Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 
24 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 

"ดีเอสไอ" ออกโรงเฉ่ง "เสี่ยอู๊ด" หากผิดจริงติดคุก 20 ปี



"ดีเอสไอ" เดินหน้าหาหลักฐานเอาผิด "เสี่ยอู๊ด" กรณีจัดสร้าง "พระสมเด็จเหนือหัว" ผิดกฏหมาย เผยตอนนี้มีหลักฐานและพยานเอาผิดพร้อมรอแค่ศาลไตร่สวนเท่านั้น ย้ำหากผิดจริงอาจมีโทษจำคุกสูงถึง 20 ปีและอาญัติทรัพย์สินทุกอย่างทั้งส่วนตัวและบริษัท เปรย "ดาราชาย" ทุกคนเตรียมตัวให้ปากคำในศาลหากสืบทราบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง

เงีบหายไปพักใหญ่สำหรับคดีความ "พระสมเด็จเหนือหัว" ที่ผ่านมาจะมีก็แต่ "เสี่ยอู๊ด-สิทธิกร บุญฉิม" ที่พัวพันคดีดังกล่าวไปให้สัมภาษณ์ในรายการต่างๆ พูดถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวกับดาราชาย จนดาราหลายคนร้อนๆ หนาวๆ ไปตามๆ กัน หากแต่ไม่เคยปริปากเรื่องคดีความพระสมเด็จเหนือหัว

แต่ล่าสุดเสี่ยอู๊ดก็โดนซะแล้ว เมื่อ "พ.อ. ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ" ผู้บังคับบัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ (DSI) และนายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ อดีตกรรมาธิการคณะกรรมาธิการศาสนาศิลปะและวัฒนธรรมสภาผู้แทนราษฏร ซึ่งเป็นผู้เสียหายจากการเช่าบูชาพระสมเด็จเหนือหัว เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องบริษัท ไดมอนด์ฮิลล์ จำกัด ,นายสิทธิกร บุญฉิม หรือ “เสี่ยอู๊ด” ประธานบริษัท และนายก้องไกร ลิ้มจรูญ กรรมการผู้มีอำนาจ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานละเมิดและโฆษณาแก้ไขข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน เรียกค่าเสียหายจำนวน 300,999 บาท ก็ได้เดินทางมาออกรายการ "คุยกันทันข่าว" ทางช่อง 5 เพื่อเปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าว โดย พ.อ. ปิยะวัฒก์ ได้กล่าวว่า

"ในส่วนของคดีหลังจากที่ได้มีประกาศจากสำนักพระราชเลขาตามที่ออกมาว่า ทางผู้จัดสร้างได้มีการโฆษณาชวนเชื่อ ด้วยการประกาศว่ามีดอกไม้พระราชฐานเป็นมวลสารในการจัดสร้าง และนอกจากนั้นก็ได้มีการนำเอาเครื่องหมายพระมหาพิชัยมงกุฏประทับลงบนด้านหลังองค์พระ ตรงจุดนี้ทางเราได้ตรวจสอบแล้วพบว่าทางผู้จัดสร้างไม่ได้มีการทำเรื่องขออนุญาติเลย"

"คือตอนนี้เราก็ได้ทำเรื่องขออนุมัติเป็นคดีพิเศษ เมื่อได้รับอนุมัติแล้วก็จะมีหน่วยที่เข้ามารับผิดชอบก็คือ สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม แต่เท่าที่ทราบตอนนี้ก็ได้มีการสืบสวนสอบสวนหาหลักฐานไม่ว่าจะเป็นพยานเอกสาร วัตถุพยานและพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตอนนี้มีความคืบหน้าไปเยอะแล้ว แต่คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง ตอนนี้สิ่งที่ทางเราอยากจะขอความร่วมมือกับประชาชนที่เสียหายว่าให้เข้ามาพบกับเพื่อให้ปากคำ เพราะอันนี้เป็นสิทธิ์ของท่านเองทั้งนั้น เพราะถ้าหากเรื่องทุกอย่างสำเร็จท่านก็จะได้รับชดใช้ค่าเสียหายตามที่เสียไป กับเรื่องตรงนี้ทางประชาชนที่เสียหายจะต้องไปร้องเรียนที่สำนักงานคระกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แล้วเขาจะรับเรื่องและส่งสำนวนคดีมาให้ทางเราต่อไป"

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าตอนนี้ "เสี่ยอู๊ด" มีความผิดอย่างไรบ้าง ตามที่ทางสำนักคดีอาญาพิเศษ (DSI) ตรวจพบ ผู้บังคับบัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษเผยว่า

