เมษายน 2551

 
 
1
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
เรื่องสั้นของเดือนห้า : ตัวประกอบ
หนังสือเล่มนั้นชื่อ “สายลมอุ่นในฤดูหนาว” เป็นสมุดบันทึกทำมือเล่มสีฟ้าที่คนทำบอกว่าใช้เวลาหารูปประกอบนานกว่าใช้เวลาเขียน มันถูกวางลงในกล่องเก็บของเป็นชิ้นสุดท้ายก่อนจะปิดฝาลง คนที่ยืนมองดูอยู่เอ่ยขึ้น

“ถ้าลำบากใจ...ก็น่าจะเก็บไว้”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ บางอย่างก็ควรเป็นเพียงความทรงจำที่ดี ก็อย่างที่คุณพูดนั่นแหละ เราควรจะเคลียร์ตัวเองให้ใสสะอาด ถ้าหากคิดจะเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่”

ผมเพียงแต่ถอนหายใจแผ่วเบา... ผมรู้ดี ไม่มีอะไรที่จะรักษาใจได้ดีไปกว่า เวลา และกำลังใจ แม้แต่ผมก็เป็นได้แค่ “ยา” ซึ่งบางครั้งเธอก็ปฏิเสธที่จะใช้เพื่อการรักษา แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่าการที่ได้อยู่ใกล้กับเธอตลอดเวลา แค่ได้ใกล้ก็เป็นสุขใจมากนักแล้ว

“ต้องขอโทษที่รบกวน ขาไป อาจจะไม่เป็นไรนัก แต่ไม่รู้ว่าจะกลับมาได้หรือเปล่า บางทีอาจจะเศร้าเกินกว่าที่จะดูแลตัวเองได้”
ในเวลานั้นเกือบสองทุ่มแล้วที่เธอโทรศัพท์มาหา เธอขอให้ไปเป็นเพื่อน... ไปธุระที่ต่างจังหวัด ผมไม่รู้ว่าธุระนั้นคืออะไร และไม่ได้สนใจมากไปกว่าการได้อยู่ใกล้ๆเธอ แม้เวลานั้นจะไม่ว่างผมก็จะว่างเพื่อเธอ แม้ในเวลานั้นจะเหนื่อยผมก็จะหายเหนื่อยเพื่อเธอ และถึงแม้เวลานั้นจะเศร้า เธอก็จะไม่เห็นความเศร้าจากผม...

“เขาบอกเราว่า ไม่ว่าจะวันนี้หรือปีหน้าก็ยังยืนยันความรู้สึกเดิม เคยเป็นเพื่อนยังไงก็เป็นได้เท่านั้น เราเหนื่อยมากแล้ว หลายปีที่เราพยายามทำทุกอย่างด้วยความรักเพื่อให้เขารักเราบ้างอย่างที่เรารักเขาแต่ก็ไม่ต่างจากถมทะเลด้วยน้ำตา”

“แล้วทำไมต้องไปหาเขาด้วย”
ระยะทางจากกรุงเทพฯ ไปชลบุรีอาจจะไม่ไกลนัก ถ้าไปด้วยความหวัง ความตั้งใจ หรือกระทั่งไปด้วยความรัก แต่ถ้าหากไปด้วยความเศร้า ระยะทางเท่ากัน อาจจะไกลไม่เท่ากัน

“เราไม่ได้เจอเขานานแล้ว เราอยากเจอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เราจะไปจากชีวิตเขา”

“น่าเสียดาย มิตรภาพดีๆ”

“ถ้าเรายังติดต่อกันอยู่แบบนี้ ทำงานร่วมกันอย่างนี้ เราก็ไม่มีทางตัดใจจากเขาได้ ใช่ว่าไม่เคยทำ แต่เราทำไม่เคยได้เลยต่างหาก และถ้าเรายังผูกใจไว้กับขาของอยู่อย่างนี้ก็ไม่มีวันที่เราจะมีตาไว้มองใครเป็นแน่”
ผมทำได้เพียงแต่เงียบ และคอยฟัง... เธอเล่าเรื่องราวของเขาให้ฟังในระหว่างเดินทาง น้ำตาเธอไหลเป็นสายอาบแก้ม

