Group Blog
มีนาคม 2554

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
26
27
31
 
 
All Blog
พาสาวเที่ยวเมืองคาน...จิงๆๆ

หลังจากที่สัปดาห์ก่อนไปเที่ยวปายมาแล้ว ต่อมเที่ยวเริ่มทำงานแล้ว หยุดไม่ได้หากหัวใจอยากเที่ยวเมื่อมี Whatapp มาถาม "ไปเที่ยวเชียงคานไหม หารถตู้ได้แล้ว สนใจไหม"

...แล้วก็หายไปสามวัน

Whatapp มาอีก"เอาไปรถจั๊กไปได้ไหม มีคนไปแค่สี่คน สี่คนนั้นรวมจั๊กด้วย"

อ้าว งานเริ่มก่อยแล้วเมื่อรู้ว่าต้องเป็นคนขับรถ

"อ้อ แล้วที่พักที่เชียงคาน ต้องนอนรวมกันห้องเดียวนะ ช่วงที่เราไปที่พักเต็มหมด"

"ในเมื่อเป็นคนขับรถอย่าลืมเตรียมโปรแกรมเที่ยวด้วยหละ"

ว้าว ว้าว ว้าว ประโยคนี้จุดไฟให้ลุกโชยมา ได้พักห้องเดียวกับสาวๆ ถึงสามคน อุ้ย คิดดูแล้วจั๊กจี่ อิอิ เราเร่งวันเร่งคืนให้ถึงวันไปเที่ยวซักที่ อยากพักห้องเดียวกะสาวๆถึงสามคน...แต่แล้ว งานเข้าเมื่อรู้ว่ายางรถยนต์หมดอายุต้องเปลี่ยนยางใหม่ทั้ง 4 เส้น หมดไป 2 หมื่นกว่าบาท...เพี้ยงลูกช้าง อุตสาห์ทุ่มทุนรูดบัตรหมดไปหลายหมื่น ขอให้สาวๆที่ไปด้วย สวยๆๆด้วยเถอะ......สาธุ คือเสียงของพนักงานร้านยาง เมื่อเสียงบัตรเครดิตสามารถรูดผ่านวงเงิน

หกโมงเช้า จุดนัดพบ Whatapp ======>What's man ตรงไหนเนี่ย อ้อ วัดเสมียนนารี ผมขับรถด้วยใจลั่นลา จอดเลยป้ายรถเมล์ไปนิดเพื่อจะดูว่า คนที่มาด้วยคนไหน จะได้สังเกตุง่าย คนที่เดินออกมาจากกลุ่ม โอออออ แม่เจ้า สามสาวหุ่นนางงามจริงๆ เหมือนกับพึ่งกลับจากการประกวดธิดาช้างที่สวนสามพราน ผมมอง Fortuner คันใหญ่กลายเป็นแค่รถกระป๋องคันน้อยไปแล้ว น้ำตาแทบตก เมื่อแต่ละนางขึ้นมานั่งบนถึงกับเอียงไปข้าง สงสัยกลับมาต้องไปเปลี่ยนโช๊ค โธ่ถ้ารู้อย่างนี้เอารถกระบะมาแล้ว

"โปรแกรมวันนี้ไปเที่ยวไหนค๊ะ" สาวๆมาด้วยถาม

"อ้อ หลายที่นะ แต่ที่แน่ๆ เชียงคานแน่นอน" เราตอบแบบไม่มีหางเสียง "ขับรถเจอป้ายเที่ยวไหนอยากเที่ยวก็เที่ยวนะ" ในใจเริ่มคิด "ต้องหาที่โหดๆๆ ให้พวกนี้ งวดหน้าจะได้เข็ดไม่มากะเรา"

