Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
26 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
บอสสหมงคลฯแถลงกร้าวสั่งให้ตามกลับมาถ่ายต่อ ไอ้จาลูกชายกู เสี่ยเจียงอภัย



หลัง จา-พนม ยีรัมย์ โผล่แจงเหตุทิ้ง''องค์บาก 2'' นาน 3 เดือน เพราะประสบปัญหาถูกตัดท่องบประมาณ เครียดจนสติแตก...งานนี้บิ๊กบอส ปรัชญา ปิ่นแก้ว เผยเสียบกำกับฯ แทนจา ตามคำสั่งเสี่ยเจียง สมศักดิ์ โต้สหฯ ไม่ได้ตัดท่องบประมาณ แฉ...จา ทำงานล่าช้า ผลญี่ปุ่น, อเมริกา ยกเลิกสัญญาซื้อหนัง อีกทั้งยังทิ้งกองก่อให้เกิดความเสียหาย ยืนยันทุกวันนี้ทุกคนยังให้โอกาสในการที่จาจะเข้ามาเคลียร์ แต่ถ้าไม่เข้ามาเคลียร์ก็มั่นใจว่าหนังองค์บาก 2 คงปิดได้โดยไม่มี จา พนม... ด้านเสี่ยเจียง จัดแถลงข่าวเปิดใจวันที่ 25 กรกฎาคม 2551 ที่ผ่านมา เน้นย้ำว่า ....


ภายหลังจากที่มีกระแสข่าวออกมาว่า ''จา-พนม ยีรัมย์ '' หายตัวไปจากวงการ ตัดขาดจาก เพื่อนฝูงทิ้งองค์บาก 2 ที่เป็นความรับผิดชอบของเขาโดยตรงไปร่วม 3 เดือน ซึ่งจะมีก็แต่เพียงนางเอกสาว บงกช คงมาลัย หรือ ''ตั๊กอึ๋มผ่าซาก'' เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้พูดคุยกับพระเอกนักบู๊ พร้อมกับแจ้งว่าจาสบายดี ส่วนเหตุที่หายไปนั้นเพราะต้องการไปบำเพ็ญเพียรตั้งสติ หาความสงบของป่าเขา


แต่ในขณะที่จาเกิดความสงบ เบื้องหลัง...ที่นี่กรุงเทพฯ ได้เกิดความวุ่นวายมากมายกับกองถ่าย ทีมงานของหนังเรื่ององค์บาก 2 ซึ่งจารับหน้าที่การกำกับฯ ควบคู่กับ พันนา ฤทธิไกร พร้อมกับดูแลในส่วนของการผลิตด้วย ดังนั้นจึงเกิดปัญหาที่ตามมาว่า แล้วองค์บาก 2 ที่เหลือการเก็บรายละเอียดอีก 20 เปอร์เซ็นต์ใครจะสานต่อ และจะทำอย่างไรต่อไป เพราะเมื่อมองจากลักษณะความรับผิดชอบในการทำงานนั้นโดยภาพรวมแล้วเป็นความรับผิดชอบของจาเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้เพราะในหนังเรื่องดังกล่าวจากำกับฯ เอง เล่นเอง และดูแลการสร้างด้วยตัวเอง และเมื่อจาล่องหน ทิ้งปัญหาที่เหลือไว้จึงทำให้หลายฝ่ายเกิดอาการข้องใจว่าองค์บากจะจบลงอย่างไร


