองไทย ด้วยการ์ดอะไรดี ผมไปที่ซุปเปอร์แถวจัตุรัสไปหาซื้อ ทำไงดีมีตั้งหลายยี่ห้อ ให้คนขายอธิบาย สรุป ไม่รู้เรื่องครับ ผมเลยมาจบที่การ์ดของ Yabba เป็นการ์ดที่ดีมากครับ ผมซื้อมา 5 NZ โทรกลับเมืองไทยทุกวัน ยังเหลือเลยครับ เขาคิดนาทีละ 15 c วิธีใช้ง่ายมากครับ เขาจะมีเบอร์กลางเป็นเบอร์ฟรี ไม่เสียตังค์ไปโทรที่ตู้สาธารณะก็ได้นะครับ หยอดเหรียญแล้วคืนเมื่อโทรเสร็จ เมื่อนผ่านเบอร์กลางก็กด PinCode เลยครับ แล้วจะมีเสียงแจ้งเครดิตว่าเหลือเท่าไร โทรได้กี่นาที ว่าแล้วคุณก็โทรไปตามเป้าหมายเลย แต่ข้อเสียคือ ต้องโทรที่เมืองใหญ่ๆ เช่น Christchurch, Queenstown เป็นต้น แต่ถ้าไปเมืองที่ไม่มีเบอร์กลางฟรีก็ต้องเสียสองต่อครับ ต่อครับ แต่อย่างไรก็แนะนำให้ใช้ครับ //www.yabba.co.nz/

ผู้โดยสารบนรถ อยู่อาการเงียบกันทุกคน ผมอดสงสัยจึงถามได้ความว่า กลุ่มคุณนู๋ญิงไม่เคยเดินทางเวลากลางคืน ประกอบเส้นทางคดเคี้ยว ทำให้หลายคนเริ่มเกร็ง ทำให้ผมได้รู้ว่าชายน้อยไม่ใช่กลัวความสูงอย่างเดียวแล้วแกกลัวความมืด กลัวที่แคบ ถึงว่าเลยเงียบเสียงไปนึกว่าหลับ แต่แล้วผมก็เรียกเสียง เฮ้ๆๆๆๆ จากคนในรถได้ทั้งคัน เมื่อมีกวางตัวผู้ตัวใหญ่วิ่งตัดหน้ารถอย่างกระชันชิด

ขณะนี้ทุกคน Alert กันสุดๆ บางครั้งกระต่ายป่าตัวสีน้ำตาลเข้มก็วิ่งข้ามถนน จนผมต้องหักรถหลบท่ามกลางสายฝน สภาพที่ลมฝนเริ่มแรงพัดรถจนรู้สึกได้ มีท่อนไม้ขนาดเท่ากับสุนัขตัวหนึ่ง ถูกลมพัดตกอยู่กลางถนน ผมหักหลบซ้ายขวาจนผู้โดยสารหัวแกว่งไปมา ถึงว่าการขับรถในเวลากลางคืนที่นิวซีแลนด์เป็นอย่างนี้เอง ถึงว่าเจ้าของ Motel ถึงไม่อยากให้ขับรถเวลากลางคืน รู้สึกหลายคนคงจะกังวลเรื่องการเดินทาง ผมต้องหาสิ่งอื่นมาให้คลายกังวลแทนซะแล้ว การขับรถแบบถดเกียร์ มีข้อเสียคือเปลื้องน้ำมัน เราผ่านสถานที่หลายแห่งมีอะไรก็ไม่รู้เพราะมันมืด แต่สิ่งที่ผมอยากรู้ว่าเมื่อไรจะถึงปั๊มน้ำมันสักที่