ผม Set เป้าหมายเที่ยว แรก มอหินขาว ชัยภูมิ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา จากตัวจังหวัดชัยภูมิ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2051 ถนนสายชัยภูมิ – ตาดโตน เป็นทางลาดยางระยะทาง ประมาณ18 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายก่อนถึงด่านของอุทยานแห่งชาติตาดโตน ตามถนนตาดโตน – ท่าหินโงม เป็นทาง ลาดยางประมาณ 12 กิโลเมตร แยกซ้ายตามถนนแจ้งเจริญ-โสกเชือก เป็นทางลูกรัง ระยะทาง 6.5 กิโลเมตรถึง บ้านวังคำแคนจากนั้นเลี้ยวขวาช่วงบ้านวังคำแคน ซึ่งเป็นทางลูกรัง ซึ่งชาวบ้านแถวนี้ดูจะไม่พอใจที่มีรถนักท่องเที่ยวมากันเพราะแต่ละคันหอบฝุ่นแดงใส่เข้าบ้านเรือน จึงขอเรียนแจ้งทุกท่านถ้าไปเที่ยว อย่าขับรถเร็วนะครับ เห็นใจชาวบ้านเขา

มอหินขาวมีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ทั่วไป ก้อนหินใหญ่ 5 ก้อน ถือเป็น สโตนเฮนจ์เมืองไทย มีรถขายไอศครีมจอดรออยู่แล้ว นักท่องเที่ยวยังไม่มีใครมาดีเลย จะได้ถือโอกาสถ่ายรูป แต่ขอบอกว่าครั้งนี้ ถ่ายยากมาก เพราะธิดาทั้ง 3 เชือกเดินไปมาบังมุมแทบหมด ว่าแล้ว ระดมพลขึ้นรถขับไปเที่ยวด้านใน

มอหินขาวกำลังรอขึ้นเป็นอุทยานแห่งชาติ ดังนั้นช่วงนี้ยังไม่เสียค่าธรรมเนียม มีคนมากางเต็นท์ด้วย ดีจังเลย อย่างนี้ถ้าไม่จองที่พักที่เชียงคาน น่ากางเต็นท์นอนที่นี้ จะได้ถ่ายแสงยามเย็นที่มอหินขาว เราขับรถไปด้านใน เจอจุดชมวิว สวยมาก เนินหัวนาค มี ชะงอนหินยืนไปคล้ายกับภูกระดึง ณ จุดนี้จะเห็นวิวพาโรนาม่า สุดลูกหูลูกตา คล้ายนิวซีแลนด์มาก ที่ขอบฟ้าไม่มีอะไรขวางกัน

"มีข่าวดีมาบอก กุญแจรถไม่รู้หล่นหายที่ไหน"ผมพูด "มาช่วยกันหากุญแจหน่อยซิ" ว่าแล้วเหล่าธิดาสามพรานช่วยกันเอางวง เอ้ย มือควานหา กว่าจะหากุญแจเจอก็เรียกเหงื่อออกได้สองตุ่ม สีหน้าหลายคนดูดีขึ้นเมื่อหากุญแจรถเจอ ไปต่อกันเถอะ

เราใช้เส้น 201 ผ่านอ. คอนสวรรค์ อ. แก้งคร้อ ,อ. ภูเขียว,อ.ชุมแพ จ. ขอนแก่น เมื่อเชื่อมกับทางหลวงหมายเลข 12 แยกซ้ายไปทางอ .คอนสาร จากนั้นแยกขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 201 สู่เขต จ.เลยอีกที ที่ภูผาม่าน ผ่านภูกระดึง วังสะพุง ถึงตัวเมืองเลย จริงแล้วก็ตาม GPS จะบอกให้ไป เพราะจะหวังพึ่งเหล่าธิดาสามพรานคงจะพึ่งไม่ได้ คุณเธอเจอแอร์เป็นหลับ

"สวนหินงาม น่าไปเที่ยวนะ คุงหมิงเมืองไทย" หนึ่งในสาม ตื่นมาทันชี้ป้ายบอก

"เอาไว้ขากลับก็แล้วกันจะพามาเที่ยว ตอนนี้อยากไปเชียงคานก่อน" คนอะไรตื่นขึ้นมาก็จะเที่ยวเลย เชอะ ตอนนี้อยากนอนบ้างแล้ว ว่าแล้วเราก็ผ่านตัวเมืองเลย สุดท้ายแยกขวาสู่อ.เชียงคานที่พักของป้าศรีพรรณ เราไปถึงที่พักก่อนช่วงเย็นที่จะปิดถนนคนเดิน เพื่อเอาสัมภาระลง ผมไม่เอารถไปจอดที่วัด แต่เลือกไปฝากที่จอดรถใกล้ๆกันซอย 14 เสียค่าจอดคืนละ 50 บาท ก็นับว่าคิดถูกจะได้ไม่ต้องกังวลเวลาเอารถเข้าออกตอนกลางคืน