เมื่อมีคนให้ความสนใจตามล่าหาตัว ''จา ''มากมายขนาดนี้ ทางจา-พนม ยีรัมย์ ได้ออกมาเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งว่า สาเหตุที่ภาพยนตร์เรื่ององค์บาก 2 ต้องชะงักนั้น เป็นเพราะทางบริษัทสหมงคลฟิล์มฯ ตัดท่องบประมานกลางคัน จนทำให้ตนต้องควักกระเป๋าจ่ายเอง กระทั่งหมดเนื้อหมดตัว ไม่มีแม้กระทั่งเงินที่จะนำไปผ่อนบ้าน กระทั่งถูกตัดน้ำ ตัดไฟ ในเวลาตามมา จึงหาทางออกด้วยการไปหาที่สงบๆ นั่งสมาธิ เพื่อสยบปัญหาต่างๆ และจะว่ากันไปแล้วตนไม่ได้หายไปไหนเลย เพิ่งไปถ่ายทำองค์บากฉากพระเอกตอนเด็กไปเมื่อวันที่ 12-13 กรกฎาคมที่ผ่านมา จากนั้นทางพระเอกนักบู๊ยืนยันว่าไม่คิดทิ้งหนังเรื่องนี้ ตนรักและอยากสร้างให้เสร็จ แต่เมื่อถูกตัดงบทำให้การทำงานลำบาก อีกทั้งงบจริงๆ ที่ตั้งไว้คือ 232 ล้านบาท ตนได้รับเพียง 117 ล้านบาท เมื่อเดือนมีนาคม แต่เท่าที่สามารถทำหนังได้เกิน 80 เปอร์เซ็นต์ถือว่าทำงานได้ตามเป้า แต่เมื่อเกิดปัญหาแบบนี้ตนยอมรับไม่มีแรงใจที่จะทำงาน และขอเคลียร์ปัญหาดังกล่าวกับทางสหมงคลฟิล์ม ฯ ก่อน และยืนยันว่าตนไม่เคยโกงบริษัท ไม่เชื่อมาตรวจสอบได้เลย


อย่างไรก็ตาม ทางปรัชญา ปิ่นแก้ว โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์เรื่ององค์บาก 2 ซึ่งได้รับมอบหมายจากเสี่ยเจียง-สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ บอสใหญ่สหมงคลฟิล์ม ให้มาดำเนินการสร้างองค์บาก 2 ต่อจาก จา พนม ที่หนีไปปลีกวิเวกในป่า ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า


ตนได้รับมอบหมายจากทางเสี่ยให้มากำกับดูแลหนังเรื่องนี้ต่อจากจา ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับ พันนา ฤทธิไกร โดยทางเสี่ยเจียงบอกว่า รอไม่ไหวแล้ว เพราะ 3 เดือนมาแล้วที่ติดต่อจาไม่ได้แล้วหนังก็จะเข้าฉาย 5 ธันวาคมนี้ เกรงว่าไม่ทัน ทำให้ต้องโดดเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ และเท่าที่รู้ตอนนี้สองประเทศยักษ์อย่างญี่ปุ่นและอเมริกาได้คืนสัญญากับทางสหมงคลฟิล์ม ตรงนี้ไม่มีค่าปรับใดๆ แต่เขาขอคืนสัญญาเพราะทางสหฯ ทำหนังเสร็จให้เขาไม่ทัน แล้วรอไม่ได้แล้ว


''ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกสิ่งทุกอย่างมาจากการหายตัวไปของ จา พนม โดยไม่มีเหตุผล เรื่องมันเริ่มมาจากวันที่ 29 เม.ย.ซึ่งถ่ายกันอยู่ที่ จ.ระยอง พอวันที่ 5-6 พ.ค.ซึ่งมีคิวถ่ายทำกันที่เขาใหญ่ ทีมงานก็ไปรอพร้อมที่จะถ่าย แต่จาก็ไม่มา เค้ายกเลิกกะทันหัน ซึ่งพอผู้กำกับฯ ไม่มา ทีมงานก็ถ่ายทำกันไม่ได้ และกองถ่ายเรื่องนี้ก็เป็นกองใหญ่ มีนักแสดงร่วมฉากหลายๆ คน พอยกเลิกที ก็ทำให้เสียหาย สูญค่าใช้จ่ายไปพอสมควร ซึ่งหลังจากจาหายตัวไป ทางพันนาก็ออกตามหา เพื่อให้เค้ามาถ่าย เค้าก็กลับมาวันที่ 11 มิ.ย. ''