“ให้ผมขับให้มั้ย”

“ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้เรายังไหว แค่นั่งเป็นเพื่อนเราเท่านั้นก็พอแล้ว”

“ผ้าเช็ดหน้ามั้ย”

“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เล็กน้อย เป็นทหารต้องอดทน”
ประโยคหลังเหมือนจะตั้งใจบอกตัวเอง ในสายตาผมเธอเป็นคนเข้มแข็ง อาจเพราะเครื่องแบบที่เธอสวมอยู่ก็ได้ ทำให้เธอดูกร้าวและห้าวหาญ คงเพราะรอยยิ้มกับมิตรภาพของเธอที่หยิบยื่นมาให้ ทำให้ผมรู้สึกถึงความอบอุ่นประหลาด... และนั่นทำให้ผมสนใจที่จะทำความรู้จักเธอ อยากรู้จักทั้งที่ก็มองไม่เห็นความรักเลยสักนิดนั่นแหละ และยิ่งได้รู้จักเธอมากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกชอบเธอมากขึ้นเท่านั้น และมันก็กลายเป็นความรักไปตั้งแต่เมื่อใดก็สุดเดา รู้เพียงว่าตื่นขึ้นมาในทุกเช้าคนที่ผมนึกถึงเป็นคนแรกคือเธอ และกว่าจะหลับตาลงได้ในแต่ละวัน ก็มีแต่เธอเท่านั้นที่ผมต้องการจะฝันถึง

ผมมีความรัก แต่ผมไม่มีคนรัก

“ให้ผมลงไปเป็นเพื่อนมั้ย”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณรอแถวๆ นี้แหละ เราไปไม่นานหรอก เราแค่อยากคุยกับเขาแล้วก็เอาของไปคืนเท่านั้นเอง”

“ของอะไรเหรอ”

“อ๋อ ก็ของในกล่อง หนังสือ สมุดบันทึก ซีดี กรอบรูป รูปเขาไง มันอยู่กับเรามาหลายปีแล้วล่ะ แต่วันนี้เราคิดว่ามันไม่ควรจะอยู่กับเราอีกแล้วล่ะ”

“งั้นผมรออยู่แถวนี้นะ เสร็จธุระแล้วค่อยโทฯ ตามก็แล้วกัน”

“ขอบคุณมากที่มาเป็นเพื่อน”
เธอจอดรถและเดินไปหาเขา ผมทำได้เพียงแค่ยืนมองอยู่ห่างๆ

ใต้ต้นไม้ใหญ่ ท่ามกลางความมืดของกลางคืน ผมมองเห็นดาวระยับพราวบนฟ้า นึกถึงเรื่องราวความรักของตัวเองบ้างกับหลายครั้งที่ผ่านมา ผมไม่เคย “รักษารัก” เอาไว้ได้สักครั้ง... บางทีอาจเพราะผมเองที่ไม่ดีพร้อมหรือดีพอที่ใครสักคนจะร่วมชีวิตด้วย แม้แต่คนที่คบหากันมานานจนเกือบจะแต่งงานกันอยู่แล้ว เขาก็ยังไปจากผม เพียงเพราะว่าผมมีพร้อมไม่เพียงพอที่เขาต้องการ...

ผมถอนหายใจเชื่องช้า ไม่รู้เลยว่าวันข้างหน้าของความรักจะเป็นอย่างไร

“หิวมั้ย”
เป็นคำถามแรกของเธอทันทีที่ขึ้นรถ...

“นิดหน่อย”

“ขอโทษนะที่ไปนาน เมื่อกี้เขาชวนไปกินข้าวแต่เรานึกได้ว่าพาคุณมาด้วย จะกินอะไรดี ไปกินที่ริมทะเลบางแสนกันมั้ย ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้ว”

“ยังไงก็ได้”
แต่ในใจผมไม่ได้อยากพูดแบบนั้นเลย ผมอยากรู้...เธอกับเขาจบลงแล้วหรือ หรือเรื่องราวมันตรงข้าม บางทีเขาอาจจะบอกรักเธอในวันที่เธอมาบอกลา แล้วเธอเองก็มีความรักให้กับเขาเต็มหัวใจแบบนั้น ทุกอย่างคงสวยงามมากกว่าที่จะโศกเศร้าเป็นแน่...