ศรีพรรณโฮมสเตย์ บ้านพักของป้าศรีพรรณซึ่งใครดูรูปเก่าๆ บ้านเดิมจะเป็นเรือนไม้เปิดโรง แต่ด้วยความนิยมของนักท่องเที่ยว บ้านหลังนี้ ถูกซอยออกเป็นห้องๆ ประมาณ 8 ห้องได้ ห้องหนึ่งอัดได้ 4 คน ห้องน้ำถูกสร้างขึ้นใหม่ถึง 4 ห้อง มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ด้วย วันนี้ผมขอพักรถนอนนอนเอาแรงก่อนแล้วกัน วันนี้เราเดินเที่ยวที่บริเวณนี้แล้วกัน ที่พักมีจักรยานให้ยืมขี่ฟรีด้วยนะ แต่สามสาวจะไปเอาจักรยานที่ไร ทำไมไม่เห็นมีจักรยานจอดสักคันเลย ตอนก่อนมาเห็นรถจักรยานมีสามสี่คัน มือเย็นเราฝากท้องกับร้านป้าศรีพรรณ อาหารประเภทปลาอร่อยนะ ผมเดินชมตลาดย่านถนนคนเดินนิดหน่อย ก่อนจะเข้านอน ผมชอบผ้านวมที่นี้ นอนสบายมาก อากาศกำลังดี ห้องสามารถมองเห็นลำน้ำโขง คืนนี้ผมต้องรีบนอนหลับก่อน ก่อนที่เสียงกรน ของแต่ละนางจะแข่งกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

ตีสี่ครึ่ง ผมครึ่งหลับครึ่งตื่น เหมือนกับได้ยินเสียงละครวิทยุ ลืมตามาดู แม่เจ้าเหล่าธิดาตื่นแต่เช้ามานั่งคุยกัน พอเห็นผมตืนรีบทักทายเลย "ตื่นเช้า จังเลยนะค๊ะ"

"ไม่ได้ตื่น" ผมคิดในใจ แต่ไม่กล้าพูดกลัว เหล่านางสามคนรุมกระตืบผมแบน เลยได้แต่ยิ้ม

"'ตอนเช้าเราตักบาตรกัน สั่งจองกับป้าไว้แล้ว 4 ชุด เมื่อวาน" ผมเบื่อนหน้า มะเอา (กลัวชาติหน้าต้องมาเจอกันอีก) "ไม่เป็นไร พวกพังเอ้ยพวกเธอก็ตักบาตรแทนแล้วกัน ผมจะคอยถ่ายรูปให้" เพียงรู้ว่าจะได้ถ่ายรุป เหล่าสาวงามธิดาทั้งหลาย บรรจงแต่งหน้าทาปากกันยกใหญ่ เห็นกระป๋องแป้งผัดหน้าเหมือนกระป๋องนมเด็กอ่อนเปี๊ยบเลย

ผมลุกขึ้นล้างหน้าตาแล้วเตรียมอุปกรณ์ไปถ่ายรูปด้านล่าง ชายหนุ่มด้านล่างถามว่าสนใจไปจุดชมวิวภูทอกไหม ค่าใช้จ่ายคนละ 200 บาท แต่วันนี้หมอกไม่น่าจะมี เออ มาบอกซะเจ็ดโมงหมอกที่ไหนจะมีนะ ด้านหน้าบ้านป้าศรีพรรณปูเสื่อเป็นแถวยาวติดกัน ตอนนี้พื้นที่มีคนหลายวัยจับจองเพื่อรอตักบาตรข้าวเหนียวกัน พวกเราอิ่มเอมบุญกันถ้วนหน้า ก่อนที่ 9 โมงเช้าจะออกไปหาที่เที่ยวกัน