''ต่อจากนั้นก็มีคิวถ่ายอีกทีวันที่ 16-17 มิ.ย.โดยมี นิรุตติ์ ศิริจรรยา เข้าฉากด้วย ทุกคนก็มาพร้อมกันแล้ว แต่จาก็หายไปอีก และก็ติดต่อไม่ได้เหมือนเดิม ที่หนังสือพิมพ์ลงว่า 12-13 ก.ค.เค้าบอกว่ายังถ่ายอยู่ อันนั้นไม่ใช่นะ เพราะครั้งสุดท้ายที่เจอเค้า คือวันที่ 11 มิ.ย.ซึ่งถ้าวันนั้นติดต่อได้ ทางเสี่ยเจียงก็คงไม่ให้ผมกับพันนามารับหน้าที่ถ่ายทำให้จบ เค้าจะมาอ้างว่าไม่มีงบประมาณในการถ่ายทำก็ไม่ได้ เพราะตามระบบแล้ว ถ้ามีการถ่ายทำเงินก็ต้องออก เพราะหนังของเสี่ยเจียงทำมา 40 กว่าเรื่องก็ใช้ระบบนี้ตลอด เสี่ยเจียงทำหนังมาหลายปี ไม่เคยมีปัญหากับเรื่องที่ต้องมาหยุดกลางคัน เพราะเงินไม่ออก อันนี้ไม่มีแน่นอน''


นอกจากนี้ในส่วนของกรณีที่ จา พนม ให้สัมภาษณ์ไว้ว่าทางสหมงคลฟิล์มวางงบประมาณไว้ 232 ล้าน แต่เค้าได้รับมาแค่ 117 ล้านนั้น ปรัชญาได้แจงเรื่องนี้ให้ฟังด้วยว่า


''เรื่องนี้ผมว่าไม่น่าจะจริงนะ ผมยืนยันว่าสหมงคลฯ ไม่ได้ตัดท่องบประมาณ เพราะว่าตัวเลขที่จาเห็นในใบงบประมาณ อาจจะเป็นเฉพาะตัวเลขเงินสดที่ออกหน้ากอง โดยหลักของการถ่ายทำจะมีการจ่ายเป็นเงินสด และจ่ายเป็นเครดิต ในส่วนของเครดิตคือ ค่าเช่าโรงถ่าย ค่าเช่าไฟ ค่าเช่ากล้อง ซึ่งตัวเลขตรงนี้มหาศาลมาก แต่แค่การถ่ายทำ จาใช้ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาทแล้ว จนเสี่ยเองต้องให้ฝ่ายบัญชีบริษัทเข้ามาดูแลเรื่องงบประมาณ แต่อย่างไรก็ตามจะอนุมัติอะไร ก็ต้องมีลายเซ็นของจากำกับด้วยทุกครั้ง นี่ยังไม่เสร็จนะ ต้องไปรวมกับค่าตัดต่อ ทำซาวนด์อะไรอีกหลายๆ อย่าง สรุปเบ็ดเสร็จจนหนังออกฉาย คงไม่ต่ำกว่า 300 ล้านแน่


ต่อข้อซักถามที่ว่าจะมีการคุยกันก่อนหรือไม่ เนื่องจากหากตัดสินใจเปลี่ยนผู้กำกับฯ เลย ดูจะไม่ยุติธรรมกับทาง จา พนม ซึ่งกำกับฯ มาตั้งแต่แรกซักเท่าไหร่ เกี่ยวกับเรื่องนี้ปรัชญาเผยว่า


''ปัญหาที่เกิดขึ้น ผมว่ามันเป็นเรื่องปกติของการทำหนังนะ แต่ทุกครั้งพอมีปัญหาอะไร ทุกคนก็จะมาประชุม มาคุยกัน แต่ครั้งนี้คือจาเค้าหายไปเลย ผมไม่ทราบว่าเค้าติดปัญหาอะไร ที่เค้าให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐว่าจะขอเคลียร์เรื่องงบประมาณกับทางสหมงคลฟิล์มก่อน ผมอยากบอกว่าถ้าหากเค้ามา และมีการถ่ายทำเกิดขึ้น งบประมาณก็ต้องออก ถามว่ารอให้เค้ากลับมาได้มั้ย คืออย่างที่รู้ๆ กันว่าตอนนี้มันเลยเวลากำหนดแล้วเสร็จ ที่จากเดิมตั้งไว้คือเดือนพฤษภาคม แต่นี่ปาเข้าไปกรกฎาคมแล้ว ซึ่งทางบริษัทหนังทั้งของอเมริกาและญี่ปุ่น ก็ได้ยกเลิกสัญญาซื้อหนังไปแล้ว เรื่องนี้เสี่ยเจียงก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ขอให้งานออกมาให้ดีที่สุด เรื่องอื่นค่อยมาว่ากันทีหลัง''





อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามปรัชญาต่อไปอีกว่า เรื่องวุ่นๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นเพราะเสี่ยเจียง หรือแม้กระทั่งตัวปรัชญาเอง เกิดไปทะเลาะ หรือผิดใจกับพระเอกนักบู๊ จนทำให้กระเจิงหนีหายเข้าไปในป่าหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ผู้กำกับฯ คนดัง ถึงกับนิ่งไปซักพัก ก่อนจะเปิดใจให้ฟังว่า


''ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เพราะไทยรัฐติดต่อได้ ตั๊ก-บงกช ติดต่อได้ แต่ผมเอง เสี่ยเจียง, หรือแม้กระทั่งพันนาก็ไม่สามารถติดต่อเค้าได้ ถามว่ามีปัญหากับเค้าไม่ ผมบอกเลยว่าผมไม่ทราบ แต่เค้ามีปัญหาอะไร ทำไมเค้าไม่พูด ผมก็ไม่มีโอกาสได้พูดกับเค้า ปกติเค้าเป็นคนเงียบ มีอะไรเค้าไม่พูด แต่ถ้าจะให้ผมเดา ตั้งแต่รู้จักกับจามาตั้งแต่เรื่ององค์บาก จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ สิ่งที่เค้าเปลี่ยนไปคือมีคนเข้ามาหาเค้าเยอะแยะ แต่สิ่งที่เค้าไม่เปลี่ยนเลยก็คืออ่อนไหว เวลามีคนมาพูดอะไรค่อนข้างที่จะโน้มน้าวตามไปได้ง่ายๆ ก่อนที่เค้าจะมากำกับฯ เรื่องนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องแรก ผมก็เคยบอกจาหลายทีแล้วว่า สิ่งที่เค้ากำลังทำอยู่มันเป็นงานที่หนัก ต้องใช้อะไรหลายๆ อย่าง ฝากบอกจาว่ามีปัญหาอะไรขอให้พูดออกมา เคลียร์กันออกมา เพราะการทำหนังเรื่องนึง ไม่ใช่เป็นเรื่องของเราคนเดียว มันมีคนอื่นๆ อีกที่ต้องเสียไปด้วย ยอมรับว่าเสียใจ ผมก็ไม่ได้อยากเข้าไปวุ่นวายกับงานของเค้า เพราะอยากให้เค้าทำงานของเค้าให้เต็มที่ ''


''บทสรุปของเรื่องนี้ คือเค้าจะมาก็ได้ ไม่มาก็ได้ เราก็ทำให้จบเรื่องได้ เพราะมีฉากสำคัญเพียงพอแล้ว ถ่ายไป 80% แล้ว จริงๆ ไม่อยากให้มีปัญหา เพราะทีมงานทุกคนก็อยากให้จบ มีปัญหาอะไร จาเค้าไม่พูด ปัญหามีอะไร จาเค้าไม่พูด ผมก็เลยต้องเข้ามาทำให้มันจบ''


จากนั้นเวลาประมาณ 19.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสังเกตการณ์และรับฟังการแถลงข่าวของบริษัท สหมงคลฟิล์มฯ ที่ร้าน เฮาส์ อาร์ซีเอ โดยมี ''เสี่ยเจียง'' สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ เดินทางมากับลูกชาย ''หนึ่ง'' อรรคพล เตชะรัตนประเสริฐ, ปรัชญา ปิ่นแก้ว และ พันนา ฤทธิ์ไกร


โดยงานนี้ปรัชญา ปิ่นแก้ว เป็นผู้เริ่มแถลงก่อน โดยได้กล่าวว่าหลังจากหนังเรื่อง ต้มยำกุ้ง เสร็จสิ้นจาก็อยากทำงานในลักษณะของตัวเอง และอยากเป็นอิสระมากขึ้น เลยตกลงกันว่าเราจะทำหนังเรื่อง องค์บาก 2 กัน จึงมีการทำบริษัทขึ้นมาคือ ไอยราฟิล์มฯ การทำงานเป็นลักษณะผมเป็นโปรดิวเซอร์ ส่วน พันนา ฤทธิ์ไกร คลุกคลีใกล้การถ่ายทำมากกว่า ผมเป็นที่ปรึกษาอีกทางหนึ่ง