“ไม่แน่ใจอย่าเดา”
เธอพูดยิ้มๆ ก่อนที่จะเลี้ยวรถเข้าไปในร้านอาหารริมทะเล หลังอาหารเป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว

“ไปเดินเล่นกันมั้ยคะ”

“เอาสิ”
ผมทำได้เพียงอย่างเดียวในเวลานั้นคือ อยู่เป็นเพื่อนเธอ

“เรายังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้ อยู่เป็นเพื่อนเราหน่อยก็แล้วกัน”

“ได้สิ”
แล้วผมก็กลายเป็นตัวประกอบในฉากที่ไม่มีพระเอกของเรื่องราว เธอบอกเล่าสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นให้ฟังขณะที่เดินอยู่ริมทะเลไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ชายหาดที่ทอดยาวไม่ได้ทำให้ความเศร้าเธอลดลงไป และผมก็เป็นได้เพียงตัวประกอบเดินอยู่ข้างๆ ฟังเรื่องราวที่เธอเล่าถึงอีกคน...

“เขาเป็นคนในความฝัน เป็นคนในอุดมคติ เป็นทุกอย่างในชีวิตเรา แต่ชีวิตคนเรามันอยู่ในความฝันตลอดเวลาไม่ได้หรอก ใช่มั้ย”
ประโยคที่ฟังแล้วรวดร้าวเข้าไปถึงในใจ รวดร้าวทั้งๆ ที่สัมพันธภาพของเราก็ไม่ได้มากไปกว่าคนรู้จักกันธรรมดานั่นแหละ แต่ก็นั่นแหละนะ การที่ใครสักคนจะเอ่ยออกมาได้ว่าใครอีกคนเป็นทุกอย่างในชีวิตนั้น อาจต้องใช้ความเชื่อมั่นมากทีเดียว เพราะการเป็นทุกอย่างในชีวิตของใครสักคนได้นั้น หมายถึงต้องสำคัญและมีค่าไม่น้อย

“เราอาจจะกลับมาเป็นเพื่อนกันอีกก็ต่อเมื่อเราตัดใจจากเขาได้แล้วจริงๆ ตอนนี้หัวใจของเราบอบช้ำมาก และมันอาจจะต้องใช้เวลาในการรักษา”

“ถ้ามียา มันจะหายเร็วขึ้น”

“ไม่มียาขนานใดที่ได้ผลไปกว่ายาที่ชื่อว่า เวลา แล้วก็กำลังใจ”

“ผมเป็นอย่างหลัง...ได้มั้ย”
กว่าจะรวบรวมความกล้าหาญทั้งหมดที่มีเพื่อพูดประโยคนี้เพียงประโยคเดียวนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับผม และเมื่อเธอได้ยินมัน เธอกลับหัวเราะ... หัวเราะทั้งที่น้ำตานองหน้านั่นแหละ

“ป่ะ เล่นน้ำกัน”
ในชุดเครื่องแบบสนามของเธอที่หนักอึ้งด้วยคอมแบท เธอลากผมลงทะเล...

“อย่าเลย เดี๋ยวไม่สบาย มันดึกแล้ว”

“ทหารน่ะ ไม่กลัวแดดกลัวน้ำหรอก”

“รักตัวเองบ้างก็ได้นะ คนแค่คนเดียว ถึงกับต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้ด้วยเหรอ”
ประโยคนี้ทำให้เธอหยุดยืนแค่เพียงปลายคลื่นที่สาดเข้าหาฝั่ง

“งั้นเดินเล่นกันดีกว่า”
เธอเปลี่ยนจากลงน้ำมาเดินต่อ ระยะทางราวสามกิโลเมตร เราทั้งสองเดินโดยไม่คำนึงถึงปลายทาง ผมไม่รู้ว่าเธอเหนื่อยมั้ย เพราะเธอไม่บ่นแม้สักคำ และเอาแต่เดิน เดิน และเดิน

“ตอนฝึกภาคสนามเราเดินวันละเกือบยี่สิบกิโลทุกวัน”
มิน่าเล่า....