จุดเที่ยวที่แรกของเมืองเชียงคานคือ คือวัดภูช้างน้อย อยู่ห่างตัวเมืองประมาณ 5 กิโลเมตร วัดนี้อยู่บนภูเขาลูกย่อมๆๆ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ซึ่ง ณ จุดนี้ถ้าเราอยู่บนภูทอกก็สามารถมองเห็นพระพุทธรูปองค์นี้ได้ชัด เราไหว้พระขอพรให้การเดินทางครั้งนี้ราบรื่น

เราออกจากวัดไปเที่ยวแก่งคุดคู้ ซึ่งมีหาดทรายขาวเป็นแนวยาวติดลำน้ำโขง ที่นี้ส้มตำกินกับกุ้งทอดอร่อยมาก กินเสร็จจะพักสายตานอนซะหน่อย ประทานโทษ โดยเหล่าธิดายึดเป็นทำเลนอนอืดไปแล้ว เลยต้องเดินหาทำเลถ่ายรูปด้านล่าง ที่ชายหาดมีร้านอาหารลงไปขายข้างล่างหลายร้านเหมือนกัน แต่รู้สึกทรายจะร้อนมาก ถึงแม้จะใส่ร้องเท้าแตะ ก็ยังร้อนอยู่ดี เห็นคนจับปลาแถวนี้เก่งจังเลย แต่ความโรแมนติกก็ยังตามมาหลอกหลอน อิจฉาชาวบ้านอีกแล้ว

ดูนาฬิกาจะบ่ายสองแล้ว ไม่ได้ต้องไปหาที่เที่ยวต่อ ถามแม่ค้าบอกว่าภูทอกเขาไม่ให้เอารถขึ้น ต้องเสียเงินค่ารถให้อบต คนละ 30 บาท เลยคิดว่าแอบไปตอนกลางวันหรือไม่ไปหาทำเลถ่ายภาพตอนเช้าใหม่ นึกถึงวัดพระธาตุภูควายเงิน น่าจะมีจุดชมวิวให้ถ่ายรูป เลยไปสำรวจก่อนดีกว่า ใช้เวลาเพียงอึดใจก็ไปถึงวัดพระธาตุภูควายเงิน มีรูปปั้นควายตัวใหญ่เป้นสัญญาลักษณ์ คุณป้าผู้ดูแลเล่าตำนานให้ฟังว่าว่า มีควายตัวนี้หนีมาจากฝั่งลาวข้ามมาฝั่งไทย แล้วชาวบ้านคนหนึ่งนำมาเลี้ยง แล้วเอาไปไถนา ควายตัวนี้เรี่ยวแรงดีมากไถ่นาได้หลายไร่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนทำให้ชาวบ้านคนนี้มีฐานะดีเป็นเศรษฐี แล้วก็บอกว่าประวัติเป็นมาเกี่ยวกับแก่งคุดคู้ พยายามแกะสำเนียงเสียงในฟิลม์ แต่ไม่ทันจะเสร็จเรื่องได้ยินเสียง ........ ก๊อบบบบบบบ

แว่นตา Ray Ban พึ่งซื้อมาจาก Duty ที่ยังไม่ถึง Due จ่ายเงินเลย โดนแม่ธิดาสามพรานเอาขาหน้า เอ้ย เท้าเหยียบแว่นที่ตกลงพื้นดัง ก๊อบบบ ตามด้วย ผมที่หัวใจสลายไปกับเสียง

"แว่นแท้หรือปล่าว มีใบรับประกันไปเคลมได้นะ" เพื่อนคุณเธอเสนอทางออกซึ่งดูเหมือนจะออกไม่ได้ ผมหยิบแว่นขึ้นมาดัดให้ตรง แต่เลนส์ด้านขวาเป็นรอยแตกละเอียดแต่ยังไม่หลุดจากกรอบแว่น

"หกพันกว่าบาทหายวับไปกับตา"