“น้ำมันเตือนแล้ว” ผมชี้ให้ทุกคนดูไฟเตือนที่หน้าปัด ไฟสีส้มแดง วาบ วาบ เหลือระยะทางอีก 20 กิโลเมตร ตามที่ GPS บอก “เราจะรอดไหม ไม่มีรถบนถนนเลย” ผมพูดเพราะไม่อยากเครียดคนเดียวต้องแบ่งให้สมาชิกบ้าง สองข้างทางมืด ผมดูใน GPS ระบุว่าด้านซ้ายมือเป็นทะเลสาบ ทะเลสาบ Hawea หลงดีใจนึกว่าเป็นทะเลสาบ Wanaka ซะอีก เห็นแสงไฟอยู่ปลายทางไกลลิบๆ นึกดีใจคิดว่าเป็นเมือง Wanaka แต่เมื่อข้ามสะพานแล้วความดีใจแทบสลายเมื่อกลาย เป็นเมือง Albert town ตอนนี้ผมเลิกคิดถึงที่พักแล้ว แต่คิดถึงปั๊มน้ำมัน สองทุ่มแล้ว หน้าปัดเปลี่ยนจากสีส้มเป็นสีแดงเข็ม สักพักเห็นปั๊มน้ำมันเปิดไฟสว่างด้านหน้า ไชโย ไชโย เราเจอปั๊มแล้ว ผมรีบขับรถเข้าปั๊มทันที่….ความหวังเริ่มแห้วริบรี่เป็นครั้งที่สองแล้ววันนี้เป็นวันอะไร …ไม่มีใครอยู่ที่ปั๊มน้ำมันเลย หัวจ่ายน้ำมันถูกล๊อกกุญแจ ใน GPS บอกว่าไม่เกิน 5 กิโลเมตรจะถึงที่พักเราแล้ว ดูเหมือนน่าจะทดแทนความกังวลเรื่องน้ำมันได้.....

Wanaka Resort ไฮโซสุด สุด

เราถึงจุดหมาย ด้านซ้ายเขาบอกว่า Puzzle World เอาแผนที่ที่คุณนู๋ญิง หาจาก Goggle Map 180 Wanaka น่าอยู่ตรงข้ามกัน ตอนนี้ทั้งสองฝั่งมืดมองไม่เห็นอะไรเลย ที่นิวซีแลนด์เขาประหยัดไฟมาก ไฟถนนก็ไม่มี บริเวณนี้ ผมมาตอนเช้าถึงได้รู้ว่าเป็นป่าล้วนๆ หลายคนเริ่มมีความกังวล ประสมกันไปไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องน้ำมันใกล้จะหมด ที่พักหาไม่เจอ แล้ว wanaka มันอยู่ไกลไหม…. ผมเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ เอาปั๊มน้ำมันที่ใกล้ที่สุด ผมเลือกปั๊ม Shell เพราะน่าจะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ระหว่างทางที่เราขับรถไปปั๊มน้ำมัน มีจักรยานคันหนึ่งกำลังขึ้นเขา เรากำลังเปิดกระจกถามว่าตัวเมืองอยู่อีกไกลไหม แต่ดูอาการแล้ว อย่าถามเลย เพราะคนขี่จักรยานท่าทางคงจะเหนื่อยขี่จักรยานขึ้นเขา และแล้วเราก็ไปถึงปั๊มน้ำมัน คุณนู๋ญิงถามทางไปทีพักกับพนักงานที่ปั๊มน้ำมัน สักพักนักขี่จักรยานที่เราผ่านมาก็มาถึงปั๊ม แปลกมากจักรยานที่นี้เติมน้ำมัน ไม่ใช่ครับ ที่แปลกคือเขาทักทายเราเป็นภาษาไทย แต่ได้คำเดียว “สวัสดีครับ”

ซึ่งแต่ละคนไม่สามารถแนะนำทางได้ จนผมนึกได้ว่า “ทำไมไม่โทรไปถามที่อยู่กับที่พักหละ” จึงได้ข้อสรุปว่า ผมต้องขับรถเข้าตัวเมือง Wanaka ต้องเลี้ยวขวาเลียบทะเลสาบก่อนเข้าตัวเมือง ขับรถผ่านไปประมาณ 4 ซอย แล้วถึง ผมเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโรงแรมหรือ Motel อย่างที่คิด กลับกลายเป็นบ้านที่แบ่งให้เช่าค้างคืน น่าจะเป็น Hostel มากกว่า

