กุมภาพันธ์ 2551

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
27
28
29
 
 
All Blog
เรื่องสั้น : ถ้าไม่รัก... ก็เขียนไม่ได้
ชีวิตของผมเชื่องช้า และเวลาของผมก็เดินช้าไปพร้อมๆ กัน บางครั้งไม่อยากทำอะไร บางครั้งก็อยากทำอะไรมากมาย แต่เงื่อนไขของชีวิตมักจะไม่เอื้ออำนวยให้ทำในสิ่งที่อยากเท่าไหร่นัก... ผมเดินอยู่ริมถนน แต่ใจผมไม่ได้อยู่กลางถนนหรอกนะ มันแค่โบยบินไป โบยบินที่ไม่ใช่ล่องลอย เพราะการล่องลอยนั้นไร้ซึ่งการบังคับทิศทาง ผิดกับการโบยบิน มันพุ่งตรงมุ่งสู่เป้าหมายอย่างเสรีและมีทิศทาง -- ทิศที่หัวใจของผมโบยบินไป คือทิศที่เจ้าของหัวใจผมอยู่ตรงนั้น

“โรแมนติกสุดยอด คิดได้ยังไงนี่เรา” พึมพำขณะที่เอียโฟนเสียบอยู่ในหูฟังเพลงโปรด...

ถ้าบอกว่าเพลงนี้ แต่งให้เธอ เธอจะเชื่อไหม...
มันอาจไม่เพราะไม่ซึ้งไม่สวยงาม เหมือนเพลงทั่วไป
อยากให้รู้ว่าเพลงรัก ถ้าไม่รักก็เขียนไม่ได้
แต่กับเธอคนดี รู้ไหม ฉันเขียนอย่างง่ายดาย...


เพลงที่ผมฟังครั้งแรกจากการเดินผ่านย่านเซนเตอร์พอยท์ ก่อนถึงวาระสุดท้ายและตายลงอย่างสงบของแหล่งชุมนุมวัยรุ่นชาวสยาม เพลงที่ผมไม่รู้ว่าชื่ออะไร ศิลปินกลุ่มไหนเป็นคนร้อง แต่มันติดเบรกให้สองเท้าผมจนต้องหยุดยืนฟังจบเพลง... เพลงที่บอกว่า “ถ้าไม่รักก็เขียนไม่ได้” ประโยคนี้ยังติดหู มันไม่ใช่เพลงที่ไพเราะที่สุดในโลก และมันก็ไม่ใช่เพลงที่จะฟังแล้วซาบซึ้งกินใจอะไรมากนัก เว้นแต่ว่าใครสักคนจะเป็นอย่างในเพลง ซึ่งนั่นไม่ใช่ผม แต่เป็นใครอีกคนในชีวิตผม—

เธอ.. ที่เป็นเพื่อนคนหนึ่งของผม ในจำนวนเพื่อนไม่กี่คนที่ผมมี เธอเป็นนักแต่งเพลงในค่ายเพลงอินดี้เล็กๆ ที่ไม่มีชื่อเสียงมากมายนักในแวดวงดนตรี เพลงของเธอไม่ค่อยดัง ไม่ติดชาร์ทของสถานีวิทยุใดๆ แต่เพลงของเธอกินใจ รวดร้าว และเมื่อฟังอย่างตั้งใจ หากเข้าถึงอารมณ์ของเพลง –นั่นอาจทำให้คนฟังมีน้ำตา เธอบอกเสมอว่าเธอแต่งเพลงทุกเพลงขึ้นมาด้วยความรัก บางเพลงมีแรงบันดาลใจมาจากคนใกล้ตัว บางเพลงก็มาจากความรักของเธอที่ไม่เคยสมหวังเลยสักที

“ความเศร้าทำให้เราเขียนเพลงได้ดี”
แล้วเธอก็ยิ้ม ไม่รู้ว่ายิ้มให้ความเศร้าหรือยิ้มให้ผม... บางครั้งที่เรานั่งข้างกัน ผมมักจะมีเอียโฟนเสียบหู ฟังเพลง และร้องเพลงคลอไปตามท่วงทำนองของเพลง-เพลงนั้น ขณะที่เธอนั่งเงียบๆ จมตัวเองลงไปในโลกส่วนตัว หรืออาจจะกำลังนึกถึงเพลงสักเพลงที่จะแต่งมันขึ้นมา บางทีเธอจะนั่งเท้าคางมองดูผม...