"เชิญลงไปไหว้รอยพระพุทธบาทด้านล่าง เสร็จแล้วอย่าลืมไปดูกระต่ายนะค๊ะ" คุณป้าพูดขั้นจังหวะ ว่าแล้วต้องไปเชียว ต้องลงไปไหว้รอยพระพทุธบาตรด้านล่าง ซึ่ออยู่ในระหว่างก่อสร้างเจดีย์ขึ้นมาครอบอีกชั้นหนึ่ง พวกเราขึ้นไปด้านบนไปดูน้องกระต่าย มีหลายตัวที่ทางวัดเลี้ยงอยู่ แต่ที่เห็นๆ มีสองตัวเชื่องมากอยู่นอกกรง ใกล้กันมีพระพุทธรูปองค์สีขาวอยู่ด้านนอก

"ขึ้นไปดูวิวด้านบนเขากันไหม" ผมชวนเหล่าเทพีประจำรถทั้งสามนาง

"ไปไม่หรอกค๊ะ ขอรออยู่ด้านล่าง"

ตามใจ ผมขึ้นมาจุดชมวิวด้านบนเห็นทิวทัศน์โดยรอบแต่ต้นไม้เยอะไปทำให้บดบังทัศนีย์ภาพไป เลยคิดว่าขากลับลองไปแว๊ะดูภูทอก จริงอยากที่เขาบอก มีโต๊ะตั้งขายตั๋วค่ารถขึ้นชมวิวราคาคนละ 30 บาท

"ข้างบนมีอะไรไหมครับ" ผมถามเจ้าหน้าที่ขายตั๋ว

"อ้อ ตอนนี้ขึ้นไปก็ไปชมวิวค๊ะ ส่วนมากคนจะมาช่วงเช้าได้เห็นทะเลหมอก"

เมื่อทราบคำตอบคิดว่ามาใหม่วันพรุ่งนี้เช้าดีกว่า เราไปเที่ยวที่ไหนต่อดี อ้อ จำได้ว่ามีพระใหญ่หรือเรียกว่าพระพุทธนวมินทรมงคลลีลาทวินคราภิรักษ์ ซึ่งเราต้องย้อนกลับเข้าตัวเมืองเชียงคานแล้วตรงออกไปไม่เลี้ยวซ้ายเหมือนขากลับ ทางที่มีบางส่วนเป็นถนนดินแดงเรียบริมแม่น้ำโขง เราเจอแก๊งค์สาวสก๊อย ดูนี้แล้ว อยากเข้าไปร่วมจังเลย ผู้หญิงเป็นคนขี่มอเตอร์ไซด์ แต่ผู้ชายซ้อนท้าย มั่วดูเพลินจนลืมไปว่ารถผมวิ่งด้วยความเร็ว 120 กม/ชม โธ๋คุณน้อง คุณพี่ไม่ได้ตั้งใจเลย

ทางเส้นนี้ผมว่าสวยมากเรามองเห็นแม่น้ำโขง เห็นฝั่งลาว คู่ขนานไปกับเส้นทาง จนกระทั้งถึงองค์พระใหญ่ เป็นพระพุทธรูปปางลีลา ลักษณะเดียวกับองค์พระพุทธรูปที่พุทธมนฑล มีคุณลุงบอกว่าที่ตรงนี้เป็นจุดสุดท้ายของไทยที่จะได้เห็นแม่น้ำโขงนะ เพราะด้านหน้าขนาบข้างด้วยพรมแดนของประเทศลาว แม่น้ำโขงไหลเข้าแผ่นดินประเทศลาวไป ผมเห็นเนินดินด้านหลังองค์พระ จึงขึ้นไปดูมีร่องรอยสภาพบังเกอร์ของทหารที่หลงเหลืออยู่ ดูเวลาแล้วเริ่มเย็น ในช่วงที่กำลังออกรถ แก็งค์สาวสก๊อยพึ่งมาถึงในสภาพหวงฟูแดง ทำให้ผมต้องแกล้งไปยืนข้างรถคันอื่นแทน มะช่ายข้อยเน้อ อิอิ