“แล้วต่อไปจะทำยังไง”

“ไม่รู้สิ คงจะอยู่เงียบๆ คนเดียวสักพักมั้ง ซ่อมใจไง อกหักก็ต้องซ่อมใจ”

“ให้หายดีไวๆ นะ”

“ขอบคุณมากนะ ขอบคุณที่เป็นเพื่อน”

ผมอยากเป็นมากกว่านั้น แต่สิ่งที่เธอหยิบยื่นให้ ไม่มากไปกว่านั้น

“ไม่อยากมีคนรัก ถ้าไม่ได้เกิดจากความรัก”
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายของเธอ ประโยคปฏิเสธที่เรียบง่ายแต่เจ็บปวด

เธอจากไปกับความเศร้าและเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย นานจนผมเองก็ลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นตัวประกอบในฉากความรักที่แสนเศร้าของเธอ แต่ไม่นานพอที่จะทำให้ผมลืมเธอ เพราะผมยังได้รับรู้ข่าวคราวชีวิตการงานของเธอเสมอ แม้จะไม่รู้ว่าหัวใจของเธอเป็นอย่างไรบ้างแล้วก็ตาม บางทีตอนนี้เธออาจจะมีคนรักใหม่ไปแล้วก็ได้ หรือบางทีอาจจะอยู่ในระหว่างซ่อมใจให้ความรวดร้าวนั้นคลายลง

และผมเองก็ยังเก็บความรักของผมเอาไว้ ไม่บอกใคร ไม่บอกเธอ

เพราะต่อให้หลังจากนี้ไปจะไม่เหลือใครในชีวิตเลย แต่อย่างน้อยก็เคยมีคนที่ผมรัก









Create Date : 24 เมษายน 2551
Last Update : 24 เมษายน 2551 14:34:15 น.
Counter : 1073 Pageviews.

14 comments
  
มาอ่านแล้ว

เฝ้าดูความเป็นไปอยู่เน้อ
โดย: อาร์ต IP: 124.121.246.200 วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:21:04:55 น.
  
พึ่งไปบางเเสนช่วงสงกรานต์มา คนเยอะมามากๆ
เห็นน้ำทะเลเเล้วก็นึงถึงเพลงที่ชื่อว่าทะเลสีดำทันที
เป็นกำลังใจให้เสมอนะค่ะ สู้ๆ
โดย: girl_in_town วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:23:50:04 น.
  
วี้ดวิ้ว
โดย: บรรน่ารัก IP: 202.12.73.5 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:9:07:09 น.
  
สวัสดีค่ะ...ดาริฯ

แวะมาทักทายค่ะ...หายไปนานกันทั้งคู่เลยเนอะจริง ๆ แล้วก็แวะมาบ่อย ๆ นะคะแต่ไม่ได้คอมเม้นท์อะไรไว้ยังงัยเดี๋ยวค่อยคุยกันทางเมลล์นะคะ
โดย: สายลมที่หวังดี IP: 61.19.97.34 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:10:35:06 น.
  
หวัดดี คุณดาริฯ ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้น มีตัวตนจริงไหม แล้วทำไมต้องจบแบบนั้น
ชีวิตผมเหมือนกับผู้ชายคนนั้นมากเลย แต่ชีวิตผมไม่จบแบบนั้น ผมได้เข้าไปปอยู่ในใจเลย แล้วผมก็เตะ ไอ้หมอนั้นออกจากใจได้สำเร็จ
จนทุกวันนี้ ผมก็มีความสุขกับผู้หญิงคนนี้
โดย: รักษ์ วิดวะ ไฟฟ้า IP: 58.10.125.82 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:13:10:19 น.
  
ชอบเรื่องนี้จังดาริ

เป็นตัวประกอบก็ดีนะ งานเยอะดี
บนความขมขื่นของตัวประกอบนั้น มีความจริงใจแฝงอยู่เสมอ
แต่พระเอกนางเอกมักจะมองข้ามไปทุกที



หรือถ้ามองเห็น ก็มองแค่ผ่าน ๆ





เศร้าโนะ...
โดย: กกซ IP: 61.91.35.110 วันที่: 26 เมษายน 2551 เวลา:9:20:50 น.
  