“รู้มั้ยว่าเป็นคนที่รูปหน้าสวย”
เธอชมผมในภาษาแบบของเธอ

“หันหลังมาหน่อยสิ—ขอยืมเป็นกระดาษ จะวาดรูปหน้าตอนหันข้าง”

“แล้วใช้อะไรเป็นดินสอ”

“นี่ไง”
เธอใช้ปากกาเคมีสำหรับเขียนแผ่นซีดี วาดรูปหน้าผมลงไปบนเสื้อสีขาวของผม

“ฟังเพลงอะไรอยู่”

“เพลงหนัง เพราะดี ลองฟังมั่งมั้ยล่ะ”

ผมดึงเอียโฟนออกจากหู--ให้เธอ

“อ่อ เพลงนี้น่ะเอง เพราะดีนะ ไปดูหนังมาแล้วเหรอ”

“อื้อ ดูหกรอบแล้ว”

“โห คงชอบมากเลยสิ ถึงได้ดูหลายรอบ”

“ชอบเพลง เพลงเพราะดี”
แล้วเราก็นั่งฟังเพลงกันอยู่อย่างนั้น เพลงเดียวนั่นแหละ ฟังซ้ำไปมาอยู่หลายรอบ จนกระทั่งเธอร้องคลอไปกับเพลงได้

เธอคงเคยได้ยินเพลงรักมานับร้อยพัน
มันอาจจะโดนใจ แต่ก็มีความหมายเหมือนๆ กัน
แต่ถ้าเธอฟังเพลงนี้ เพลงที่เขียนเพื่อเธอเท่านั้น
เพื่อเธอเข้าใจความหมาย และใจจะได้มีกัน และกัน


เราฟังเพลงเดียวกัน แต่หัวใจของเราสองคนไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน หัวใจของผมโบยบินไป ในทิศที่เจ้าของหัวใจผมอยู่ ซึ่งเธอคนนั้นไม่ใช่คนที่นั่งอยู่ข้างกันในตอนนี้ เธอรู้ดี...ว่าผมมีคนรัก เท่าๆ กับที่รู้ว่ามิตรภาพระหว่างเรา ไม่อาจก้าวไกลไปกว่าความเป็นเพื่อนสนิท ความผูกพันและความใกล้ชิด ไม่ได้ทำให้ความเป็นเพื่อนสนิทเปลี่ยนแปลงไป

“เป็นเรื่องที่ดีแล้วที่เรารักกันไม่ได้ ไม่งั้นเราจะเอาความเศร้าที่ไหน มาเขียนให้เป็นเพลงล่ะ”
เธอรักผม... แต่เราไม่ได้รักกัน เพราะหัวใจของผมไม่ได้อยู่ที่เธอ มันยังโบยบินไปในทิศที่เจ้าของหัวใจของผมอยู่-- คนที่ผมรักและเธอก็รักผมเช่นกัน แต่ครอบครัวคนรักของผมไม่ยินดีต้อนรับผมเข้าไปเป็นหนึ่งในสมาชิก ความรักของเราจึงเป็นห้าปีที่ไม่มีอะไรคืบก้าวไปมากกว่าปีแรกที่คบกัน เราไม่มีเป้าหมายปลายทางของชีวิตด้วยกัน ไม่มีการวางแผนอนาคตด้วยกัน มองเห็นเพียงปลายทางที่จะสิ้นสุด...

“ความรักมักเกิดขึ้นพร้อมๆ กับเงื่อนไขเสมอ”
อีกไม่กี่เดือนก็ครบห้าปีที่ผมกับคนรักคบหากันมา

“ไม่ว่าวันนี้หรืออีกห้าปีข้างหน้าทุกอย่างก็จะยังเป็นอย่างที่เป็นนี้”
เธอรับรู้เรื่องราวของผมตลอดมา ห้าปีที่ผมเป็นเพื่อนกับเธอ เท่าๆ กับห้าปีที่ผมมีความรัก – แทบไม่แตกต่างกันเท่าใดเลย

“ถ้าเรารักใครสักคน เวลา--ไม่สำคัญเท่าความรู้สึก”