ช่วงขากลับเรามาจอดรถที่จุดจอดรถเดิมสังเกตุเห็นได้ชัดว่าวันนี้รถน้อยลงจากเมื่อวานไปมาก ทำให้วันนี้กว่าจะจอดรถได้ใช้เวลานาน ก็มีให้เลือกเยอะจนไม่รู้จะจอดที่ไหน เย็นนี้เราได้กินข้าวร้านอาหารที่อร่อยพร้อมกับชมพระอาทิตย์ลาลับเป็นกับแกล้มอาหารมือเย็น คืนนี้เราเดินเที่ยวตั้งแต่ต้นซอยยันถึงท้ายซอย....ใครจะว่าเชียงคานผมไม่รู้นะ รู้แต่ว่าผมเริ่มรักเชียงคานแล้วหละ

เช้าวันกลับ คืนนี้ผมได้หลับได้สนิท นาฬิกาปลุกตอนตี 5 ครึ่งได้เวลาไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูทอกกัน ที่จอดรถเต็มไปด้วยรถนักท่องเที่ยว นี่ขนาดวันนี้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวนะรถยังขนาดนี้เลย แล้วถ้าเมือวานหละ เห็นเจ้าหน้าที่บอกว่าคนเป็นพันเลย กว่าจะได้ขึ้นภูทอก ก็ต้องหารถกะบะอยู่นาน จนได้รถกระบะคันใหญ่มารับแม่ธิดาคชสารทั้งสาม ไม่น่าเชื่อว่ากระบะคันอื่นคนขึ้นด้านหลังเต็ม แต่กระบะคันเรามีแต่พวกเราเท่านั้น ทำให้ตลอดทางขึ้น ธิดาทั้งสามกลิ้งเป็นลูกขนุนไปมา ดูแล้วก็เพลินดี

บนจุดชมวิวภูทอก ซึ่งเป็นสถานีโทรคมนาคม ผมค่อนข้างเห็นด้วยที่เขาห้ามนำรถขึ้นมา แล้วใช้รถของ อบต เพราะที่จอดรถมีน้อย อีกทั้งเส้นทางค่อนข้างอันตราย มีฝูงชนยึดหัวหาดอยู่มุมท๊อปฮิตอยู่แล้ว ผมก็เดินหามุมไปมา จนกระทั้งได้ยินเสียงคนตะโกนพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว มีมุมด้านหลังว่างอยู่ เสร็จตรู ผมยืนยิงหลายรูป โดยที่ไม่โดนคนรบกวนจนได้ภาพอิ่มเอมใจ แม้หมอกจะไม่ค่อยมากนัก แต่ก็ OK นะ

เรากลับมาที่พัก วันนี้ต้องไปคลิ๊บปี้ครีมเมืองเชียงคานดู อยู่ที่ตลาดเห็นคนต่อแถวกันยาวไม่แพ้ที่กรุงเทพ น้องผู้หญิงถือบัตรคิวเลขที่ 91 อีกคนหนึ่งถือบัตรเลขที่ 2 กำลังจะชมว่าน้องเก่งจังได้คนที่ 2 แต่ไหงได้ เป็นคิวทบรอบที่สองแล้ว คลิ๊ปปี้ครีมที่นี้คือ ปาท่องโก้ใส่ใส้อันฤาชื่อของเมืองเชียงคาน เห็นคิวเยอะว่าจะลองต่อคิวซะหน่อยก็ต้องเปลี่ยนใจที่จะรอ กลับไปที่พักเก็บของดีกว่า