แกๆ ชั้นทำหมูผัดน้ำมันหอยใส่เห็ดฟาง อร่อยมากเลยแก
โดย: อ๊าด วิดวะ เครื่องแกง IP: 58.10.128.156 วันที่: 26 เมษายน 2551 เวลา:13:43:26 น.
  
อ่านเรื่องของพี่ทีไร สิ่งแรกที่คิดคือ เรื่องจริงป่าวว่ะ

สิ่งที่สองที่ตามมา คือ เหมือนชีวิตตูหลายๆ เรื่องเลยง่ะ

เรื่องที่สามคือ หลายประโยคของพี่โดนใจ

ชอบทุกเรื่อง ถึงแม้อ่านแล้วจะเหมือนโดนสะกิดแผลเก่าก็เหอะ

แต่ดาก็ปล่อยให้เป็นแค่ความทรงจำ ที่ไม่มีผลในการดำเนินชีวิตตลอดมาและตลอดไป
โดย: veeda วันที่: 26 เมษายน 2551 เวลา:18:20:58 น.
  
หมูผัดน้ำมันหอยใส่เห็ดฟาง........
หน้าตามันเป็นเช่นใดหนอ????


เห็ดฟางนะ เอาที่ตูม ๆ มาต้มใส่เกลือนิดหน่อย
แล้วจิ้มกะพริกปุ่น อร่อยอย่าบอกใคร
(พริกปุ่น ไม่ใช่พริกป่น )
โดย: กกซ IP: 61.91.35.110 วันที่: 27 เมษายน 2551 เวลา:9:26:17 น.
  
ดาว่าสงสัย ดาจะเป็นพวกที่มีความรัก แต่ไม่มีคนรัก สะแล้วสิค่ะพี่ดาริ แบบว่าเผื่อแผ่ให้ชาวบ้านนิดหน่อย แต่รักไม่มากพอ จนจะไขว่คว้ามาเป็นคนรัก ขอบคุณที่ชอบเรื่องไปเที่ยวบ้าๆ บอๆ ของดาค้า
โดย: veeda วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:20:30:51 น.
  
สักวัน ตัวประกอบในเรื่องนี้

คงจะต้องมีความรัก และคนรักไปพร้อมๆกันได้นะ
โดย: PANDIN วันที่: 30 เมษายน 2551 เวลา:8:49:17 น.
  
แพ็คไว้แล้ว แต่ยังเอามาส่งไปสะนีมะได้ เช้านี้ฝนตก

เบี่ย....
โดย: กากีซ่าส์ วันที่: 30 เมษายน 2551 เวลา:12:21:01 น.
  
สวัสดีจ้ะดาริกามณี

แหมวันนั้นหันหลังชนกันที่งานอินดี้บุ๊ค
ใครหนอคนพูดเก่งๆที่มาแบกะดินข้างๆเราเนี่ยะ

ขอบคุณมากที่อุดหนุน "ห่างไกลไม่ห่างกัน"

แล้วคงมีโอกาสได้พบและพูดคุยกันอีก
โดย: พ่อพเยีย วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:16:44 น.
  
“ไม่อยากมีคนรัก ถ้าไม่ได้เกิดจากความรัก”
อืม.......
โดย: แก้ว (pattira_pkt.psu ) วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:01:28 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาริกามณี
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



Just Do it :


* มีอีกชื่อว่า หญ้าเจ้าชู้

* เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บทประพันธ์
รักข้ามรั้ว (หญ้าเจ้าชู้)
ลุ้นสุดฤทธิ์ พิชิตรัก (หญ้าเจ้าชู้)
ภารกิจรักพิทักษ์เธอ (หญ้าเจ้าชู้)
ปีกแห่งฝัน (ดาริกามณี)

* เป็นสาวก 'รงค์ วงษ์สวรรค์
* เป็นแฟน คาราบาว
* เป็นกิ๊ก เฉลียง
* ฝืนอะไรที่เป็นอื่น ฝืนอัตตา
สูงเทียมฟ้าก็มิเท่า เป็นเราเอง

* การปรากฎตัวของคนคนหนึ่ง
อาจเปลี่ยนใครอีกคนไปทั้งชีวิต

* หากต้องการอ่านนิยายที่ใส่รหัส,
รบกวน "ฝากข้อความหลังไมค์" จ่ะ