ขณะเดียวกันทางปรัชญาได้ชี้แจงถึงงบในการถ่ายทำหนังด้วยว่าหลังเกิดข่าวได้ใช้เงินไป 200-300 ล้าน แต่ทางจากลับชี้แจงว่าได้ใช้เงินไป 117 ล้าน ตนไม่รู้ว่าเข้าใจแบบนั้นได้อย่างไร เดาว่าจาเข้าใจผิดเพราะเวลาจ่ายจะมีทั้งเงินสดและเครดิต ทั้งในเรื่องค่าจ้างนักแสดง ตัวประกอบ สถานที่ ต้องใช้เงินหมด ตัวเลขที่โชว์อาจจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ ในตัวเลขโครงสร้างทั้งหมด แต่คาดเดาเอาจริงๆ แล้ว จาไม่น่าเข้าใจผิดขนาดนั้น เพราะเวลาทำงาน ต้องรู้งบทั้งหมดก่อนว่ามีอะไรบ้าง


ปรัชญากล่าวเสริมต่อไปว่า จริงๆ เท่าที่ตนไปค้นข้อมูลมา การถ่ายทำครั้งหลังสุดคือวันที่ 19 เมษายน 2551 จริงๆ แล้วผู้กำกับฯ เอง ต้องเตรียมงานด้วย แต่ทีมงานเล่าให้ฟังว่า จาไม่ค่อยเตรียมงานเท่าไหร่ ไปตอนถ่ายทำทีเดียว พอถึงเวลาจริงๆ บอกไม่พร้อมทำให้กองต้องยกเลิกหลายครั้ง แล้วพันนาตามไปจนเจอ และพูดคุยด้วย


''พอไปถ่ายทำอีกทีก็ 11 มิถุนายน แต่ก็ไม่ถ่ายถึงเวลาก็อ้างว่าไม่พร้อม เป็นอย่างนี้หลายครั้ง''


ทั้งนี้นักข่าวถามต่อไปว่า สถานการณ์เรื่องการหยุดถ่ายทำของ จา พนมนั้นเกิดเพราะอะไร งานนี้ทาง พันนา ฤทธิ์ไกรตอบว่า... ตนได้รับมอบหมายให้ดูแลหนังเรื่องนี้ปัญหาของจาคือเขาเป็นคนที่มีปัญหาตลอดเวลา ในช่วงการถ่ายทำ ปัญหาใหญ่ตนคิดว่า จายังใหม่กับการถ่ายหนังปกติจะทำเบื้องหน้าเป็นพระเอก แต่เรื่องนี้ต้องมาทำหลายหน้าที่ ทั้งกำกับรวมทั้งบริหารบริษัทด้วยอาจทำให้เกิดความเครียด


ส่วนเรื่องที่ถามว่าทางจาหายไปเมื่อไหร่ ทาง พันนา แจงว่าจาหายไปตั้งแต่เดือนมิถุนายน


''เขาขึ้นไปสงบจิตที่เขาใหญ่ ผมตามไปพบเขานะ จากการพูดคุยผมบอกว่าให้เขากลับมาคุยกับเสี่ย ให้มาถ่ายทำต่อ วันที่ 11 มิถุนายน 2551 จากลับมาถ่ายทำวันเดียว จากนั้นหายไปอีกแล้ว ก่อนหน้าในเดือนนี้นั้นถ่ายทำที่เขาใหญ่ ทีมงานเตรียมกองทุกอย่างพร้อม จาก็หายไปอีก เขาเข้ามาคุยกับเสี่ย 2 ครั้ง ล่าสุดเดือนกรกฎาคมนี้เองครับ''


จากนั้นทาง ''หนึ่ง'' อรรคพล เตชะรัตนประเสริฐ ซึ่งมาร่วมแถลงข่าวด้วย ได้เปิดใจว่า ทางสหมงคลฟิล์มฯ จ่ายเงินประมาณ 210 ล้าน ให้หนังเรื่องนี้ ยังมีงบส่วนที่เหลือ เพิ่มเติมที่ยังถ่ายทำไม่เสร็จ ส่วนที่ทางพระเอกนักบู๊แจ้งว่า ได้งบแค่ 117 ล้านนั้น ตนไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าเห็นงบในส่วนไหน ถ้าเป็นไปได้คงเห็นงบประมาณเฉพาะหน้ากอง แต่ในส่วนของค่าใช้จ่ายผ่านเครดิตไม่ได้มีการพูดถึง