3 ทุ่มครึ่ง คือเวลาที่เราถึงที่พัก ดูแล้วน่าจะเป็นบ้านเศรษฐีขี้เหงามากกว่า ครอบครัวคนที่นี้ส่วนใหญ่อยู่กันแค่สองคนตายาย ส่วนลูกก็แยกย้ายกันออกไป คุณลุงแกคงอยากหาเพื่อนคุยเลยแบ่งห้องในบ้านให้เช่า คุณลุงแปลกใจที่เราเป็นคนไทยกลุ่มแรกที่มาพักที่นี่ ซึ่งปกติจะมีแต่ญี่ปุ่นและเกาหลีมาพักเป็นส่วนใหญ่ ทั้งที่พักตั้งราคาไว้แพงมากเลย ห้องพักคืนละ 400 NZ แถมยาจกอย่างเราจองตั้ง 2 ห้อง คุณลุงคงกลัวเราหนีเลยเปิดห้องเก็บรถให้เราเอารถไปจอด สักพักคุณลุงเชิญเราขึ้นไปชั้นสองของบ้าน

“ว้าวววววว” ผมอุทาน บ้านคุณลุงปูพรมสีน้ำตาลอ่อน ดูชีวิตผมตอนนี้ เป็นไฮโซอย่างไม่มีคำตอบ ห้องรับแขกมีเตาพิงซึ่งติดไฟอยู่ ทีวีพลาม่าจอแบนติดบนผนังห้องเปิดรายการกีฬา โซฟาน่านั่งแต่ผมว่าน่านอนมากกว่า ติดกับห้องรับแขกมีห้องครัว คุณลุงเตรียมอาหารว่างให้เราเป็น ขนมปังหน้าปลาแซลมอน ผมลองท้องไป 5-8 ชิ้น ตามด้วยน้ำชายี่ห้ออะไรไม่รู้ ซองสีฟ้า หอมดี คุณลุงคุยให้ฟังว่า ระเบียงด้านบน มีสระว่ายน้ำและที่นั่งทานอาหารเย็น จะเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุด

“โอ้ยยยย แม่เจ้าสวยจริงๆ สวยแบบมืดไปหมดทุกด้าน” ผมคิด “แสดงว่าที่แพง คงเพราะวิวกับเตาพิงละมั้งเนี่ย”

ตอนนี้ฝนยังไม่มีท่าที่จะหยุด 

“พรุ่งนี้นอนเต็มที่นะคะ เราจะออกจาก Wanaka สายแล้วจะไปเที่ยวต่อที่ Arrow town ไปดูใบไม้เปลี่ยนสีกัน”

คุณนู๋ญิงพูดก่อนเดินเข้าห้องนอน

“ช่ายจะรีบตื่นทำไม เสียเงินไปตั้ง200 NZ ขอนอนนานๆก็แล้วกัน” ผมคิด แต่ถ้าเรานอนหลับตาก็ขาดทุน ต้อนนอนลืมตาซิ ว่าแล้วเปิดอุปกรณ์ในห้องนานาชนิด(ที่เปิดได้และเปิดเป็น) ก่อนที่จะนั่งหลับบนเตียงนอนไปแบบไม่รู้ตัว….

.................เสียดายจัง ไม่น่ารีบหลับเลยเรา ขาดทุนแบบไม่รู้ตัว...........




Create Date : 16 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2554 9:06:06 น.
Counter : 1077 Pageviews.

2 comments
  
ภาพสวย สดใสมาก เขียนมีเสน่ห์ ดาราเข้าฉาก

เห็นภาพทุกคนเลย อ่านคนเดียวไม่ได้ ต้องอ่านให้ซะมี

ฟังด้วย อ่านไปขำไป ขอบคุณคะ

โดย: Big Elep IP: 58.8.83.184 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2553 เวลา:16:07:46 น.
  
ลุ้นระทึกจริงๆค่ะ
แต่ละฉากแต่ละตอนมันส์ หยดติ๋ง
อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป
ชีวิตต่างแดนนี่ทั้งสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ
ขอบคุณคุณมากค่ะที่เขียนให้อ่าน
และขอบคุณตัวเองด้วยที่เผอิญเปิดมาเจอบล้อกนี้

ต่อๆๆๆ
โดย: Ably วันที่: 19 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:15:15 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จั๊กเด๋
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]