"ตอนแรกจริงๆ แล้วที่เขาทำเรื่องเสนอว่าจะจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัวนั้นเขายื่นเรื่องไว้ ประมาณ 1 ล้าน 6 หมื่นองค์ แต่พอผลิตจริงนั้นเขาจัดทำทั้งสิ้น 1 ล้าน 6 แสนองค์ ซึ่งมันเกินจากความจริงไปเยอะมาก งานนี้ถ้าเกิดเขาขายหมดอย่างที่ผลิตจริงเขาจะได้เงินอย่างมหาศาลเลย โดยหลักความเป็นจริงแล้วต้นทุนในการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัวนั้นตกประมาณองค์ละ 4 บาท เท่านั้น แต่เขานำไปให้เช่าบูชาองค์ละ 999 บาทและจัดทำเป็นชุดมีชุดละ 5 องค์ 5 สี ตกชุดละ 4999 บาท คือเรื่องพวกนี้เป็นความผิดมาก"

"อีกอย่างหนึ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือเรื่องนี้มันเข้าข่ายฐานหลอกลวงด้วย อย่างเช่นในเรื่องของการโฆษณาจากการทำโปสเตอร์นั้นที่บอกว่า ดอกไม้พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและยังมีผงพุทธคุณอีกมากมาย ส่วนจุดที่สำคัญและเด่นชัดที่สุดคือตราเครื่องหมายพระมหาพิชัยมงกุฏประทับลงบนด้านหลังองค์พระ สมเด็จเหนือหัวนั้นเขาเอามาใช้โดยไม่ได้ขออนุญาติด้วย คือจริงๆ แล้วการที่จะใช้ตราสัญลักษณ์ดังกล่าวได้จะต้องทำเรื่องขอไปทางสำนักราชเลขาธิการก่อน"

"กับความผิดทั้งหมดนั้นโทษที่เขาจะได้รับมีอยู่หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นโทษจากการโฆษณาชวนเชื่อให้คนอื่นเข้าใจผิดนั้นก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทำจำทั้งปรับแล้วถ้ามีคำสั่งห้ามแล้วแต่ยังคงฝ่าฝืนอีกก็จะมีโทษตามลำดับต่อไป ส่วนความผิดฉ้อโกงนั้นทางกฏหมายอาญา ในมาตรา 343 จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนถึง 7 ปี ปรับตั้งแต่ 1 พันบาทถึง 1 หมื่น 4 พันบาท หรือทำจำทั้งปรับ และก็อาจจะมีในเรื่องของการที่นำตราสัญลักษณ์ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตินั้นก็อาจจะมีโทษสูงขึ้นคือจำคุก 5 ถึง 20 ปี แต่ ณ วันนี้เสี่ยอู๊ดก็ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ตราบใดที่ศาลยังไม่พิพากษาว่าเขามีความผิด"

ส่วนข้อถามที่ว่าตอนนี้สามารถเรียก "เสี่ยอู๊ด" ว่า "ผู้ต้องหา" ได้หรือยัง ผู้บังคับบัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษย้ำว่าได้แล้ว..."คือตอนนี้ทางพนักการสอบสวนเขาได้ยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อที่จะออกหมายจับแล้ว แต่ศาลอนุญาติให้ปล่อยตัวชั่วคราวอยู่และสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศด้วย แต่จริงๆ แล้วเสี่ยอู๊ดนั้นก็คือผู้ต้องหานั่นแหละ เมื่อมีการออกหมายจับแล้วจะต้องมีการฝากขังตัวไปในแต่ละงวดผลัดละ 12 วัน เพราะฉะนั้นเราจะมีกรอบเวลาที่จะต้องดำเนินการอยู่แล้วก็ตามกฏหมายเลย คือ 84 วัน"

ส่วน "ดาราชาย" ทั้งหลายคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียในทรัพย์สินของเสี่ยอู๊ด หรือเกี่ยวข้องการสร้างพระสมเด็จเหนืออาจโดนหางเลขถูกเชิญมาสอบสวน
"ตรงนี้เราต้องอยู่ที่พนักงานสอบสวนว่าถ้าหากว่าดาราชายเหล่านั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสร้างนั้นทางตำรวจก็จะต้องเชิญมาหาปากคำที่ศาลด้วยเหมือนกัน ส่วนถ้าหากความผิดทั้งหมดนั้นเป็นของเสี่ยอูดคนเดียว ทางเราก็จะดำเนินคดีและจะทำการยึดทรัพย์สินทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นของส่วนตัวและสำนักงานได้ ตรงนี้มันก็จะเป็นไปตามกรอบและอำนาจที่มีอยู่"