“นั่นมีได้แค่ในเพลง – ไม่ใช่ชีวิตจริง”
ผมพูดออกไปแบบนั้น นั่นทำให้เธอเงียบ...ความเงียบที่ผมไม่อาจคาดเดาว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็เอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบให้ตายลง

“งั้นจะเขียนเพลงสักเพลงให้ก็แล้วกัน”
นั่นเป็นคำปลอบโยน – ผมรู้ดี

อันที่จริงผมก็เศร้าเหมือนๆ เธอนั่นแหละ เธอมีความรัก-รักข้างเดียว ผมมีความรัก-แต่เป็นความรักที่เป็นไปไม่ได้ในชีวิตจริง...จะต่างอะไรกัน

“เหนื่อยมั้ย”
คำถามของผม เมื่อทบทวนถึงมิตรภาพระหว่างเรา และความรักของเธอที่ทุ่มเทให้ผมตลอดเวลามา

“เรื่องอะไร”

“รักใครสักคน แต่เหมือนโยนก้อนหินลงไปในทะเล ไม่มีวันเต็ม”

“คงเหมือน เหมือนกันนั่นแหละมั้ง – เราต่างก็กำลังโยนก้อนหินลงไปในทะเล”
เธอหมายความถึงเรื่องของผม ความรักของผม ที่จะว่าไปแล้วก็คงไม่แตกต่างจากเธอนัก...

เธอยังไม่ไปไหน –คอยรับรู้ รับฟังเรื่องราวความรักที่ “เหมือนกำลังโยนหินลงไปในทะเล” ของผม เธออยู่เป็นเพื่อนในวันที่ผมไม่มีเพื่อน ให้กำลังใจในวันที่ผมไม่มีใคร และนั่งฟังเพลงอยู่ข้างกันในวันที่ผมควรจะมีคนรัก...แต่ไม่มี

ให้มันเป็นเพลง บนทางเดินเคียง
ที่จะมีเพียงเสียงเธอกับฉัน อยู่ด้วยกันตราบนาน นาน
ดั่งในใจความบอกในกวี ว่าตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง
คือทุกครั้งที่รักของเธอ ส่องใจ ฉันมีปลายทาง - -


“รู้ไหม การมีใครสักคนให้ได้บอกรัก มันเป็นเรื่องที่ดีแค่ไหน แล้วรู้ไหม ว่าคนที่ไม่มีใครให้บอกรักเลยนั้นมันเป็นยังไง ห้าปี อาจจะนานเกินไปสำหรับความรัก ถ้าหากจะนึกถึงเพียงปลายทางของความรัก...เคยนึกหรือเปล่าว่าห้าปีนั้นระหว่างทางที่จูงมือกันเดินมา มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง...นั่นต่างหากคุณค่าของความรัก”

“จะรู้อะไร...”
อย่างหนึ่งที่เธอไม่มีวันเข้าใจคือระหว่างทางที่จูงมือกันเดินมานั่นแหละ... มือที่ผมจูงนั้นมีเงื่อนไขอยู่ที่ว่าถ้าผมมีฐานะมั่นคงพอครอบครัวคนรักของผมก็จะยอมรับผมมากขึ้น แต่มันไม่ง่ายเลยสำหรับผม แม้จะพยายามกว่านี้สักกี่พันเท่า แค่ความรักอย่างเดียว สำหรับ “ชีวิตจริง” น่ะ...ไม่พอหรอก
เธอไม่มีวันเข้าใจ เพราะเธอเป็นแค่เพื่อน เป็นแค่คนที่รักผม—แต่เธอไม่ได้เป็นผม... จะรู้อะไร

“แค่... ไม่อยากให้เป็นแบบนี้”
น้ำเสียงของเธอนุ่ม เบาและฟังดูอบอุ่น ผมรู้ว่าเธอเป็นห่วง

“แล้วใครอยากเป็นแบบนี้”
แล้วบรรยากาศของความเงียบนิ่งก็เข้าเกาะกุมเราทั้งคู่—อากาศอบอ้าวก่อนที่ฝนจะตกลงมา...สายฝนเดือนกุมภาพันธ์ มันช่างเป็นฝนที่สับสนเสียเหลือเกินนัก, ผมหยิบสมุดโน้ตเล่มเดิมมาจดรายละเอียดลงไป...
17 กุมภาพันธ์ 2551 สวนสันติไชยปราการ, ริมแม่น้ำเจ้าพระยา 14.00 น. ฝนตก