เสร็จจากลูกชายเสี่ย งานนี้ก็ถึงเวลาที่ทางเจ้าของค่ายใบโพธิ์เปิดใจบ้างล่ะ ซึ่งทางเสี่ยเจียงกล่าวด้วยท่าทางฉุนเฉียว หนังเรื่องนี้ครั้งแรกขอไป 198 ล้านบาท ตนโอเคเซ็นเช็คให้ พอถ่ายทำไปเรื่อยๆ ตอนนี้ตนไม่สบายเข้าโรงพยาบาล ได้มีการขอเพิ่มเป็น สองร้อยกว่าล้าน ก่อนจะมีเรื่องได้มีการขอเพิ่มอีก รวมอันเดิมเป็น สองร้อยสามสิบกว่าล้าน งบเท่าไหร่ตนก็ทุ่ม เพราะได้จ่ายไปแล้ว ที่สำคัญคือทางสหฯ ไม่เคยทำหนังไม่จบหรือทำหนังไม่ดี


''หนังเรื่องนี้ สร้างมา 3 ปีแล้วแต่ไม่เสร็จสักที (ท่าทางแบบอารมณ์ไม่ดี ฉุนเฉียวอย่างเห็นได้ชัด) ส่วนที่ถามว่าการกระทำของจาได้สร้างความเสียหายอย่างไรบ้าง เสียหายครับแต่ไม่อยากพูด เพราะเสียไปแล้วผมจะไปฟ้องไอ้จาเปล่าประโยชน์ มันเป็นคนทำงาน รักมันจะตายห่า (หน้าตาจริงจังมากๆ ) ผมไม่ฟ้องมันหรอก ถ้ามันอยากทำ ให้กลับมา เราให้อภัยคนตลอดเวลา อยากให้มันกลับมาทำงานให้เสร็จ เพราะเหลืออีกนิดเดียว อันนี้แล้วแต่เขาจะคิด จารักหนังเรื่องนี้มากๆ ส่วนสัญญาซื้อหนังจากต่างชาติ (ญี่ปุ่น -อเมริกา) ที่ได้ยกเลิกนั้น สัญญาจากต่างชาติที่เซ็นกันไว้ถูกยกเลิกเพราะหนังเขาซื้อตอนเริ่มถ่ายทำ แต่ในสัญญามันเลยมาแล้ว เราเลยต้องคืนเงินให้เขาทั้งหมด เพราะไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเสียชื่อ ตอนนี้ผมได้บอกพันนาให้พยายามติดต่อจาให้ได้โดยไว ถ้าเป็นไปได้อยากให้วันจันทร์ที่จะถึง (28 กรกฎาคม 2551) มีการถ่ายทำต่อทันที หนังจะได้เสร็จไวๆ''


มาถึงตรงนี้ทางสื่อได้ถามว่า ''แก้วที่มันร้าวจะกลับมาประสานได้หรือไม่อย่างไร'' ทางเสี่ยสหมงคลฯ เผยด้วยท่าทางสุขุมว่า ''ไอ้จามันเป็นลูกชายกู''


และมาถึงช่วงสุดท้ายเสี่ยเจียงได้ฝากถึงลูกชายคนสุดท้องว่า... ''ถ้าเกิดจะไม่ทำหนัง ออกไปอยู่บ้านไปเลี้ยงช้างกับพ่อมัน หรือว่าไปบวช อันนี้สนับสนุนไม่ว่าอะไรด้วย จะส่งเงินเดือนไปให้มันทุกเดือนเลย แต่ถ้าออกไปทำหนังกับที่อื่นอันนี้ไม่ได้ จะทำให้บริษัทเราเสียชื่อเสียง'' !!!!!

ที่มา
สยามดารา


Create Date : 26 กรกฎาคม 2551
Last Update : 26 กรกฎาคม 2551 1:42:46 น. 2 comments
Counter : 1134 Pageviews.

 
เห็นหัวข้อแล้วต๊กกะใจ นึกว่ามะใช่บล็อกคุณลูกโป่ง อิอิ

น้องกวางๆๆๆ


โดย: Nagano วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:4:49:09 น.  

 
ขอบคุณที่เอามาให้อ่านค่ะ


โดย: วินนี่ย์หมีพูห์ วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:19:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.