ด้าน "นายสงการนต์ อัจฉริยะทรัพย์" อดีตกรรมาธิกากคณะกรรมาธิการศาสนาศิลปะและวัฒนธรรมสภาผู้แทนราษฏรเปิดใจถึงการยื่นฟ้องในฐานะเป็นผู้เสียหายจากการเช่าบูชา "พระสมเด็จเหนือหัว" ว่า

"สำหรับตอนนี้เราก็ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งในความผิดฐานละเมิดและนำเสนอข้อความโฆษณาที่เป็นเท็จต่อประชาชน ตรงนี้เราก็ได้ยื่นฟ้องไปแล้ว หลักฐานเรามีแน่นพอสมควร อีกอย่างหนึ่งตอนนี้ทางไปรษณีย์ ร้านทองและธนาคารก็ได้มีคำสั่งให้หยุดจำหน่ายหมดแล้ว กับคดีตรงนี้ผมก็มั่นใจมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ว่าเราจะต้องชนะคดี"

"แต่ทั้งหมดก็ต้องแล้วแต่ดุลยพินิจของศาลด้วยว่า ท่านจะวินิจฉัยอย่างไร แต่ที่เราเห็นอยู่ตอนนี้ผมก็ว่ามันค่อนข้างที่จะชัดเจนทุกอย่าง เพราะเรามีหลักฐานที่แน่นหนา คือหลังจากนี้ถ้าศาลตัดสินว่าเขามีความผิดจริงเขาก็จะต้องคืนเงินทุกคนที่เช่าพระไปทั้งหมดให้กับผู้เสียหาย คือผมทำทุกอย่างเพื่อความถูกต้อง"

ต่อข้อถามถึงเรื่องของการฟ้องร้องว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง อดีตกรรมาธิกากคณะกรรมาธิการศาสนาศิลปะฯ เผยว่า

"หลังจากที่ผมได้ไปยื่นฟ้องกับศาลที่ศาลแพ่งแล้วที่ผ่านมาในวันที่ 26 ธันวาคม 2550 ตอนนี้ศาลก็ได้รับฟ้องไว้เรียบร้อยแล้ว ในคดีแพ่ง 6035/50 เรื่องการละเมิดและโฆษณาแก้ไขข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน ส่วนทางด้านศาลอาญานั้นทางศาลได้นัดไตร่สวนในวันที่ 10 มี.ค. นี้ ส่วนศาลแพ่งนั้นก็จะเป็นวันที่ 24 มี.ค.นี้ กับการที่ผมต้องออกมาเรียกร้องในครั้งนี้นั้นเป็นเพราะว่าผมก็เป็นผู้เสียหายด้วยเหมือนกัน แต่ส่วนตัวแล้วผมก้เป็นนักกฎหมายด้วยเลยยอมไม่ได้ เขาพูดว่าเขาจะไม่คืนเงินให้ผู้เสียหายเลยสักคน ตรงนี้มันจึงเป็นที่มาของการฟ้องร้องในครั้งนี้"


ที่มา
ผู้จัดการ




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2551
4 comments
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2551 2:18:11 น.
Counter : 1234 Pageviews.

 

เวรกรรมมีจริง

บล็อกนี้มีแต่คนสวยๆ

 

โดย: รัตน์ jp 24 กุมภาพันธ์ 2551 8:31:30 น.  

 

เสี่ยอู๊ดนี่ ปั้นดินขายจนรวย หากินกับพระกับเจ้า ก็........

 

โดย: กระต่ายไม่ขูดมะพร้าว 24 กุมภาพันธ์ 2551 21:59:09 น.  

 

แวะมาทักทายค่ะ ไม่ค่อยมีเน็ตให้เล่น เลยไม่ได้มาทักทายคุณลูกโป่งฯ
หวังว่าคงสบายดีนะค่ะ ถ้ายังไงหากมีที่ให้เล่นเน็ตเหมือนเช่นวันนี้อีก
จะแวะมาเยี่ยมอีกนะค่ะ

ปล.ว่าจะบอกมานานแล้วค่ะว่า บล๊อกคุณสุดยอดมั่ก ๆ ขอคารวะค่ะ

 

โดย: yamara-tee 25 กุมภาพันธ์ 2551 12:39:38 น.  

 

นายสงกรานต์ เองก็ใช่ย่อย

สงสัยคงจะเสียหน้า เมื่อโดนโกงบ้าง

เพราะเคยโกงคนอื่นมาเยอะ

เวรกรรมมีจริง

 

โดย: ซี IP: 125.24.138.21 21 พฤศจิกายน 2551 20:49:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.