“ยังจดอยู่อีกเหรอ”

“อื้อ”
ผมตอบคำถามนั้นสั้นๆ เพราะผมเคยบอกกับเธอไปแล้วเรื่องจดบันทึกเมื่อฝนตก ครั้งแรกที่เธอรับรู้ เธอทำท่าแปลกใจและสงสัยเธอถามว่าผมจดบันทึกเรื่องฝนตกทำไม ผมตอบเธอว่าเพราะอยากรู้ว่า หนึ่งปีนั้นจะมีโอกาสได้อยู่ในบรรยากาศฝนตกสักกี่ครั้ง -- แล้วเธอก็บอกว่าจะเอาไปเขียนเป็นเพลง... ไม่นานผมก็ได้ฟังเพลงนั้นจากเธอ

ทุกครั้งที่ฝนหล่นลงจากฟากฟ้า ก็เหมือนน้ำตาหล่นมาพร้อมกับฝน
และมีความเหงาแทรกอยู่ ในบรรยากาศที่สับสน
ฉันไม่มีคนตากฝนเคียงข้างกัน...

เมื่อไรที่ฝนตก หัวใจฉันหล่น จะมีใครบางไหมสักคน
ที่ยอมเปียกฝนด้วยกัน...


เนื้อหาก็เพราะดี นักร้องก็เสียงดี แต่เพลงนี้ก็ไม่ดัง ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเขียนเพลง เพราะเธอรักที่จะเขียนเพลง อะไรที่เธอรัก เธอมักจะทุ่มเทกับมันอย่างเต็มที่เสมอ...

“วันนี้มาหา เพราะมีเรื่องจะบอก”
น้ำเสียงเธอยังนิ่ง และราบเรียบราวทะเลที่ไร้คลื่น ผมนั่งเงียบรอฟัง เธอพูดต่อ...

“สอบได้ทุนไปเรียนต่อที่วิทยาลัยศิลปะและการดนตรีที่อเมริกา”

“ไม่เคยบอกว่าสอบเลย”
ผมไม่เคยรู้เรื่องของเธอมากกว่าที่เธอบอก และถ้าเธอไม่บอก อะไรที่เกี่ยวกับเธอก็จะยังคงเป็นเรื่องที่ผมไม่มีวันได้รู้อยู่อย่างนั้น

“ขอโทษนะ”

“ไหนบอกว่ารัก...จะทิ้งกันแล้วงั้นหรือ”
ผมไม่ได้ตัดพ้อ –หรืออาจจะเรียกประโยคนั้นว่าตัดพ้อ ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่เท่าที่รู้สึกคือใจหาย...เหมือนมันกำลังถูกกระตุกหล่นร่วงลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา

“เราโยนก้อนหินลงไปในทะเล ห้าปีแล้ว... ในเมื่อระหว่างเราเป็นได้แค่เพื่อนที่ดี ก็จะรักษาความเป็นเพื่อนที่ดีนั้นไว้ตลอดไป”

“แล้วเมื่อไหร่จะเจอกันอีก”

“เมื่อความรัก...ออกเดินทาง”
เธอจากไปแล้ว ตามทางของเธอ และผมก็ยังเดินอยู่ริมถนน หัวใจของผมยังคงโบยบินไป ยังทิศทางที่เจ้าของหัวใจผมอยู่ตรงนั้น มีเพียงบางครั้งเท่านั้นที่ผมจะคิดถึงเธอ ในฐานะเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง...

ผมเริ่มหัดเขียนเพลง จากเรื่องราวรอบๆ ตัว จากหนังสือที่อ่าน จากการเดินทาง และจากความคิดถึง, สักวันหนึ่งผมจะร้องเพลงที่ผมแต่งขึ้นให้เธอฟัง - -

250225512035



Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 29 สิงหาคม 2554 11:16:52 น.
Counter : 1203 Pageviews.