เราร่ำลาป้าศรีพรรณ แล้วออกเดินทางไปเที่ยวต่อจะรีบกลับกรุงเทพทำไม ไกลนิดเดียว ที่นี้เราเล็งไว้แล้วต้องไป ภูเรือ 555 ที่อุทยานแห่งชาติภูเรือ ต้องจอดรถแล้วต้องเดินขึ้นไปจุดชมวิวด้านบน แต่ผมพาเหล่าคุณเธอเดินฝ่าพุ่มไม้ไปอีกด้าน ทำให้ไม่ผ่านจุดขึ้นรถพานักท่องเที่ยวขึ้นด้านบน ทางเริ่มชันเรื่อยๆ เช่นเดียวกับเหล่าสาวคชสารทั้งหลายเริ่มเดินช้าลงเรื่อยๆๆ จนกระทั้งผมมารอที่องค์พระพุทธรูปที่ประดิษฐฐานด้านบน รออยู่นาน จึงเดินไปตาม จึงรู้ว่าคุณเธอนอนเป็นลมอยู่ที่ศาลาด้านล่าง ไม่ยอมขึ้นมาจุดสูงสุดของภูเรือ จนต้องเดินไปตามว่า เดินอีกนิดเดียวก็ถึง นั้นหละ คุณเธอถึงยอมมา หลังจากที่ถ่ายรูปกับป้ายอุทยานแห่งชาติภูเรือแล้วขากลับดูคุณเธอมีกำลังใจมากขึ้น ผมก็เลยพาไปเที่ยวแถมสองที่คือ วัดป่าเนรมติวิปสสนา และพระธาตุศรีสองรัก ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพ ถึงที่พัก 3 ทุ่ม อ้อผมไม่ใจอ่อนไปส่งแต่ละคนที่บ้านนะ ขึ้นตรงไหนก็ลงตรงนั้นเลยนะ 5555

พอลงรถก่อนปิดประตูสามสาวถามว่า

"ทริปหน้าไปเที่ยวไหนดีค๊ะ"

บรือออออ แค่ได้ยินก็ขนหัวลุกแล้ว ไม่รอช้าออกรถทันที่




Create Date : 25 มีนาคม 2554
Last Update : 25 มีนาคม 2554 10:25:14 น.
Counter : 1043 Pageviews.

9 comments
  
ภาพสวยจังเลยคร้า ^0^
โดย: ASDK_MK วันที่: 25 มีนาคม 2554 เวลา:11:37:36 น.
  
แหมม บรรยายได้น่ารัก น่าตีจริงเลยนะคะ
โดย: easyfreedom1978 วันที่: 25 มีนาคม 2554 เวลา:11:42:56 น.
  
เชียงคานม่ะเคยไปสักที ต้องหาทางสักครั้ง บรรยากาศเหมือนหยุดเวลาย้อนกลับสักสามสิบปีได้เนาะ
Photobucket
โดย: Yoawarat วันที่: 25 มีนาคม 2554 เวลา:11:47:07 น.
  
ภาพสวยมาก เขียนเรื่องได้น่าติดตามดีครับ .....

ว่าแต่ว่าจากภาพทำไมเห็นแต่สาวหุ่นดี ไม่เห็นธิดาช้างอย่างในเรื่องเลยล่ะครับ .....
โดย: NET-MANIA วันที่: 25 มีนาคม 2554 เวลา:13:07:56 น.
  
ขอบคุณ ทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ

หากมีโอกาสไปเที่ยว อยากให้รีบไปนะครับ ก่อนที่เวลาจะทำให้เปลี่ยนแปลงไป

สำหรับสาวๆในภาพ ไม่รู้จักสักคนเลยคับ ถ่ายประชดวาสนาไปหละคับ
โดย: จั๊กเด๋ วันที่: 25 มีนาคม 2554 เวลา:14:09:22 น.
  
คราวหน้า ชวนบ้างนะคะ อิอิ
โดย: hyejin วันที่: 25 มีนาคม 2554 เวลา:16:00:07 น.
  
แว๊ก ๆ ๆ คงมะช่าย ธิดาสามพรานแอบมา
โดย: จั๊กเด๋ IP: 49.229.175.176 วันที่: 25 มีนาคม 2554 เวลา:20:03:57 น.
  
5555 ชอบคำบรรยายค่ะ อ่านไปหัวเราะไป
โดย: มิลเม วันที่: 26 มีนาคม 2554 เวลา:16:27:26 น.
  
ขอบคุณอีกครั้งครับผม
โดย: จั๊กเด๋ วันที่: 28 มีนาคม 2554 เวลา:11:36:06 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จั๊กเด๋
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]