10 comments
  
อื้อหื้อ
ยังคมบาดใจเหมือนเดิมเลยนะคะ

“เป็นเรื่องที่ดีแล้วที่เรารักกันไม่ได้ ไม่งั้นเราจะเอาความเศร้าที่ไหน มาเขียนให้เป็นเพลงล่ะ”

อันนี้ก็แสนเพราะจริงๆ

ทุกครั้งที่ฝนหล่นลงจากฟากฟ้า ก็เหมือนน้ำตาหล่นมาพร้อมกับฝน
และมีความเหงาแทรกอยู่ ในบรรยากาศที่สับสน
ฉันไม่มีคนตากฝนเคียงข้างกัน...

เมื่อไรที่ฝนตก หัวใจฉันหล่น จะมีใครบางไหมสักคน
ที่ยอมเปียกฝนด้วยกัน...

ทำไมเป็นคนโรแมนติกได้ขนาดนี้ล่ะคะเนี่ย
อยากลองทำมั่งเหมือนกันนะเนี่ย จดบันทึกเวลาที่ฝนตก... เคยทำแต่เอาก้อนหินใส่โหลเวลาที่มีความสุข เม้มไอเดียมาจากเรื่องสตาร์เกิร์ลน่ะค่ะ
โดย: The SoVo วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:15:13:39 น.
  
แวะมานั่งอ่านค่ะ น่ารัก โรแมนติคดีจัง จะเข้ามาบ่อยๆนะคะ
โดย: vanilla_ole วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:0:15:50 น.
  
ได้..มากมาก
ได้อารมณ์ดี
ถ้าไม่รัก..ก็คงเขียนไม่ได้ จริงๆนะคะ
โดย: กุหลาบดำ IP: 202.91.19.204 วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:15:34 น.
  
ดูจะเป็นคนอารมณ์อ่อนไหว และก็มีความอดทนสูง
สำหรับการรอคอยที่ไม่ได้อะไรกลับมา
นอกจากความเดียวดาย
โดย: KaNg IP: 124.121.238.35 วันที่: 1 มีนาคม 2551 เวลา:22:04:56 น.
  
เฮ้อ!!!เรื่องมันเศร้า
โดย: nymp IP: 202.149.25.241 วันที่: 3 มีนาคม 2551 เวลา:18:56:53 น.
  
เศร้าจัง
โดย: น้อง IP: 124.121.191.164 วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:14:36:25 น.
  
ไม่รักก็น่าจะเขียนได้นะ
โดย: ชายกลาง IP: 203.155.74.131 วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:16:42:14 น.
  
ดีค่ะ
โดย: เอ๋ว IP: 161.246.1.32 วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:14:58:49 น.
  
เศ้ราจังเศ้รานะ
โดย: หวาย IP: 161.246.1.35 วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:15:02:03 น.
  
ซึ้งมาก
ฮือ ฮือ
อยากมีแบบนี้บ้าง
ชอบเพลงนี้เหมือนกัน
น่ารักเหมือนกันนี่น่า
อิ อิ
อารมณ์เปลื่อนอย่างรวดเร็ว
โรงพยาบาลอยู่ไหน
พาหนุไปส่งหน่อย
ช้านนนต้องการความช่วยเหลือ
plz
โอ๊ย บ้า
ขอบคุณค้า
โดย: secret from friend 2 friend IP: 114.128.30.157 วันที่: 24 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:13:31 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาริกามณี
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



Just Do it :


* มีอีกชื่อว่า หญ้าเจ้าชู้

* เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บทประพันธ์
รักข้ามรั้ว (หญ้าเจ้าชู้)
ลุ้นสุดฤทธิ์ พิชิตรัก (หญ้าเจ้าชู้)
ภารกิจรักพิทักษ์เธอ (หญ้าเจ้าชู้)
ปีกแห่งฝัน (ดาริกามณี)

* เป็นสาวก 'รงค์ วงษ์สวรรค์
* เป็นแฟน คาราบาว
* เป็นกิ๊ก เฉลียง
* ฝืนอะไรที่เป็นอื่น ฝืนอัตตา
สูงเทียมฟ้าก็มิเท่า เป็นเราเอง

* การปรากฎตัวของคนคนหนึ่ง
อาจเปลี่ยนใครอีกคนไปทั้งชีวิต

* หากต้องการอ่านนิยายที่ใส่รหัส,
รบกวน "ฝากข้อความหลังไมค์" จ่ะ